วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๒ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๔๘๒

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ได้รับลายพระหัตถ์เวร ซึ่งลงวันที่ ๑๖ มกราคม ในคราวเมล์วันเสาร์ที่ ๒๐ มกราคม ตามกำหนด และซองก็ไม่มีรอยตัดตรวจ มีแต่ตราสั่งผ่านประทับหลังดวงหนึ่งตามเคย จะกราบทูลสนองความในลายพระหัตถ์นั้นลางข้อต่อไปนี้

สนองความในลายพระหัตถ์

ตามพระดำริซึ่งทรงสันนิษฐาน ว่าแท่นงาในพระพุทธรัตนสถานจะเป็นนิมิต นำให้คิดการทำพัดแฉกงาถวายนั้น เหมาะเจาะสมควรแก่เหตุมาก แต่ก็เป็นการสันนิษฐานเท่านั้นจะถือเอาว่าเป็นแน่แท้ก็หาได้ไม่ พระพุทธรูปถือพัดนั้นให้สงสัยว่าจะเกิดขึ้นในชั้นเมืองลังกา เพราะว่าพระถือพัดนั้นมาเฟื่องฟูขึ้นในลังกา แม้เรื่องที่ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่งทำพัดถวายพระพุทธเจ้านั้น ก็เกรงว่าจะแต่งขึ้นในเมืองลังกาเหมือนกัน

“พระบรมราชโองการ” เป็นอันได้ทรงบัญญัติแต่คำ “บรม” “บวร” สำหรับประกอบกับคำ “พระราชโองการ” ซึ่งมีมาเก่า ต้องตามที่คิดคาดอยู่ในใจนั้นแล้ว

พระราชเข้าโกศเป็นตอนที่แต่งขึ้นใหม่ในเมืองนี้ ฉบับอินเดียไม่มี ประหลาดหนักหนาที่พวกเราชอบเรื่องยาวไม่รู้จักจบ จึงได้แต่งต่อกันไปไหนๆ ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าคนชอบแล้วก็มีคนแต่งต่อศพโกศนั้นเราถนัดกันมาก แต่ศพนกหัษฎายุ (ฉบับอินเดียเรียกชตายุสฺ) ซึ่งไม่ใช่คนก็เขียนรูปไว้ที่ฝาผนังเป็นใส่โกศเผา มีหัวโผล่ขึ้นมาเหนือปากโกศผิดปกติ แต่ที่เขียนเช่นนั้นก็เห็นว่าจำเป็น มิฉะนั้นก็รู้ไม่ได้ว่าเป็นศพนกหัษฎายุ ศพโกศนั้นมีมาแล้วแต่ครั้งกรุงเก่า แต่จะมีขึ้นเมื่อไรและจำอย่างใครมา นั่นแหละเป็นปัญหาที่กระสับกระส่ายอยากทราบ ทีแรกก็นึกว่าเราจะได้ประเพณีของพวกพราหมณ์มา แต่เมื่อสืบประเพณีทางอินเดียก็ได้ความว่า ไม่ว่าศพชาติพราหมณ์หรือชาติกษัตริย์เขาห่อผ้าเผากันสด ๆ ทั้งนั้น อย่างพระดำรัสเรื่องร้านม้า ไม่มีอะไรใส่ศพด้วยซ้ำ พลากจากนั้นก็นึกไปถึงพระเจ้าเนาวสว่านในเรื่อง ๑๒ เหลี่ยม เห็นเป็นแต่งศพนั่งตั้งไว้ เป็นท่วงทีอย่างเดียวกับศพโกศ อันเรื่องพระเจ้าเนาวสว่านจะเป็นเรื่องมาทางไหนไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ทางอินเดียแน่ สงสัยว่าจะเป็นทางอียิปต์ คือมัมมี แต่เมื่อถามผู้รู้เขาบอกว่ามัมมีนั้นแต่งศพใส่โลงหินมีอาการนอนทั้งนั้น ก็เลยสิ้นปัญญาไม่รู้ว่าศพโกศมาทางไหนจนบัดนี้ นึกว่าจะต้องเป็นพระเพณีของเมืองที่มีติดต่อกับเราเป็นแน่นอน

