- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)
- วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —จดหมายแต่งการศพหม่อมเจ้าตระหนักนิธิผล
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะนุ่งผ้าขี่ม้า
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร (๒)
- วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —หนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เรื่องแก้ไขถวายอติเรก
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๗/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๕๐ วัน
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระกฐินหลวง
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๑๐๐ วัน
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์ขนบธรรมเนียมในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยา
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกการตรวจพระวิจารณ์ หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกทักพระวิจารณ์ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- —ขอมติมหาชนในเรื่องแบบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ผูกขึ้นตามความคิด ๗ อย่าง
- —ข่าวกรมศิลปากร
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- มกราคม
- วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายยศศักดิ์ของไทย
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๒)
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๓)
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระราชพิธีก่อพระฤกษ์กรีฑาสถานแห่งชาติ
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลมาฆบูชา
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๖
- วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —ตอบคำถามที่ ๗ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๘ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
Cinnamon Hall
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ ฉบับลงวันที่ ๒๓ ตุลาคม แล้ว จดหมายทูลตอบประจำสัปดาหะนี้ จะเริ่มด้วยขอถวายส่วนกุศลที่ได้ทำบุญฉลองพระแอ๊วตามรายการดังได้ทูลไปในจดหมายฉบับก่อน สำเร็จเรียบร้อยโดยพรักพร้อมและชื่นชมยินดีด้วยกันหมด ส่งเธอกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ และหญิงจงซึ่งได้ออกมาอยู่ปฏิบัติหม่อมฉันอยู่ ๒ เดือนก็กลับไปกรุงเทพฯ ด้วยในคราวรถไฟเดียวกัน อนึ่ง พวกในครัวเรือนของหม่อมฉันได้รับของประทานมีความยินดี ขอให้ขอบพระเดชพระคุณอีกโสดหนึ่งด้วย
ทีนี้จะทูลสนองความบางข้อในลายพระหัตถ์ต่อไป เรื่องเจ้าฟ้าสุทัศน์ราชโอรส ผู้เป็นพระมหาอุปราชของสมเด็จพระเอกาทศรถ เสวยยาพิษทำลายพระชนม์นั้น ผู้แต่งหนังสือพระราชพงศาวดารไม่รู้มูลเหตุที่เป็นข้อสำคัญ อันปรากฏอยู่ในหนังสือจดหมายเหตุพวกฮอลันดาดูเหมือนชื่อว่า “วันเซาเต็น“Van Chouten แต่งไว้ พระยาอินทรมนตรีเห็นจะได้หนังสือนั้นมาสอบกับหนังสือพระราชพงศาวดาร ๆ กล่าวว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นพระมหาอุปราชได้ ๔ เดือน กราบทูล “ขอพิจารณาคนออก” สมเด็จพระเอกาทศรถกริ้ว ตรัสถามว่า “จะเป็นขบถหรือ” เจ้าฟ้าสุทัศน์เกรงพระราชอาญาเสวยยาพิษทำลายพระชนม์ แกจึงทูลถามท่านถึงลักษณะพิจารณาคนออกนั้นเป็นอย่างไร มูลเหตุตามคำพวกฮอลันดาเล่านั้นหม่อมฉันทราบอยู่ แต่บางทีจะลืมพลความไปเสีย ไม่มีหนังสือจะตรวจสอบที่ปีนังนี้ทูลแต่ตามที่จำได้
