วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๒

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

ลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๔ สิงหาคม หม่อมฉันได้รับแล้ว

ทูลสนองความในลายพระหัตถ์

เมื่ออ่านลายพระหัตถ์ฉบับนี้แล้ว หม่อมฉันนึกขันด้วยความรู้สึกตัวว่าที่ทูลอธิบายเรื่องพระราชลัญจกรต่าง ๆ ถวายไปนั้น เป็นเหมือนอย่างเขาว่า “จุดไต้ตำตอ” เพราะท่านทรงทราบดีกว่าหม่อมฉันมาก

แต่พระราชลัญจกร “นามกรุง” ที่ประทับในบัตรพระราชทานที่วิสุงคามสีมานั้น พอจะทูลอธิบายเป็นความคิดเพิ่มเติมได้บ้าง มูลเห็นจะมาแต่ทรงค้นในคัมภีร์สีมาขันธ์และมีพระราชประสงค์จะให้พระสงฆ์สิ้นรังเกียจสีมา จึงทรงเพิ่มคำเข้าในบัตรวิสุงคามสีมาว่าให้ที่ภายในพัทธสีมานั้น “เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขต” หมายความเพียงเพื่อให้พระสงฆ์สะดวกใจในการที่จะทำสังฆกรรมหรือว่าอีกอย่าง ๑ เป็นวินัยกรรม มิใช่รัฐกรรม หม่อมฉันนึกได้ว่า เมื่อเป็นอภิรัฐมนตรีในรัชกาลที่ ๗ ได้เคยยกคำนั้นขึ้นเป็นปัญหาครั้ง ๑ ว่าขัดกับนิติประเพณีที่ถือกันในปัจจุบันนี้ เพราะคำว่า “พระราชทานที่ให้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขต” ไปตรงกับที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Extra Territorial หมายความว่าในบริเวณที่นั้น รัฐบาลเจ้าของเมืองไม่มีอำนาจจะเข้าไปบังคับบัญชาว่ากล่าวอย่างใดได้ อย่างเช่นสถานทูตเป็นต้น ผิดกับที่ถือในทางพระวินัย หม่อมฉันได้เคยเสนอว่าควรถอนคำนั้นออกเสียจากบัตรพระราชทานที่วิสุงคามสีมาต่อไป

หม่อมฉันยังกังวลใจอยู่ด้วยเรื่องพระลัญจกรของพระมหาอุปราช ตรานารายณ์ทรงปืนครกนั้นทูลกระหม่อมโปรดให้สร้างขึ้นพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นแน่ไม่สงสัย เหตุที่สร้างน่าจะเป็นเพราะตรานารายณ์ทรงปืนของเดิมหายสูญไป เพราะที่พระมหาอุปราชว่างมาถึงคราว ๒๐ ปี ตราพระลักษณ์ทรงหณุมานที่ว่าเป็นพระลัญจกรสำหรับพระมหาอุปราชนั้น หม่อมฉันก็สงสัยว่าจะเป็นแต่แบบรูปภาพปั้น เช่นที่หน้าบันพระมณฑปวัดมหาธาตุ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทำเทียบกับพระครุฑพ่าห์ของวังหลวง สมดังคำท่านผู้รู้คน ๑ จะเป็นใครจำไม่ได้เสียแล้ว เคยบอกหม่อมฉันว่ารูปพระลักษณ์ทรงหณุมานนั้นมาแต่เรื่องรามเกียรติ์ เมื่อพระลักษณ์ทรงหณุมานแผลงศรฆ่าอสูรมูลพลัมน้องท้าวสหัสเดชะ ถ้าเช่นนั้นทีน่าจะเป็นความคิดใหม่ในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ หม่อมฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นรูปพระลักษณ์ทรงหณุมานทำไว้ที่ไหนแต่ก่อน สมัยนั้นพระลัญจกรรูปนั้นก็ไม่มี ถ้าว่าตามหลักฐานในทางโบราณคดีที่ปรากฏอยู่ เช่นที่นครวัดลายจำหลักกระบวนแห่พยุหยาตรามีรูปครุฑพ่าห์ มีแต่กระบวนนำพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน กระบวนนำแม่ทัพอื่นมีแต่รูปกระบี่ แบบเดิมเป็นดังนี้ ชวนให้เห็นว่าแต่เดิมไทยก็จะเอาอย่างมาใช้เช่นนั้น คือพระมหาอุปราชมีแต่รูปกระบี่นำกระบวน ครั้นภายหลังเอามารวมนำเสด็จพระเจ้าแผ่นดินทั้ง ๒ อย่างเป็นคู่กัน เป็นมูลของธงกระบี่ธุชพ่าห์

