วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๘

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

มีโอกาสที่จะส่งจดหมายตรงถึงพระองค์ได้ และมีข่าวแปลกที่จะทูล หม่อมฉันจึงเขียนจดหมายฉะบับนี้เปนจดหมาย “นอกเกณฑ์” อีกฉะบับ ๑

หม่อมฉันได้ทูลไปในจดหมายฉะบับวันที่ ๒๙ สิงหาคม ว่าจะไปรับเสด็จทูลกระหม่อมกับเจ้านายพระองค์หญิง ถึงสถานีรถไฟที่ตำบลไปร และได้ไปในวันที่ ๒๙ สิงหาคมตามที่ทูลนั้น เมื่อรถไฟมาถึงทูลกระหม่อมหญิงเสด็จลงจากรถไฟก่อน เห็นแต่กรมขุนชัยนาทตามเสด็จ หม่อมฉันทูลถามทูลกระหม่อมหญิงว่าเจ้านายพระองค์หญิงเสด็จมาด้วยอีก ๒ พระองค์มิใช่หรือ ตรัสบอกว่ามาอีกกระบวรหนึ่งต่างหาก หม่อมฉันได้ฟังก็ปลาดใจ พอกรมชัยนาทรวบรวมบริวารของทูลกระหม่อมหญิงพร้อมแล้ว หม่อมฉันจึงทูลว่าเชิญเสด็จไปลงเรือก่อน หม่อมฉันจะรอคอยเจ้านายผู้หญิงอีก ๒ พระองค์ พอประเดี๋ยวพระองค์หญิงประภาพรรณพิลัยเสด็จลงจากรถ มีพระยาสุรวงศวิวัฒน์ตามเสด็จ ยังแลไม่เห็นพระองค์หญิงอรพินธ์เพ็ญภาคย์ หม่อมฉันทูลถามพระองค์หญิงประภาพรรณตรัสบอกว่าพระองค์หญิงอรพินธ์เสด็จมาอีกกระบวรหนึ่ง แลไปดูเห็นเสด็จลงจากรถอีกหลัง ๑ ต่างหาก มีหม่อมเจ้าหญิงจรัสโฉม เกษมสันต์ ตามเสด็จ หม่อมฉันก็ไปรับแล้วพากันเดินมายังท่าเรือ

ในการที่เจ้านายเสด็จมาครั้งนี้ รัฐบาลมีคำสั่งมาถึงนายยิ้ม พึ่งพระคุณ ไวสกงสุลให้จัดการรับเสด็จ ตัวเขาไปรับถึงปะดังเบซาที่ต่อแดน และได้ยืมเรือไฟเล็กของรัฐบาลอังกฤษสำหรับรับข้ามฟาก เขาเชิญเสด็จทูลกระหม่อมหญิงไปลงเรือนั้นคอยอยู่ แต่พระยาสุรวงศนำกระบวรพระองค์หญิงประภาพรรณให้ลงประทับในเรือที่กรมรถไฟรับคนโดยสารสามัญ ไม่ไปลงเรือลำเดียวกับทูลกระหม่อมหญิง หม่อมฉันเดินมาข้างหลังกับกระบวรพระองค์หญิงอรพินธ์เห็นดังนั้น จึงทูลแนะให้พระองค์หญิงอรพินธ์เสด็จลงเรือลำเดียวกันกับพระองค์หญิงประภาพรรณ ส่วนตัวหม่อมฉันเองเห็นว่าทูลกระหม่อมหญิงมีกรมขุนชัยนาทไปเปนเพื่อนแล้ว จึงมาเปนเพื่อนพระองค์หญิง ๒ พระองค์ในเรือของกรมรถไฟ ต่างลำต่างข้ามมายังเกาะปินัง และมาขึ้นที่ท่าต่างกัน

