วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น

สุราษฎรธานี

วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

เกล้ากระหม่อมได้รับลายพระหัตถ์ซึ่งลงวันที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๒๒ ซึ่งเปนวันที่เกล้ากระหม่อมจะออกจากสงขลา เร็วเข้ากว่าที่กราบทูลมาก่อนวันหนึ่งโดยความเอื้อเฟื้อของกับตันโวสเปียน ตามปกติเรือขาเข้าถึงสงขลาวันเสาร์เวลากลางคืน แกเห็นว่าจะลงเรือกลางคืนนั้นลำบาก แม้ถึงจะลงเอารุ่งเช้าก็ลำบากอยู่นั่นเอง เพราะตื่นนอนก็จะต้องตาลีตาลานเก็บของ สู้ลงเวลาเย็นไม่ได้ แกจึงมีโทรเลขไปถึงกับตันเรือมาลินี ว่าควรรีบไปให้ถึงสงขลาในวันเสาร์ก่อนค่ำ กับตันเรือมาลินีก็ตกลงรับจะให้ถึงสงขลาก่อนบ่าย ๔ โมง เพราะเหตุดั่งนั้นกำหนดกลับจึงได้ร่นเรวเข้ามาวันหนึ่ง

ทีนี้จะกราบทูลตอบความลางข้อในลายพระหัตถ์นั้นต่อไป ตามที่กราบทูลจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อเข้าวรรษาแล้วนั้น ใช่ว่าพอพ้นวันเข้าวรรษาแล้วจะกลับก็หามิได้ เปนกำหนดถวายอย่างกว้าง ด้วยมีใจตั้งอยู่ว่าจะไม่กลับก่อนเข้าวรรษาเท่านั้น

ตามที่ทรงพระเมตตาโปรดปวารณาสำนักดิศกุล ให้เปนที่พักได้ทุกเมื่อกับทั้งตรัสแนะนำที่เที่ยวอันพึงเลือกให้ชอบด้วยฤดูกาลนั้น เปนหนทางที่มีประโยชน์ยิ่ง เปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า แต่เข้าใจว่าที่มีพระดำรัสแนะนำในครั้งนี้เพราะทรงพระดำริเห็นการซึ่งเกล้ากระหม่อมขึ้นไปรับร้อนที่บางปะอินเมื่อตรุสสงกรานต์นั้นเปนเหตุ จึงขอประทานกราบทูลให้เข้าพระทัยไว้บ้าง คือในการที่เกล้ากระหม่อมเที่ยว “เพชรลอยล่อง” นั้นไม่ต้องการความสนุกสบายอย่างเดียวต้องการจะเล่นระเบงด้วย เมื่อถึงบท “โอละพ่อขวางหน้าอยู่ใย โอละพ่อหลีกไปให้พ้น” ก็ทำท่าไปตามบท ที่ไปบางปะอินเมื่อตรุสสงกรานต์นั้น ก็ตระหนักอยู่เหมือนกันว่าจะถูกร้อน แต่ก็ยอมทน เพราะต้องการหลีกแต่เพียงสี่ห้าวันด้วยจะรีบกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อปฏิบัติบูชาพระปฐมบรมราชานุสรณ์ จะไปทางไหนในเวลาอันน้อยวัน เห็นว่าที่ไหนก็สู้บางปะอินไม่ได้ เพราะทางใกล้เสียเวลาเดินทางเพียง ๒ ชั่วโมง แล้วถ้าหากว่ามีกิจสิ่งใดก็ใช้คนวิ่งขึ้นล่องได้ตั้งวันละ ๕ เที่ยว และเที่ยวหนึ่งก็ ๙๐ สตางค์เท่านั้น

เรื่องพระยาเสนาภิมุข (ยามาดา) ตามที่ตรัสเล่าประทานนั้น เข้ารอยตามที่หนังสือพิมพ์เขากล่าว พระราชพงศาวดารของเราเห็นจะหลงปี เอาโจรญี่ปุ่นครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ มาเปนแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม

เรื่องของประทานวันเกิดนั้น ไม่จำเปนว่าจะต้องเปนของดีงามอะไร ๆก็สำคัญอยู่ที่ความจำนงพระทัยรำลึกถึงนั้นเปนยอดแห่งความดีใจ ความเห็นของศาสตราจารย์ฟูแชร์นั้นชอบกลหนักหนา แต่ว่าจะต้องตราไว้ก่อน เพราะเปนแต่ความเห็น กงจักรที่มีรูปพระลักษมีกับช้างนั้น ทำให้เกล้ากระหม่อมยุ่งใจมาแล้วเหมือนกัน ทำให้เชื่อลงไม่ได้ว่าตราจักรนั้น จะเปนของทางพุทธหรือทางไสย ตำนานก็มีอยู่ว่าพระเจ้าจักรพรรดินั้นทำตราจักรติดไว้ที่ประตูวัง เคยนึกสงสัยว่าธรรมจักรจะคิดทำขึ้นประมูลจักรพรรดิ อุณาโลมจะเทียบประมูลตาที่สามของพระอิศวร หรือหนึ่งพวกพระอิศวรและพวกจักรพรรดิจะคิดทำประมูลพวกพระพุทธก็ได้เหมือนกัน การตีคลุมเอากันและกันนั้น มีเปนแน่ทั้งสองฝ่าย เวลาศาสนาพระพุทธรุ่งเรือง ฝ่ายศาสนาพราหมณ์ก็ขอยืมไปจูงศาสนาของตน เช่น พุทธาวตาร เปนต้น เวลาศาสนาพราหมณ์รุ่งเรือง ศาสนาพระพุทธก็ยืมเทวดาพราหมณ์ไปจูงเหมือนกัน มีวัชรปาณี และศรัทธาศิวะ ในพุทธศาสนาทางมหายานเปนต้น เรื่องมันยุ่งอยู่อย่างนี้

