๙๕

ฝ่ายเตียเช็งตั้งแต่ได้นางเก็งเอ็งกุนจู๊บุตรหญิงโอวหลีติดอานเป็นภรรยาอยู่ที่เนินแป๊ะโฮวเนี้ย เตียเช็งมีความวิตกคิดจะช่วยให้พี่น้องเหล่านั้นออกก็ยังไม่ได้ท่วงที เตียเช็งก็ชวนนางเก็งเอ็งกุนจู๊ภรรยากินโต๊ะเสพสุราพูดจาเย้าหยอกกันทุกวัน เวลาวันหนึ่งโอวหลีติดอานผู้รักษาเนินแปะโฮวเนี้ยป่วยลง เตียเช็งแจ้งความจึงคิดว่าบัดนี้บิดาของภรรยาเราก็ป่วยมาก จำจะซ้ำเติมเอาให้สิ้นชีวิตการทั้งปวงก็คงสำเร็จแล้ว คิดแล้วให้หาหมอยาผู้หนึ่งมาปรึกษาการที่จะวางยาพิษให้โอวหลีติดอานบิดาของภรรยากินเสียให้ตาย หมอว่าการซึ่งจะวางยาพิษนั้นง่าย แม้นสืบไปภายหน้าเกิดความขึ้นข้าพเจ้ามิตายหรือ เตียเช็งตอบว่าข้อนั้นตกพนักงานเรา ครั้นนัดกันแล้วเตียเช็งก็เข้าไปบอกนางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่า เราไปเชิญหมอยามาผู้หนึ่งเคยรักษาคนหายมามาก อยากจะให้หมอนั้นเข้ามาดูบิดาจะได้วางยาเสียให้หาย นางเก็งเอ็งกุนจู๊ไม่รู้อุบายได้ฟังสามีแจ้งความก็ยินดีจึงเชิญหมอนั้นเข้าไปดู หมอจับเส้นมือโอวหลีติดอานดูเแล้วแกล้งพูดว่า โรคของบิดาท่านมากนักรักษาไม่ได้

เตียเช็งรู้ในทันทีด้วยนัดกันไว้จึงว่า โรคของบิดาเราป่วยมากก็รู้อยู่ แต่ท่านช่วยวางยาสักทีหนึ่งเถิด แล้วหันหน้ามาบอกนางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่าเจ้าจงเอาเงินมาให้หมอสักห้าสิบตำลึงขอให้วางยาพอประทังไว้ นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังเตียเช็งว่าก็ไขกุญแจหีบหยิบเงินมาห้าสิบตำลึงแล้วส่งให้หมอ ๆ ก็แกล้งทำไม่รับเงิน นางเก็งเอ็งกุนจู๊ขืนส่งให้แล้วว่าเชิญท่านรับเงินวางยาสักหน่อยเถิด ข้อซึ่งเป็นตายสุดแต่บุญกรรมถ้าแม้นเป็นอันตรายก็ไม่ให้ถึงตัวท่านดอก หมอนั้นได้ฟังก็รับเงินเก็บไว้ เอายาพิษออกละลายให้โอวหลีติดอานแล้วก็ลากลับมาบ้าน โอวหลีติดอานป่วยหนักลงอยู่มาได้อีกสามวันพิษยากำเริบมากขึ้น โอวหลีติดอานก็ตาย นางเก็งเอ็งกุนจู๊ก็ร้องไห้กลิ้งเกลือกไป เตียเช็งจึงว่าบิดาเจ้าก็ตายแล้วจะมาโศกเศร้าอยู่เช่นนี้มิใช่จะกลับเป็นขึ้นมาได้เมื่อไหร่ เราคิดอ่านจัดการศพบิดาเสียจะได้ตรึกตรองการอื่นต่อไป นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังเตียเช็งว่าก็คลายโศกจึงให้เอาหีบมาใส่ศพบิดาตามยศขุนนางนายทหาร แล้วจัดการที่จะทำกงเต๊กพร้อมแล้วจึงให้ไปเชิญเคียวเตาเช็งผู้เป็นอาจารย์ ณ เนินแปะโฮ้วเนี้ยมา

ฝ่ายเคียวเตาเช็งครั้นแจ้งว่าผู้รักษาเนินแปะโฮวเนี้ยตายก็ตกใจ จึงสั่งให้ไพร่พลรักษาเนินไว้อย่าให้ยกออกสู้รบแล้วออกจากเนินโซวหลิมเนี้ยมากับบ่าวไพร่หลายคน ถึงเนินแปะโฮวเนี้ยเข้าไปหานางเก็งเอ็งกุนจู๊แล้วก็เล่าความซึ่งสู้รบกับกองทัพซ้องกั๋งเอาชัยชนะยังไม่ได้ให้ฟังทุกประการ นางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่าการซึ่งจะสู้รบนั้นจงงดไว้ ช่วยกันจัดการกงเต๊กฝังศพบิดาข้าพเจ้าเสียก่อนจึงคิดอ่านกันต่อไป