เมื่อมาในเรือ หม่อมฉันพูดกับพระยาสุรวงศเปนสุนทรกถา ว่าเวลาเจ้านาย ๒ พระองค์นั้นประทับอยู่ในปีนัง หม่อมฉันใคร่จะเชิญเสด็จไปเสวยกลางวันที่ Cinnamon Hall สักวันหนึ่งและเชิญเจ้าคุณไปด้วย หวังใจว่าจะไม่มีความขัดข้องอย่างใด พระยาสุรวงศตอบว่าเกรงจะขัดข้อง ด้วยได้รับคำสั่งมาว่าเปนแต่ให้เสด็จมาส่งทูลกระหม่อมหญิง กับเที่ยวประพาสเกาะปินัง มิให้เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ปินัง หม่อมฉันได้ฟังก็โกรธฉิวขึ้นมา ถามว่าเจ้าคุณรู้หรือไม่ว่าฉันเปนน้องของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เจ้านายทั้ง ๒ พระองค์นั้นเปนพระราชธิดาเจ้านายของฉัน ทั้งได้เคยคุ้นกันมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ฉันทำความผิดคิดร้ายหรือเปนโทษทัณฑ์อย่างไร จึงให้ตัดญาติขาดมิตร์กัน ดูพระยาสุรวงศอึดอัดลำบากใจตอบแต่ว่าคำสั่งเปนเช่นนั้น หม่อมฉันถามว่าใครสั่ง จึงกระซิบบอกว่าสมเด็จพระพันวัสสาฯ ดำรัสสั่ง ขณะนั้นทำนองพระองค์หญิงประภาพรรณจะทรงสังเกตเห็นหม่อมฉันไม่เข้าใจ จึงตรัสชี้แจงว่าที่ดำรัสสั่งเช่นนั้นฉะเพาะเธอพระองค์เดียวดอก พระยาสุรวงศพาแต่พระองค์ประภาพรรณไปเที่ยวทาง ๑ พระองค์อรพินธ์ก็ไปแต่โดยลำภังกับหม่อมเจ้าหญิงจรัสโฉมและขุนนางที่มาตามเสด็จคน ๑ หม่อมเจิมไปพบที่ห้างไวต์อะเวเลคลอ เธอตรัสเตือนอยากได้ลูกหญิงของหม่อมฉันไปนำทาง หม่อมฉันจึงสั่งให้หญิงพิลัยไปตามเสด็จในเวลานั้น

ถึงเวลาบ่ายพวกส่งเสด็จไปประชุมกันที่โฮเตลรันนีมีด กรมพระกำแพงเพ็ชรจากสิงคโปร์มาถึงเช้าวันนี้ด้วยอีกพระองค์ ๑ เวลา ๑๗ น.ครึ่ง ทูลกระหม่อมหญิงเสด็จไปลงเรือเกดะ กระบวรเมื่อไปจากโฮเตลก็แยกกันไปเปน ๓ กระบวร มีพระองค์หญิงอาภากับลูกสมเด็จกรมพระสวัสดิ ฯ อีกพวก ๑ ซึ่งมารับเสด็จที่โฮเตลเมื่อวานนี้ มาส่งเสด็จที่เรืออีกด้วย เรือออกเวลา ๑๘ น. ไปยังเกาะสุมาตรา กรมพระกำแพงเพ็ชรก็ติดเรือไปด้วย

วันเสาร์ที่ ๓๑ เจ้านายผู้หญิงที่ยังเสด็จอยู่ปินัง ๒ พระองค์ แยกกันเที่ยวเหมือนอย่างวานนี้ หม่อมฉันให้หญิงพูนไปนำเสด็จพระองค์อรพินธ์ประพาสห้างแล้วมาเสวยกลางวันที่ซินนะมอน ฮอล แล้วจึงกลับไปโฮเตล ถึงตอนบ่ายหม่อมฉันให้หญิงพูนไปพาเสด็จเที่ยวประพาสที่สวนน้ำตกเปนต้น แล้วพระองค์หญิงประเวศเชิญเสด็จไปเสวยเวลาค่ำที่ตำหนักของเธอ ส่วนพระองค์หญิงประภาพรรณจะเสด็จไปที่ไหนบ้าง หม่อมฉันหาทราบไม่ เปนแต่ตอนเย็นหม่อมฉันไปเที่ยวกับหญิงเหลือ รถไปสวนกันที่สวนน้ำตก

วันอาทิตย์ที่ ๑ นี้ พระองค์อรพินธ์เสด็จไปเสวยกลางวันที่บนเขา หม่อมฉันให้หญิงพิลัยพาเสด็จไป วันจันทรพรุ่งนี้จะเสด็จกลับกรุงเทพฯ ทั้ง ๒ พระองค์

