- เมษายน
- วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๓)
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๔)
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๕)
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็น เรื่องกฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๓)
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็น กฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๔)
- —บทระเบง (ตามที่สืบสอบมาได้)
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็นในกฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๕)
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —ระเบียบแห่งการแสดงความเคารพของภิกษุ
- วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- กรกฎาคม
- วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร (๒)
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร (๓)
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- ตุลาคม
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —ประวัติย่อของเมืองชุมพรเก่าตอนหนึ่ง
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า
- วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๒
- วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๓
- วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๔
- วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เรื่องตั้งเมืองในมณฑลอุดรและอิสาณ
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๕
- วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —รายการงานพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์
- วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายชื่อเมืองในมณฑลอุดรและอิสาณ
- —กะรายวันไปเที่ยวเมืองพะม่า
- วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กำหนดระยะทาง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
- —อธิบายรูปฉายาลักษณ์งานพระศพสมเด็จกรมพระสวัสดิ ฯ
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๖
- วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๑ ออกจากเมืองปีนังไปเมืองร่างกุ้ง
- วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๒ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขาไป
- วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๒
- วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๘
ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ กับสำเนาจดหมายที่โปรดให้คัดประทานมา ๒ ฉะบับนั้นแล้ว มีเรื่องเมืองพะม่าหมวดเบ็ดเตล็ดที่หม่อมฉันนึกได้อีกบางเรื่อง จะทูลในจดหมายฉะบับนี้ คือ
