วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

ในคราวเมล์วันศุกรที่ ๑๓ มีนาคมนี้ หม่อมฉันถวายหนังสือ “เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า” เปนรายงานพิสดารมาตอนหนึ่ง หนังสือนี้หม่อมฉันแต่งในเวลาว่าง ตั้งใจว่าจะส่งถวายสัปดาหะละตอน แต่ถ้าแต่งไม่ทันก็จะส่งสองสัปดาหะครั้งหนึ่ง ทูลเรื่องเบ็ดเตล็ดในสัปดาหะที่แทรกกลาง แต่งหนังสือนี้มีปัญหาเรื่องใช้สรรพนามเรียกตัวหม่อมฉันเองจะควรใช้คำใด ถ้าใช้คำ “หม่อมฉัน” หนังสือเปนจดหมาย Letter ถวายฉะเพาะพระองค์ท่านฉะบับเดียว ฉะบับอื่นเปนแต่สำเนา ถ้าใช้คำ “ข้าพเจ้า” เปนหนังสือแต่งโฆษณาแก่มหาชน ซึ่งหม่อมฉันไม่ปราร์ถนาจะแต่งในสมัยนี้ จึงใช้คำ “ฉัน” เปนสำนวนกลางอย่างพูดกันกับมิตรสหาย หนังสือเห็นจะถึง ๖ ตอนจึงจะหมดเรื่อง

หม่อมฉันขอถวายรูปหมู่ถ่ายกับทูลกระหม่อมชายที่ Cameron Highlands สำหรับประกอบกับเรื่องไปเที่ยวที่นั่น ที่ทูลไปในจดหมายฉะบับสัปดาหะก่อน มากับจดหมายฉะบับนี้ด้วย เพราะเพิ่งพิมพ์แล้วต่อภายหลัง

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๗ มีนาคม จะทูลสนองความบางข้อที่มีในลายพระหัตถ์

ลักษณการรับรัชชทายาทในเมืองพะม่าอย่างอธิบายของกรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชานั้น ไม่ใช่ประเพณี เปนวาทของคนหลงเอากรณีอันมีขึ้นในรัชชกาลพระเจ้ามินดงมาอ้างว่าเปนประเพณี จะชี้ความหลงให้เห็นประจักษ์ได้โดยง่าย ด้วยในพงศาวดารพะม่าปรากฏว่ามี “พระมหาอุปราชา” พะม่าเรียกว่า “อินแซะมิน” เช่นผู้ที่มาชนช้างกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เปนตำแหน่งรัชชทายาทมาแต่โบราณ และยังมีในสมัยราชวงศอลองพญา (ตรงกับสมัยกรุงรัตนโกสินทรนี้) แม้จนในรัชชกาลของพระเจ้ามินดงก็เคยมีพระมหาอุปราชา ประเพณีของพะม่าเหมือนกับไทย คือสุดแล้วแต่พระเจ้าแผ่นดินจะทรงตั้งใครให้เปนรัชชทายาท โดยปกติมักเปนลูกเธอ แต่บางทีเปนหลานเธอ หรือน้องยาเธอก็มี กรณีที่เกิดขึ้นครั้งพระเจ้ามินดง (ซึ่งผู้เล่าถวายกรมหมื่นวิวิธฯ หลงว่าเปนประเพณี) นั้น เปนเรื่องยืดยาวจะต้องทูลเปนเอกเทศต่างหากในคราวอื่น เหมือนอย่างอธิบายว่าด้วยพระอานันทเจดีย์ที่เมืองพุกามก็จะต้องทูลต่างหากเหมือนกัน.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