วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๒

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

คราวนี้เป็นโอกาสที่จะได้กราบทูลสนองความตามที่มีในลายพระหัตถ์เวรซ้อนกันถึง ๒ ฉบับ คือฉบับลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ซึ่งมาถึงมือเมื่อเมล์วันอังคารที่ ๒๘ พฤศจิกายน กับฉบับลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ซึ่งมาถึงมือเมื่อเมล์วันเสาร์วันที่ ๒ ธันวาคม ฉบับแรกมีรอยตัดหัวซองปิดกระดาษผนึก มีตราเลขที่ ๑๑ ประทับประจำผนึก ๒ ดวงด้านหน้ากับด้านหลัง คงเป็นด้วยเอาไว้ตรวจโดยละเอียดจึงคลาดเมล์ไป ฉบับหลังนั้นไม่มีรอยตัดตรวจ แต่มีตราใหม่ไม่มีเลขไม่มีขอบ มีแต่หนังสือบอกว่าผ่านการตรวจประทับถึง ๔ ดวง ด้านหน้าดวง ๑ ด้านหลัง ๓ ดวง คงเป็นเพราะไม่ได้ตัดตรวจโดยละเอียด จึงได้มาถึงมือตามกำหนดไม่คลาดเมล์ไป เพราะฉะนั้นจึงจะได้กราบทูลสนองลายพระหัตถ์รวมกันไปแต่ลางข้อต่อไปนี้

สนองลายพระหัตถ์

ในการที่มีคนรบกวนให้ทรงแต่งหนังสืองานศพนั้น เป็นการตามเคย ยังดีเสียอีกที่ต้องทรงช่วยแต่ทางพระปัญญา ส่วนเกล้ากระหม่อมนั้นอาการหนัก มีคนมาวานเขียนอะไรให้ตามเคย อันต้องใช้ทั้งความคิดและฝีมือ คนที่มารบกวนนั้นไม่คิดดูบ้างเลยว่าคนอายุถึง ๗๖ แล้ว ตาและมือก็เสียไปแล้ว ยังมาเคี่ยวเข็ญให้ทำตามเคยอยู่อีก

เพิ่งเข้าใจตามความในลายพระหัตถ์ ว่าบ้าบ๋าและยอหยานั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับมลายู อุบาสิกายอหยาซึ่งไปทอดกฐินที่วัดศรีสว่างอารมณ์ ตามที่ตรัสว่าพูดไทยคล่องนั้น คงมีเชื้อสายสืบเนื่องจากพวกไทยมาเป็นส่วนมาก กรมพระกำแพงเพชรก็เคยตรัสบอกว่าที่เมืองตะนาวศรีก็พูดไทยกันจ้อ นั่นก็เห็นได้ว่าสืบเชื้อสายมาแต่พวกไทยกันเป็นส่วนใหญ่

เรื่องตำแหน่งสมณศักดิ์ ซึ่งทรงสันนิษฐานถึงตำแหน่งพระครูและพระราชาคณะนั้น เป็นการสมควรที่สุดสำหรับความคิดชั้นแรก ผู้ใดที่มีความรู้สมควรเป็นครูได้ก็ตั้งเป็นพระครูให้สอนคน ผู้ใดที่เข้าใจการปกครองก็ตั้งเป็นราชาคณะ มีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ จึงเป็นราชาแห่งคณะสงฆ์ ฐานานุกรมนั้นก็จัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นผู้ช่วยทำงานสำหรับตัวพระราชาคณะ ไม่ได้คิดตั้งพระราชาคณะ พระครู และฐานานุกรมขึ้นเพื่อครองวัดเลย มาเป็นไปต่อภายหลังเมื่อถือยศเป็นลำดับกันแล้ว ผู้มียศใหญ่ให้ไปครองวัดใหญ่ ผู้มียศน้อยให้ไปครองวัดเล็ก จะครองได้หรือไม่ได้ก็ตามบุญตามกรรม ซ้ำเข้าใจเขวต่อไปอีก ด้วยโดยมากเลือกเอาเปรียญตั้งเป็นพระราชาคณะ ทีนี้ตั้งใครที่ไม่ใช่เปรียญเป็นพระราชาคณะก็มีคำผูกขึ้น เรียกว่าพระราชาคณะยก เห็นเป็นเรื่องเข้าใจผิดไปตามกาละตามสมัยทั้งสิ้น

พัดรองของสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งทรงติดตามหามาได้ ประทานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานนั้นดีเต็มที จะไปดูให้รู้แจ้งใจในวันหน้าต่อไป

