วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๗ ธันวาคม มีความตรัสถามมาในลายพระหัตถ์นั้น ๓ ข้อ หม่อมฉันต้องทูลขอเล่าเรื่องชื่อพระบาง และชื่อ “ตามพปณฺณยทีป” เพื่อค้นหาความรู้ให้ได้ก่อนจึงจะทูลอธิบาย แต่เรื่องชื่อเดิมของเมืองกุมภวาปี กับตำแหน่งแห่งที่ตำบลหนองบัวลำภูนั้น หม่อมฉันทราบพอจะทูลอธิบายได้ในจดหมายฉะบับนี้ เมืองกุมภวาปีนั้นเดิมชื่อว่าบ้าน “บึงหม้อ” อยู่ริมหนองหารตอนสุดข้างเหนือ ยกขึ้นเปนเมืองกุมภวาปีเมื่อในรัชชกาลที่ ๕ เรื่องตำบลหนองบัวลำภูนั้น เมื่อหม่อมฉันขึ้นไปตรวจราชการมณฑลอุดรได้สืบถามว่าอยู่ที่ไหน เพราะเห็นเปนที่สำคัญมีชื่อในพงศาวดาร เมื่อครั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชยกกองทัพขึ้นไปช่วยพระเจ้าหงสาวดีตีกรุงศรีสัตนาคนหุต พาพระนเรศวรราชบุตร์ไปด้วย เมื่อไปถึงหนองบัวลำภู พระนเรศวรไปประชวรออกทรพิษ พระเจ้าหงสาวดีจึงอนุญาตให้กองทัพไทยกลับลงมา อีกครั้งหนึ่งในรัชชกาลที่ ๓ กรุงรัตนโกสินทร เมื่อเจ้าอนุเวียงจันท์เปนกบถยกกองทัพลงมายึดเมืองนครราชสีมา ครั้นรู้ว่าที่ในกรุง ฯ เตรียมกองทัพใหญ่จะยกขึ้นไปจึงถอยหนีกลับไปตั้งรับที่หนองบัวลำภู ได้รบกับกองทัพไทยเปนสามารถ เมื่อหม่อมฉันไปได้รับคำชี้แจงที่เมืองอุดรว่าหนองบัวลำภูนั้นคือ เมืองกุมุทาสัย ซึ่งยกขึ้นเปนเมืองเมื่อในรัชชกาลที่ ๔ หม่อมฉันกลับลงมากรุงเทพฯ ได้มีท้องตราสั่งให้เปลี่ยนชื่อ เมืองกุมุทาสัย ซึ่งลดลงเปนอำเภออยู่ในเวลานั้น กลับเรียกชื่อเดิมว่า “อำเภอหนองบัวลำภู” ดูเหมือนจะยังใช้อยู่จนบัดนี้

การที่ท่านตรัสถามถึงชื่อเมืองในมณฑลอุดร เตือนใจให้หม่อมฉันนึกขึ้นว่าเรื่องตั้งเมืองต่างๆ ในมณฑลอุดรและอิสาณ เปนเรื่องสำคัญในพงศาวดารส่วนหนึ่ง ซึ่งมิใคร่มีใครรู้เหตุการณ์เปนแต่รู้จักชื่อเมือง แต่เดิมหม่อมฉันเองก็ไม่ทราบ ต่อเมื่อไปตรวจราชการมณฑลอุดรและอิสาณครั้งนั้น ไปถึงไหนก็ไต่ถามเรื่องตำนาน และเรียกหนังสือเก่าเช่นท้องบัตรใบตราเอามาดู ได้ความรู้หูผึ่ง กลับมาถึงกรุงเทพ ฯ จึงพยายามค้นพงศาวดารประกอบ คิดเรียบเรียงเปนเรื่องตำนานพิมพ์ไว้แต่พิมพ์แยกกันอยู่หลายแห่ง เผอิญหนังสือนั้นมีอยู่กับหม่อมฉันที่ปีนัง จึงให้คัดรวมเรื่องส่งมาถวายกับจดหมายฉะบับนี้ แต่ยังขาดชื่อเมืองที่ตั้งในรัชชกาลที่ ๕ แต่ก็ไม่มีกี่เมืองนัก หม่อมฉันยังเรียกหนังสือทำเนียบจากกรุงเทพ ฯ เมื่อได้มาจะเขียนถวายต่อไปให้บริบูรณ์