จะกราบทูลถึงความคิดทางอวตาร เขาไม่ได้หมายถึงว่าองค์พระเป็นเจ้าจุติไปเกิด อย่างเช่นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอะไรต่ออะไรหามิได้ อวตารหมายความว่าแบ่งภาค คือแบ่งเอาอะไรในพระองค์ออกไป เปรียบว่าถอนขนตาโยนไปแล้วสาปให้เป็นอะไรก็ตามแต่ต้องการ โดยเหตุปกติต้องเป็นนายโรงเอกมีความเก่งกล้า สัตว์ที่นับว่าอวตารต่ออวตารจ๊ะกันเข้าถึงรบกันก็มี เช่นรามสูร (รามปรสุ ปางที่ ๖) รบกับพระราม (รามจันทร์ ปางที่ ๗) ก็ได้นารายณ์สิบปาง ทางเรากับทางอินเดียต่างกันอยู่ลางปาง เห็นจะควรกราบทูลเรื่องทางอินเดียเสียให้ทรงทราบในที่นี้ด้วย นึกว่าฝ่าพระบาทคงยังไม่ทรงทราบ เพราะเป็นเรื่องสวะ แต่เกล้ากระหม่อมต้องรู้เพราะเกี่ยวแก่การช่าง จึงจำเป็นต้องดู

ปาง ๑ มัตสยาวตาร ปางนี้ผิดกับเรื่องทางไทย ใกล้ไปทางข้างนัว หรือ โนฮา ของฝรั่ง มีน้ำท่วมโลก พระเจ้ามนุไววัสวตะต่อเรือใหญ่ประทุกสัตว์สิ่งละคู่ เอาเถาวัลย์ผูกกับเขาปลาโยงไปสู่เชิงเขาพระสุเมรุ ปลาอะไรจึงมีเขาก็ไม่ทราบ ใกล้ไปทางปลามังกรทางข้างจีน

ปาง ๒ กุรมาวตาร (เต่า) เพื่อกวนน้ำทิพย์ ปางนี้ต้องกันกับทางข้างไทย

ปาง ๓ วราหาวตาร ปราบยักษ์ซึ่งม้วนแผ่นดิน ทางไทยเรียกชื่อหิรันตยักษ์ แต่ทางอินเดียเรียกชื่อ หิรัณยากษ์ (หิรัณยอักษ) แปลว่าตาทอง ทั้งสามปางนี้ว่าเกิดก่อนนารายณ์ จึงจัดเป็นพรหมาวตาร ครั้นนารายณ์เกิดขึ้นจึงโอนเอามาเป็นวิษณุอวตาร

ปาง ๔ นรสิงหาวตาร ตรงกับเรื่องทางไทย

ปาง ๕ ขุชชาวตาร (คนค่อม) หลอกขอที่สามย่างแก่กรุงพลิตรงกับเรื่องทางไทย

ปาง ๖ ปรศุรามาวตาร คือรามสูร ว่าเป็นพรหมณ์อวตารมาล้างพวกกษัตริย์ที่ฆ่าพราหมณ์ เรื่องทางไทยไม่มี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถือเอาปางนี้ คือปางที่ ๖ อันตรงด้วยรัชกาลแห่งพระองค์มาทรงสร้างตรารามาธิบดีขึ้น รูปในดวงตราก็เป็นรูปรามสูรกำลังปราบกษัตริย์

ปาง ๗ รามจันทราวตาร คือพระรามซึ่งปราบทศกรรฐ์ ตรงกับเรื่องไทย

ปาง ๘ กฤษณาวตาร เรื่องทางไทยมีนิดหน่อย

ปาง ๙ พุทธวตาร คือเรื่องพระพุทธเจ้าเรานี่เอง เพราะเหตุนี้ พวกแขกกาลิงค์จึงไหว้พระพุทธรูป ด้วยถือว่าเป็นวิษณุอวตาร ลางทีพระนาคปรกจะตั้งใจทำเป็นพระวิษณุ เพราะเห็นนั่งบนตัวนาคเป็น อุรคอาสน์ ผิดทางกับปางประทับภายใต้ไม้จิก นั่นเป็นแต่พระยานาคแผ่พังพาน บังฝนถวาดไม่ได้ประทับบนตัวนาค

ปาง ๑๐ กัลกิอวตาร ว่าขี่ม้าขาวมีปีก แล้วตัวอวตารกั้นร่ม (เห็นจะหมายว่ากั้นฉัตร) เป็นปางที่ยังไม่มา และจะมาในภายหน้าต่อไป ปางนี้ทางหนังสือไทยไม่มี เข้าใจว่าเป็นความคิดทางเดียวกันกับศาสนาพระศรีอารย์

