วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ในเรื่องต่างๆ ซึ่งได้ทูลถวายมาแล้ว ย่อมขาดข้อความอยู่โดยหลงสืบบ้าง โดยคิดเห็นขึ้นใหม่บ้าง จึงจะกราบทูลเพิ่มเติมถวายต่อไปนี้

เพิ่มเติมเรื่องแต่งงานที่เมืองสุพรรณ

บาตรน้ำมนต์นั้น เขาตั้งไว้หน้าที่บูชาพระทางด้านหุ้มกลอง เวลาจะซัดน้ำจึงยกออกไปที่นอกชาล เวลาซัดน้ำพระสวดชยันโต

นึกข้อไขขึ้นได้อีกข้อหนึ่ง ที่ใช้คำว่าซัดน้ำ ไม่ใช่ว่ารดน้ำนั้น เพราะเหตุที่เจ้าสาวเจ้าบ่าวอาย จึงจัดแก้ให้มีเพื่อนสาวเพื่อนบ่าวเข้าคลุกคละเพื่อไม่ให้ปรากฏว่าคนไหนเปนเจ้าสาวเจ้าบ่าว ตามเหตุนั้นผู้รดน้ำจึงต้องรดไปทั่วทุกคน เจ้าสาวเจ้าบ่าวนั่งเบียดกันอยู่กับเพื่อนเปนกลุ่ม ผู้รดน้ำจะบุกเข้าไปรดให้โดยละม่อมทั่วทุกคนไม่ได้ จึงต้องใช้กิริยาสาดหรือซัดน้ำให้ถูกทั่วกัน

เพิ่มเติมเรื่องโกศ

๑ ลองโกศโถ จะต้องเก่าก่อนลองอย่างอื่นหมด เพราะมีสัญฐานกลม ก้นรัด ปากผาย ฝาเปนทรงปริก เหมือนกับโกศนั้นเอง เห็นได้ว่าทำถ่ายเอารูปโกศมาโดยตรง เพื่อฉลักเฉลาแล้วประกอบเข้ากับโกศให้ดูงาม

๒ ลองอย่างฝาเปนหลังคา จะต้องเปนความคิดอันเกิดขึ้นเปนที่สอง สืบมาแต่มณฑปที่ตั้งศพเหนือชั้นไพที ถ้าจะอ้างแบบเก่าก็คือที่ปรากฏในเรื่องสิบสองเหลี่ยม หรือจะชี้แบบใหม่ก็คือพระเมรุพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเอามาย่นเล็กลงเปนชั้นตั้งศพ ซึ่งเรียกว่าเครื่องศพ อย่างที่พระทำไว้ให้เช่าตามวัดแต่ก่อนฉะนั้น ที่ชั้นแต่ละชั้นมีพะนักและซุ้มรูปภาพซุ้มประตู อย่างเดียวกับชั้นบวรพุทโธที่ประเทศชะวา ขาดแต่บันไดเพราะเปนของเล็ก ไม่มีกิจที่จะพึงขึ้นก็ไม่ได้ทำ ส่วนตัวมณฑปนั้น สมมตเอาหีบเปนตัวเรือน ต่อยอดเปนกูฎาคารอันเรียกกันว่าเหม เชื่อว่าโกศชะนิดยอดเปนกูฎาคารตั้งชั้นเบญจานั้น เอาอย่างแบบเครื่องศพหีบมาทำ จึงมีอยู่ด้วยกันได้ทั้งศพโกศศพหีบ ถ้าศพโกศคิดทำขึ้นก่อนศพหีบจะมีเหมือนไม่ได้ ด้วยจะต้องถูกห้าม หรือมิฉะนั้นก็ไม่กล้าทำเอง เพราะเห็นต่ำสูง

๓ ลองอย่างฝามงกุฎนั้น คงเกิดจากยอดโกศที่ทำทรงฝาสูงเปนกูฎาคารขึ้นได้นั้นนำไป ให้มีความคิดเปลี่ยนแปลงเปนทรงมงกุฎตามยศศพซึ่งจะพึงสรวมมงกุฎได้ขึ้นอีก นับว่าเปนอย่างที่สาม และมิใช่จะทำแต่ยอดโกศเท่านั้นยังทำเปลี่ยนแปลงไปถึงยอดประตูและยอดมณฑปจริงๆ อีกด้วย