เนื้อเรื่องว่าเมื่อตอนปลายรัชกาลนั้น สมเด็จพระเอกาทศรถประชวรพระสติอารมณ์ฟั่นเฟือนเป็นคราวๆ อย่างเราเรียกกันว่า “เดือนหงายเดือนมืด” (ข้อนี้ก็ตรงกับทูลกระหม่อมทรงพระราชนิพนธ์) ในสมัยนั้นพวกญี่ปุ่นเที่ยวเดินเรือค้าขายตามต่างประเทศเอาอย่างฝรั่งบ้าง แต่พวกญี่ปุ่นใจร้าย ไปค้าขายที่เมืองไหนมีเหตุอะไรสักเล็กน้อยก็มักใช้กำลังรุกรานตามอำเภอใจ ที่เมืองไทยนี้พวกญี่ปุ่นเข้าปล้นเมืองเพชรบุรีครั้งหนึ่ง และมาทำอุกอาจอย่างไรอย่างหนึ่งที่ในกรุงศรีอยุธยา (มีในปูมโหรจดแต่ว่า “ญี่ปุ่นเข้าเมือง” แต่มิใช่จะทำร้ายพระเจ้าทรงธรรมอย่างว่าในหนังสือพระราชพงศาวดาร เพราะศักราชในปูมอยู่ในรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ) สันนิษฐานว่าจะเป็นในเวลาสมเด็จพระเอกาทศรถกำลังประชวร เจ้าฟ้าสุทัศน์สำเร็จราชการแผ่นดินหวาดว่า ญี่ปุ่นหมายจะตีพระนครจึงเตรียมต่อสู้ พวกฮอลันดาว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์ให้เกณฑ์กำลังเมืองลานช้างลงมาช่วย แต่ญี่ปุ่นหาอาจก่อการร้ายใหญ่โตไม่ เมื่อพวกผู้ร้ายญี่ปุ่นหนีไปจากพระนครแล้ว กองทัพเมืองลานช้างก็ยกลงมาถึง มาตั้งอยู่ที่เมืองลพบุรี เจ้าฟ้าสุทัศน์ให้ไปบอกว่าสิ้นเหตุร้ายแล้วให้กลับไปเถิด พวกกองทัพลานช้างผัดเพี้ยนยังไม่เลิกทัพกลับไป พอประจวบเวลาสมเด็จพระเอกาทศรถหายประชวรขึ้น ทรงทราบว่าพวกลานช้างยกกองทัพลงมาถึงเมืองลพบุรีก็ทรงพระพิโรธตรัสสั่งให้เตรียมกองทัพหลวงจะเสด็จขึ้นไปรบพวกลานช้าง ครั้งนั้นเกณฑ์พวกฮอลันดาที่อยู่กรุงฯ ไปเข้ากระบวนทัพสำหรับยิงปืนใหญ่ที่เจ้าออเรนช์ Prince of Orange ผู้ครองประเทศฮอลแลนด์ถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการ ในจดหมายของพวกฮอลันดาเล่าเรื่องมีศุภมาสวันคืนมั่นคงเชื่อได้ว่าเป็นความจริง แต่พอกองทัพหลวงยกขึ้นไปถึงเมืองลพบุรีพวกลานช้างพากันถอยหนีไปเสียก่อนจึงไม่ได้รบกัน เรื่องที่เจ้าฟ้าสุทัศน์เรียกกองทัพลานช้างมานี้ น่าจะเป็นมูลเหตุข้อที่หนังสือพระราชพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระเอกาทศรถตรัสเป็นพระกระทู้ถามเจ้าฟ้าสุทัศน์ว่า “จะเป็นขบถหรือ” และเป็นเหตุให้เจ้าฟ้าสุทัศน์ทำลายพระชนม์ด้วยเกรงพระราชอาญา แต่ข้อที่ว่า “ทูลขอพิจารณาคนออก” ดูเป็นเรื่องหนึ่งต่างหาก ไม่พบอธิบายเค้าเงื่อนที่ไหนนอกจากที่กล่าวในหนังสือพระราชพงศาวดารเพียงเท่านั้น ถ้าพิจารณาแต่ตามคำที่กล่าวอาจหมายความว่าทูลขอให้ปลดคนพ้นจากหน้าที่รับราชการแต่อายุยังน้อยกว่าประเพณีเดิม อันเป็นเหตุที่จะลดจำนวนคนประจำราชการน้อยลง หรือมิฉะนั้น ถ้าพิจารณาประกอบกับคำมองสิเออเดอลาลูแบร์ ทูตฝรั่งเศสพรรณนาประเพณีครั้งรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งอาจจะมีแต่ก่อนนั้นมานานแล้ว กำหนดว่าไพร่หลวงต้องมาประจำรับราชการปีละ ๖ เดือน ปล่อยให้ทำมาหากินปีละ ๖ เดือน (พบในหนังสืออื่นว่าต่อมาลดเวลารับราชการลงเป็นปีละ ๔ เดือน และมาลดลงอีกเป็นเพียงปีละ ๓ เดือน ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์สืบมา) อธิบายคำที่ว่าขอพิจารณาคนออกอาจจะเป็นขอให้ลดเวลารับราชการลดให้น้อยลงกว่าปีละ ๖ เดือนก็เป็นได้ ถ้าลดเช่นนั้นจำนวนคนที่มาอยู่ประจำราชการก็ต้องลดน้อยลงเป็นธรรมดา หม่อมฉันทูลมานี้โดยเดา ที่ท่านตรัสตอบพระยาอินทรมนตรีไปว่าไม่ทรงทราบนั้นควรแล้ว เพราะแกถามจะเอาไปอ้างเป็นหลักฐาน มิใช่คิดวินิจฉัยกันเล่นเหมือนอย่างพระองค์ท่านกับหม่อมฉันไต่ถามกัน