ในสัปดาหะนี้ หม่อมฉันถวายเรื่องเมืองตะกั่วป่ามาอีกตอนหนึ่ง สัปดาหะหน้าจึงจะถึงตอนปลายอันมีเรื่องสำคัญในพงศาวดารเกี่ยวข้องและเปนเรื่องที่ยังไม่เคยเขียนลงเปนลายลักษณ์อักษรด้วย

เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ เวลา ๔ นาฬิกา สมเด็จกรมพระสวัสดิ ฯ สิ้นพระชนม์ หม่อมฉันรู้สึกอนาถใจมาก ด้วยมาสิ้นพระชนม์ในเวลาพลัดพรากบ้านเมือง มีพวกพ้องพอเห็นหน้ากันไม่กี่คนแต่ก็พรักพร้อมกันดี อาการประชวรของเธอนั้นที่จริงน่าจะสิ้นพระชนม์มานานแล้ว แต่หากความทนทานในส่วนพระองค์มีมาก ถ้าจะว่าแล้วก็เริ่มประชวรมาแต่ไปตกรถยนต์ที่เมืองอีโปห์ เมื่อกลับมาถึงปีนังหม่อมฉันไปเยี่ยม ตรัสบอกว่าอาการอื่น ๆ ดูก็หายไปหมดแล้ว ยังมีแต่เจ็บอยู่ในพระนาภีนั้นไม่หาย แต่พระกำลังของเธออ่อนลงเปนลำดับมา ถึงขึ้นรถขึ้นบรรไดต้องพะยุงมาหลายเดือนแล้ว เธออุตส่าห์เสด็จมาหาหม่อมฉันเปนครั้งสุดท้ายเมื่อมารดน้ำสงกรานต์ปีนี้ แต่นั้นก็เสด็จออกจากที่ประทับน้อยลง แม้อยู่บนตำหนักจะทรงพระดำเนินไปห้องสรงก็ต้องพะยุง ต่อมาถึงต้องบรรทมอยู่กับพระแท่น เธอรู้พระองค์มานานแล้วว่าไม่หายได้ ดูเหมือนจะได้สั่งเสียตระเตรียมไว้ตลอดเรื่อง มีอาการที่แปลกเปนอาการจรเกิดขึ้นสัก ๓ ครั้งมาแล้ว หมอว่าเพราะเส้นพระโลหิตที่ในพระเศียรแตก ถ้าแตกทีไรก็เกิดอาการชักและสิ้นพระสตินิ่งแน่ไปนาน ๆ แต่หมอคาดเนอร์อเมริกันที่นี่แก้ไขดี ประกอบด้วยความแข็งแรงของเธอเองก็กลับฟื้น หม่อมฉันไปเยี่ยมถึงคุยกันได้ เปนอย่างนั้นมา ๒ คราวแล้ว ถึงคราวนี้เห็นจะเปนเพราะหมดกำลังจึงสิ้นพระชนม์ ได้ยินว่าเธอได้สั่งไว้ให้เผาพระศพที่ปีนังนี้ เวลานี้เอาพระศพใส่หีบอย่างฝรั่งตั้งไว้ที่ตำหนัก กำลังพูดจาติดต่อทั้งทางสมเด็จพระปกเกล้า ฯ และทางในกรุงเทพฯ นัยว่าจะเอาพระศพไว้ ๑๕ วัน แล้วจะทำฌาปนกิจที่ณวัดปิ่นบังอร ด้วยเขาทำเมรุไว้สำหรับเผาศพคนไทยที่นั่น ดูสอาดสอ้านดี เมื่อวันที่ ๑๑ หม่อมฉันไปเยี่ยมพระศพ เห็นจัดที่ตั้งไว้ในห้องรับแขกเรียบร้อยจับใจ ด้วยการพระศพเจ้านายเคยเห็นอย่างหรูหราชินตามาแล้ว มาเห็นจัดตามประสายาก แต่รู้สึกว่าจัดด้วยน้ำใจทุกสิ่งทุกอย่าง มิได้ทำแต่ตามเคยตามธรรมเนียม ก็ชวนให้ชื่นใจแทนที่สลดกำศรดโศก หม่อมฉันขออนุญาตเจ้าภาพจะไปทำบุญอย่างงานหน้าศพรายสัปดาหะถวายในวันเสาร์นี้

