วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น

เรือวลัย

วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

เกล้ากระหม่อมเขียนหนังสือถวายมาเมื่อวันที่ ๑๐ มีเรื่องธรรมยุติอย่างหวุบหวิบ ไม่กล้าเขียนยาวด้วยเกรงไม่ปลอดภัย ตั้งใจจะมาเขียนเพิ่มเติมส่งถวายทางหัวเมือง จึ่งมาเขียนในเรือทูลถวายต่อไปนี้ ถ้าเปนการที่เกล้ากระหม่อมคิดมากเกินไปแล้ว ขอประทานโทษ

ฝ่าพระบาททรงทราบหรือเปล่า เมื่อหลายเดือนมาแล้ว มีหนังสือพิมพ์ด่าเอาทูลกระหม่อมเบ็ง เรื่องจัดตั้งพระธรรมยุติ และด่าเลยถึงพระเจ้าแผ่นดินซึ่งสืบต่อลงมา ตลอดถึงพระราชวงศ์ เหตุว่านับถือพระธรรมยุติ เปนถ้อยคำหยาบคายมาก มีคนอ่านเลือดเดือด เฃาตัดส่งมาให้เกล้ากระหม่อมดูสองอาติเกอลเปนของสองหนังสือพิมพ์ อ่านความปรากฎเปนว่าที่เฃาตัดส่งมาให้นั้นไม่ใช่เปนคำแรก มีอ้างถึงคำที่ได้พูดมาก่อนแล้ว คงจะได้ด่ามาหลายตกแล้ว ไปฟังทางวัดว่าพระจะว่ากะไร ได้ทราบความจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ว่าได้ร้องขออารักฃากระทรวงธรรมการไป เรื่องก็สงบมาได้คราวหนึ่ง ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ เมื่อเปนดั่งนั้น จะแต่งหนังสือยกยอธรรมยุติประกาศออกไป จะไม่เท่ากับเอาฟืนไปใส่ไฟ ซึ่งเหือดลงแล้วให้กลับลุกฮือขึ้นอีกหรือ เกรงว่าจะเปนทางกระทำที่ไม่ฉลาด เชื่อว่าฝ่าพระบาทยังไม่ทรงทราบความเปนมาโดยตลอด จึ่งกราบทูลให้ทรงทราบ เพื่อทรงระวังพระวาจาที่จะแต่งไป อย่าให้เปนเหตุที่เฃาจะด่าทูลกระหม่อมให้อีกได้ อันเปนการไม่สนุกอย่างยิ่ง ถ้าจะใคร่ทรงทราบว่าเฃาด่าอยา่งไร ตรัสสั่งนายสมบุญให้ค้นหนังสือพิมพ์เก่าในหอสมุดส่งมาถวายก็จะได้ทรงทราบ เชื่อว่าพระโทสัคคิจะลุกโพลงทีเดียว

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องซู่ซ่าซ้อนขึ้นมาอีก สมเด็จพระวชิรญาณวงศสั่งในหน้าที่เจ้าคณะธรรมยุติแทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ให้ยุบเลิกวัดดวงแข (วัดธรรมยุติ) ไล่พระเณรออก ไม่ให้เปนวัดต่อไป ชาวบ้านพากันเดือดร้อนร้องแรกแหกกะแชงกันใหญ่ เมื่อเฃาขอทราบเหตุที่สั่งยุบก็ได้คำชี้แจงว่า เพราะพระสงฆ์ในวัดนั้นไม่ปรองดองกัน ผู้น้อยกล่าวโทษผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่กล่าวโทษผู้น้อย คำชี้แจงโดยประการดั่งนี้ก็ดูเปนว่า รำคาญใจขึ้นมาก็สั่งทำลายวัดเสีย ชาวบ้านคงเห็นเปนการไว้อำนาจราชศักดิ ได้ร้องคัดค้านและวิงวอนให้ตั้งเปนวัดต่อไป ในที่สุดก็ยู่แก่ชาวบ้าน ตกลงจะตั้งเปนวัดขึ้นใหม่ แต่ว่าจะเปนวัดธรรมยุติหรือมหานิกายนั้นแล้วแต่จะจดได้ เกล้ากระหม่อมเห็นเปนเรื่องทำให้ธรรมยุติเสียชื่อเสียงลงไปอีก เปนการฆ่าตัวเองไม่ดีเลย

กราบทูลเรื่องขุ่นมัวมามากแล้ว ทีนี้จะกราบทูลเรื่องส่วนตัวที่มาเที่ยวตากอากาศต่อไป ได้ลงเรือวลัยในวันที่ ๑๑ เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งเรือออกแล่นลอยเท้งเต้งมาในทะเลตลอดคืน

วันที่ ๑๒ เวลายามครึ่ง เรือแวะรับสินค้าที่บ้านสบพลี แล้วไปถึงชุมพรเวลา ๕ ทุ่มครึ่ง ขนไถ่สินค้าขึ้นลง แล้วหยุดนอนพักอยู่ที่นั้นตลอดคืน

วันที่ ๑๓ ย่ำรุ่งเรือออกเดินต่อไป เช้า ๓ โมงครึ่งหยุดที่ตะโก เช้า ๕ โมงหยุดหลังสวน บ่าย ๓ โมงครึ่งหยุดที่ฝรั่งเรียก “ตาชี” ย่ำค่ำหยุดที่ฝรั่งเรียก “คิว” ชื่อตำบลที่ฝรั่งเรียกทั้งสองแห่งนี้สงสัยเหลือเกิน สงสัยตั้งแต่มาเที่ยวเมื่อปีกลายนี้แล้ว จึ่งให้ลองสืบก็ไปได้ความจากคนโดยสานชั้นดาษฟ้าซึ่งเฃาเปนชาวปักษ์ใต้ เฃาบอกว่า “ตาชี” คือท่าจาย “คิว” คือตำบลกิ่ว อยู่ในอำเภอไชยา ทำให้โล่งใจไปมาก เวลายามครึ่งถึงอ่าวบ้านดอน เรือหยุดรับส่งสินค้าแล้วออกเดินต่อไป

