- เมษายน
- วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๓)
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๔)
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ) (๕)
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็น เรื่องกฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๓)
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็น กฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๔)
- —บทระเบง (ตามที่สืบสอบมาได้)
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —บันทึกความเห็นในกฎมนเทียรบาลพะม่า (ต่อ) (๕)
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —ระเบียบแห่งการแสดงความเคารพของภิกษุ
- วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- กรกฎาคม
- วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร (๒)
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร (๓)
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- ตุลาคม
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- —ประวัติย่อของเมืองชุมพรเก่าตอนหนึ่ง
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า
- วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๒
- วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๓
- วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๔
- วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เรื่องตั้งเมืองในมณฑลอุดรและอิสาณ
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๕
- วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —รายการงานพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์
- วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —อธิบายชื่อเมืองในมณฑลอุดรและอิสาณ
- —กะรายวันไปเที่ยวเมืองพะม่า
- วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —กำหนดระยะทาง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
- —อธิบายรูปฉายาลักษณ์งานพระศพสมเด็จกรมพระสวัสดิ ฯ
- —อธิบายเรื่องเมืองตะกั่วป่า ตอนที่ ๖
- วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๑ ออกจากเมืองปีนังไปเมืองร่างกุ้ง
- วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๒ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขาไป
- วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๒
- วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น
วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘
ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคมแล้วเรื่องตำนานเมืองสุราษฎร์ธานีที่ขุนประกิตกาญจนเขตต์จดถวายนั้น ดูเปนหลักฐานดีอยู่ พอจะลงเนื้อเห็นเข้ากับเรื่องพงศาวดารได้ ว่าที่บ้านดอนนั้นคงตั้งเปนหลักแหล่ง เมื่อครั้งเจ้าพระยานครน้อยมาต่อเรือรบในรัชชกาลที่ ๓ และคงได้ย้ายเมืองท่าทองมาตั้งที่บ้านดอนแต่ครั้งนั้นไม่ได้มีการย้ายเมื่อยกเมืองท่าทองเปนเมืองกาญจนดิษฐ์ขึ้นกรุงเทพฯ ในรัชชกาลที่ ๔