๔ โกศศพกับโกศกระดูกนั้นมีสัญฐานไม่เหมือนกัน โกศศพมีสัณฐานอ้วนเตี้ย โกศกระดูกมีสัญฐานผอมสูง แล้วก็แปลกกันที่โกศศพนั้นจะใส่ได้แต่ศพผู้มีศักดิสูง ส่วนโกศกระดูกนั้นใส่ได้ไม่ว่ากระดูกใครแม้เปนคนสามัญ จึงนำให้เห็นได้ว่าโกศกระดูกนั้นเปนของสามัญซึ่งมีมาก่อน โกศศพเอาอย่างไปทำทีหลังเปนของพิเศษ เมื่อเปนดังนั้น โกศกระดูกจะมาแต่สิ่งใดเล่าโดยพิจารณาเห็นมีสัณฐานผอมสูงใกล้ไปทางกล่องของโบราณ เช่นกล่องพระราชสาสน์ กล่องพระสุพรรณบัตร กล่องดวงใจที่เขาเขียนในเรื่องรามเกียรติ ตลอดจนกล่องเข็มที่กลึงไม้ใช้บวชนาคกันมาแต่ก่อน ย่อมเปนรูปเดียวกัน คงเอากล่องที่มีโล่อะไรอยู่ในเรือนนั้นเองมาใช้ใส่กระดูกก่อน ภายหลังจึงคิดทำฐานทำยอดให้วิจิตรพิสดารประกอบขึ้น

----------------------------

เรื่องวัจจกุฏินั้น พระงั่วมาให้ข่าวว่าค้นพบแล้วในบาลีพระวินัย แต่ติดศัพท์มาก ไม่ค่อยจะเข้าใจ รูปความก็คือว่าแต่ก่อนพระก็เที่ยวถ่ายอุจจาระกันเรี่ยราด ทำให้ปฏิกูลเปนที่เดือดร้อนกันทั่วไป พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติให้ไปรวมถ่ายกันในที่อันเดียว อาศัยพื้นดินที่เปนหลุมเปนแอ่ง การถ่ายร่วมในที่เดียวมากด้วยกันนั้น สิ่งโสโครกหมักหมมมูลมอง ทำให้เกิดไม่สดวกแก่ผู้ถ่ายขึ้นด้วยประการต่าง ๆ เปนชั้นๆ มา ที่ติดศัพท์ก็ที่สิ่งซึ่งทรงอนุญาตให้ทำขึ้นนั้นแหละเปนศัพท์จำเพาะสิ่งนั้นซึ่งลางศัพท์ก็ทราบไม่ได้ว่าเปนสิ่งใด จะหาอภิธานช่วยก็ไม่มีในอภิธาน ถามผู้ใหญ่แม้จะมีอกถึงสามศอกก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ ฟังเล่าเท่าที่เธออ่านเข้าใจดูศรีวิลัยมากอยู่ ที่ถ่ายนั้นให้ต่อฐานยกสูงขึ้นไปแล้วเจาะล่องมีเขียงรองท้าวบนฐานนั้นด้วย ล่องนั้นให้มีฝาปิด แล้วให้มีหลักชัยปักไว้ที่ข้างฐานนั้นด้วย สำหรับพระแก่จะได้ยึดปีนขึ้นบนฐาน เพราะเคยมีท่านผู้แก่ปีนขึ้นหกล้มตกลงมา อะไรก็ไม่รู้สึกจับใจเท่ากับที่สั่งให้มีรั้วล้อมวัจจกุฏิรอบนอก และมีประตูประกอบอีกชั้นหนึ่งด้วย เห็นว่าดีกว่าวัจจกุฏิที่มีอยู่ตามวัดซึ่งเห็นอยู่ทั่วไปในเมืองเรานี้ อาจที่จะกันไม่ให้สัตวเข้าไปขุดคุ้ยให้สิ่งโสโครกกระจุยกระจายได้ ทั้งกันคนมิให้เข้าใกล้วัจจกุฏิซึ่งจะรู้สึกสอิดสเอียนที่สิ่งโสโครก และกันความจุ้นจ้านอันจะเปนที่รำคาญแก่พระสงฆ์ซึ่งเปนผู้ไปถ่ายนั้นด้วย ได้บอกให้เธอจดบันทึกตามที่เธอเข้าใจมาให้เมื่อได้มาแล้วจะส่งมาถวาย

