วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น

หัวหิน

วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม พร้อมด้วยจดหมายตรัสเล่าเรื่องเสด็จไปเที่ยวเมืองพะม่าตอนที่ ๑ ทั้งประทานฉายาลักษณ์ซึ่งถ่ายที่คาเมรอนไฮแลนด์สไปด้วย ได้รับประทานด้วยดีแล้ว เปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

ข้อพระปรารภเรื่องใช้สรรพนามเรียกตัวเองนั้น มาเข้ากะบ้องแต๋งที่เกล้ากระหม่อมดิ้นอึกอักมาแล้วทีเดียว ตั้งต้นรู้สึกขัดข้องที่จดบันทึกและบัญชีอะไรๆ อันเปนของส่วนตัว จะเรียกตัวเองว่ากะไรดี จะเรียก “ข้าพเจ้า” (ซึ่งมาแต่ข้าพ่อเจ้า) เห็นไม่ควรเลย เพราะคำนั้นเปนคำใช้พูดกับอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่พูดกับตัวเอง และเปนคำที่ถ่อมตัวลงต่ำมาก ไม่ต้องประกอบหลายคำ เอาแต่ “ข้า” คำเดียวก็แปลว่าผู้รับใช้ (เปนไปในพวกเดียวกับบ่าวหรือทาส) เสียแล้ว จะใช้คำ “เรา” ตามแบบที่ใช้ในพระราชดำรัสต่างๆ ก็เห็นไม่ถูก เพราะคำว่าเรานั้นเปนพหูพจน์ ได้คิดค้นคำเรียกตัวเองเมื่อพูดกับตัวเองก็พบคำ “กู” ซึ่งเดี๋ยวนี้เขาถือกันว่าเปนคำผรุสวาท อีกคำหนึ่งก็ “ตู” เดี๋ยวนี้เขาก็ไม่ใช้กัน ใช้เข้าก็เปนอุตริ อีกคำหนึ่งก็ “อาตม” คำนี้ถึงจะเปนคำที่ใช้แต่ในพวกพระก็รู้สึกคล่องใจกว่าคำอื่น จึงได้ถือเอาคำนี้ใช้ แต่ภายหลังได้เห็นลายพระราชหัตถ์ทูลกระหม่อมจะเปนที่ใดก็ลืมเสียแล้ว กริ้วในการใช้คำอาตม ทำให้รู้สึกเสียใจ แต่หาคำอะไรใช้แทนใหม่ไม่ได้ก็คงใช้คำนั้นยืนมาตลอดจนบัดนี้ เหตุที่กริ้วนั้นก็ไม่มีผิดร้ายอะไรอยู่ในนั้น นอกจากว่างุ่มง่าม (อิน) คำว่า “ฉัน” เปนคำพูดด้วยคนอื่นเหมือนกันกับ “ข้าพเจ้า” แต่ไม่เปนคำที่ถ่อมตัว ตามที่ทรงเลือกเอาคำนั้นใช้ในหนังสือเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าย่อมไม่ขัด เพราะเปนการเล่าให้คนอื่นทั้งหลายฟัง

รายงาน “เล่าเรื่องไปเที่ยวเมืองพะม่า” ซึ่งทรงเรียบเรียงขึ้นนั้นชี้แจงการไปมาละเอียดละออดีมาก จะเปนลำเนาทางนำให้ผู้มีปราถนาที่จะไปเที่ยวในภายหลังได้ความรู้หันหาความสดวกได้ดี มีประโยชน์มากที่สุด

ปากน้ำร่างกุ้งตามที่ตรัสเล่านั้น เสด็จไปถึงเสียในเวลากลางคืนถ้าไปถึงเวลากลางวันจะได้ทอดพระเนตรเห็นของประหลาดน่าดู คือนกนางนวลนับด้วยร้อย บินตามเรือเวลาเดินเข้าปากน้ำเปนหางไปทีเดียว เพราะน้ำตื้นจักรเรือพุ้ยน้ำปั่นป่วนถึงก้นร่อง ทำเอาฝูงปลาตกใจขึ้นมาว่ายพล่านโดยดิ้นอยู่บนหลังน้ำ เปนโอกาศให้นกโฉบเฉี่ยวกินได้สบาย ฝูงนกจึงมาบินตามเรือทุกคราวไป

เมื่อวันที่ ๒๖ ได้ไปเยี่ยมพระมหามนตรี ที่บ้านข้างตำหนักสำนักดิศกุล ขอถวายรายงานในการที่ได้ไปเห็นน้ำเซาะทำอันตรายแก่เรือน น่ากลัวเต็มที เรือนนั้นเขารื้อไปปลูกใหม่เหนือเรือนเก่าขึ้นไปแล้ว ที่เรือนเก่าเหลือแต่ฐานด้านใต้แห่งเรือนเปนดูใหญ่ราวกับว่าจะเอาเรือกำปั่นอย่างย่อมๆ เข้าไปไว้ได้โดยยาวตั้งแต่ถนนขวางหลังบ้านไปจนจดหาด ด้านกว้างตั้งแต่รั้วไปจนถึงฐานเรือนลึกชั่วตัวมัฌชิมบุรุษสักเท่าครึ่งเห็นจะได้ พระมหามนตรีว่าทีแรกเปนปากอ่าวทลุออกไปทะเลทีเดียว แต่เมื่อถึงมรสุมคลื่นซัดเอาทรายเข้ามาปิดปากอ่าวเสีย จึงเปนบ่ออย่างที่เห็นอยู่นั้น ยังด้านตะวันตกตะวันออกของฐานเรือนก็เปนอู่อย่างย่อมๆ ซึ่งจะเอาเรือฉลอมเข้าไว้ก็เห็นจะได้ หากว่าเรือนนั้นมีพื้นที่แขงกันอยู่บ้าง ไม่ฉะนั้นคงจะพังไปหมดทีเดียว น้ำจะเดินกัดเข้าอย่างไรทางไหนคิดไม่เห็น สังเกตดูพื้นที่ดูเหมือนจะสูงกว่าทางตำหนักฝ่าพระบาทเสียอีก แต่ตำหนักฝ่าพระบาทไม่เปนอันตรายเลย

พระยาศรีวิสารวาจาออกมาหัวหิน จับรถเมลวันพุธที่แล้วมาไปลงเรือที่สิงคโปร์ไปฮ่องกง ด้วยธุระในการว่าความให้แบงก์กวางตุ้ง ว่าอยากจะแวะมาเฝ้าฝ่าพระบาทที่ปินัง แต่กลัวจะไม่ได้ จะไม่ทันเรือ ถ้ากะไรขากลับจะมาเฝ้าเปนแน่

มาอยู่หัวหินนึกว่าไกลพอแล้ว ก็ยังมีเรื่องมีคนตามมากวนไม่หยุดหย่อน รำคาญเหลือเกิน แต่ลูก ๆ ปลอบว่าไม่ประหลาดอะไร แต่ทูลกระหม่อมชายเสด็จออกไปอยู่ถึงชะวา ยังอุตส่าห์มีคนออกไปทูลขอเงิน สิ้นเคราะห์ไปเถิด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