วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๘๒

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ ทราบฝ่าพระบาท

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม ได้รับลายพระหัตถ์เวร ลงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ซึ่งส่งประทานไปกับรถไฟนั้นแล้ว เป็นไปเรียบร้อยตามเคยทุกอย่าง จะกราบทูลสนองลายพระหัตถ์นั้นลางข้อต่อไปนี้

สนองความในลายพระหัตถ์

เรื่องชาดกอันแต่งเป็นหนังสือสวดนั้น เมื่อเล็กๆ ก็ได้พบอยู่บ้างแต่ไม่มาก เขาว่าในหัวเมืองเหนือมีมาก แม้มีการศพซึ่งเรียกว่า “ทำงันเฮือนดี” ก็มีผู้ที่ชำนาญในการอ่านหนังสือสวดมาอ่านให้คนฟัง เห็นว่าเทศน์มหาชาติก็ทีจะเป็นหลักอันเดียวกันนั้นเอง คำว่า “ทำงันเฮือนดี” ควรจะเป็นทำทีหลังเมื่อเผาศพแล้ว โดยคำแห่งชื่องานดูเป็นงานทำขวัญเรือนซึ่งไม่มีศพอยู่ในเรือน ในโบสถ์วัดราชบูรณะที่หลังบานหน้าต่างเขียนเป็นเรื่องที่มีในหนังสือสวดทั้งนั้น ไม่เคยพบที่ไหนทำเหมือนเช่นนั้นเลย มีเรื่องแปลกๆ ซึ่งไม่เคยรู้เป็นอันมาก

เรื่องสังขยา ได้กราบทูลมาแล้วก็ไม่แล้วเท่านั้น ยังได้พยายามดูหนังสือมูลบทเพื่อให้รู้จำนวนแน่อีก ปรากฏว่าขึ้นทีละร้อยแสนไปจนถึงอสงไขยนั้นมีถึง ๑๙ ชั้น กำหนดเอาตั้งแต่โกฏิหนึ่งขึ้นไป ไม่มีสิ่งใดอันจะพึงนับถึง เพียงแต่ปโกฏิหนึ่งเท่านั้นก็ล้นเหลือเสียเต็มทีแล้ว ได้ดูสอบกับพจนานุกรมของอาจารย์จีลเดอส์ในลางจำนวน ที่นั่นก็บอกจำนวนสิบล้านมีเลขคูณลงไว้ข้างท้าย ทำให้เข้าใจว่าเหมือนกัน ตามที่ดูสอบนั้น ก็เพื่อจะดูสอบว่าจะมีอะไรเข้าใจผิดอยู่ในนั้นบ้างหรือไม่ เมื่อได้เห็นจำนวนเป็นสิบล้านคูณก็เบื่อใจพอแล้ว ขี้เกียจคิดสอบสวนเอาจริงจัง เห็นเหลวไหลไม่มีสิ่งใดที่จะใช้นับ ตามที่ทรงพระดำริว่าเพียงแต่หมายความว่ามากเท่านั้น เป็นอันถูกต้องจริงที่สุดแล้ว

ที่ว่าอิเหนาข้ามมละกานั้น ทีจะเป็นเกาะซึ่งเขียนไว้ว่า Malucca เพราะว่าข้ามจากเกาะบาหลี ไม่ใช่ขึ้นมาข้ามมละกาที่เมืองทางแหลมมลายู เมืองมละกาทางแหลมมลายูนั้นก็ชอบกล เหตุใดจึงเหลืออยู่เป็นเมืองนิดเดียว เคยเห็นแผนที่เก่าของวิลันดาหรือโปรตุเกสอันใดอันหนึ่ง เขียนหนังสือบอกชื่อแผ่นดินแหลมมลายูไว้ว่ามละกาทีเดียว ทั้งนี้ก็สมกับที่เรียกทะเลในช่องแหลมมลายูตรงนั้นว่า Malacca Strait ลางทีข้อนี้จะประทานพระดำรัสอธิบายได้

