- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)
- วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —จดหมายแต่งการศพหม่อมเจ้าตระหนักนิธิผล
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะนุ่งผ้าขี่ม้า
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร (๒)
- วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —หนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เรื่องแก้ไขถวายอติเรก
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๗/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๕๐ วัน
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระกฐินหลวง
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๑๐๐ วัน
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์ขนบธรรมเนียมในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยา
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกการตรวจพระวิจารณ์ หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกทักพระวิจารณ์ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- —ขอมติมหาชนในเรื่องแบบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ผูกขึ้นตามความคิด ๗ อย่าง
- —ข่าวกรมศิลปากร
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- มกราคม
- วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายยศศักดิ์ของไทย
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๒)
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๓)
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระราชพิธีก่อพระฤกษ์กรีฑาสถานแห่งชาติ
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลมาฆบูชา
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๖
- วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —ตอบคำถามที่ ๗ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๘ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๑๒ มีนาคม แล้ว
วันพระชันษาทูลกระหม่อมชาย เท่าพระชันษาสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงนั้น ดูเหมือนจะตรงในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม หม่อมฉันก็ตั้งใจจะไปถวายพรด้วยตนเอง แต่เห็นจะไปเมื่อตรงกับประสูติที่ ๒๙ มิถุนายน ให้คลาดกับวันที่พระองค์ท่านจะเสด็จไป เพราะเกรงว่าไป ๒ พวกพร้อมกันทูลกระหม่อมท่านจะลำบากด้วยเรื่องจัดที่ให้อยู่ หม่อมฉันจะทูลถามทูลกระหม่อมดูเสียก่อน ถ้าทูลกระหม่อมท่านให้ไปพร้อมกันก็จะได้พบกันอีก
เรื่องเจ้าฟ้าหญิงเพชรรัตน์ กับพระนางสุวัฒนาไปยุโรปนั้น หม่อมฉันสังเกตดูในหนังสือพิมพ์บางกอกไตม์ เขาลงชื่อผู้ไปส่งไว้บ้าง เห็นชื่อคนเก่าๆ หลายคน นึกอนุโมทนาว่าเขาคงไปส่งด้วยรำลึกพระเดชพระคุณสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ นอกจากนั้นพวกลูกเสือไปส่งทั้งที่สถานีกรุงเทพฯ และตามสถานีรายทางตลอดมาจนปลายแดน ดูเป็นการสนองพระคุณสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เหมือนกัน ตอนเสด็จมาถึงปีนังมีขลุกขลักสักหน่อย นัยว่าเดิมเธอกะจะมาประทับแรมที่ปีนังคืน ๑ สำหรับร่ำลาพระญาติที่อยู่นี่ โดยเข้าใจว่าเรือกำปั่นยนต์ยุตแลนเดียจะออกจากปีนังวันศุกร์ แต่เรือนั้นมาถึงปีนังวันพฤหัสบดีเวลาเช้า และเขากำหนดจะไปจากปีนังเวลา ๒๐ นาฬิกาในวันนั้น เจ้าฟ้าหญิงมีเวลาเสด็จอยู่ปีนังได้เพียง ๒ ชั่วโมง เดิมหม่อมฉันคิดจะไปรับที่รถไฟ ให้ไปถามกงสุลว่าเขาจะยืมเรือไฟหลวงไปรับเสด็จข้ามมาเมืองปีนังหรือไม่ ถ้ามีหม่อมฉันจะอาศัยไปเรือนั้น เพราะถ้าไปเรือของกรมรถไฟละต้องไปคอยอยู่ที่สถานีถึง ๒ ชั่วโมงนานนัก แต่กงสุลบอกว่าไม่ได้ยืมเรือหลวง เพราะท่านตรัสบอกมาว่าจะข้ามมาด้วยเรือของกรมรถไฟ เหมือนคนโดยสารสามัญ หม่อมฉันจึงตกลงว่าจะไปรับเพียงปลายสะพานท่าเรือกรมรถไฟจอด พวกพระองค์หญิงอาภาก็ไปอย่างนั้นเหมือนกัน และยังมีพวกข้าหลวงเรือนนอก ออกมาส่งเสด็จจากสงขลาก็ไปคอยอยู่ด้วยหลายคน เผอิญวันนั้นรถไฟช้าด้วย เจ้าฟ้าหญิงเสด็จข้ามมาถึงต่อเวลา ๑๘.๔๕ นาฬิกา มีเวลาก่อนเรือออกเพียงชั่วโมงครึ่ง แต่บริษัทอิสต์เอเซียติคเขาเตรียมเรือไฟช่วงพิเศษไว้ลำ ๑ พอเรือของกรมรถไฟมาถึงเขาก็เอาเรือช่วงลำนั้นเข้าเทียบเตรียมรับเจ้าฟ้าหญิงกับพระนางสุวัฒนาตรงไปเรือยุตแลนเดีย แต่เธอเห็นพวกไปส่งก็เสด็จลงจากเรือกรมรถไฟมาที่สะพานก่อน ได้รับรองและร่ำลากันที่นั่น ในเวลาพวกโดยสารเกลื่อนกลุ้ม พระนางสุวัฒนาเธอส่งห่อกระดาษให้หม่อมฉันห่อ ๑ หม่อมฉันรับใส่กระเป๋าเสื้อไว้ กลับมาถึงบ้านแก้ห่อออกดูเห็นมีผ้าผูกคออย่างสากล ๒ อัน ก็เข้าใจว่าเป็นของเตรียมมารดน้ำปีใหม่ ได้รับส่งกันเพียงสัก ๕ นาทีเธอก็เสด็จลงเรือช่วงพิเศษของบริษัทไปยังเรือยุตแลนเดีย ได้ยินว่าทางยุโรปสมเด็จพระปกเกล้าฯ ก็จะเสด็จมารับเมื่อเรือไปถึงเมืองมาเซ แล้วจะเสด็จพาไปให้พักที่เมืองคานคงเป็นอันเรียบร้อย หม่อมฉันส่งเจ้าฟ้าหญิงแล้ว ก็มาส่งชายดำที่สะพานท่าเมืองลงเรือช่วงสามัญของบริษัทอิสต์เอเซียติคไปยังเรือยุตแลนเดีย ชายดำไปแล้วอยู่ข้างรู้สึกเหงาสักหน่อย
คำว่า “เจ้าคุณ” ที่ทรงปรารภมานั้น หม่อมฉันจะทูลอธิบายตำนานที่ผู้หญิงเป็นเจ้าคุณต่อไป เมื่อหม่อมฉันตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีไปแล้ว นึกขึ้นว่าเคยเห็นใช้คำว่า “เจ้าคุณ” ในหนังสือพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ค้นดูก็พบในรัชกาลพระเจ้าเสือ (พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๒ หน้า ๑๘๕) เมื่อเสด็จไปโพนช้างที่เมืองนครสวรรค์ ตรัสสั่งพระบัณฑูรใหญ่กับพระบัณฑูรน้อย ให้ทำถนนข้ามบึงหูกวางให้แล้วในคืนเดียว ดินพูนถนนยังไม่ทันแห้งช้างพระที่นั่งไปถลำหล่มลงกลางทาง กริ้วพระบัณฑูรทั้ง ๒ พระองค์นั้น ให้จำไว้และเฆี่ยนทุกวัน พระบัณฑูรให้คนลงมาเชิญเสด็จกรมพระเทพามาศราชชนนีเลี้ยงเสด็จขึ้นไปทูลขอโทษ ในหนังสือพงศาวดารว่า พอพระเจ้าเสือทอดพระเนตรเห็นกรมพระเทพามาศ ตรัสถามว่า “เจ้าคุณขึ้นมาด้วยกิจธุระอันใด” พิเคราะห์ที่ใช้คำว่า “เจ้าคุณ” (หรือ “เจ้าปรคุณ” ตรงนั้นดูก็เหมาะเจาะดี เห็นจะมีประเพณีใช้คำเจ้าคุณ ทำนองนั้นมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา)