๑. เรื่องวิธีปลงศพของพะม่า ซึ่งเราได้เคยสงสัยกันว่าเหตุใดจึงเผาบ้างฝังบ้าง เอาอะไรเปนเกณฑ์นั้น เมื่อหม่อมฉันพักอยู่เมืองร่างกุ้ง เจ้าฉายเมืองกับเจ้าขุนศึกลูกเจ้าฟ้าเชียงตุง เขาเห็นหม่อมฉันชอบค้นเรื่องโบราณคดี เขาไปพาอาจารย์พะม่าคนหนึ่งชื่ออูโปกยา U Po Kaya ซึ่งนับถือว่าเปนผู้มีความรู้มาให้หม่อมฉันซักไซ้ไต่ถามหลายครั้ง ดูแกมีความรู้ขนบธรรมเนียมพะม่ามากอยู่ เรื่องวิธีปลงศพ แกบอกอธิบายว่าการปลงศพพะม่านั้นย่อมฝังเปนประเพณีในบุคคลสามัญ เว้นแต่ศพพระกับเจ้า ศพพระยังเผากันอยู่จนทุกวันนี้ ส่วนศพเจ้า คือพระศพพระเจ้าแผ่นดินเปนอาทิ แต่โบราณทีเดียวถวายเพลิงแล้วลอยพระธาตุลงน้ำหมด แล้วก่อพระเจดีย์เปนอนุสสรณ์ไว้ตรงที่ถวายเพลิงพระศพ ต่อมาแก้ประเพณีเดิมเปนเอาพระธาตุบรรจุไว้ในพระเจดีย์ที่สร้าง พระเจ้ามินดงตรัสสั่งสำหรับพระศพพระองค์เอง ว่าให้เอาพระศพบรรจุไว้ในพระเจดีย์ทีเดียวไม่ต้องถวายเพลิงก่อน เปนทำนองจะมิให้ต้องลำบากและสิ้นเปลืองเหมือนพระบรมศพแต่หนหลัง ถือว่าการบรรจุนั้นมิใช่ฝังไม่เสียธรรมเนียมเดิม เขาบอกอธิบายดังนี้
๒. ครั้งหม่อมฉันแต่งหนังสือพงศาวดารเรื่องไทยรบพะม่าเคยทราบว่าเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จไปล้อมเมืองตองอูเมื่อ พ.ศ. ๒๑๔๒ ได้ให้ขุดคลองไขน้ำในคูเมืองตองอูให้ไหลลงแม่น้ำสะโตง เพื่อจะให้ขาดน้ำที่ในเมือง และคลองนั้นยังปรากฏอยู่พะม่าเรียกว่า “คลองอโยธยา” เมื่อก่อนหม่อมฉันจะไปเมืองพะม่าคราวนี้ ทราบว่าพระไพรสณฑ์สารารักษ์ (อองเทียน) กรมป่าไม้ ซึ่งออกจากราชการนานแล้วไปอยู่เมืองตองอู จึงมีจดหมายไปถามว่าคลองอโยธยานั้นยังอยู่หรืออย่างไร พระไพรสณฑ์ฯ ตอบมาว่าคลองอโยธยานั้นแต่เดิมมีจริง ยังมีคนชั้นอายุ ๗๐ ปีได้เคยเห็นเมื่อเปนร่องรอยอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ดินพูนตื้นเต็มสูญไปเสียแล้ว เมื่อหม่อมฉันได้ทราบเช่นนั้นก็ระงับความคิดที่จะไปเมืองตองอู ครั้นเมื่อไปถึงเมืองร่างกุ้งจึงไปได้ความว่ามีพระเจดีย์พะม่าเรียกว่า “พระเจดีย์อโยธยา” อยู่ทั้งที่เมืองหงสาวดีและที่เมืองตองอู แต่ที่เมืองหงสาวดีสืบไม่ได้ความว่าอยู่ตรงไหน ได้ทราบอธิบายจากอาจารย์คนที่ทูลมาแต่เรื่องพระเจดีย์ที่เมืองตองอูว่ามีอยู่ ๒ องค์ ชาวเมืองเรียกกันในภาษาพะม่าว่า Myat (มัย) Saw (เจ้า) Nyin (น้อง) Aung (พี่) ดูตรงกับว่า “พระเจดีย์เจ้าพี่น้อง” แต่เลยเล่าเรื่องตำนานไถลไปว่าสร้างมาได้สัก ๒๐๐๐ ปีแล้ว หม่อมฉันออกจะเชื่อว่าเปนพระเจดีย์ของสมเด็จพระนเรศวรฯ เพราะหม่อมฉันเคยเห็นพระเจดีย์พี่น้องเช่นว่า คือพระสถูป ๒ องค์อยู่บนฐานชุกชีเดียวกัน มีอยู่ที่เขาแก้วบ้านระแหงแขวงเมืองตาก ที่นั่นมีพระเจดีย์และวัดที่พระเจ้าแผ่นดินแต่โบราณสร้างไว้เปนอนุสสรณ์สงครามหลายองค์ สมเด็จพระนเรศวรฯคงสร้างตามเยี่ยงอย่างพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ที่มาสร้างพระเจดีย์ภูเขาทองไว้ ณ ที่พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งเขาไว้ให้ถ่ายรูปฉายาลักษณ์มาให้ แต่จะได้หรือมิได้ไม่แน่ใจ
๓. เรื่องพระมุเตาที่เมืองหงสาวดีพังนั้น เมื่อหม่อมฉันกลับจากเมืองหงสาวดีแล้ว วันรุ่งขึ้นอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเขาเชิญไปเลี้ยงน้ำชา และเชิญพวกครูบาอาจารย์กับพวกเจ้าไทยใหญ่ที่เปนนักเรียน ให้มาพบกับหม่อมฉันหลายคน เวลานั่งกินน้ำชา เขาถามถึงเรื่องหม่อมฉันไปเที่ยวเมืองหงสาวดี เลยพูดกันต่อไปถึงเรื่องพระมุเตาพัง เขาบอกว่าพวกสัปรุษกำลังคิดจะสร้างพระมุเตาขึ้นใหม่ หม่อมฉันปรารภว่าการที่จะสร้างนั้นดูลำบากอยู่ เพราะถ้าสร้างเสริมของเดิมที่พังขึ้นไปก็น่าจะไม่อยู่ได้ ถ้าจะรื้อของเดิมที่ยังเหลืออยู่เสียก่อนแล้วจึงสร้างขึ้นใหม่ ก็น่าที่พวกพะม่ามอญจะไม่กล้าทำด้วยกลัวบาป ครูในมหาวิทยาลัยคนหนึ่งจึงบอกแก่หม่อมฉันว่าเขาคิดแบบที่จะสร้างเสร็จแล้ว พี่หรือน้องชาย Brother ของตัวเขาเปนผู้คิดแบบ ว่าจะไม่รื้อหรือก่อเสริมของเดิมทั้ง ๒ สถาน จะปักเขื่อนเสาเหล็กเปนกรอบฐานพระเจดีย์เดิม แล้วก่อพระเจดีย์องค์ใหม่ด้วยคอนกรีตครอบของเดิม (เหมือนอย่างฝาชี) ไม่ให้น้ำหนักลงที่รากเดิม แต่จะเปนเงินหลายแสน พวกพะม่ามอญยังกำลังเรี่ยรายกันอยู่
