วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายนแล้ว สังเกตความในลายพระหัตถ์ฉบับนี้ไม่ได้ตรัสถึงว่าจะเสด็จไปนครวัดกับสมเด็จพระพันวัสสา จึงเข้าใจว่าไม่ได้เสด็จไป ที่ชายดิศเธอบอกหม่อมฉันมานั้น ด้วยมีผู้ไปว่าเพิ่มห้องในเรือภาณุรังษี ซึ่งสมเด็จจะเสด็จกลับจากท่าเรียม(ราม)เมืองกำพงโสมมากรุงเทพฯ บอกห้างอีสต์เอเซียติคว่าสำหรับพระองค์ท่าน เพราะเหตุนั้นเธอจึงเข้าใจว่าท่านจะเสด็จไป

เมื่อ ๒ สัปดาหะมานี้พระยาอนุมานฯ เขาคัดสำเนาเพลงยาว “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ ที่เขาเพิ่งได้มาใหม่ส่งมาให้หม่อมฉันฉบับ ๑ เขาบอกว่าได้คัดส่งไปถวายท่านด้วยฉบับ ๑ เพลงยาวบทนี้สำนวนและกระบวนกลอนควรนับว่าอยู่ในชั้นดีของสุนทรภู่อีกเรื่อง ๑ ทั้งได้รู้เรื่องประวัติของแกชัดเจนกว่าเมื่อหม่อมฉันแต่งประวัติสุนทรภู่บางข้อ คือ พอพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เสวยราชย์ก็ถอดสุนทรภู่ในปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๘ นั่นเอง พอถูกถอดสุนทรภู่ก็บวช (คงเป็นด้วยกลัวจะติดคุก) บวชแล้วหนีไปเที่ยวเตร็ดเตร่ซ่อนตัวอยู่ทางเมืองเพชรบุรี เมืองกาญจนบุรี ไปจำพรรษาอยู่ตำบลสองพี่น้องแขวงเมืองสุพรรณ แล้วขึ้นไปเมืองพิษณุโลกเที่ยวหาแร่แปรธาตุอยู่กว่า ๕ ปี (ครั้นเห็นถ้อยความสงบเงียบ) จึงกลับลงมาอยู่วัดราชบุรณะ อยู่ได้ไม่ช้าก็ต้องถูกกำจัดจากวัดราชบุรณะ ครั้งนี้ขึ้นไปกรุงศรีอยุธยา (คราวแต่งนิราศภูเขาทอง) แล้วกลับลงมาอยู่วัดอรุณหน่อยหนึ่ง ผู้หญิงมีบรรดาศักดิ์คน ๑ ชวนให้ไปอยู่วัดเทพธิดาอยู่ได้ ๒ พรรษาก็เกิดความอะไรอีกต้องทิ้งวัดเทพธิดาไปเมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๗๘ เพลงยาวรำพันพิลาปแต่งพรรณนาตอนที่มาอยู่วัดเทพธิดานี้ เล่าส่อให้เห็นเหตุที่สุนทรภู่อยู่วัดไหนไม่ได้นาน นอกจากที่กล่าวกันมาว่าเรื่องที่อดสุราไม่ได้ในเวลาแต่งกลอน ยังปรากฏในเพลงยาวบทนี้ว่าไปอยู่ไหนพวกเจ้าชู้ “นักเลงเพลงยาว” มักไปมาหาสู่ทั้งผู้ชายผู้หญิง และบ่นในเพลงยาวว่าถูกพวกผู้หญิงชาววังหลอก แกคงประพฤติเกี่ยวข้องกับการประโลมโลกทั้งเป็นพระจึงถูกไล่ทั้ง ๒ คราวจนลงปลายได้พึ่งพระองค์ลักษณา จึงอยู่ประจำที่แล้วสึกออกเป็นคฤหัสถ์ ในเพลงยาวแกใช้นามแฝงหลายแห่งแต่พอทายได้ พระสิงหไตรภพ คือ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระอภัยมณี เจ้าฟ้ากลาง ศรีสุวรรณ เจ้าฟ้าปิ๋ว นางเทพธิดาจะหมายว่ากรมหมื่นอัปสรหรือใครอื่นสงสัยอยู่