ยศ “เจ้าคุณ” ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้หม่อมฉันเคยพิจารณามาแต่ก่อน เคยได้ยินพระบรมราชาธิบายของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า เมื่อในรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกไม่ได้ทรงยกย่องพระญาติวงศ์ของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีให้วิเศษอย่างใด ตรัสเล่าเรื่องที่ได้ทรงสดับมาเป็นตัวอย่างว่า สมเด็จพระรูปศิริโสภาคทรงผนวชเป็นรูปชีอยู่ก่อน ถึงรัชกาลที่ ๑ ก็เป็นแต่เสด็จเข้ามาอยู่ที่ตำหนักสมเด็จพระอมรินทรอย่างเงียบๆ จนตลอดพระชนมายุ แต่เมื่อสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ พระราชทานโกศทรงพระศพ สมเด็จพระอมรินทรทรงยินดีถึงออกพระโอษฐ์ว่า “แม่ข้าเป็นเจ้าๆ” ตรัสเล่าดังนี้ ถึงกระนั้นก็พึงคิดเห็นได้ว่าพระพี่น้องของสมเด็จพระอมรินทรฯ ที่ยังมีตัวอยู่ในสมัยนั้น เช่น ท่านผู้หญิงนวล ภรรยาเจ้าพระยามหาเสนาฯ (บุนนาค) เป็นต้น คนทั้งหลายย่อมต่องนับถือว่าทรงศักดิ์สูงกว่าท่านผู้หญิงภรรยาข้าราชการอื่นๆ เพราะเป็นพี่น้องของอัครมเหสี คงเป็นเพราะเหตุนั้นจึงเรียกกันว่า “เจ้าคุณ” แทนที่เคยเรียกว่า “คุณหญิง” หรือ “คุณ” มาแต่ก่อน
ถึงรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงยกย่องพระญาติสมเด็จพระอมรินทรฯ เป็นราชินิกูล ที่เป็นพี่น้องของสมเด็จพระอมรินทรเป็นชั้นลุงป้าอาว์น้าเธอ คนทั้งหลายเห็นจะเรียกกันว่า “เจ้าคุณราชินิกูล” นับเป็นเจ้าคุณชั้นที่ ๑ (หม่อมฉันไม่มีหนังสือราชินิกูลจะสอบ ต้องว่าแต่ตามที่จำได้) เจ้าคุณชั้นที่ ๑ ที่มีลูกได้เป็นเจ้าคุณต่อลงมา นับเป็นชั้นที่ ๒ หม่อมฉันจำได้แต่ลูกท่านผู้หญิงนวล ซึ่งคนทั้งหลายเรียกกันเมื่อเป็นราชินิกูลว่า “เจ้าคุณโต” มีลูก ๕ คน คือบุตรชื่อดิศคน ๑ ชื่อทัตคน ๑ ที่เป็นสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่องค์น้อยในรัชกาลที่ ๔ แต่เรียกชื่อตามบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ธิดาทั้ง ๓ คนนั้น เรียกกันว่าเจ้าคุณ คน ๑ ชื่อนุ่น เรียกกันว่า “เจ้าคุณวังหลวง” คน ๑ ชื่อคุ้ม เรียกกันว่า “เจ้าคุณวังหน้า” คน ๑ ชื่อต่าย เรียกกันว่า “เจ้าคุณปราสาท” เหล่านี้นับเป็นเจ้าคุณราชินิกูลชั้นที่ ๒
ในรัชกาลที่ ๒ มีผู้ซึ่งคนทั้งหลายเรียกว่าเจ้าคุณแต่มิได้เป็นราชินิกูลอีก ๓ คน คือ เจ้าจอมมารดาตานี รัชกาลที่ ๑ เรียกกันว่า “เจ้าคุณวัง” (เป็นธิดาเจ้าพระยามหาเสนาบุนนาค เกิดด้วยภรรยาเดิม) คน ๑ เจ้าจอมมารดาสี รัชกาลที่ ๒ เรียกกันว่า “เจ้าคุณพี” (เป็นธิดาเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด) ต้นสกุลบุณยรัตพันธุ์) ซึ่งได้แต่งงานกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่สมัยกรุงธนบุรีคน ๑ ท้าวศรีสัจจา (ชื่อไรสืบไม่ได้ความ) เรียกกันว่า “เจ้าคุณประตูดิน” คน ๑ (คนนี้ที่ทูลกระหม่อมโปรดให้จำหลักรูปไว้ในคูหาใต้บันไดขึ้นพระที่นั่งบุษบกมาลาฝ่ายในที่พระมหาปราสาท)
ถึงรัชกาลที่ ๓ คนเรียกเจ้าจอมมารดารัชกาลที่ ๒ ว่า “เจ้าคุณ” อีก ๒ คน คือ เจ้าจอมมารดาศิลา ของกรมพระพิพิธ และกรมพระพิทักษ์ คน ๑ เจ้าจอมมารดาปราง ของกรมหลวงวงศาธิราชสนิท คน ๑ เห็นจะเรียกเพราะเจ้าจอมมารดาทั้ง ๒ คนนั้นเป็นเชื้อสายราชินิกูล “บางช้าง” แต่เป็นเหตุให้เกิดเข้าใจผิดไปอีกอย่าง ๑ ว่าเจ้าจอมมารดาเจ้านายผู้ใหญ่เป็นเจ้าคุณ เรียกกันอย่างนั้นแพร่หลาย
ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชบัญญัติให้ศักดิ์ “เจ้าคุณ” เป็นยศผู้หญิงซึ่งพระเจ้าแผ่นดินต้องทรงตั้ง ที่ทรงบัญญัติอย่างนั้นคิดดูตามพฤติการณ์ในสมัยนั้นก็พอจะเข้าใจได้ว่า คงอยู่ในเหตุ ๒ อย่างนี้ คือ อย่าง ๑ สมเด็จเจ้าพระยาทั้งองค์ใหญ่และองค์น้อยมีบุตรธิดามาก ผู้คนบ่าวไพร่คงเรียกกันว่า “เจ้าคุณ” เพราะว่าเป็นลูกสมเด็จเจ้าพระยา และเป็นหลานสืบสายราชินิกูลลงมาจากเจ้าคุณโต อีกอย่างหนึ่ง คงเป็นเพราะเรียกเจ้าจอมมารดาว่า “เจ้าคุณ” กันแพร่หลาย ว่าโดยย่อเกิดเรียกเจ้าคุณกันฟั่นเฝือนัก จึงทรงบัญญัติยศเจ้าคุณให้เป็นยุติ ด้วยต้องทรงตั้งจึงเป็นเจ้าคุณได้ นอกจากนั้นทรงบัญญัติชั้นเจ้าคุณราชินิกูลที่มีมาแล้ว ชั้นที่ ๑ ให้เรียกว่า “เจ้าคุณพระอัยยิกา” ชั้นที่ ๒ ให้เรียกว่า “เจ้าคุณพระประพันธวงศ์” ชั้นต่อลงมาเป็นแต่ “เจ้าคุณ” คิดดูน่าชมว่าเป็นพระบรมราโชบายอันสุขุมคัมภีรภาพ เพราะถ้าเป็นแต่ประกาศห้ามมิให้เรียกบุคคลพวกนั้นหรือชั้นนั้นว่าเป็นเจ้าคุณ ก็คงเกิดแค้นเคืองขุ่นหมองในสกุลของบุคคลซึ่งคนทั้งหลายเคยเรียกว่าเจ้าคุณ เมื่อมีพระราชบัญญัติแล้ว การเรียก เจ้าคุณ กันตามใจก็เสื่อมหายไปเองโดยมิต้องขัดใจใคร ในรัชกาลที่ ๔ นั้น ทรงตั้งธิดาสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่แต่เฉพาะเกิดด้วยท่านผู้หญิงเป็นเจ้าคุณ ๓ คน คือ เจ้าคุณแขเรียกกันว่า “เจ้าคุณตำหนักใหม่” คน ๑ เจ้าคุณปุก เรียกกันว่า “เจ้าคุณกลาง” คน ๑ เจ้าคุณหรุ่น เรียกกันว่า “เจ้าคุณน้อย” คน ๑ ทรงตั้งธิดาสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยแต่เฉพาะเกิดด้วยท่านผู้หญิง เป็นเจ้าคุณ ๓ คน คือ เจ้าคุณนุ่ม เรียกกันว่า เจ้าคุณตำหนักเดิม คน ๑ เจ้าคุณเป้า คน ๑ เจ้าคุณคลี่ คน ๑ นับเป็นเจ้าคุณชั้นที่ ๓
ถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงตั้งเจ้าจอมมารดารัชกาลที่ ๔ เป็น “เจ้าจอมมารดา” ๒ คน คือ เจ้าคุณจอมมารดาสำลี คน ๑ และเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม คน ๑ (ซึ่งทรงสถาปนาพระนามอัฐิว่าสมเด็จพระปิยมาวดี ในรัชกาลที่ ๖) และทรงตั้งเจ้าจอมมารดารัชกาลที่ ๕ เป็น “เจ้าคุณจอมมารดาแพ” คน ๑ กับทรงตั้งเจ้าจอมมารดาเอมในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ อันเป็นชนนีของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เป็นเจ้าคุณจอมมารดาอีกคน ๑ ที่เพิ่มคำ “จอมมารดา” เข้าด้วยนั้น น่าชมว่าเป็นความคิดดีนัก เพราะแต่ลำพังคำว่าเจ้าคุณ ๆ ก็เป็นได้ แต่คำว่า “จอมมารดา” ต้องเป็นพระสนมของพระเจ้าแผ่นดินและเป็นชนนีของพระเจ้าลูกเธอด้วย เพราะฉะนั้นที่มาเปลี่ยนนาม เจ้าคุณจอมมารดาแพ เป็น เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ในรัชกาลที่ ๖ ดูไม่แสดงว่าศักดิ์สูงขึ้นกว่าเป็น เจ้าคุณจอมมารดาแพ เพราะความหมายแต่ว่าเป็นพระญาติเท่านั้น
เขียนมาเพียงนี้จำต้องหยุดจดหมายฉบับนี้ เพราะหม่อมเจิมเขาจะกลับไปกรุงเทพฯ คราวเมล์วันศุกร์ที่ ๑๘ นี้ หม่อมฉันจะต้องเขียนจดหมายตอบขอบใจผู้ที่เขามีแก่ใจฝากเสบียงอาหารมาให้หลายคน
เรื่องพระนามพระเจ้าแผ่นดินครั้งกรุงศรีอยุธยา หม่อมฉันหมายจะเขียนตอบวินิจฉัยพระนามที่จารึกพระสุพรรณบัฏถวายคราวนี้ ต้องขอผัดเขียนถวายในจดหมายสัปดาห์หน้าต่อไป
หม่อมฉันถวายคำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรีมาถวายทอดพระเนตรอีกตอน ๑