เรื่องพระเจดีย์ที่ประทานอธิบายมานั้นดีหนัก หม่อมฉันเห็นชอบด้วย
เรื่องปัญหาว่าชื่อวัด มงกุฎกษัตริย์ หรือ มกุฎกษัตริย์ จะเปนถูกต้องนั้น เมื่อหม่อมฉันเขียนจดหมายฉะบับลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคมถวายไปแล้ว ได้ตรวจดูหนังสือต่าง ๆ ที่ออกพระนามเดิมของทูลกระหม่อมก็เกิดนึกสงสัยขึ้นอย่างท่านทรงพระดำริ ว่าผู้ที่เขียนหนังสือหรือตรวจเมื่อพิมพ์หนังสือในชั้นหลัง จะแก้คำ มงกุฎ เปน มกุฎ เอาตามใจมาก แม้สำเนาประกาศที่พระสาสนโศภนเอามาพิมพ์ในประวัติวัดอาจถูกแก้ก็เปนได้ แต่หม่อมฉันมาคิดเห็นหลักที่จะตัดสินมีอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือวัดนั้นได้ใช้นามว่า วัดพระนามบัญญัติมาช้านาน จนถึงรัชชกาลที่ ๕ เมื่อ ร.ศ. ๑๐๙ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงโปรดฯ ให้ประกาศสั่งให้กลับเรียกชื่อเก่า หม่อมฉันเห็นว่าข้อสำคัญอยู่ที่ประกาศ ร.ศ. ๑๐๙ นั้น ถ้าโปรดฯ ให้เรียกอย่างไร ถึงจะไม่ตรงกับชื่อเดิมก็ต้องเรียกต่อไปตามในประกาศที่ดำรัสสั่งให้เรียก เพราะพระบรมราชโองการเปนกฎหมาย ว่าโดยย่อเรื่องนี้ควรค้นดูประกาศ ร.ศ. ๑๐๙ ถ้าในประกาศนั้นโปรดฯ ให้เรียกนามอย่างไรก็ควรใช้อย่างนั้น ถ้าประกาศ ร.ศ. ๑๐๙ ไม่มีต้นฉะบับเขียนจะสอบ ก็ต้องถือเอาตามที่พิมพ์ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเปนสำคัญ หม่อมฉันเห็นดังนี้
ข่าวคราวอันใดทางปีนังหมู่นี้ก็ไม่ใคร่มี เมื่อเข้าพรรษาหม่อมฉันเลี้ยงพระทำบุญตามเคย เวลาบ่ายวันแรมค่ำ ๑ เขาเชิญให้ไปจุดเทียนวัสสาที่วัดปูโลติกุส เหมือนอย่างเคยจุดเมื่อปีกลายนี้ พิธีมีการแห่เทียนวัสสา พวกสัปรุษทั้งชายหญิงพากันจับด้ายสายสิญจ์เดินเปนทำนองชักเทียนวัสสาซึ่งมีคนยกตาม แห่ ๓ รอบสีมาแล้วเอาเข้าไปตั้งตรงหน้าพระในโบสถ์ พระสงฆ์พรรษานี้มี ๖ รูปลงประชุมพร้อมกัน พอหม่อมฉันจุดเทียนวัสสาแล้วมีการพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝนต่อไป สังเกตพวกสัปรุษไทยที่เมืองปีนังแปลกตากว่าเมื่อปีกลาย ด้วยเมื่อปีกลายผู้หญิงแต่งตัวเปนอย่างยอหยาทั้งนั้น เพียงแลดูไม่รู้ว่าเปนไทยต่อพูดกันจึงรู้ มาในปีนี้พวกผู้หญิงสาวพากันแต่งเปนไทยเหมือนอย่างชาวกรุงเทพฯ มากขึ้น เมื่อเห็นพวกหม่อมฉันก็รู้จักไหว้เปนอันคุ้นกันขึ้น มีเรื่องเบ็ดเตล็ดซึ่งขบขันอยู่บ้างจะทูลต่อไปอีก ๒ เรื่อง เรื่องหนึ่งมีพวกจีนชาวปีนังมากระซิบถามจีนลูกจ้างของหม่อมฉัน ว่ามีไทยในพวกที่อยู่ซินนะมอนฮอลใครทำเสน่ห์เปนบ้างหรือไม่ ที่ชาวปีนังเชื่อเสน่ห์และเชื่อว่าไทยถนัดทำเสน่ห์เปนเรื่องที่รู้กันแต่บรมปฐมกัลป์ นึกว่าจะเสื่อมสูญไปแล้ว ปลาดที่ยังเชื่อกันอยู่จนทุกวันนี้ อีกเรื่องหนึ่งเมื่อสัปดาหะก่อน เวลาเย็นวันหนึ่งหม่อมฉันขึ้นรถยนต์ไปเที่ยวเล่นกับลูกตามเคย เมื่อรถผ่านไปในสวนน้ำตกเห็นชายหนุ่มคน ๑ นุ่งกางเกงจีนใส่เสื้อปิดคอ มีกล้องชักรูปอย่างใหม่ที่มีราคาแพงแขวนคอ เที่ยวเดินเล่นอยู่ในสวนกับผู้หญิงคน ๑ และเด็กอีกคน ๑ เห็นแปลกตาหม่อมฉันถามลูกว่าไทยมิใช่หรือ ลูกบอกว่าไทย แต่จะเปนใครไม่เคยเห็นหน้ามาแต่ก่อน ต่อมาเมื่อเมล์มาจากกรุงเทพฯ คราวหลัง