เมื่อท่านเสด็จไปชวาคงได้ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑสถานที่เมืองบะเตเวีย ได้ทรงสังเกตหรือไม่ ว่าห้องที่เขาเก็บมหัครภัณฑ์ชั้นของทองเงินเขาทำจำหล่อที่ประตูห้อง ให้ต้องเดินลดเลี้ยวและเข้าออกได้แต่เฉพาะตัว และที่ในห้องนั้นวางคนเฝ้าอยู่ประจำเสมอ เมื่อหม่อมฉันไปยุโรปใน พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้ไปเห็นที่รักษามหัครภัณฑ์ให้มหาชนดู ๒ แห่ง ที่ลอนดอนเขารักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ไว้ในห้อง ๑ ที่ป้อม “เตาเวอร ออฟ ลอนดอน” ใส่ตู้กระจกมีลูกกรงเหล็กล้อมรอบมิให้คนเข้าไปถึงตู้ (ตู้นั้นเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯ ได้ไปเห็นชอบใจ ให้จำลองมาอย่างขนาดย่อมเคยตั้งไว้ในห้องเหลืองพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ท่านคงทรงจำได้) ที่ในห้องเก็บเครื่องราชกกุธภัณฑ์มีคนเฝ้าอยู่เสมอ แต่พวกอังกฤษเขาเคยกระซิบบอกหม่อมฉันว่า เครื่องราชกกุธภัณฑ์มีพระมงกุฎต่างๆ เป็นต้น ที่ตั้งให้คนดูนั้นเป็นแต่ของทำเทียม ของที่แท้เขาเก็บไว้ในที่มั่นอีกแห่งหนึ่งต่างหาก แต่การรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ลอนดอนยังไม่แข็งแรงเท่าที่เมืองเดนมาร์ค เขาเอาวังเก่าแห่งหนึ่ง ดูเหมือนเรียกว่า “โรเสนเบิค” Rosenburg Palace ที่ในกรุงโคเปนเฮเกน จัดเห็นพิพิธภัณฑ์สถานเครื่องราชูปโภคทั้งวัง แบ่งส่วนตามรัชกาล ห้องสำหรับรัชกาลไหนบรรดาของเครื่องราชูปโภคของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลนั้น จัดไว้ในห้องนั้น หม่อมฉันไปเห็นเก้าอี้นอนถักด้วยหวายตั้งอยู่ตัวหนึ่ง คล้ายกับเก้าอี้หวายอย่างที่ชอบใช้กันทางตะวันออกนี้ ถามเขาว่าเก้าอี้อะไร เขาบอกว่าพระเจ้าคริสเตียนที่ ๙ (พระอัยกาของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลปัจจุบันนี้) เสด็จสวรรคตบนเก้าอี้ตัวนั้น ของฝีมือและแบบอย่างสร้างในรัชกาลต่างๆ ที่จัดไว้น่าดูมาก แต่ส่วนเครื่องราชกกุธกัณฑ์นั้นเขาจัดห้องชั้นล่างห้องหนึ่งรักษาไว้ต่างหาก มีแต่ตู้กระจกโครงเหล็กและรั้วเหล็กล้อมรอบตั้งอยู่กลางห้อง ที่มุขผนังด้านสกัดกั้นรั้วไม้เป็นคอกไว้สำหรับคนเฝ้าประจำอยู่ในคอกนั้น เขาบอกว่าแต่เดิมคนเฝ้าเป็นแต่คอยตรวจตราอยู่ที่ตู้ แต่ครั้งหนึ่งมีโจรปลอมเป็นคนสามัญเข้าไปดูพอได้ทีตีคนเฝ้าสลบแล้วเข้างัดตู้จะลักเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เผอิญมีเจ้าพนักงานมาพบทันโจรจึงเอาไปไม่ได้ ตั้งแต่มีเหตุครั้งนั้น ก็จัดการระวังรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์อย่างกวดขัน เช่นให้คนเฝ้าอยู่ในห้องมีรั้วลูกกรงขวางหน้า มิให้ผู้ร้ายจู่ถึงตัวได้ง่ายๆ และวางสายลวดไฟฟ้าเป็นกลไกในห้องนั้น มีสวิชอยู่ที่ในห้องคนเฝ้า กับทั้งมีเครื่องเปิดไฟฟ้าอยู่ที่รั้วรอบตู้ ถ้าเกิดเหตุพอคนเฝ้ากดสวิช หรือแม้คนเฝ้าไม่สามารถจะกดสวิช พอใครงัดรั้วรอบตู้ ไฟฟ้าก็เดินเข้าเครื่องกลไกทำให้ตู้ราชกกุธภัณฑ์จมหายลงไปในพื้นหมดในทันที ทั้งปิดประตูทางออกและบอกให้สัญญาณถึงพนักงานรักษาที่อื่นๆ ในบริเวณ ตลอดจนถึงสถานที่โปลิศข้างภายนอกด้วย ฟังเล่าดูไม่น่าเชื่อ แต่ต่อมาหม่อมฉันได้เห็นในหนังสือพิมพ์ข่าวครั้งหนึ่ง ว่ามีพวกท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไปดูห้องนั้นโดยไม่รู้ความขำ คนหนึ่งไปซุกซนจับรั้วลูกกรงรอบตู้อย่างไรผิดปกติเปิดให้ไฟฟ้าเดิน ก็เกิดโกลาหลอย่างเขาเล่าให้หม่อมฉันฟังจึงเชื่อว่าเป็นความจริง เมื่อหม่อมฉันจัดพิพิธภัณฑ์สถานจึงไม่เอาของมหัครภัณฑ์มาตั้งอวดทีเดียว ด้วยเห็นว่าจะรักษาให้ปลอดภัยได้ยาก แต่กระนั้นก็ยังถูกโจรภายในลักฉัตรพระพุทธสิหิงค์ดังทรงทราบอยู่แล้ว ได้ทรงทราบหรือไม่ ว่าแผ่นทองคำที่หุ้มยอดพระมหาธาตุเมืองไชยาก็ถูกโจรลักไปหมดแล้ว

เรื่องวิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ ท่อนที่ ๒ แต่งมาถึงวันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม ยังไม่หมดท่อน ขอประทานผัดต่อไปอีก

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