จะทูลต่อไปถึงสมเด็จกรมพระสวัสดิ ฯ ซึ่งเวลานี้มีอาการประชวรต้องบรรธมอยู่แต่กับพระแท่น แต่ก่อนมาเธอวิวาทขาดทางไมตรีกับทูลกระหม่อมหญิงมาหลายปีแล้ว เมื่อทูลกระหม่อมหญิงเสด็จมาคราวนี้ เธอสั่งให้เพราะอยู่ในปกครองของสมเด็จพระพันวัสสา ฯ และทรงจัดการให้มา คำสั่งไม่ได้เกี่ยวข้องถึงพระองค์หญิงอรพินธ์ ซึ่งเสด็จมาโดยลำพังพระองค์เพื่อเปลี่ยนอากาศ จะเสด็จไปไหนก็ได้ไม่ขัดข้อง แล้วเธอกระซิบบอกมูลเหตุที่ตรัสห้ามนั้น ด้วยว่าถ้าไปเฝ้าแหนเจ้านายพระองค์หนึ่งก็จะต้องไปเฝ้าทุกแห่งเสมือนตรัสสั่งให้ไปมาหาสู่ อีกประการหนึ่ง (เนื่องมาแต่น้อยพระหฤทัยในการที่กล่าวอ้างออกพระนามในเรื่องกรมอนุวัตร ฯ) เกรงว่าถ้ามีหนังสือพิมพ์กล่าวรายการที่เธอเสด็จมาทำอย่างไร จะกล่าวพาดพิงเนื่องไปถึงพระองค์ จึงให้ระมัดระวังมิให้ออกช่อง แล้วเธอตรัสเล่าให้ฟังต่อไปว่าเมื่อมาขึ้นรถไฟในกรุงเทพ ฯ นั้น เจ้านายมีท่านกับกรมหมื่นพงศาฯ เสด็จมาส่ง นอกจากนั้นผู้สำเร็จ ฯ กับรัฐมนตรีมีพระยาพหลเปนต้นกับคนอื่นๆ มาส่งกันมาก สังเกตพวกในรัฐบาลเขาส่งแต่ทูลกระหม่อมหญิงแล้วเลยมาส่งเธอด้วย แต่พระองค์หญิงอรพินธ์นั้นดูไม่เห็นเขานำพาอย่างไร สังเกตดูถึงพระยาสุรวงศที่มาดูก็ไม่ถือว่ามีหน้าที่จะต้องประคับประคองพระองค์อรพินท์อย่างไร ส่วนพระองค์อรพินธ์เองก็ไม่ทราบว่าสมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงสั่งเสียมาอย่างไร เข้าพระหัททัยว่าเปนแต่อาศัยมาในกระบวร ว่าหมายจะมาวานลูกหญิงของหม่อมฉันคนใดคนหนึ่งซึ่งรู้เบาะแสพาเที่ยวในปินัง หม่อมฉันจึงรับว่าจะจัดถวายตามพระประสงค์ เมื่อเรือข้ามมาถึงปินังมีรถยนต์ที่กงสุลจัดมาคอยรับอยู่ที่ท่า และพวกโฮเตลมาคอยรับของ หม่อมฉันตามไปส่งถึงโฮเตลรันนีมีดเห็นเรียบร้อยแล้วก็กลับมาบ้าน

รุ่งขึ้นวันศุกรที่ ๓๐ เวลาเช้าหม่อมฉันให้หม่อมเจิม ซึ่งคุ้นเคยกับพระองค์อรพินธ์ไปทูลถามที่โฮเตลว่าจะให้หม่อมฉันทำอย่างไรถวายบ้าง หม่อมเจิมกลับมาบอกว่าเมื่อไปถึงโฮเตลนั้นเสด็จออกไปเที่ยวแล้ว พระองค์หญิงอาภากับลูกๆ ไปรับเสด็จแทนพระองค์ และได้ยินว่าสั่งให้ทูลด้วยว่าเธอของ้อขอให้สิ้นวิวาท ถ้าและเธอยังมีพระชนม์อยู่ได้จนทูลกระหม่อมหญิงเสด็จกลับ จะไปเฝ้าทูลของ้อด้วยพระองค์เองอีก นัยว่าทูลกระหม่อมหญิงได้ทรงฟังสลดพระหฤทัยประทานอโหสิแล้ว ก็เห็นจะจริงด้วยเมื่อเวลาไปส่งเสด็จที่ในเรือ เห็นทูลกระหม่อมหญิงทรงปราสัยกับพระองค์หญิงอาภากับลูกสมเด็จพระสวัสดิ์ฯ อย่างเรียบร้อยเปนกันเอง แต่ว่า (เห็นจะเปนเพราะไม่มีเวลาพอ) หาได้เสด็จไปเยี่ยมถึงตำหนักไม่

การที่เจ้านายพระองค์หญิงเสด็จมาปีนัง นับว่าเปนการเรียบร้อยดี.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