ฝ่ายทางนายชิต ซึ่งขอให้ช่วยสืบเมืองชุมพรเก่าให้นั้น ก็ได้ส่งจดหมายบันทึกของคนแก่ ซึ่งแกไปไล่เลียงได้ความมาให้ ยังไม่ได้เรื่องเมืองเก่าจริงแต่ก็ดีพอใช้ที่ไล่ขึ้นไปได้จนถึงครั้งเมืองตั้งอยู่ที่ตำบลท่าแซะ ได้คัดสำเนาถวายมานี้แล้ว เขาว่าเขายังสืบต่อไป แผ่นดินเมืองชุมพรเห็นจะงอกออกมาใหม่มาก เมืองเก่าจึงเข้าไปอยู่ลึกลับ

เมื่อวันที่ ๒๒ เดือนก่อน ได้ทำบุญอุทิศกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่บ้านคลองเตย อนี้ทูลถวายเพื่อทรงอนุโมทนา ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๒๓ เวลาบ่าย ๕ โมง เกล้ากระหม่อมพร้อมด้วยครอบครัว พากันเข้าไปถวายบังคมพระบรมอัฏฐิในพระที่นั่งจักรี แล้วพากันไปที่พระบรมรูปปัญจมราชานุสสรณ์ได้พยายามทําธงดอกไม้สดพร้อมด้วยเครื่องสักการอื่น ไปบูชาถวายบังคม ปีนี้เปลี่ยนมือเปนสำนักพระราชวังจัดการ แต่ก็ได้ยินว่ากระทรวงมหาดไทยได้ช่วยอยู่มาก ดูรูปงานก็ไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรไป ดอกไม้ผูกร้อยอย่างประณีตมีไปถวายมาก เปนของคณะข้าราชการ ของโรงเรียนต่าง ๆ ของสมาคมต่าง ๆ และร้านต่างๆ ก็มี แต่เสียใจที่เอาไปตั้งประดับไว้อย่างซับซ้อนจนดูเห็นยากเต็มที เพราะมีเนื้อที่น้อยนัก ถ้าหากมีที่กว้างจัดเรียงรายให้เห็นจะแจ้งได้จะน่าชมไม่น้อยเลย ผู้ให้อย่างพระอนุสสรณ์นั้นมีใจคับแคบเต็มที ไม่มีอะไรนอกจากมีหลักฐานขึ้นไปรับพระบรมรูป ลักษณเหมือนเอาอิฐตะแคงไปตั้งไว้แผ่นหนึ่งแล้วก็ปักหลักขึงโซ่ล้อมไว้แคบ ๆ เท่านั้น ที่ท้องพระลานยังมีกว้างอยู่อีกถมไป จะคิดทำให้ผึ่งผายกว่านั้นอีกหน่อยก็ทำได้

ท่านเม้าทูลลาไปปรโลกเสียแล้ว ดูก็สมควรแก่กาละ เพราะอายุก็มากแล้ว ทั้งทุพพลภาพอยู่หนักด้วย

เวลานี้ในกรุงเทพฯ ฝนกำลังตกหนักเอาในปลายรดู ตกเสียวันยังค่ำคืนยังรุ่งก็มี เกือบเหมือนที่หาดใหญ่ ตามหัวเมืองต่างๆ ก็ตกหนัก มีบอกข่าวน้ำท่วมหลายหัวเมืองด้วยกัน

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