วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๒

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

ลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม มาถึงปีนังเมื่อคราวเมล์วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ เขาเอามาส่งศุกร์ที่ ๒๙ เวลาบ่ายโดยเรียบร้อย แต่หม่อมฉันยังมีลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๑๙ ค้างตอบอยู่ จึงจะทูลสนองความในลายพระหัตถ์ฉบับวันที่ ๑๙ ก่อน

ชื่อเมืองตั้งใหม่ในมณฑลอุดรและมณฑลอีสานเมื่อรัชกาลที่ ๔ และเมื่อตอนต้นรัชกาลที่ ๕ มีมาก หัวเมืองบอกเข้ามาว่าขอตั้งบ้านอะไรเป็นเมือง อาลักษณ์ก็คิดชื่อเมืองเป็นภาษามคธให้ความตรงหรือใกล้กับชื่อเดิมของตำบลที่ตั้งเมืองนั้น บางทีก็ไถลไป ยกตัวอย่างดังตั้งบ้านกุดลิงเป็นเมือง คำกุดตามภาษาในพื้นเมืองเขาหมายความว่าลำน้ำด้วน (กุดเป็นคำเดียวกับ มือกุดตีนกุด) แต่อาลักษณ์เข้าใจว่ากุฏิที่อยู่ ขนานนามว่าเมืองวานรนิวาส ดังนี้ เมื่อหม่อมฉันขึ้นไปมณฑลอุดรในรัชกาลที่ ๕ ตั้งใจไปสืบถามถึงตำบลหนองบัวลำภูที่ในเรื่องพงศาวดารว่าสมเด็จพระนเรศวรฯ ไปประชวรเป็นไข้ทรพิษ และเป็นด่านที่กองทัพไทยได้รบกับชาวเวียงจันทน์เมื่อรัชกาลที่ ๓ แต่แรกไม่ได้ความว่าอยู่ที่ไหน จนไปพบพวกกรมการเมืองหนองคายชั้นเก่าเขาบอกว่าเป็นชื่อเดิมของเมืองกมุทาศัย หม่อมฉันสั่งให้กลับใช้ชื่อเดิมว่า “อำเภอหนองบัวลำภู” แต่นั้นมา เรื่องตั้งเมืองมีชื่อต่างๆ ในมณฑลอีสาน หม่อมอมรวงศ์เขาอุตส่าห์พยายามสืบได้ความเขียนลงไว้ในเรื่องพงศาวดารที่เขาแต่ง น่าชมมาก

พระวินิจฉัยเรื่องเนื่องกับร้านม้าเผาศพนั้น หม่อมฉันคิดตามเห็นว่าถูกทางทีเดียว ประเพณีการเผาศพคนชั้นราษฎรเช่นพวกชาวอินเดียยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เอาศพห่อผ้าขาววางบนแคร่แล้วพวกญาติช่วยกันหามเอาไปยังที่เผา เอาศพไปเช่นนั้นได้แต่ศพสด ถ้าหากต้องรอข้ามวันไปหรือแม้เป็นศพสดแต่เมื่อตายรูปร่างวิกลผิดปกติ ก็ย่อมเกิดปฏิกูล ไม่ควรให้คนดู อันนี้เป็นมูลให้ทำโลงใส่ศพ และทำเครื่องประดับโลงเพิ่มน้ำหนักขึ้น เอาศพไปยังที่เผายากกว่าวางบนแคร่หามไปแต่ตัว การเผานั้นถ้าศพคนสามัญชั้นราษฎร เมื่อไปถึงป่าช้าก็เผาศพขึ้นวางบนกองฟืนซ้อนเรียงตลอดตัวแล้วจุดไฟเผา ไฟไหม้ฟืนกับศพโทรมไปด้วยกัน แต่ศพชั้นคฤหบดีอันมีญาติวงศ์มาก การที่จะเผาผิดกับคนชั้นต่ำ เบื้องต้นแต่ที่พาศพไปยังป่าช้า เพราะศพใส่หีบมีน้ำหนักมากอย่าง ๑ และจะไปกองฟืนวางศพเผากับแผ่นดินเหมือนเช่นคนชั้นต่ำมีหีบกีดอยู่ จึงเกิดความคิดทำร้านม้าวางหีบศพตั้งบนตะเฆ่ เอาฟืนเรียงไว้เสร็จที่ใต้หีบและทำปะรำบนปลายเสาร้านม้า การพาศพไปสู่ที่เผา ถ้าศพใส่แคร่ลูกหลานหามแคร่ไปฉันใด ศพตั้งบนตะเฆ่ลูกหลานก็ลากไปฉันนั้น ลักษณะที่เผาศพและร้านม้าด้วยกันทั้งหมดนั้นยังเป็นประเพณีที่เมืองเพชรบุรีตลอดลงไปจนหัวหิน หม่อมฉันได้เคยเห็นเขาเผาศพเช่นนั้นที่หัวหินกว่าครั้งหนึ่ง ผิดกันแต่ปลูกร้านม้าตรงที่จะเผาแล้วยกหีบศพไปตั้ง แทนใส่ตะเฆ่ลาก เช่นว่ามาก่อน หม่อมฉันนึกว่าที่ใช้ตารางเหล็ก และกองฟืนเผาศพแต่ตรงกลาง น่าจะคิดขึ้นสำหรับเผาศพใส่โกศดอกกระมัง แล้วจึงเลื่อนเลยใช้ลงไปถึงเผาศพใส่หีบ