ส้มจัฟฟาซึ่งนายเติมมหาดเล็กเอาเข้าไปส่งนั้น ๗ ลูก มากกว่าที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ ๒ ลูก ได้ความว่าหม่อมเจิมเอาของตนเติมเข้าอีก เป็นเหตุให้รำพึงถึงพระเดชพระคุณอันได้ทรงคำนึงถึงโดยพระทัยเมตตา ให้บังเกิดความยินดีเป็นล้นเกล้า ทั้งขอบใจหม่อมเจิมด้วย แล้วก็นึกขันว่ากระไรเลย เขาช่างพิถีพิถันเป็นหนักหนา

เรื่องหนาวนั้นอะไรก็ไม่สำคัญเท่าที่หนังมันแห้งสากไม่เป็นผิวคนแล้วก็เป็นเม็ดคัน หาความสุขมิได้ เข้าใจว่าเป็นด้วยความชราเครื่องจักรภายในมันส่งอะไรออกมารักษาผิวไม่พอการ อ่านหนังสือพิมพ์เห็นเขาลงข่าวว่าที่ยุโรปหนาวปรอทลงต่ำกว่าศูนย์ตั้งยี่สิบสามสิบองศา ให้นึกสยดสยองว่าถ้าตัวไปถูกเข้าเช่นนั้นเป็นตายแน่ ที่ปีนังฟังพระดำรัสชี้แจงเห็นเป็นเมืองสวรรค์ ไม่มีหนาวเกินไปร้อนเกินไป ที่จริงเมืองสวรรค์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ ที่อ้างถึงก็หมายความเพียงว่า “ดี” เท่านั้น

ข่าวกรุงเทพ ฯ

เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม สำนักพระราชวังออกหมายบอกมาว่าประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สั่งให้จัดการพระราชทานน้ำสังข์แก่ชายประสบสุขและหญิงเพียร พร้อมกันกับชายเปรมในวันที่ ๒๒ มกราคม ด้วย ครั้นถึงวันที่ ๒๒ หญิงเล็กประภาวสิทธิก็พาชายเปรมกับเจ้าสาวมาให้รดน้ำที่บ้านปลายเนินในเวลา ๑๖.๒๐ นาฬิกา เสร็จแล้วจึงไปวังวรดิศในเวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา รดน้ำแต่งสมรสให้แก่ชายประสบสุขและหญิงเพียร การงานเรียบร้อยหมดทุกอย่าง

จะกราบทูลปกิณกะเรื่องต้นตาล ตั้งแต่แรกเกล้ากระหม่อมมาอยู่บ้านปลายเนิน ก็ตั้งหน้าทำพื้นที่เพื่อให้ดูเรียบร้อย ได้บอกกับแม่โตว่าอยากมีต้นตาล แม่โตก็ตามใจไปเที่ยวหาหน่อตาลมาปลูก แต่ตายเสียเห็นจะสักสามคราวได้ คราวหลังจึงตั้งตัวเป็นขึ้น แม่โตก็พลอยดีใจออกปากติดจะเป็นการเล่นว่า ถ้าออกลูกจะมีละครชาตรีทำขวัญ แล้วก็หัวเราะกัน แม้แต่เมื่อเป็นแล้วก็เกือบจะตายเสียเป็นหลายหน ด้วยด้วงมันข่มเหงกัดยอดกิน ต้องเพียรรบกับด้วงอยู่ร่ำไป ครั้นมาเมื่อวันที่ ๒๐ หญิงวันมาบอกว่า ต้นตาลออกลูก ทำให้เกล้ากระหม่อมตื่นใจเป็นอันมาก เดินผ่านต้นตาลนั้นมาทุกวัน แต่ไม่ได้แหงนดูว่ามันจะออกลูกหรือยัง ด้วยไม่มีหวังเลยว่าจะมีอายุอยู่จนเห็นลูกตาล ครั้นหญิงวันบอกจึงได้แหงนดู ปรากฏว่าเป็นแต่เพียงออกจั่นยังไม่ถึงมีลูก แต่ไม่ช้าเท่าไรแม่โตก็จะต้องมีละครตามที่พูดไว้ คิดดูมาอยู่บ้านปลายเนินได้ ๒๕ ปี ปลูกต้นตาล ๑/๔ แห่งร้อยปีจึงออกลูก เป็นอันควรจะตื่นใจทีเดียวแล้ว และมาทราบจากเด็กคนใช้ในการที่ตื่นใจนี้ ว่าต้นตาลมีสองชนิดเป็นตัวผู้ตัวเมีย ตัวผู้นั้นออกแต่งวงให้ทำน้ำตาลได้ แต่ไม่มีลูก ส่วนตัวเมียนั้นออกลูกไม่ออกงวงทำน้ำตาลไม่ได้ นี่เป็นความรู้ใหม่ซึ่งแต่ก่อนมาไม่ทราบเลย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