วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น

ตำหนักหัวยาง สงขลา

วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัดถ์ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ได้รับประทานแล้ว ทำให้มีความชุ่มชื่นใจเหมือนได้รับประทานยาหอม เวลาที่ขาดไปออกจะมีใจหงุดหงิด เกล้ากระหม่อมคิดจะอยู่ที่สงขลาจนวันที่ ๒๒ เดือนนี้ แล้วจะออกเที่ยวต่อไป

ทีแรกขอประทานตอบความในลายพระหัดถ์ก่อน ในการที่ไม่ได้กราบทูลล่วงหน้าว่าจะไปสิงคโปร์นั้น เพราะไม่เปนการแน่นอนว่าจะไปถึงได้หรือไม่ ทั้งนั้นก็เปนด้วยเรื่องเมาคลื่นของแม่โต ถ้าต้องทรมานหนักก็ต้องขึ้นเสียที่ไหนที่จะพ้นความทรมานได้เปนอย่างน้อยที่สุด แม่โตสั่งให้กราบถวายบังคมรู้สึกในพระเมตตาบารมี ที่ตรัสแนะนำให้มาเที่ยวปินัง ได้ตั้งใจอยู่เหมือนกันว่าจะมาสักคราวหนึ่ง ในเมื่อโอกาสจะอำนวย ในการที่ลอยละล่องไปจนถึงสิงคโปร์นั้น ติดจะเปนการกำเริบ เพราะได้กราบถวายบังคมลาเพียงแต่ไปเที่ยวปักษ์ใต้เท่านั้น หากติดเรือออกไปตั้งใจจะปิดความทั้งในกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ จึงหลบหลีกไม่ให้พบใครนอกจากหญิงเล็ก ซึ่งจำต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเธอบ้าง

ได้ทราบตามพระดำรัสเล่า ว่าวัดไทยที่ปินังมีถึง ๕ วัด รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่นึกเลยว่าจะมีมากถึงเท่านั้น ในการที่พระไม่ถูกกันและชาวบ้านก็นับถือจำเพาะตัวพระนั่นแหละเปนเหตุอันหนึ่งซึ่งให้เกิดมีวัดมากขึ้น แม้ในเมืองไทยวัดมากก็เปนไปได้ด้วยเหตุอย่างนั้นเปนอันมาก

ในการที่ทรงพระดำริจัดแต่งที่ประทับ ช่วยการรัชดาภิเษกนั้นเปนพระดำริชอบ สมควรแล้วที่จะพึงทำ การที่เขาแห่แหนกันนั้นไม่มีติดใจเพราะเชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะได้ใส่ใจ เต่เหรียญที่ระลึกซึ่งจะโปรดประทานไปนั้นแหละติดใจมุ่งหมายอยู่มาก ว่าจะเปนของดีมีฝีมือช่างอันจะพึงดูเปนคติได้อยู่ในนั้นเปนแน่แท้

ขอประทานกราบถวายบังคมที่ทรงพระเมตตาโปรดประทานสแตมป์สเตรตส์ใหม่ไปชุดหนึ่ง ตั้งแต่ทราบว่าเขาจะออกก็ตั้งใจว่าจะทูลขอสักชุดหนึ่ง แต่ภายหลังได้เห็นเขาพิมพ์ตัวอย่างสแตมป์ที่จะออกในเมืองอังกฤษมาในหนังสือพิมพ์ก็ท้อใจด้วยผูกลายเปนแมวด่างแบบโฆษณาสมัยนี้ ไม่มีลวดลายอะไรพิสดาร ไปวุ่นทำแต่พื้นสแตมป์ให้ด่างดำบ้างขาวบ้าง หนังสือที่ทับไปบนพื้นด่างนั้นก็ทำด่างให้ขัดกับพื้น ที่พื้นดำก็หนังสือขาว ที่พื้นขาวก็หนังสือดำ ความด่างที่กราบทูลนี้มิใช่ว่ามีระเบียบ ในหนังสือบรรทัดหนึ่ง เช่น ONE PENNY ที่ ON เปนขาว E PEN ดำ NY ขาว ดั่งนี้ เห็นว่ามันเปนตลกเท่านั้น ไม่เปนช่าง และในหนังสือพิมพ์บอกว่าจะมีออกตามโกโลนีทั่วไปด้วย ลวดลายเหมือนกันหมด แต่หนังสือจะผิดกัน ทำให้สำคัญว่าจะเปนแมวด่างไปทั้งนั้น นึกเสียใจ แต่เมื่อได้ประทานแล้วกลับดีใจ เพราะเปนแบบที่เขาผูกโดยฝีมือช่างอย่างน่าชมเปนคติ ไม่ใช่เปนแมวด่างอย่างเมืองแม่

