วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๒

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน กับสมุดหนังสือเรื่องพงศาวดารเขมรอันมีรายการพิธีตรุษ ที่โปรดให้ชายใหม่เชิญมานั้นแล้ว

จะทูลเริ่มจดหมายเวรของหม่อมฉันฉบับนี้ อันร่างเมื่อตรงกับวันเกิด ขอขอบพระคุณที่โปรดประทานพรวันเกิด ทั้งส่วนพระองค์และพระญาติ หม่อมฉันรับพรนั้นด้วยความชื่นชมโสมนัสอย่างยิ่ง และในวันนั้นหม่อมฉันได้ทำบุญนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์และเลี้ยงพระที่ซินนามอนฮอล ขอถวายพระกุศลต่อพระองค์ท่านและพระญาติด้วย

ที่ตรัสถามถึงชื่อที่เรียกตราพระราชสีห์สำหรับตำแหน่งพระยามหาอำมาตย์นั้น เรียกว่า “ตราราชสีห์ฝ่ายเหนือ” ไม่มีคำ “พระ” อยู่ข้างหน้าคำ “ราชสีห์” ส่วนตรา “พระราชสีห์” สำหรับเสนาบดีนั้นมี ๓ ดวง ต่างกันดังจะทูลอธิบายต่อไป

ดวง ๑ เรียกว่าตราพระราชสีห์ใหญ่ สำหรับประทับหนังสือซึ่งเชิญพระบรมราชโองการสั่งกิจการบ้านเมือง

มีเรื่องนิทานแทรก ด้วยเมื่อ ร.ศ. ๑๑๑ มีงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๑๐,๐๐๐ วัน โปรดให้เสนาบดีเจ้ากระทรวงเอาตราตำแหน่งไปเข้าพิธีด้วย ตั้งตราบนโต๊ะกิมตึ๋งเครื่องบูชาในพระที่นั่งอนันตสมาคม (องค์เก่า) เรียงรายกันไปทุกกระทรวง ครั้งนั้นกระทรวงยุติธรรมเอาต้นฉบับกฎหมายเขียนครั้งรัชกาลที่ ๑ ซึ่งประทับตรา พระราชสีห์ พระคชสีห์ และบัวแก้ว ทั้ง ๓ ดวงไปตั้งบนโต๊ะด้วยเล่ม ๑ หม่อมฉันไปพลิกดู เห็นลักษณะรูปราชสีห์ผิดกับในดวงตราพระราชสีห์ที่หม่อมฉันถือ ทูลสมเด็จกรมพระยาเทววงศ์ ซึ่งทรงถือตราบัวแก้วและนึกว่าพระองค์ท่านซึ่งทรงเป็นตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมถือตราพระคชสีห์ เชิญเสด็จไปทอดพระเนตร ก็เห็นตราพระคชสีห์กับตราบัวแก้วผิดกับตราที่ ใช้อยู่ในเวลานั้นเหมือนกัน ครั้งนั้นได้ความรู้แต่ว่าตราที่ใช้เป็นของแกะใหม่เมื่อภายหลังเขียนสมุดกฎหมาย แต่จะได้เปลี่ยนเมื่อไรไม่รู้เรื่อง จนหม่อมฉันลงไปเมืองนครศรีธรรมราช ไปค้นดูหนังสือเก่าซึ่งเขาเก็บรักษาไว้ที่นั่น พบสารตราฉบับ ๑ มีไปในรัชกาลที่ ๒ ว่าตรา ๓ ดวงของเดิมเลือนไปมาก จึงโปรดให้สร้างเปลี่ยนใหม่ทั้ง ๓ ดวง ประทับตัวอย่างไปให้หัวเมืองดูรู้ไว้ จึงรู้ว่าตรา ๓ ดวงที่ใช้อยู่เป็นของแกะใหม่เมื่อรัชกาลที่ ๒ ยังมีวิธีอีกอย่าง ๑ พระยาราชวรานุกูล (อ่วม) เคยเล่าให้หม่อมฉันฟังว่าเมื่อสมัยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ทรงสำเร็จราชการกระทรวงมหาดไทยตราพระราชสีห์ใช้มาจนเลือนไปอีก สมเด็จกรมพระยาบำราบ ฯ ได้โปรดให้ “รุก” ตราพระราชสีห์ใหญ่ครั้งหนึ่ง แต่การรุกนั้นต้องทำพิธี (จะมีพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์ด้วยอย่างไรหรือไม่ไม่ได้เล่า) เป็นแต่ว่าช่างผู้จะแกะรุกต้องนุ่งขาวใส่เสื้อขาวสมาทานศีลก่อน แล้วลงมือแกะรุกตั้งแต่เวลารุ่งสว่าง กำหนดให้รุกเสร็จก่อนค่ำในวันเดียวนั้น พิเคราะห์ดูการรุกดูเหมือนจะทำเป็นปกติหลายๆ ปีต้องทำครั้ง ๑ จนรุกไม่ได้ จึงแกะตราเปลี่ยนใหม่เช่นเมื่อรัชกาลที่ ๒

