- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)
- วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —จดหมายแต่งการศพหม่อมเจ้าตระหนักนิธิผล
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะนุ่งผ้าขี่ม้า
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร (๒)
- วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —หนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เรื่องแก้ไขถวายอติเรก
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๗/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๕๐ วัน
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระกฐินหลวง
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๑๐๐ วัน
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์ขนบธรรมเนียมในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยา
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกการตรวจพระวิจารณ์ หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกทักพระวิจารณ์ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- —ขอมติมหาชนในเรื่องแบบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ผูกขึ้นตามความคิด ๗ อย่าง
- —ข่าวกรมศิลปากร
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- มกราคม
- วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายยศศักดิ์ของไทย
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๒)
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๓)
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระราชพิธีก่อพระฤกษ์กรีฑาสถานแห่งชาติ
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลมาฆบูชา
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๖
- วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —ตอบคำถามที่ ๗ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๘ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
คำถามที่ ๕ ว่าคำ “กลาโหม” กับคำว่า “พลัมภัง” มาแต่อะไร
ตอบคำถามที่ ๕ ต้องเพิ่มอธิบายคำ “มหาดไทย” อันเป็นคู่กับคำ “กลาโหม” ด้วยอีกคำหนึ่ง ลักษณะการปกครองราชธานีเดิมแบ่งราชการฝ่ายพลเรือนเป็น ๔ แผนก (หรือถ้าเรียกตามคำที่ใช้ในชั้นหลัง ก็เป็น ๔ กระทรวง) คือกรมเมืองสำหรับรักษาสันติสุขแผนก ๑ กรมวังสำหรับรักษายุติธรรมและราชสำนักแผนก ๑ กรมพระคลังสำหรับรักษาราชทรัพย์ผลประโยชน์ของบ้านเมืองแผนก ๑ และกรมนาสำหรับรักษาเศรษฐกิจของบ้านเมือง อันเกิดแต่ทำไร่นาเป็นพื้น แต่ละแผนกมีข้าราชการผู้ใหญ่ชั้นสูงสุดบังคับบัญชาแผนกละคน ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกรวมกันว่า “จตุสดมภ์” เป็นหัวหน้าข้าราชการ หากจะมีผู้สงสัยว่าไฉนถึงไม่มีกรมฝ่ายทหาร ข้อนี้วินิจฉัยว่าในสมัยนั้น การปกครองเป็นอย่างทหารอยู่แล้วทั้งนั้น ข้าราชการและไพร่ในกรมถึงจะนับว่าเป็นฝ่ายพลเรือน ก็เป็นแต่ในเวลาบ้านเมืองเป็นปกติ ถ้าเกิดศึกสงครามก็ต้องออกรบเป็นทหารด้วยกันหมด ข้อนี้จะพึงเห็นได้ในหนังสือพงศาวดาร ปรากฏว่าหัวหน้ากรมฝ่ายพลเรือน เช่นเจ้าพระยาธรรมา (แต่โบราณยังเป็นแต่ “ออกญา”) หัวหน้ากระทรวงวังและเจ้าพระยาคลังเป็นแม่ทัพก็มีเนืองๆ คำที่เรียกว่า “เสนาบดี” ก็หมายความว่าเป็นแม่ทัพ Chief of the army หาใช่ Minister ไม่
ในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า เมื่อรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงแก้ไขระเบียบตำแหน่งข้าราชการใหม่ (ในสมัยเดียวกับตั้งกฎหมายทำเนียบศักดินา เมื่อ พ.ศ. ๑๙๙๘ นั้น) ให้แยกกรมต่างๆ เป็น ๒ ฝ่ายตามหน้าที่ในเวลาปกติ เป็นพลเรือนฝ่าย ๑ ทหารฝ่าย ๑ จตุสดมภ์ทั้ง ๔ ซึ่งกล่าวมาแล้วเป็นทางพลเรือน กรมทหารต่างๆ เป็นฝ่ายทหาร ทรงตั้งตำแหน่งเจ้าพระยาชั้นอัครมหาเสนาบดีสูงกว่าชั้นจตุสดมภ์ขึ้น ๒ ตำแหน่ง มีราชทินนามว่า “เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ สมุหนายกอัครมหาเสนาบดี อภัยพิรีย์ปรากรมพาหุ” เป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน เรียกชื่อกรมของเจ้าพระยาจักรีฯ ว่า กรมมหาดไทยกรม ๑ ทางฝ่ายทหารก็ทรงตั้งตำแหน่งหัวหน้าเป็นอัครมหาเสนาบดีอีกคน ๑ มีราชทินนามว่า “เจ้าพระยามหาเสนาบดีวิริยภักดีบดินทรสุรินทรฤๅชัย อภัยพิรีย์ปรากรมพาหุ” เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารทั้งสิ้น เรียกชื่อกรมของเจ้าพระยามหาเสนาฯ ว่ากรมกลาโหม มีมูลมาดังนี้
ทั้งคำว่า “มหาดไทย” และคำว่า “กลาโหม” มิใช่คำภาษาไทย สงสัยว่าจะเป็นคำซึ่งพวกพราหมณ์พามาจากภาษาในอินเดีย ฉันได้ลองค้นดูในหนังสือ พจนานกรมภาษาบาลีของอาจารย์ชิลเดอ Professor Childer พบศัพท์ Kalaho แปลความว่า Quarrel, Strife, Battle และพบคำว่า Mahadayo แปลว่า Very compassionate, All-merciful ยิ่งชวนให้เห็นว่าคำกลาโหมและมหาดไทยจะมาแต่ ๒ คำที่ว่ามานี้ ฉันได้เคยสืบทางอื่นๆ ตั้งแต่แรกฉันว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้ความ ว่ามูลของคำว่ามหาดไทยและกลาโหมมาจากไหน
คำว่า “พลัมภัง” นั้นเป็นชื่อกรมน้อยกรมหนึ่ง ซึ่งมีทั้งในกรมมหาดไทยและกรมกลาโหม กรมพลัมภังของมหาดไทยเจ้ากรมเป็น “พระยาจ่าแสนบดี” กรมพลัมภังของกลาโหมเจ้ากรมเป็นที่ “พระยาศรีสรราชภักดี” เมื่อฉันแรกว่าการกระทรวงมหาดไทยเคยถามข้าราชการที่เขาอยู่ในกระทรวงมหาดไทยมาก่อน ถึงหน้าที่กรมพลัมภังแต่เดิม มีผู้สูงอายุบอกว่าเคยได้ยินว่ากรมพลัมภังนั้นเดิมเป็นพนักงานปืนใหญ่ เขาอ้างว่าตราตำแหน่งของพระยาจ่าแสนฯ ก็เป็นรูปช่างบรรทุกปืนใหญ่ สืบถามให้ความแต่เท่านี้ แต่พบศัพท์ในพจนานุกรมของอาจารย์ชิลเดอศัพท์ ๑ ว่า Balam แปลว่า An army, Troop, Forces ดูคล้ายกับ พลัมภัง เหมือนอย่างศัพท์ Kalaho คล้ายกับกลาโหมแล Mahadayo คล้ายกับมหาดไทย คงเป็นชื่อใช้มาเก่าแก่ทั้ง ๓ ชื่อเป็นแน่ บอกอธิบายชื่อ ๓ กรมนั้นได้แต่เพียงเท่านี้