เรื่องที่ประชวนไปเพราะความประมาทนั้นไม่ดี เพียงแต่เปนหวัดเท่านั้นก็จัดว่าเปนพระเคราะห์ดีแล้ว ควรจะระวังอย่างกวดขันเพราะพระชันษามากแล้ว

มีความสดุดใจอะไรขึ้นอย่างหนึ่ง เมื่อไปไหว้พระที่วัดพุทธคยาสิงคโปร์ พระภิกษุวุฑฒิสารเธอให้รูปโปสก๊าดมาสำรับหนึ่ง ในแผ่นแสดงรูปปางพระเจ้าตรัสรู้มีหนังสือเขียนไว้ว่า Prince Siddhartha sat under a big “sye” tree คำในตัวลูกน้ำคู่นั้นน่าจะอ่านว่า “ไซ” เปนภาษาอะไรก็ไม่ทราบ ทำให้เกิดสงสัยขึ้นว่าต้นไซกับต้นโพธิ์จะเปนต้นไม้อย่างเดียวกันเสียดอกกระมัง น้ำหนักในความสงสัยนี้ อยู่ที่ต้นโพธิ์ได้ชื่อมาแต่พระเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นไม้นั้น ไม่ใช่ชื่อโดยชะนิดของมัน เรามาแปลต้นนิโครธว่าไซจะผิดไปได้หรือไม่ เรื่องชื่อต้นไม้นั้น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เอาใจใส่มาก เมื่อท่านอ่านหนังสือพบที่กล่าวถึงต้นอะไร มีลักษณเปนอย่างไรท่านจดจำไว้เสมอ ลางอย่างก็จับได้ว่าแปลผิดเมื่อท่านถูกเกณฑ์แปลนิบาตชาดก ท่านคิดจะรับเอากัณฑ์มหาพน เห็นจะเปนเพราะท่านเอาใจใส่แก่ชื่อต้นไม้นั้นเอง เกล้ากระหม่อมเตือนว่าท่านจะต้องแปลชื่อต้นไม้อันมากมาย ถ้าแปลผิดจะเสียชื่อไปหรือไม่ ท่านเห็นด้วยเลยเลี่ยงไปรับเอากัณฑ์กุมาร

แม่เต่าแกจะออกมาส่งลูกและมาเฝ้าฝ่าพระบาทในวันที่ ๖ เห็นได้ช่องดีจึงได้ฝากของฝากอันจัดมาจากสิงคโปร์ ตามที่กราบทูลมาในหนังสือฉะบับก่อนให้แกนำมาถวายด้วย

เมื่อวานซืนนี้ให้นายสมบุญไปรับของประทานที่สถานีรถไฟ ได้มาทั้งลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒ ด้วย ข้อความในลายพระหัตถ์มีจับใจอยู่หลายข้อ

เรื่องบ่อยางนั้นพระยาอภิรักษราชอุทยานมาพูดอยู่เมื่อเจ็ดแปดวันนี้เอง ว่าเมืองสงขลาแต่ก่อนตั้งอยู่ฝั่งในทางเขาแดง ปากน้ำเมืองสงขลาเข้าทางเก้าเซ่งปรากฏในหนังสือหลวงอุดมสมบัติว่าสมเด็จเจ้าพระยามาตั้งอยู่ที่นั้น ที่เมืองเก่าไม่มีน้ำจืดใช้ ชาวบ้านต้องข้ามมาตักน้ำจืดที่บ่อยางฝั่งนอก เมื่อจะตั้งเมืองสงขลาใหม่ จึงข้ามมาตั้งที่บ่อยาง เพื่อสดวกในการใช้น้ำ พระยาสงขลาคนแรกได้สร้างวัดขึ้นเปนวัดแรกในสงขลาที่บ่อยางนั้น เรียกว่าวัดยางทอง ได้ทำยักษ์ขึ้นที่วัดนั้นคู่หนึ่ง เอาอย่างจากกรุงเทพฯ (เข้าใจว่าเอาอย่างจากวัดอรุณ) มาทำ คนจึงเรียกกันไปอีกชื่อหนึ่งว่าวัดยักษ์ ประจวบกับได้รับลายพระหัตถ์ตรัสถึงบ่อยางเข้าด้วยเล่นเอานิ่งอยู่ไม่ได้ ต้องแล่นไปดูวัดยักษ์ แต่ไม่เห็นมียักษ์ ถามพระท่านว่าพังเสียหมดแล้ว ก็ควรแล้วที่จะพังเพราะคงปักไม้เปนแกนปั้นปูนทับพอแกนผุก็ล้มเท่านั้น บ่อซึ่งควรจะเปนบ่อยางก็ไม่เห็นมี ถามพระท่านว่าถมเสียหมดแล้ว เพราะมันตื้นเขินไม่มีน้ำ ตกลงไม่ได้เห็นอะไร