เงินตราเมืองเรารุ่นก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เรียกว่า ตรา “ราชวัต” นั้นมีสองตรา ตราหนึ่งเปนจักรรถ จะหมายความว่าเปนเมืองพุทธศาสนาก็ได้หรือหมายว่าเปนจักรพรรดิก็ได้

กรมหมื่นพิทยาลงกรณเธอเดาเรื่องพระพุทธบาทลงในหนังสือพิมพ์ประมวญมารค อ่านแล้วทำให้คิดถึงฝ่าพระบาท เธอว่าต้นโพธิหมายปางตรัสรู้ ธรรมจักรหมายปางปฐมเทศนา รอยพระบาทหมายปางพุทธจริยา คือเที่ยวจารึกไปโปรดสัตว สถูปหมายปางปรินิพพาน ปางประสูตินั้นเธอว่านับเข้าไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เปนพระพุทธเจ้า รอยพระพุทธบาทนี้ก็อีกอย่างหนึ่ง รอยวิษณุบาทก็มีเปนของประมูลกัน ฝ่ายไหนจะทำแข่งฝ่ายไหนก็ไม่ทราบ ปัทมาสนะ และกมลาสนะ ก็ต่างมีและชื่นชอบอยู่ด้วยกัน จะประมูลกันหรือเปนของชอบทั่วกันมาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ทราบ

เกล้ากระหม่อมลงเรือออกจากสงขลาวันที่ ๒๒ เวลาบ่าย ๔ โมง เข้าไปถึงปากอ่าวบ้านดอนวันที่ ๒๓ เวลา ๒ ยาม รุ่งขึ้นเข้าวันที่ ๒๔ ผู้จัดการห้างอีสตเอเชียติกที่บ้านดอนเขาออกไปรับ พาเข้ามาอยู่ที่เรือนพักในโรงเลื่อยของบริษัท สบายดั่งเทวดา แต่มีปัญหายุ่งใจอยู่ในเรื่องสุราษฎร์ธานี มีแต่ฝ่าพระบาทเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาประทานให้แจ้งได้ เพราะได้ทราบความมาแล้วแต่ก่อนว่า ยกตำบลท่าทองขึ้นเปนเมืองกาญจนดิฐ แล้วตั้งเมืองกาญจนดิฐเปนที่ว่าการมณฑล เรียกว่ามณฑลสุราษฎร์ธานี เดี๋ยวนี้ลดลงเปนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามความรู้เช่นนี้ บ้านท่าทอง เมืองกาญจนดิฐ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ควรจะอยู่ในที่อันเดียวกัน แต่เมื่อตรวจดูแผนที่เห็นกระจัดกระจายอยู่ จะว่าแต่ทางทิศตะวันออกมาก่อน เมืองกาญจนดิฐจดลงไว้ในแม่น้ำกะแดะตำบลกะแดะ บ้านท่าทองจดลงไว้ในแม่น้ำอะไรอ่านไม่ออกอยู่ในตำบลทุ่งกง จังหวัดสุราษฎร์ธานีจดลงไว้ที่บ้านดอน ในแม่น้ำตาปีตำบลบางกุ้ง เปนการขัดกับความรู้ที่รู้มาก่อนคงจะมีความเปลี่ยนแปลงมาเปนลำดับ ซึ่งฝ่าพระบาทอาจทรงอธิบายได้ อนึ่งตำบลท่าข้ามซึ่งสถานีรถไฟตั้งอยู่บัดนี้ เปนที่ข้ามไปไหนมาไหนกัน ขอประทานพระดำรัสอธิบายให้เข้าใจ จะเปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

เรื่องพระราชนิพนธ์ของทูลกระหม่อม ว่าด้วยการน้อมคำนับตามคำในภาษาบาลี ซึ่งทรงพระเมตตาโปรดคัดประทานไปนั้น เกล้ากระหม่อมได้คัดส่งไปให้พระงั่วถวายสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์พิจารณา เธอมีหนังสือตอบมาว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ไม่อยู่ ออกไปเมืองชล แต่พระงั่วก็ใส่ใจในเรื่องนั้นไม่น้อยเหมือนกัน เธอว่าเธอจะลองตรวจดู ในขณะเดียวกันเธอคัดระเบียบการเคารพของพระ ซึ่งมีพระมหาสมณาณัติลงไว้ในแถลงการณ์คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ส่งมาให้ตามที่เกล้ากระหม่อมได้คัดสำเนาถวายมาอีกต่อหนึ่งนี้แล้ว แต่มีคำที่ต้องกับพระราชนิพนธ์บ้างไม่ต้องบ้าง เห็นจะเปนด้วยคำกระทำการเคารพนั้นมีอยู่มากมาย แต่อย่างไรก็ดี พระมหาสมณาณัตินั้นทำความให้กระจ่างดีขึ้นมาก ศัพท์ อภิวาท และ วันทนะ ท่านทรงตัดสินว่ายืนไหว้ เกล้ากระหม่อมชอบใจที่ท่านเอากิริยาระวังตรงทอดตาแลของทหารไปให้พระใช้ อ้างหลักว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติ ตามที่เรียกกันว่าพระถวายเนตร

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

  1. ๑. พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