วันที่ ๑๔ เวลาเช้า ๒ โมง เรือหยุดที่สิชล (ศรีชล?) บ่ายโมงครึ่งไปหยุดที่นครศรีธรรมราช ขนไถ่สินค้าแล้วเรือออกเดินต่อไป

วันที่ ๑๕ ก่อนโมงเข้าถึงสงขลา กับตันโวตาเบียนลงมารับ ฝ่ายเราปรึกษากัน ว่าจะขึ้นดีหรือจะลอยละล่องกินอากาศต่อไปดี กรรมาธิการในครอบครัวตกลงกันว่าไปต่อไป เพราะยังสบาย จึ่งจัดส่งคนครัวและเครื่องครัว ให้กับตันโวตาเบียนพาขึ้นไปก่อน ด้วยในเรือไม่ต้องหาอาหารกินเอง จะได้เปลืองพระราชทรัพย์น้อยลง เมื่อเรือไถ่สินค้าแล้วก็ออกเดินต่อไป ถึงปัตตานีเวลาบ่าย ๕ โมง เรือหยุดขนไถ่สินค้า ที่ปัตตานีนี้มีสินค้ามากกว่าท่าไหนหมดที่ได้หยุดขนไถ่มาแล้ว ขนไถ่กันตั้งแต่บ่าย ๕ โมงจน ๒ ยามจึ่งแล้ว เรือเลยจอดพักนอนอยู่ที่นั้นตลอดคืน

วันที่ ๑๖ เวลารุ่งสว่างเรือออกเดินต่อไป เวลาเช้าโมงหนึ่งกับ ๔๕ นาฑี เรือหยุดไถ่สินค้าที่เตลูบิน แล้วไปถึงนราธิวาสเวลาเที่ยง ไถ่สินค้าแล้วไปตากใบถึงในเวลาทุ่มครึ่ง ขนไถ่สินค้าแล้วหยุดพักนอนที่นั้นอีกคืนหนึ่ง

วันที่ ๑๗ เวลารุ่งสว่างออกเรือ โมงเช้าถึงกะลันตันหยุดไถ่สินค้า แล้วเดินต่อไป วันนี้เปนวันวิสาขบูชา แต่มาเดินทางอยู่ในเรือ สุดปัญญาที่จะทำอะไรได้ ค้นได้ธูปเทียนซึ่งมีติดมา แต่ฃาดดอกไม้หอม จึ่งจัดการเอาแปงละลายน้ำอบเจิมเทียนแบบทูลกระหม่อม เรียกประชุมลูกเมียบูชาพระรัตนตรัยตามมีตามได้ ขอถวายพระกุศล

วันที่ ๑๘ เวลาย่ำรุ่ง เรือหยุดไถ่สินค้าที่ท่าอะไรเหลือที่จะรู้ กับตันเรียก “เค๎รเท๎ร” หนังสือฝรั่งเขียน Cratray แล้วเรือออกเดินต่อไป

สังเกตดูสินค้าที่นำลงมาบรรทุกเรือ ตามท่าตอนแต่นครศรีธรรมราชและเหนือขึ้นไป มีฃ้าวกับปลาเค็มเปนมากกว่าอื่น ตอนใต้นครศรีธรรมราชลงมา มียางกับหมูเป็ดไก่เปนพื้น แต่ยางมากกว่าสิ่งอื่น ส่วนสินค้าที่บรรทุกมาจากกรุงเทพฯ ไถ่ลงตามท่าต่างๆ นั้น มีศิเมนต์มากกว่าสิ่งอื่น เปนศิเมนต์ตรางัวหรือควายทำมาจากเดนมารค ไม่ใช่ศิเมนต์ไทยตราช้าง เห็นจะเปนทางหาผลประโยชน์ของห้างอีสตเอเซียติก จะได้กำไรปีละมากอยู่ รู้สึกประหลาดใจไม่ได้คิดถึงว่าเรามีการก่อสร้างที่ต้องใช้ศิเมนต์มากมายถึงเพียงนั้น

วันที่ ๑๙ เรือเดินเรื่อยมาไม่แวะที่ไหนอีก และว่าจะไม่แวะที่ไหนจนกระทั่งถึงสิงคโปร์ เมื่อถึงแล้วจะได้จัดส่งหนังสือนี้ถวายโดยทางไปรษณีย์ เกล้ากระหม่อมหมดทั้งครอบครัวต่างมีความสุขรื่นเริงบันเทิงใจทั่วกัน เมื่อแรกมาแม่โตเมาคลื่น แต่ทีหลังค่อยหายไป เห็นจะเปนด้วยชินเฃ้า อันนี้และเปนเหตุให้ปรึกษากันอึกอักเมื่อถึงสงขลา ว่าจะขึ้นดีหรือไปต่อไปดี มีความระลึกบ่นถึงฝ่าพระบาทอยู่ด้วยกันทุกคน หวังว่าฝ่าพระบาทจะทรงพระสำราญพร้อมทั้งพระญาต เมื่อฃากลับจะเขียนหนังสือส่งมาถวายแต่สงขลาอีก

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