ตำบลที่ตำหนักสมเด็จหญิงน้อยตั้งอยู่นั้น เรียกว่าหัวยาง มีวัดหัวยางเยื้องข้ามถนนไปข้างใต้อยู่เปนสำคัญ คงหมายความว่าที่นั้นเปนหัวตำบลอันย่างเข้าแขวงบ่อยาง เมืองสงขลาอยู่สบายสู้ท่าหาดใหญ่ไม่ได้จริงอย่างพระดำรัส แต่เมื่อขึ้นจากเรือที่สงขลาจะจับเอาที่ไหนเปนที่อยู่ทันทีก็ไม่มีที่อื่นจะสดวกกว่าตำหนักสมเด็จหญิงน้อย ชื่อตึกเจ้าคุณทหาร เกล้ากระหม่อมจำได้ชื่อเดียวแต่ “กามาภิรมย์” ที่จดประทานไปจนครบนั้นเปนพระเดชพระคุณหนัก น่าเสียดายที่ของชนิดนี้จะต้องสูญเพราะเอาไปเขียนลงที่ไหนไม่ได้ เปนทักขปฏิสันถาร ได้ลองนึกถึงมงคลคาถา “อเสวนาพิเรนฺทานํ สรรฺพาการฺจเสวนา” อันเปนเรื่องซุกซนแต่งด้วยกันก็นึกได้ไปไม่ตลอด เพราะการนานมาแล้ว

ปัญหาเรื่องการเคารพของทูลกระหม่อมนั้น เปนเรื่องที่น่าพิจารณามากเรื่องนี้เคยเข้ามาข้องใจเกล้ากระหม่อมคราวหนึ่งแล้ว มีพระราชาคณะองค์ใดองค์หนึ่งจำตัวไม่ได้เสียแล้ว ท่านพูดว่าอภิวันทน์นั้นคือยืนไหว้ เหตุที่ได้พูดขึ้นนั้นมาแต่พระคอยรับเสด็จสมด็จพระมหาสมณเจ้าเมื่อลงจากรถ พากันยืนประนมมือไหว้ ทำให้เปนข้อจับใจเกล้ากระหม่อม นึกว่าชื่อแห่งการไหว้คงจะมีอาการที่ต่างๆกัน แต่ไม่รู้ภาษาบาลีพอที่จะค้นหาเอาความได้ ก็ต้องระงับไป กับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ก็ยังไม่เคยพูดกันในเรื่องนั้นเลย บัดนี้มาได้เห็นพระราชนิพนธ์ของทูลกระหม่อม เปนอันว่าทรงจับกิริยาไหว้อย่างใดไม่ได้ จึงมารู้สึกว่าที่พระราชาคณะองค์ที่ท่านกล่าวว่า อภิวันทน์เปนยืนไหว้นั้น ท่านนึกมาจากการวันทาเมื่อบวชนาคเท่านั้นเอง ไม่ใช่ค้นพบที่มาในพระบาลี ขอประทานผัดกลับกรุงเทพฯ จะปรึกษาหารือท่านผู้รู้ดู ตามความเห็นเกล้ากระหม่อมนึกตามความรู้อย่างป่า ๆ อภิวาท ดูเปนสองคำต่อกัน คือ อภิ+วาท วาท เปนคำกล่าวไม่น่าจะเปนไหว้ แต่ นมการ กับ นมสการ สมจะเปนคำเดียวกัน หากต่างกันไปโดยภาษา ที่เปนบาลีกับสํสกฤต แต่นี่เปนนึกป่า จะต้องไปค้นหาหลักฐานที่ในกรุงเทพฯ

เหรียญรัชดาภิเษกของพระเจ้ายอชซึ่งประทานไป พิจารณาเห็นด้านหน้าซึ่งเปนพระรูปนั้นเขาปั้นดี แต่ด้านหลังซึ่งเปนรูปวังวินเซอนั้นไม่ค่อยชอบเพราะมันขัดไปเสียหมด รูปวิวชนิดนั้น ที่ไกลจะต้องเลือน ที่ใกล้จะต้องชัด ให้ค่อยเปนชั้นๆเข้ามา แต่ว่าการปั้นนั้นเห็นจะยากกว่าการเขียนมาก ดูอัลบัมการตกแต่งที่ปินัง เห็นปรากฏมีการตกแต่งมากมาย ที่สิงคโปร์เห็นจะแพ้ เกล้ากระหม่อมไปถึงที่นั่นเขาก็เอาโปสตก๊าดมาขายให้นักเหมือนกัน โครงซุ้มก็ได้เห็น เขายังรื้อลงไม่แล้ว แต่ทั้งที่เห็นซากและเห็นโปสตก๊าด ดูเหมือนว่าทั้งบ้านทั้งเมืองจะมีซุ้มแต่แห่งเดียว ขอบพระเดชพระคุณอย่างยิ่ง ที่ทรงพระเมตตาโปรดประทานเหรียญกับอัลบัมนั้นไปให้ดูเล่นเปนขวัญตา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