ในเรื่องภาษา ตามที่ตรัสทัก เกล้ากระหม่อมก็ได้สติรู้สึกทันที ช่างแต่งหนังสือแต่ก่อนไม่มีใครคิดไปถึงเลย ดูเหมือนซ้ำสัตว์กับคนก็อาจพูดเข้าใจกันได้เสียด้วย ช่างแต่งหนังสือนั้นเกล้ากระหม่อมกลัวเต็มที เช่นว่าตัวอะไรมีมือมากๆ มีทศกัณฑ์เป็นต้น พูดเป็นหนังสือก็พูดไปได้อย่างคล่อง แต่ถึงทำรูปเข้าจริงๆ ก็ขัดข้อง แม้เขียนก็พอเขียนไปได้ด้วยแขนบังซ้อนๆ กัน แต่ถ้าถึงปั้นเข้าแล้วหงายท้องทั้งยืน แขนไม่มีที่ออกนอกจากจะทำไหล่ให้ใหญ่เกินธรรมดาไปอีก ๑๐ เท่า

ชื่อหวันยิหวาเห็นจะเป็นชิวา

เรื่องพระมหาภุชงค์เธอตามใจให้สัปบุรุษจีนเขาเดินเทียนในการมาฆบูชานั้น เป็นการชอบที่สุด สัปบุรษเขาจะทำอะไรกัน ถ้าไม่เป็นการเสียหายแล้วไม่ควรขัดขวางเลย ขัดใจคนโดยถือแบบแผนโกร้นั้นไม่ได้เรื่อง ทำให้คนไม่ชอบไปเปล่าๆ ประโยชน์ได้ไม่เท่าเสีย

พระดำรัสเล่าถึงที่ปีนังฝนไม่ตก ทำให้นึกไปถึงหญิงเป้า ถามหญิงอามบอกว่าได้ไปพบตัวแล้ว กล่าวโทษว่าน้ำพุไม่งามมีน้ำน้อย เป็นอันเข้าใจได้ว่านั่นไม่ใช่อะไร เพราะแล้งไม่มีฝนเติมน้ำพุให้มากพอนั้นประการหนึ่ง แล้วหญิงเป้าเธอก็มั่นหมายไปว่างามเกินกว่าที่จะเป็นไปได้นั้นก็อีกประการหนึ่ง ประการหลังนี่แหละสำคัญมาก เหมือนเกล้ากระหม่อมไปดูปราสาทพิมาย ด้วยมั่นหมายในใจไปว่าใหญ่โต แต่ครั้นไปถึงก็เสียใจด้วยเห็นซอมซ่อ เพราะผิดความหวังใจไปว่าจะใหญ่โตเท่านั้น แต่ที่จริงฝีมือที่ทำนั้นเลิศแล้ว ความร้อนที่ปีนังผิดกันถึง ๗ ดีกรีภายในเวลา ๖ ชั่วโมงนั้นไม่ดี อาจทำให้เจ็บไข้ไปได้เพราะร่างกายเราเปลี่ยนตามไม่ทัน ข้อที่ตรัสถึงหญ้าร้องไห้ที่ปีนังนำไปให้นึกถึงพระแท่นดงรัง คราวเมื่อตามเสด็จไปประพาสไทรโยค จำความเป็นไปได้ไม่ลืมเลย ดังจะเล่าถวายต่อไปนี้ ครั้งนั้นเกล้ากระหม่อมก็ยังเด็กไม่มีปัญญารู้คิด จะเสด็จไปพระปฐมแล้วไปพระแท่น ไปลงเรือที่กาญจนบุรีแล้วไปประพาสไทรโยค ได้ตามเสด็จก็ดีใจ แต่ครั้นเมื่อไปถึงพระปฐมไปเกิดเจ็บตัวร้อนขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็หนักในพระราชหฤทัย ทรงพระราชดำริจะให้ไปเรือล่วงหน้าไปคอยเข้ากระบวนเสด็จอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี แต่เกล้ากระหม่อมไม่ยินยอมดันทุลังจะตามเสด็จไปพระแท่นดงรังให้ได้ ด้วยได้ฟังใครต่อใครมียายเป็นต้น สรรเสริญพระแท่นดงรังนัก อะไรๆก็เป็นศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยอานุภาพพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ทำให้อยากไปเห็นเต็มที เจ้าพระยานรรัตน์รับช่วยด้วยรถของท่านมีเอาไป จะให้ขี่รถไม่ต้องขี่ม้า เกล้ากระหม่อมก็ดีใจขอบใจท่าน แต่รถของท่านนั้นเป็นชนิดที่เจาะถังราง เห็นจะมีสปริงขวางอยู่ในถังรถนั้น จะเป็นสปริงหักหรือเพลาหักอย่างไรก็แลไม่เห็นเอาไม้กระบอกเข้าดามไว้ที่เพลา เมื่อขี่รถนั้นไปก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงยิ่งกว่าขี่ม้าเสียอีก จึงต้องลาลงขี่ม้า พระองค์เจ้าสิงหนาทท่านสงสารเลยเรียกเอาขึ้นรถไปกับท่าน รถของท่านเป็นรถอเมริกันชนิดล้อใหญ่ เวลาขึ้นต้องชักม้าเบ้ไปให้ลูกล้อห่างกัน ดังได้ทรงทราบอยู่แล้ว มี “อ้ายโก๋” เป็นคนจูงม้าขึ้นท้ายรถเต็มที่ นั่นแหละสบายไปได้จนถึงพระแท่นดงรัง แต่ครั้นไปถึงเข้าจริงกลับเสียใจ นึกว่า “รู้งี้” ล่วงหน้าไปกาญจนบุรีเสียดีกว่า เมื่อเทียบกับพระแท่นศิลาอาสน์แล้วผิดกันไกล ถ้าเป็นพระแท่นศิลาอาสน์แล้วจะไม่ต้องเสียใจเลย ที่นั่นมีอะไรๆ ที่ทำให้ “หูผึ่ง” มากมาย จะให้ไปพระแท่นศิลาอาสน์อีกกี่หนก็ไปได้ แต่จะให้ไปพระแท่นดงรังอีกนั้นลา