๔. พระเจดีย์สุเล กลางเมืองร่างกุ้งที่ท่านโปรดนั้น หม่อมฉันมีความเสียใจที่ต้องทูลว่าเดี๋ยวนี้ดูไม่เปนสง่าเหมือนอย่างแต่ก่อนเสียแล้ว เพราะปลูกกุฏิวิหารบนชั้นทักษิณบังเสียเกือบรอบๆ ฐานทักษิณ ที่ริมถนนก็ปลูกร้านให้คนเช่าขายของ (ทำนองเดียวกับร้านวัดสามปลื้ม) แต่ที่เมืองพะม่าเดี๋ยวนี้มีแปลกอย่างหนึ่งที่พวกพะม่าชอบเอาไฟฟ้าประดับพระเจดีย์ตั้งแต่ยอดลงมาจนถึงฐาน กลางคืนจุดไฟเหมือนกับแต่งเฉลิมพระชันสาเสมอทุกคืน การแต่งไฟฟ้าประดับพระเจดีย์ ดูพะม่าชอบทำกันทุกหนทุกแห่งไม่ทำแต่ในเมืองใหญ่เท่านั้น ที่ไหนๆ ถ้าพอจะทำได้ก็เปนแต่งไฟฟ้าทั้งนั้น หม่อมฉันไปพักอยู่เมืองพุกาม ที่เรือนรับแขกของรัฐบาลไม่มีไฟฟ้า เขาจ่ายโคมเจ้าพายุห์มาให้ก็นึกว่าเปนเมืองบ้านนอกยังไม่มีไฟฟ้า ครั้นค่ำลงเห็นพระเจดีย์มีไฟฟ้าแต่งอร่ามตลอดยอดถึง ๒ องค์ก็ปลาดใจ ภายหลังจึงทราบว่าที่วัดทั้ง ๒ แห่งนั้นมีเครื่องไฟฟ้าเล็ก ๆ ที่ในวัดสำหรับแต่งองค์พระเจดีย์ ไม่ได้ใช้ต่อไปถึงบ้านเรือนราษฎร เมื่อกลับมาถึงเมืองร่างกุ้ง วันหนึ่งหม่อมฉันผ่านพระเจดีย์สุเลไปเวลาพลบค่ำ เห็นไอเสียเครื่องยนต์ขึ้นปล่องอยู่บนฐานทักษิณ จึงทราบว่ามีเครื่องไฟฟ้าของพระเจดีย์เหมือนกัน เปนการศรัทธาอย่างแปลกปลาดดังนี้
๕. เมื่อหม่อมฉันมาพักอยู่เมืองร่างกุ้ง ได้ทราบจากพวกรัฐบาลว่าราชทูตอังกฤษในกรุงเทพฯ บอกไป ว่าจะมีพระเถระที่ศักดิ์สูงไปเที่ยวเมืองพะม่าองค์ ๑ หม่อมฉันให้เขาจดชื่อมาให้จึงได้ทราบว่าสมเด็จพระวชิรญาณวงศ หม่อมฉันก็ยินดีนึกว่าถ้าไปถึงทันพบกันหม่อมฉันจะยุให้ไปถึงอินเดีย เพราะไปดูเพียงเมืองพะม่าและเมืองลังกาจะไม่เปนประโยชน์เท่าใดนัก แต่หม่อมฉันออกจากเมืองพะม่ามาเสียก่อนสมเด็จพระวชิรญาณวงศไปถึง ครั้นมาถึงเมืองปีนังจึงทราบว่าสมเด็จพระวชิรญาณวงศออกมากับพระรัชชมงคลวัดสัมพันธวงศ และพระสาธุศีลสังวรวัดบวรนิเวศนฯ มาบ่นเหมือนกันว่าเสียดายที่แคล้วกับหม่อมฉัน ได้ยินว่าลงเรือไปอินเดียหม่อมฉันก็ยินดีด้วย นัยว่าจะไปถึง ๓ เดือน ขากลับบางทีจะได้พบกัน
๖. หม่อมฉันได้ส่งรูปฉายาลักษณ์มาถวายพร้อมกับจดหมายฉบับนี้อีก ๕ รูป คือ
๑. รูปหมู่ถ่ายที่ในวังหน้ามหาปราสาทเมืองมัณฑเล หญิงพิลัยเปนผู้ถ่าย จึงไม่มีรูปอยู่ในหมู่
๒. รูปพระมุเตา เมื่อยังดี
๓. รูปพระมุเตา ที่พัง
๔. รูปวัดอานันทเจดีย์ ณ เมืองพุกาม
๕. รูปพระเจดีย์สุเล ที่เมืองร่างกุ้ง
๗. เมื่อเวลาเช้า ๙.๓๐ นาฬิกาวันที่ ๒๗ นี้ กรมพระกำแพงเพ็ชรฯ พาพระองค์หญิงเหมวดี เสด็จมาด้วยเครื่องบินจะเข้าไปกรุงเทพฯ หม่อมฉันทราบว่ากรมพระกำแพงเพ็ชรฯ ให้เช่าวังดอกไม้เสียแล้ว ทูลถามเธอว่าจะไปพักอยู่ที่ไหน เธอตรัสว่าเห็นจะไปอยู่โฮเตล หม่อมฉันนึกสงสารจึงทูลชวนให้ไปพักที่วังวรดิศ เธอตรัศรับ จึงรีบมีโทรเลขบอกหญิงจงไปจากที่สนามบิน นัยว่ากรมพระกำแพงเพ็ชรจะเสด็จเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ เพียงสองสามวันแล้วจะกลับสิงคโปร์.