วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับวันที่ ๑๔ มีนาคม มีความยินดีที่ทราบว่าจะเสด็จแปรสถานไปประทับที่หัวหิน ด้วยได้ยินจากคนที่ออกมาในหมู่นี้ว่าที่ในกรุงเทพฯ ร้อนจัด เสด็จไปอยู่ชายทะเลคงจะทรงสบาย ขออย่าทรงลืมว่าที่สำนักดิศกุลนั้นจะโปรดไปประทับเมื่อใดก็ได้เปนนิจ การแปรสถานเปลี่ยนอากาศแม้เปนคนแก่ก็ยังดีมีคุณมาก หม่อมฉันไปเมืองพะม่ากลับมารู้สึกว่ามีกำลังวังชาดีขึ้น ใครเห็นก็ทักว่าดูเปล่งปลั่ง หมู่นี้ที่ปีนังอยู่ข้างร้อนสักหน่อย พอโรงเรียนหยุดเติม-หม่อมฉันคิดว่าในเดือนเมษายน จะพาลูกหลานขึ้นไปอยู่บนเขาสักคราวหนึ่งด้วยพระยารัตนเศรษฐีเขาอนุญาตบ้านของเขาไว้ให้เปนที่ไปพักได้เสมอ

จะทูลอธิบายความบางข้อที่ตรัสถามมาในลายพระหัตถ์อธิบายคำ “สัมโนครัว” นั้น หม่อมฉันไม่เคยคิดวินิจฉัย จะทูลได้ในชั้นนี้แต่หลักของอธิบาย พอเปนเครื่องประกอบให้ทรงคิดค้นต่อไป

๑. ที่เรียกว่า “ข้าพระ” กับ “โยมสงฆ์” หมายความต่างกันมากทีเดียว พวกข้าพระเปนทาสของวัด เพราะเปนคนชั้นเลว เช่นเชลยหรือคนต้องโทษ ถวายให้รับใช้ในการของวัดตั้งแต่ตัวตลอดลูกหลานไม่มีที่สุด หม่อมฉันไปทราบที่เมืองพะม่าว่าตามเชิงเนินพระเกศธาตุ เปนที่ตั้งบ้านเรือนของพวกข้าพระ และพวกข้าพระนั้นคนพวกอื่นมักรังเกียจไม่สมพงศ ส่อให้เห็นว่าเปนคนชั้นเลวแต่เดิมมา คนจำพวกที่เรียกว่าโยมสงฆ์นั้นถือว่าเปนผู้มีคุณ ข้อนี้มีอุทาหรณ์อยู่ในประเพณีพะม่าเมื่อสมัยยังมีพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าบรรพชิตองค์ใดรอบรู้พระปริยัติธรรมสอบได้ถึงเปนเปรียญเอก ญาติโยมของบรรพชิตองค์นั้นได้รับยกเว้นจากราชการ ๗ ชั่ว ถ้าเปนเปรียญโทยกเว้นเพียง ๕ ชั่ว แสดงว่าได้เปน “โยมสงฆ์” เพราะเปนญาติของอัจฉริยบรรพชิต เชิดชูศักดิ์ให้สูงขึ้น

๒. ในศิลาจารึกและพระราชกฤษฎีกาของโบราณ (เช่นพบสำเนาที่วัดเขียนเมืองพัทลุง) ซึ่งกล่าวถึงการทำนุบำรุงวัด มักมีบัญชีคนที่ถวายเปนข้าพระ ในบัญชีลงชื่อคนรายตัว ข้อนี้ส่อให้เห็นว่าสำหรับพิศูจน์เมื่อตัวคนหลีกเลี่ยงหลบหนีด้วยไม่อยากเปนข้าพระ ส่วนโยมสงฆ์ก็คงต้องทำบัญชีรายตัว กันคนปลอมเข้าไปหาประโยชน์ของโยมสงฆ์ บัญชีข้าพระโยมสงฆ์จึงต้องตราชื่อคนไว้ให้ชัดเจน อาจจะเรียกว่าบัญชี “สัมโนครัว” ให้ผิดกับบัญชีพลเมืองซึ่งนับแต่ตามจำนวนครัว จะผิดกันด้วยประการฉะนี้ในชั้นเดิม ครั้นเกิดการทำบัญชีพลเมืองให้มีชื่อรายตัวจึงเอาชื่อบัญชีแบบที่ใช้จดข้าพระโยมสงฆ์มาใช้ และเลยเรียกชื่อว่าบัญชีสัมโนครัว นี่เปนการเดาพุ่งถวายไปที ขอให้ทรงพิจารณาดูเถิด