พัดแฉกงานั้นช่างเหมาะสมกับที่ตรัสว่าสมเด็จพระสังฆราชถือพัดสองเล่ม คือพัดปักทอง กับพัดงาสาน นั้นเสียจริงๆ แต่การอันนั้นก็เพิ่งได้ทรงค้นพบเข้าใหม่ แต่ก็ให้สงสัยว่าท่านแต่ก่อนท่านจะรู้กระมัง จึงได้ทำพัดแฉกงาขึ้นแทนพัดงาสานสำหรับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ครั้นได้เห็นสำเนาบันทึกซึ่งจดประทานสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ไป พัดแฉกงานั้นตกเป็นของอันมีผู้ทำถวาย ไม่ใช่โปรดให้ทำขึ้นเป็นของหลวงเสียด้วยซ้ำ ปรากฏเป็นอันห่างไกลจากที่คิดสงสัยไปมาก ทั้งการที่พระราชทานก็ไม่ใช่สำหรับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเสียด้วย เป็นสำหรับเจ้ามากกว่า

เป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้าที่ทรงพระอุตสาหะแปลศีล ๑๐ ของพวกคริสตังประทานไปให้ทราบเกล้าโดยตลอด เป็นเหตุให้ได้รู้แจ้งว่า ๕ ข้อข้างต้น เป็นทางบอกความดำเนินแห่งคริสต์ศาสนา ถ้าจะเปรียบกับทางพุทธศาสนาก็ได้แก่ “สพพปาปสอกรณํ อีก ๕ ข้อข้างปลายจึงเป็นศีล ๔ องค์เบื้องต้นก็ตรงกับศีล ๕ เรานี้ เว้นแต่องค์ที่สุดคือสุรานั้นต่างกันไป คงเป็นด้วยพวกฝรั่งเสพสุรากันอยู่เป็นปกติ เห็นห้ามไม่ไหวจึงต้องเปลี่ยน ต้องปรับโทษว่าเอาอย่างทางฮินดูไป เพราะพุทธศักราชแก่กว่าคริสต์ศักราช ชาวฮินดูห้ามสุราได้ เพราะคนประพฤติดีเขาไม่ดื่มกันอยู่แล้ว

พูดถึงศักราช ก็เห็นว่าคำนี้เอามาใช้กันด้วยเข้าใจผิดไปมาก “ศก” เป็นพระนามพระเจ้าแผ่นดิน มีคำต่อว่า “ราช” ให้เห็นปรากฏอยู่ “มหาศก” ก็คือพระเจ้าศกองค์ใหญ่ “จุลศก” ก็คือพระเจ้าศกองค์น้อย เป็นนับปีรัชกาลอย่าง“ยีมู” ข้างญี่ปุ่นนั้นเอง หากเรามาเข้าใจไหลเลื่อนเป็นว่าปีไปเสีย ใช้ว่า “พุทธศักราช” “คริสตศักราช” ผิดไปมาก แต่พระท่านรู้สึกท่านบอกศักราชว่า “พระพุทธศาสนกาล” ไม่ได้ความ “พระพุทธศักราช”

ตามพระดำรัสพรรณนาชื่อวัดต่างๆ ซึ่งเปลี่ยนใหม่นั้นได้ทราบอยู่โดยมากแล้ว เว้นแต่วัดเจ้ากรับหรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าวัดนายโรงนั้น เพิ่งทราบว่ามีชื่อเป็น “วัดสัมมัชผล” และวัดเบญจบพิตร ก็เพิ่งทราบว่าเรียกว่า “วัดแหลม” เพราะไม่เคยได้ไปเที่ยวถึง มาได้ทราบว่าชื่อ “วัดเบญจบพิตร” เอาเมื่อจะเปลี่ยนเป็น “วัดเบญจมบพิตร” เท่านั้นเอง เรื่องรื้อเอาอิฐวัดส้มเกลี้ยงเก่าไปทำอะไรต่ออะไรนั้น เห็นจะเป็นการที่ทำตามเคย เห็นอะไรร้างเป็นไม่ได้ ต้องรื้อเอาอิฐไปทำอะไรต่ออะไรเสีย เช่นรื้อเอาอิฐกำแพงกรุงเก่ามาทำกำแพงกรุงรัตนโกสินทร์เป็นตัวอย่าง เข้าใจว่าพระที่นั่งต่างๆ ในกรุงเทพฯ ก็ถูกรื้อเอาอิฐไป ไม่ใช่พังลงเอง เรื่องวัดแก้วฟ้าเก่าที่ตรัสเล่านั้นดี ไม่เคยทราบเลยว่ามีวัดเก่าอยู่ในแถบธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ และการผาติกรรมก็ได้กระทำไปไม่เป็นเวลานาน ควรที่จะทราบได้ แต่ก็หาได้ทราบไม่