ข่าวเบ็ดเตล็ดในกรุงเทพ ฯ

พระราชพิธีสมโภชฉัตร เกล้ากระหม่อมได้เข้าไปตามหมายกำหนดการทั้ง ๓ เวลา ไม่มีการสิ่งใดซึ่งนอกไปจากหมายกำหนดการอันได้ความมาแล้วนั้น

วันที่ ๒ มีการทำบุญ ๗ วันศพท้าววรจันทร์ เกล้ากระหม่อมไปในงานนั้น เห็นมีพุ่มกับเฟื่องประดับเติมขึ้นที่โกศศพ

หม่อมเชื้อแม่หญิงจงกลนีตายเสียแล้ว ทำการอาบน้ำศพเมื่อวันที่ ๓ นี้ เจ็บมานานแล้วเป็นโรคเนื้องอกในลำไส้ แต่เก่งเต็มทีทำอะไรๆ อย่างเหมือนหนึ่งว่าไม่ได้เจ็บไข้ มาล้มนอนลงก็ตายทีเดียว ให้รู้สึกสงสารหญิงจงกลนีเธอมีความเศร้าโศกเป็นอันมาก แต่ก็ปลงตกว่าเป็นธรรมดาเท่านั้น

มีงานออกร้านกันในสวนอัมพร เรียกว่า “วชิราวุธานุสสรณ์” โดยประสงค์จะเก็บเงินค่าผ่านประตูสมทบทำพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กำหนดมีงาน ณ วันที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ มีนาคม รายละเอียดคงจะได้ทรงทราบที่ในข่าว ซึ่งเขาลงในหนังสือพิมพ์ “บางกอกไตมส์” นั้นแล้ว กรมโฆษณาการขอถ้วยรางวัลมา เกล้ากระหม่อมก็จัดส่งไปให้ เว้นแต่ตัวไม่ได้ไปในงานนั้น

แก้ผิด

ตามที่ได้กราบทูลมา ว่าพระศุภรัตน์คนอ้วนๆ เห็นจะชื่อจ้อยนั้นผิดไป สืบได้ความแน่ว่าชื่อจวง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