เรื่องอ่าวเมืองภูเกตตื้นขึ้นนั้น หม่อมฉันพอจะทูลประวัติการได้ เมืองภูเกตตั้งอยู่ริมลำน้ำทุ่งคา หรือตั้งที่ตำบลทุ่งคา (ฝรั่งและจีนเรียกว่า Tongka) ริมลำน้ำภูเกต ข้อนี้หม่อมฉันฉงนอยู่ แต่ลำน้ำนั้นเดิมเปนทางใช้เรือเข้าไปถึงที่ตั้งเมืองได้สดวก ครั้นการทำเหมืองแร่ดีบุกในเกาะภูเกตเจริญขึ้น น้ำล้างแร่พาทรายที่ล้างจากดีบุกไหลลงมาถมลำน้ำให้ตื้นขึ้นโดยลำดับ จนใช้เรือเข้าถึงเมืองไม่ได้สดวก ข้าหลวงจึงคิดทำถนนตั้งแต่เมืองภูเกตมาจนชายทะเลที่ปากลำน้ำ และทำท่าจอดเรือต่อชายหาดออกไปถึงที่น้ำลึก เรือเข้าจอดได้ทุกเวลา เมื่อหม่อมฉันตามเสด็จสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงไปใน พ.ศ. ๒๔๓๓ เรือไฟเล็กยังเข้าไปจอดได้ถึงท่าที่ทำนั้น แต่ทรายยังไหลตามน้ำลงมาจากเหมืองแร่ถมตั้งแต่ในลำน้ำตลอดออกไป จนทะเลตอนที่ทำสะพานตื้นขึ้นทุกที เมื่อพวกชาวออสเตรเลียมาขออนุญาตทำเรือจักรขุดแร่ดีบุกที่ในอ่าวภูเกต พระยารัษฎานุประดิษฐ ฯ เห็นเปนทีจึงปรึกษาหม่อมฉัน แล้วเกี่ยงให้บริษัทนั้นรับสัญญาว่าจะขุดอ่าวตอนที่ตื้นให้เปนร่องเรือเข้าลำน้ำภูเกตได้ทุกเวลาเหมือนอย่างเดิม บริษัทก็ยอมรับและได้ทำสัญญากันอย่างนั้น แต่เมื่อจะให้บริษัทขุดคลองตามสัญญา บริษัทร้องขอให้รัฐบาลคิดอ่านกันทรายอย่าให้ไหลจากเหมืองแร่ไปถมร่องที่ขุดนั้นเสีย พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ฯ ได้คิดแก้ไขหลายอย่าง ก็ไม่สามารถที่จะกันทรายมิให้ไหลลงไปในที่จะขุดร่องได้ จึงเปลี่ยนความคิดใหม่จะเรียกเอาเปนตัวเงิน “คอมเมนเสชั่น” จากบริษัทแทนขุดร่อง เอาเงินนั้นไปทำท่าจอดเรือที่เกาะตะเภาน้อย ซึ่งเปนอ่าวน้ำลึกและอยู่ห่างพ้นจากสายน้ำที่ทรายไหล และจะทำถนนจากท่าจอดเรือนั้นใช้รถยนต์และทำรถรางเข้ามาจนถึงเมืองภูเกต ประมาณระยะทางสัก ๑๕๐ เส้น พระยารัษฎานุประดิษฐ ฯ ได้เคยพาหม่อมฉันไปตรวจดูที่ซึ่งจะทำท่าจอดเรือนั้น หม่อมฉันก็เห็นชอบด้วย แต่ยังไม่ทันลงมือทำพระยารัษฎานุประดิษฐ ฯ ถึงอนิจกรรม หม่อมฉันก็ออกจากกระทรวงมหาดไทย ความคิดเปนอันระงับมาตลอดรัชชกาลที่ ๖ ถึงรัชชกาลที่ ๗ หม่อมเจ้าสฤษดิเดชออกไปเปนสมุหเทศาภิบาล ไปเห็นความลำบากเรื่องท่าขึ้นเมืองภูเกตและไปทราบความคิดพระยารัษฎานุประดิษฐ ฯ เห็นชอบด้วย ให้ทำถนนและทำจอดเรือที่เกาะตะเภาน้อยแต่พอใช้ได้ ทันรับเสด็จสมเด็จพระปกเกล้า ฯ เสด็จขึ้นทางนั้น หม่อมฉันก็ได้ตามเสด็จไปด้วย แต่ต่อมาจะเปนด้วยไม่มีเงินหรือเพราะเหตุอื่นใด หม่อมฉันไม่ทราบ มิได้ทำการให้สำเร็จก็เลยเลิกสร้างค้างต่อมาจนบัดนี้

ในคราวเมล์นี้ หม่อมฉันส่งหนังสือเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าถวายมาอีกภาค ๑ ในตอนที่ ๒ แต่ยังไม่จบตอน เพราะเรื่องตอนนี้จะยาวสักหน่อย หมายว่าจะถวายในคราวเมล์หน้าต่อไป ได้ส่งรูปฉายาลักษณ์มาถวายด้วย ๓ รูป คือ

รูปพระเกศธาตุ ที่มีจากคลุมอยู่เมื่อเวลาหม่อมฉันไปรูป ๑

รูปมณฑปที่บรรจุพระศพนางราชินีสุปยาลัตรูป ๑

รูปพระเจ้าสีป่อกับนางราชินีสุปยาลัตทรงเครื่องต้นอย่างพะม่าถ่ายย่อจากรูปที่เจ้าพะม่าเขาให้หม่อมฉันรูป ๑

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