วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๕

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ประทานมาจากหัวหิน ยินดีที่โปรดหนังสือเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ซึ่งหม่อมฉันแต่งส่งไปถวาย ทำให้จงใจในการแต่งยิ่งขึ้น คราวเมล์นี้หม่อมฉันส่งมาถวายอีกท่อนหนึ่ง ยังอยู่ในตอนเที่ยวเมืองร่างกุ้ง เห็นจะต้องอีกท่อนหนึ่งจึงจะหมดเรื่องเที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขาไป

ในท่อนที่ถวายมานี้ หม่อมฉันมีความขัดข้องขอประทานให้ท่านทรงช่วยสงเคราะห์สักอย่างหนึ่ง คือขอให้ทรงสืบว่ามอญเรียกพระเกศธาตุเมืองร่างกุ้งว่ากระไร และคำที่เรียกนั้นแปลว่ากระไร ด้วยหม่อมฉันสังเกตคำที่เรียกกันเปนสามัญว่า “ซเวดาคอง Shwè Dagon” เปนภาษาพะม่า หมายความแต่ว่า “(พระเจดีย์)ทองเมืองตะเกีง” เท่านั้นเอง ส่อต่อไปว่าเปนคำชาวต่างประเทศ เห็นว่าจะเรียกมาแต่ครั้งเมืองพะม่ากับเมืองมอญยังแยกกันเปนสองประเทศ หม่อมฉันอยากรู้ว่ามอญผู้เปนเจ้าของถิ่นจะเรียกว่ากระไร ลืมสืบที่เมืองพะม่า กลับมาถึงนี่ก็เลยนอนตะแคง ด้วยไม่มีหนังสือหรือตัวผู้ใดที่จะสืบถาม แต่ไปรู้สึกที่เมืองพะม่าว่าภาษามอญคงจะสูญไม่ช้านัก เหมือนภาษาพยุในเมืองพะม่าถึงมีศิลาจารึกก็เคยสูญมาแล้วภาษาหนึ่ง หม่อมฉันพบพวกข้าราชการหลายคนที่เขาบอกว่าตัวเขาเปนมอญ แต่พูดมอญไม่ได้ ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้ภาษามอญยังใช้พูดกันแต่ข้างใต้เมืองเมาะตมะลงมาเท่านั้น

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ มีนาคมนี้ สมเด็จพระวชิรญาณวงศไปอินเดียกลับมาถึงเมืองปีนัง เลยมาหาหม่อมฉัน ผู้ที่ไปด้วยกันกับท่านนั้นพระรัชชมงคล วัดสัมพันธวงศองค์ ๑ พระสาธุศีลสังวร วัดบวรนิเวศน์องค์ ๑ กับพระหนุ่มศิษย์ของท่านเปนหม่อมราชวงศลูกหม่อมเจ้าจรูญในกรมขุนวรจักรธรานุภาพองค์ ๑ กับหม่อมราชวงศโต๊ะ น้องของท่านเปนไวยาวัจจกรไปด้วยอีกคน ๑ ท่านเล่าว่าออกจากปีนังไปลังกาก่อน ได้ไปเมืองสิงห์ขัณฑ์ เมืองอนุราฐบุรี แล้วข้ามทางถนนพระรามไปขึ้นแหลมอินเดีย จะขึ้นรถไฟไปลงเรือที่เมืองมัทธราฐ หรือจะไปรถไฟตลอดไปจนถึงเมืองกาลกัตตา หม่อมฉันลืมถาม แต่ได้ไปถึงพระบริโภคเจดีย์ ๓ แห่ง คือที่ตรัสรู้ในแขวงเมืองพุทธคยาแห่ง ๑ ที่ปฐมเทศนาในแขวงเมืองพาราณสีแห่ง ๑ กับที่ปรินิพพานในแขวงเมืองกุสินาราย์แห่ง ๑ แต่ไปได้ความว่าจะไปที่ประสูติ ณ ป่าลุมพินีไกลนัก ไปไม่ไหว ทั้งไปประสบเวลาร้อนจัดจนถึงจับไข้ที่เมืองกาลกัตตาเมื่อขากลับ มาแวะเมืองร่างกุ้งอยู่เพียงวันเดียวได้ข่าวว่าที่เมืองมัณฑเลเกิดกาฬโรค ก็เลยกลับมา ไข้นั้นหยุดจับแล้ว แต่หม่อมฉันสังเกตดูยังอิดโรยซูบผอมอยู่ ต่างมีความยินดีที่ได้พบกันทั้งสองฝ่าย หม่อมฉันได้จัดเลี้ยงดูตามกำลังและได้ไปส่งท่านถึงรถไฟกลับไปกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น เมื่อพูดกันเห็นท่านพอใจและเห็นประโยชน์ในการที่ไปเที่ยวถึงอินเดียมากอยู่ หม่อมฉันได้แนะไปว่าขอให้มหาเถรสมาคมหาเงินเตรียมไว้เสมอปีละสัก ๓,๐๐๐ บาท แล้วส่งพระสงฆ์ที่ได้เล่าเรียนและมีอุปนิสสัยทั้งสมัคจะบวชอยู่บำเพ็ญสาสนูปถัมภก ส่งไปให้เที่ยวสักปีละ ๓ หรือ ๔ องค์ก็จะดีนักหนา ท่านเห็นชอบด้วย หม่อมฉันเข้าใจว่าบางทีพระองค์ท่านจะได้พบกับสมเด็จพระวชิรญาณวงศ เมื่อกลับไปถึงกรุงเทพฯ แล้ว

หม่อมฉันได้ถวายรูปฉายาลักษณ์ประกอบกับหนังสือเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าท่อนที่ถวายมาคราวเมล์นี้ ๗ แผ่น คือ

๑. รูปทางขึ้นพระเกศธาตุด้านใต้

๒. รูปพวกหม่อมฉันกำลังจะเข้าไปบูชาพระเกศธาตุ

๓. รูปหญิงพูนกับหญิงเหลือกำลังถวายเครื่องสักการบูชา

๕. รูปหญิงพะม่าที่ขึ้นไปบูชาที่วิหารทิศ

๕. รูปภาพจำหลักของเก่ายังเหลืออยู่ที่วิหารทิศ ขอให้ทรงสังเกตชะฎา ช่างเหมือนชะฎาไทยเสียจริงๆ

๖. รูปคนรับจ้างสวดมนตร์

๗. รูปปราสาทอย่างเทศ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