ตัวสัตว์สำหรับให้ความรำคาญ ๓ อย่าง คือ ยุง แมลงวัน และแมลงต่างๆ ที่ตอมไฟ กล่าวได้ว่าไม่มีในเมืองปีนังนี้ มีแต่ตัวบึ่งตามที่ใกล้ชายทะเล และมีริ้นตามบ้านที่อยู่ใกล้ภูเขา ที่หม่อมฉันอยู่ไม่มี แต่มีสัตว์อื่นเคยทำความรำคาญคราวหนึ่งเมื่อสัก ๒ ปีมาแล้ว คนในบ้านหม่อมฉันพากันเป็นโรคเกิดไส้เดือนในท้องหลายคนจนประหลาดใจ หมอเขาบอกว่าที่ปีนังและที่ฝั่งไปรโดยเฉพาะมักมีโรคตัวไส้เดือนชุม เขาสันนิษฐานว่าจะเกิดแต่กินผักสด เพราะพวกจีนปลูกผักขายใช้อุจจาระเป็นปุ๋ย พวกหม่อมฉันได้ยินก็พากันงดผักสด ก็ไม่มีใครเป็นโรคไส้เดือนต่อมา แต่เหตุจะจริงอย่างเขาว่าหรืออย่างไรก็ไม่ทราบแน่

การที่ปลูกเรือนกลางสระนั้นดูเหมือนเพื่อจะป้องกันตัวปลวกเป็นสำคัญ จึงมักสร้างหอไตรไว้กลางสระ แต่แมลงอย่างอื่นที่มีปีกเช่นยุงเห็นจะกันไม่ไหว แต่เขาว่าสัตว์พวกแมลงนั้นอายุสั้น กำหนดอายุยุงว่าราว ๑๕ วัน ถ้าทำอย่างไรอย่าให้มันเกิดขึ้นแทนกันได้แล้ว ไม่เท่าใดอ้ายตัวเก่าก็ตายหมด อุปเท่ห์ของการกำจัดยุงจึงอยู่ที่อย่าให้มีที่เกิดของลูกน้ำ

เรื่องในลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม หม่อมฉันจะรอไว้ทูลสนองในคราวเมล์ข้างหน้าต่อไป

ข่าวในปีนัง

เมื่อสัปดาหะที่ล่วงแล้ว นายฮ่องตัดลูกเขยของพระยารัตนเศรษฐีถึงแก่กรรม ทั้งตัวและภรรยาของเขาเคยมีอุปการคุณแก่พวกหม่อมฉัน จึงพากันไปส่งศพที่บ้านเมื่อวันเขาจะแห่ศพไปฝัง ไปได้ความรู้แปลกๆ ในการพิธีฝังศพของจีน จะทูลตามที่จำได้

พิธีฝังศพถือฤกษ์เป็นสำคัญมาก ผู้อำนวยการพิธีถึงถือนาฬิกาคอยดูเวลาฤกษ์ เป็นต้นว่าต้องยกศพลงจากเรือนเวลาเช้าตรง ๑๐ นาฬิกา ทางแห่ก็ต้องไปตามทิศที่เป็นมงคล เหมือนงานศพนายฮ่องตัดนี้ที่ฝังอยู่ทางทิศตะวันตกของบ้าน ต้องแห่ศพไปทางทิศตะวันออกก่อน แล้วจึงเลี้ยวถนนวกกลับไปยังที่ฝัง วิธีพวกญาติไว้ทุกข์สังเกตดูก็แปลกเป็นฝรั่งเป็นจีน ลูกเมียผู้ตายแต่งตัวเครื่องผ้าป่านย้อมน้ำฝาดและมีถุงคลุมหัว พวกญาติชั้นพี่น้องที่อ่อนกว่าผู้ตายแต่งดำ มีแถบผ้าป่านย้อมน้ำฝาดพาดบ่าหรือพันแขนอย่างฝรั่ง ส่วนผู้ใหญ่ที่เป็นชั้นบิดามารดาแต่งปกติไม่มีเครื่องหมายไว้ทุกข์เลย พวกเพื่อนฝูงที่ไปช่วยแต่งเหมือนกับไปงานมงคล ที่เป็นหญิงสาวก็แต่งหรูหราราวกับว่าจะไปเต้นรำ ดูแปลกอยู่

หมู่นี้หม่อมฉันติดตรวจหนังสือ ซึ่งจะพิมพ์แจกในงานศพพระยาพิพิธสมบัติ (ปุย คชเสนี) ที่เขาส่งเพิ่มมาอีก ของดจดหมายเวรฉบับนี้เพียงเท่านี้ที

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