เวลานี้ลูกหลานของหม่อมฉันออกมาเยี่ยมอยู่พร้อมกันเปนหมู่ใหญ่จนถึงต้องอยู่ยัดเยียดกันในซินนามอนฮอล แต่ก็ชื่นใจยินดีด้วยกันทั้งนั้น เมื่อวันที่ ๕ หญิงแก้ว หลานหนู หลานมดซึ่งน่าเอ็นดูมาก มาจากชุมพร ๓ คน ถึงวันที่ ๘ หญิงจง หลานนิล (ลูกพระองค์เจ้าอลงกฎที่อยู่กับหญิงจง) ชายธัญญลักษณ์กับหญิงนิดและหลานหญิงต๊ะลูกคนใหญ่ กับชายนิพัทธ หญิงกุมารี มาจากกรุงเทพ ฯ อีก ๗ คน หม่อมฉันชื่นใจที่ได้เห็นหญิงจงหายเจ็บเพียงใด คงจะพอเข้าพระทัยได้ ในวันที่มาถึงนั้นหม่อมฉันให้ทำใบศรีปากชามทำขวัญ รุ่งขึ้นให้ไปทำบุญตักบาตที่วัดปูโลติกุส ตั้งแต่มาว่ายังสบายดี รู้สึกว่าอากาศที่ปีนังในเวลานี้ดีกว่าเมื่ออยู่ในกรุงเทพ ฯ แต่นอกจากหญิงจงกับหลานนิลจะกลับกันในวันศุกร์ที่ ๑๓ และจะพาผู้ที่เคยอยู่กับหม่อมฉันกลับไปด้วยถึง ๓ คน คือ ชายใหม่ หลานแมว หลานน้อย เพราะเวลานี้โรงเรียนปิดจะไปชั่วคราว หม่อมฉันส่งรูปฉายาลักษณ์ที่ถ่ายกับหญิงจงและกับหลาน (ตา) ๗ คนถวายมาด้วย

ส่วนตัวหม่อมฉันเองคิดว่าจะไปเที่ยวเมืองพะม่าในเดือนมกราคมนี้สัก ๓ สัปดาหะ กำหนดจะออกจากปีนังวันที่ ๑๘ มกราคม กลับมาถึงปีนังราววันที่ ๖ กุมภาพันธ์ การที่จะไปเมืองพะม่าครั้งนี้เพราะหม่อมฉันไม่ได้แปรสถานเที่ยวเตร่มากว่าปีหนึ่งแล้ว เมื่อหน้าหนาวปีกลายคิดว่าจะไปเที่ยวเมืองลังกา แต่เผอิญเกิดไข้ระบาทว์ที่นั่นจึงต้องงดรอมา หม่อมฉันนึกว่าที่เมืองพะม่าเห็นจะมีของที่น่าดูในทางโบราณคดี และอาจจะได้ความรู้ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ทางที่คิดจะไปนั้นก็อย่างเดียวกับที่พระองค์ท่านเคยเสด็จแล้ว คือไปเมืองร่างกุ้งแล้วขึ้นรถไฟไปเมืองมัณฑเล กลับทางเรือลงมาแวะดูเหมืองภุกามแล้วจึงลงเรือที่ร่างกุ้งกลับปีนัง แต่ถ้าเปนการสดวกคิดว่าจะมาเรือที่เขาเดินเลียบฝั่งมาแวะดู เมืองเมาะลำเลิง เมืองเมาะตมะ เมืองทะวาย และเมืองตะนาวศรี เมืองมะริด แล้วจึงกลับมาเมืองปีนัง แต่จะไปทำโปรแกรมเปนยุติต่อเมื่อไปถึงเมืองพะม่า

ของที่ฝากมาประทานมาถึงโดยเรียบร้อย ขอบพระเดชพระคุณและขอบใจคุณโตเปนอันมาก.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