เรื่องกฐินหลวงที่ตรัสมาในลายพระหัตถ์นั้น หม่อมฉันจำได้ตงิดๆ ดูเหมือนพิจารณากันเมื่อเริ่มรัชกาลที่ ๗ ว่าประเพณีการทอดกฐินหลวงอยู่ข้างฟั่นเฝือ ด้วยจำนวนวัดกฐินหลวงมากนักหาผู้แทนพระองค์ไปทอดลำบากอยู่เสมอ จะควรแก้ไขได้อย่างไรบ้าง หม่อมฉันได้ทูลเสนอความเห็นว่าควรจะกำหนดวันเป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทที่ ๑ วัดสำคัญที่เป็นชั้นหลักพระนครควรทอดพระกฐินหลวงเป็นนิจ เสด็จไปทอดเองบ้าง ถ้าปีใดไม่เสด็จไปเองก็ให้มีผู้แทนพระองค์ไปทอด ประเภทที่ ๒ นอกจากวัดที่กำหนดเป็นชั้นหลักพระนครนั้นเลิกกฐินหลวงเสียทั้งหมดทีเดียว บล่อยให้ผู้อื่นทอดได้ตามศรัทธา แต่ในวัดประเภทที่ ๒ นั้น จะเป็นวัดหลวงหรือวัดราษฎร์ก็ตาม ถ้าวัดใดมีความเจริญขึ้นอย่างวิเศษ ด้วยการบูรณะปฏิสังขรณ์ก็ดี หรือจัดบำรุงให้รุ่งเรืองขึ้นด้วยอย่างอื่นก็ดี เสด็จไปพระราชทานกฐินเป็นการทรงอนุโมทนาความชอบสักปีละสองวัดสามวัด ดูเหมือนจะส่งความเห็นนี้ไปปรึกษามหาเถรสมาคม ๆ ไม่อนุมัติ หม่อมฉันเข้าใจว่าจะเป็นด้วยเกรงใจพระราชาคณะวัดที่จะต้องถูกเลิกกฐินหลวง สมเด็จพระสังฆราชจึงเอาทางพระวินัยอ้างว่ากฐินเช่นทอดกันทุกวันนี้ก็ผิดกับพระวินัยบัญญัติปราศจากอานิสงส์อยู่แล้ว เลิกเสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้ ที่ประชุมฝ่ายคฤหัสถ์ไม่ควรเลิก จึงได้คงอยู่ตามเดิมจนทุกวันนี้
เรื่องเรี่ยไรหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงชินวรฯ นั้น เขาก็ส่งใบเรี่ยไรมายังหม่อมฉันเหมือนกัน คิดดูออกจะ “อั้นอ้นจนปัญญา” ด้วยไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้อำนวยการในทางศิลป จึงเขียนตอบไปยังพระยาศรีสุรสงครามผู้ที่เรี่ยไรดังสำเนาที่หม่อมฉันคัดถวายมา หวังจะเตือนให้เขาเห็นข้อสำคัญในการที่จะหล่อพระรูปนั้น
เรื่องพระรูปสมเด็จพระสังฆราช (สา) นั้น หม่อมฉันนึกได้ว่าเดิมวันหนึ่งหม่อมฉันไปวัดราชประดิษฐ์ ไปพูดขึ้นกับพระว่าแต่ก่อนเคยคิดกันว่าจะหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชมิใช่หรือ เธอบอกว่าสมเด็จพระมหาสมณะได้ทรงจัดการให้หล่อขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำที่ตั้ง หม่อมฉันอยากเห็นให้เธอพาไปดูเห็นพระรูปนั้นตั้งทอดทิ้งอยู่ในกุฏิข้างพระปรางค์เขมรด้านตะวันตก หม่อมฉันพิจารณาดูพระรูปที่หล่อไว้นั้น เห็นทำอย่างสะเพร่าไม่มีเค้ารูปโฉมสมเด็จพระสังฆราชเลยทีเดียว ฝีมือหล่อก็เลว เพราะไม่มีใครอินังขังข้อเสียเลย เหมือนอย่างว่าทำขึ้นโดยเสียไม่ได้ นึกน้อยใจกลับมาทูลพระองค์ท่านซึ่งเป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นด้วยกัน จึงเป็นเหตุให้ช่วยกันขวนขวายหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชขึ้นใหม่ เงินที่ใช้ในการนั้นเจ้านายพระองค์หนึ่ง จะเป็นพระองค์ไหนหม่อมฉันลืมไปเสียแล้ว ตรัสบอกว่าได้เคยเรี่ยไรเงินหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชแต่ในรัชกาลที่ ๕ ดูเหมือนจะรวมเงินนั้นไว้ที่พระคลังข้างที่ หม่อมฉันไปสืบถามก็ได้ความจริงอย่างนั้น มีเงินอยู่สัก ๓,๐๐๐ หรือ ๔,๐๐๐ บาท ได้ใช้เงินเรี่ยไรนั้นเองจึงมิต้องเรี่ยไรใหม่