ข้อที่ทรงสันนิษฐานว่า พระแท่นออกขุนนางองค์ใหญ่จะเป็นสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยทำ พระองค์ใยจะทำแต่พระแท่นแซกสององค์นั้น ชอบกลหนักหนา ถ้าได้สังเกตฝีมือทำมุกก็อาจเห็นตัดสินเอาแน่ได้ แต่เกล้ากระหม่อมก็ไม่ได้เคยสังเกตมาก่อน ไม่สามารถจะทูลรับรองหรือไม่รับรองอย่างไรได้ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ตั้งอยู่ดังเดิม จะสังเกตดูก็ไม่ได้

ตามที่ตรัสถึงว่าใครแม่นยำและไม่แม่นยำในทางโบราณคดีนั้นจับใจมากทีเดียว ด้วยเคยได้แก่ตัวมาแล้ว เมื่อเห็นคนสูงอายุมีหลักอันดี หวังใจว่าจะบอกเหตุการณ์เก่าๆ ได้ก็ถามทางโบราณคดีดู ลางคนจึงจะบอกได้ดี ลางคนก็บอกได้แต่เลือนๆ ที่ไม่รู้อะไรเสียเลยนั้นแหละมาก จึงลงสันนิษฐานได้ว่าที่หนังสือเก่าๆ มีเคลื่อนคลาดอยู่นั้น ก็เป็นเหตุด้วยไม่รู้นั้นเอง แต่จะบอกว่าไม่รู้ก็นึกกระดากใจ จึงบอกพุ่งให้ตามคิดคาด ผู้แต่งหนังสือสำคัญว่าจริง เก็บเอาคำบอกมาแต่งขึ้น จึงเคลื่อนคลาดไป

เบ็ดเตล็ด

กำหนดวันที่ ๘ ถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม จะมีการออกร้านเป็นงานฉลองรัฐธรรมนูญ จะทำการที่เขาดินและสนามเสือป่า (ซึ่งอยู่ข้างสวนมิสกวัน) เรียกรวมกันว่าเขาดินวนา ผ่านพระลานดุสิตกินไปถึงสวนกวางซึ่งเปลี่ยนชื่อเรียกสวนอัมพร แทนที่เคยมีที่สวนสราญรมย์แห่งหนึ่ง ว่าเป็นที่ทางกว้างขวางกว่า กับไปมีที่สวนลุมพินีแทนที่ท้องสนามหลวงอีกแห่งหนึ่ง เดิมยกท้องสนามหลวงไว้จะจัดเป็นที่แข่งรถยนต์สากล แต่เกิดเรื่องฝรั่งรบกันขึ้น การแข่งรถยนต์สากลก็ระงับไป แต่ส่วนในทางราชการนั้นมีงานหลวง ๒ วัน คือวันที่ ๑๑ ธันวาคม และที่ ๑๒ ธันวาคม สำนักพระราชวังออกหมายบอกมา มีใบพิมพ์กำหนดงานโดยละเอียดส่งมาด้วย ดังได้แบ่งส่งมาถวายฉบับหนึ่ง เพื่อได้ทราบฝ่าพระบาทในคราวนี้ด้วยแล้ว

การอื่นอันเป็นธุระส่วนตัวเล็กน้อยก็มีไม่ขาด แต่ไม่เป็นสาระที่ควรจะกราบทูลมาให้ทรงทราบ

ปัญหา

เมื่อเล็กๆ เคยเห็นเขาทำขวัญเช่นแม่ซื้อ จำได้ว่ามีข้าวย้อมสี ทำเป็นปั้นขว้างข้ามหลังคา จำได้เท่านั้นเอง หวังว่าฝ่าพระบาทคงได้เคยทอดพระเนตรเห็นเหมือนกัน ได้ทรงทราบอะไรละเอียดกว่านั้นซึ่งพอจะตรัสบอกได้บ้างหรือไม่

ร้านม้า เป็นชื่อที่เผาศพชนิดเก่า ได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวจริงเลย ทำเป็นอย่างไร ฝ่าพระบาทได้เคยทอดพระเนตรเห็นหรือได้ทรงทราบ พอที่จะตรัสบอกได้หรือไม่

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