ตราพระราชสีห์ดวงที่ ๒ เรียกว่า “ตราพระราชสีห์กลาง” หรือ “ราชสีห์เดินดง” ก็เรียก ขนาดย่อมกว่าตราราชสีห์ใหญ่และพื้นดวงตราแกะเป็นรูปราชสีห์มีป่าไม้เป็นพื้น ตราพระราชสีห์เดินดงนี้ เขาเล่าให้หม่อมฉันฟังว่าสร้างเมื่อครั้งปราบขบถเวียงจันท์ เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพเสด็จไปเป็นจอมพล แกะตราดวงนี้ขึ้นสำหรับหัวหน้าข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่ตามเสด็จไปทัพประทับบังคับการ ได้สิทธิขาดเหมือนตราพระราชสีห์ใหญ่ตลอดเขตที่จอมพลทรงบังคับบัญชา เพื่อมิให้ต้องเสียเวลามากขอสารตราพระราชสีห์ใหญ่ถึงกรุงเทพฯ หรือว่าอีกอย่าง ๑ เป็นตราสำหรับใช้ในการจรชั่วคราว มีบางคนว่าตราราชสิห์เดินดงสำหรับเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยใช้เมื่อเวลาเที่ยวตรวจราชการตามหัวเมือง แต่เห็นว่าจะมิใช่อย่างนั้น เพราะมีตราพระราชสีห์น้อยอีกดวง ๑ สำหรับตัวเสนาบดีไปไหนต้องเอาไปด้วย

ตราพระราชสีห์ดวงที่ ๓ เรียกว่า “ตราพระราชสีห์น้อย” เป็นตราสำหรับตัวเสนาบดี ประทับเป็นสำคัญในหนังสืออันเป็นคำสั่งของเสนาบดี คือมิใช่พระบรมราชโองการ เสนาบดีไปไหนตามหัวเมืองต้องเอาไปด้วยเสมอ ตราพระราชสีห์น้อยใช้มากกว่าตราพระราชสีห์ใหญ่และพระราชสีห์เดินดง เมื่อหม่อมฉันแรกไปเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เห็นตราพระราชสีห์น้อยเลือนมาก ปรารภแก่พระยาราชวรานุกูล (อ่วม) ท่านจึงเล่าถึงวิธีรุกตราให้ฟังดังทูลมาแล้ว แต่ถึงสมัยนั้นใช้เขียนชื่อด้วยลายมือเป็นสำคัญแล้ว ประทับดวงตราเป็นแต่เครื่องประกอบ หม่อมฉันเห็นว่าจะแก้ไขต้องทำพิธีรีตองเอะอะนัก จึงมิได้รุกตราพระราชสีห์น้อย

ยังมีเรื่องตราพระราชสีห์ที่จะเล่าถวายต่อไป ตามประเพณีเดิมเสนาบดีต้องรักษาตราตำแหน่งไว้ที่บ้าน และต้องหากล่องหรือหีบอันเป็นของมีค่ารวมดวงตราไว้ในนั้น (เพราะยังไม่มีออฟฟิศที่ว่าการ) ถ้าจะประทับตราเมื่อใดเสมียนตราต้องเอาหนังสือไปประทับตราที่บ้านเสนาบดี เป็นประเพณีมาดังนี้แต่โบราณ เมื่อหม่อมฉันเป็นเสนาบดีมหาดไทย เจ้าพระยารัตนบดินทรท่านให้เสมียนตราเชิญตรามามอบแก่หม่อมฉัน ตรารวมกันอยู่ในกล่องเงินใบ ๑ เสมียนตราบอกว่าขอให้หม่อมฉันหากล่องมาสำหรับใส่ตรา เพราะแต่ก่อนเสนาบดีต้องหามาเองทุกคน หม่อมฉันตอบว่า หม่อมฉันไม่อยากจะเอาตราไปไว้บ้าน ให้เอาเงินค่าใช้สอยซื้อกำปั่นเล็กสักใบ ๑ เอามาเก็บตราไว้ที่ในศาลาลูกขุนและอยู่ในความรับผิดชอบของเสมียนตราเป็นผู้รักษา กล่องที่จะไว้ดวงตราหม่อมฉันก็ไม่มีมิรู้ที่จะทำอย่างไร เสมียนตราพูดขึ้นว่ามีเตียบประดับมุกของเก่าอยู่บนเพดานใบ ๑ หม่อมฉันสั่งให้ขึ้นไปเอาลงมาดู เลยได้เตียบตราของเดิมมาใช้ และคืนกล่องเงินให้เจ้าพระยารัตนบดินทร

ลักษณพิธีตรุษตามกล่าวในหนังสือพงศาวดารเขมรนั้นเข้าทีดีนัก เป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดว่าเดิมเป็นพิธีไสยศาสตร์

เวลานี้กำลังต้องเขียนตอบขอบใจผู้ที่ให้พรเมื่อวันเกิดหลายรายต้องหยุดเขียนจดหมายเวรฉบับนี้เพียงเท่านี้.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