ได้เห็นรูปชายหนุ่มคนนั้นพิมพ์อยู่ในหนังสือบางกอกไตมส์และหนังสือพิมพ์ไทยอื่น ๆ ว่ารัฐบาลบน ๕๐๐ บาทให้จับตัว ด้วยต้องหาว่าเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินลอตเตอรี่เมืองชลบุรี แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะหลบไปจากปีนังแล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคมมีเหตุทำให้สลดใจเกิดขึ้น ด้วยไทยที่มาจากกรุงเทพฯ มาตายลงคน ๑ ชื่อว่า นายประกิต บุตร์พระยาสรรพกิจเกษตรการ๑ เปนหลานพระยามโนปกรณ์นิติธาดา๒ ออกมาเรียนวิชชาพาณิชยการอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลด้วยกันกับชายใหม่ ดูก็เปนคนแข็งแรงอายุเพียง ๒๓ ปีและกิริยาอัชฌาศัยเรียบร้อย ใคร ๆ พากันชอบทั้งนั้น อยู่มาว่ารู้สึกเจ็บในท้อง หมอตรวจว่าเปนโรคไส้ตันแนะนำให้ผ่า ครั้นผ่าแล้วเลยเปนไข้ และเปนบิดทับถึงแก่ความตาย น่าสงสาร เมื่อวันที่ ๓๑ เอาศพไปฝังไว้ที่วัดปิ่นบังอร ตำบลบาตูลันจังซึ่งเปนวัดใหญ่มีป่าช้า พวกหม่อมฉันและคนอื่นที่มาจากกรุงเทพฯ ไปช่วยฝังศพกันโดยมาก พิธีทำการศพคือสวดธรรมสังคินีเปนต้น ดูก็ทำเรียบร้อยถูกต้องตามธรรมเนียมไทย เมื่อเล่าถึงงานศพ หม่อมฉันนึกขึ้นถึงได้สังเกตของที่แปลกตาในปีนังนี้อย่าง ๑ คือเครื่องกงเต๊กที่ทำสำหรับงานศพจีนในปีนังนี้เขาทำงาม ๆ แรกหม่อมฉันเห็นรู้สึกว่าแปลกตา ผิดกับเครื่องกงเต๊กที่ทำกันในกรุงเทพฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง พิจารณาไปจึงเห็นว่าที่นี่เขาไม่ใช้กระดาษสีแดงใช้สีเขียวอ่อน จึงแปลกตาเลยนึกขึ้นถึงคำพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (ซิมบี้)๓ เคยบอกว่าเรือสำเภาของจีนฮกเกี้ยนกับจีนแต้จิ๋วผิดกัน เรือของจีนฮกเกี้ยนที่ปากปลาทาสีเขียวเรือของพวกจีนแต้จิ๋วทาสีแดง แลเห็นไกล ๆ ในทะเลก็รู้ได้ว่าของพวกไหน เรื่องถือสีเขียวและสีแดงคงเลยขึ้นมาถึงบนบก จีนที่ในกรุงเทพฯ เปนแต้จิ๋วเปนพื้น เครื่องกงเต๊กจึงใช้สีแดง พวกจีนที่ปีนังเปนฮกเกี้ยนเปนพื้นจึงชอบใช้สีเขียว แต่เหตุใดจึงนับถือสีเขียวและสีแดงต่างกันยังไม่ทราบ
สัปดาหะนี้หม่อมฉันมีเรื่องที่จะทูลถวายสำหรับทรงพิจารณาเรื่องหนึ่ง ด้วยมานึกขึ้นถึงประเพณีที่เจ้านายทูลเกล้าฯ ถวายต้นไม้ทองเงิน และดอกไม้ธูปเทียนเมื่อรับพระสุพรรณบัตรแต่ขุนนางถึงแม้รับสุพรรณบัตรหรือหิรัญบัตร ก็ไม่มีประเพณีที่จะถวายต้นไม้เงินทองหรือดอกไม้ธูปเทียน จะผิดกันด้วยเหตุใด หม่อมฉันไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นเค้าเงื่อนว่าจะเกิดประเพณีนั้นขึ้นอย่างไรและเมื่อใด ได้แต่คิดสันนิษฐานเห็นว่าน่าจะเปนประเพณีเก่าแก่มาก ด้วยการถวายดอกไม้ทองเงิน นอกจากเจ้านายถวายเมื่อรับพระสุพรรณบัตร มีแต่เจ้าประเทศราชถวายเปนราชบรรณาการ เพราะฉนั้นประเพณีที่เจ้านายถวายต้นไม้ทองเงิน น่าจะเกิดขึ้นแต่เมื่อรับยศออกไปครองเมือง (ก่อนแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง) ดอกกระมัง ส่วนการที่ถวายดอกไม้ธูปเทียนเมื่อรับพระสุพรรณบัตรนั้น ก็น่าจะมาแต่ทูลลาออกไปครองเมือง เพราะยังมีประเพณีข้าราชการทูลลาออกไปมีตำแหน่งอยู่หัวเมืองถวายดอกไม้ธูปเทียนทูลลาอยู่จนชั้นหลัง ขอให้ทรงพิจารณาดู