เรื่องปรางค์บายนที่เมืองนครธมนั้น ศาสตราจารย์เซเดส์ได้เขียนวิจารณ์ ตามหลักฐานที่ตรวจพบมาจนทุกวันนี้ส่งไปลงพิมพ์ในหนังสือของสมาคมเกิน Kern Institute ณ ประเทศฮอแลนด์ ซึ่งเขาได้เลือกหม่อมฉันเป็นสมาชิกกิติมศักดิ์มานานแล้ว จึงส่งหนังสือนั้นมาให้เมื่อเร็ว ๆ นี้ เล่ม ๑ หม่อมฉันยังอ่านไม่ออก เมื่ออ่านแล้วจะส่งมาถวายทอดพระเนตร ในนั้นมีแผนผังปรางค์บายนแสดงว่าสร้างเสริมกี่ยุค และยุคไหนได้แก้ให้แผนผังแปรไปเป็นอย่างไรน่าดูอยู่

พระองค์หญิงอดิศัยเคยเสด็จมาปีนังกับเจ้าจอมมารดาอ่อนครั้ง ๑ นานมาแล้ว ครั้งนั้นท่านตรัสบอกให้หม่อมฉันทราบก่อน จึงได้เชิญเสด็จมาประทับแรมอยู่ที่บ้านของหม่อมฉันตลอดเวลาที่เสด็จอยู่ปีนัง แต่เสด็จครั้งนี้ไม่ได้ตรัสบอกมาให้หม่อมฉันทราบเหมือนเมื่อครั้งก่อน หม่อมฉันก็กระทำตามกฎซึ่งได้ประพฤติตั้งแต่แรกมาอยู่ปีนังจนทุกวันนี้ คือว่าใครมาปีนังจากกรุงเทพฯ หรือที่แห่งใด ถ้าไม่บอกมาให้หม่อมฉันทราบก่อน หรือไม่มาหาหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันไม่ไปรับหรือเกี่ยวข้องกับคนนั้นเลย ที่พระองค์อดิศัยเสด็จมากับเจ้าจอมมารดาอ่อนครั้งนี้ หม่อมฉันได้ยินว่าตั้งพระทัยจะเสด็จไปเมืองสิงคโปร์ มาพักอยู่ในรถไฟที่ตำบลไปรท่าข้ามมาเมืองปีนังเพียง ๒ ชั่วโมง และส่วนพระองค์อดิศัยกับเจ้าจอมมารดาอ่อนก็หาได้ข้ามมายังเมืองปีนังไม่ พอ ๒๒ นาฬิกา รถก็ออกไปจากไปร

เรื่องเบ็ดเตล็ดทางเมืองปีนัง

เมื่อเร็วๆ นี้พวกจีนผู้ดีทั้งชายและหญิงที่รู้ภาษาอังกฤษ เขาชวนกันซ้อมเล่นงิ้วเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะเก็บเงินส่งไปช่วยกาดชาดในเมืองจีน ได้ยินคนไปดูสรรเสริญกันว่าเล่นดีมาก หม่อมฉันจึงซื้อตั๋วไปดูกับเขาครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าเล่นดีสมดังคำสรรเสริญ เพราะงิ้วมันก็มีท่ารำเต้นและท่วงทีกิริยาเป็นอย่างหนึ่งต่างหาก ผิดกันเล่นละครพูด พวกนี้อุตส่าห์ฝึกหัดทางงิ้วมาทำได้มาก ขันอีกอย่างหนึ่งที่ใช้เครื่องโรงอย่างงิ้วเช่นเราเคยเห็นซึมทราบ คือไม่มีอะไร ใช้เหยียดโน่นเป็นนี่เหยียดนี่เป็นนั่นให้คนดูเข้าใจเอาเองว่าเป็นอะไร หรือทำแต่กิริยาให้คนดูเข้าใจว่าขี่ม้าหรือเข้าประตูออกประตูเป็นต้น และมีตัวละตรแต่งเป็นอย่างคนสามัญคอยยกตั้งโต๊ะเก้าอี้แลทอดหมอบให้ตัวละครคุกเข่าเช่นพนักงานโรงงิ้ว และมีพวกดนตรีอยู่ข้างฉากเหมือนอย่างงิ้ว ดูแล้วต้องชมว่าน่าดูจริง หม่อมฉันส่งโปรแครมการเล่นถวายมากับจดหมายฉบับนี้ด้วยแล้ว แต่มีความรู้สึกเสียดายอย่างหนึ่ง เมื่อพิศดูเครื่องแต่งตัว เห็นชอบใช้เครื่องประดับให้ดูหรูหราไปทางข้างฝรั่ง ลวดลายที่ปักเช่นรูปมังกรและสิงห์โตก็คลาดเคลื่อนไม่เป็นลายจีนแท้เหมือนอย่างเครื่องแต่งตัวงิ้วที่เราเคยเห็นมาแต่หนุ่ม เกรงศิลปกรรมของจีนจะเสื่อมไปเสียแล้ว

เมื่อเร็วๆนี้ พระยาอนุมานเขียนจดหมายมาถามหม่อมฉัน ถึงเครื่องม้าที่อะแซหวุ่นกี้ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อยังเป็นเจ้าพระยาจักรี หม่อมฉันได้เขียนอธิบายให้ไปและคัดสำเนาส่งมาทรงอ่านเล่นด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