พูดแล้วก็ช่วยกันทำบุญให้ทานครบเจ็ดวันก็ฝังศพโอวหลีติดอานตามยศขุนนางนายทหารเสร็จแล้ว เคียวเตาเช็งพูดกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่าข้าพเจ้าจะลาท่านกลับไปรักษาเนิน แต่ไพร่พลเบาบางนัก จะยืมไพร่พลของท่านสักสองหมื่นยกไปช่วยรักษาเนินไว้ให้มั่นคงท่านจะเห็นเป็นประการใด นางเก็งเอ็งกุนจู๊ตอบว่าเชิญท่านซินแสล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะจัดไพร่พลตามไปต่อภายหลัง เคียวเตาเช็งก็ลานางเก็งเอ็งกุนจู๊กลับไปรักษาเนินโซวหลิมเนี้ยตามเดิม

ฝ่ายเตียเช็งครั้นคิดฆ่าโอวหลีติดอานตายแล้วก็ยินดี จึงพูดกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่าบิดาเราก็ดับสูญไปแล้ว บัดนี้เจ้าแผ่นดินซ้องมีบุญบารมีมาก ซ้องกั๋งแม่ทัพก็สัตย์ซื่อสุจริตยกกองทัพมาครั้งนี้เข้มแข็งนัก เราจะคิดต้านทานที่ไหนจะส็ได้ อย่ากระนั้นเลยเราพากันไปสามิภักดิ์กับแผ่นดินซ้องก็จะมีความสุขด้วยกัน แต่ไม่แจ้งว่าใจของเจ้าจะคิดประการใด นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังเตียเช็งว่าก็เป็นที่จนใจขัดไม่ได้ จึงตอบว่าถ้าท่านเห็นดีข้าพเจ้าก็ไม่ขัด พูดแล้วจึงเกลี้ยกล่อมไพร่พลยอมพร้อมใจกันทั้งสิ้น เตียเช็งก็ยินดีพูดกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊ว่าถ้าแม้นได้เคียวเตาเช็งไปสามิภักดิ์ด้วยก็คงมีความชอบมาก นางเก็งเอ็งกุนจู๊ตอบว่า ท่านกับข้าพเจ้าคุมไพร่พลไปเนินโซวหลิมเนี้ยด้วยกันเถิด ข้าพเจ้าจะพูดเกลี้ยกล่อมเคียวเตาเช็งดูก่อนแล้วจึงคิดอ่านต่อไป เตียเช็งก็ดีใจชวนภรรยาคุมไพร่พลตรงมาถึงเนินโซวหลิมเนี้ย พวกนายทหารที่เนินก็ต้อนรับเชิญนางเก็งเอ็งกุนจู๊เข้าไปยังที่ชุมนุมจัดที่ให้นั่งตามสมควร นายทหารทั้งปวงก็มาคำนับนางเก็งเอ็งกุนจู๊พร้อมกัน นางเก็งเอ็งกุนจู๊จึงพูดกับนายทหารเหล่านั้นว่าเรามีข้อความอยู่สิ่งหนึ่งจะปรึกษาท่านทั้งปวงด้วยว่าเราเห็นว่าซันโฮ้วผู้เป็นเจ้านายไม่ใช่เชื้อวงศ์ เป็นแต่โจรตั้งตัวขึ้นเป็นได้อ๋อง ซึ่งเจ้าแผ่นดินซ้องนั้นวงศ์ตระกูลกษัตริย์บุญบารมีมาก ถึงคิดต่อสู้ก็คงแพ้ด้วยนายทหารมีวิชาและฝีมือเข้มแข็งนัก พวกเราจะต้องไปอ่อนน้อม ถ้าท่านทั้งปวงเห็นดีก็ไปด้วยกัน แม้นผู้ใดไม่ยอมสามิภักดิ์จะกลับไปบ้านเมืองก็ตามใจ

นายทหารทั้งปวงจึงตอบว่าถ้าท่านเห็นควรพวกข้าพเจ้าทั้งปวงมิได้ขัด นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังก็ยินดี เตียเช็งว่าเราอยากจะได้เคียวเตาเช็งซินแสไปสามิภักดิ์ด้วย แต่ยังไม่แจ้งว่าเคียวเตาเช็งจะคิดประการใด ซัวสือขีกับทหารเหล่านั้นพากันว่า ถ้าเคียวเตาเช็งไม่อ่อนน้อมยอมตายก็ช่วยกันจับตัวเคียวเตาเช็งไปสามิภักดิ์ให้จงได้ นางเก็งเอ็งกุนจู๊จึงให้เชิญเคียวเตาเช็งซินแสมาแล้วจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงเคียวเตาเช็งกับพวกนายทหารเป็นอันดี เมื่อขณะกินโต๊ะเสพสุราอยู่ นางเก็งเอ็งกุนจู๊จึงพูดกับเคียวเตาเช็งว่า ข้าพเจ้าให้เชิญท่านมาจะปรึกษาข้อความด้วยพวกข้าพเจ้ายอมจะเข้าสามิภักดิ์กับแผ่นดินซ้อง แต่ใจท่านจะเห็นอย่างไร เคียวเตาเช็งได้ฟังก็คิดตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า ท่านก็เป็นญาติของซันโฮ้วเจ้านายเราท่านยังเอาใจออกหาก ตัวข้าพเจ้านี้เป็นผู้อื่นมาช่วยบิดาท่าน ถ้าท่านสมัครแล้วข้าพเจ้าก็ยอมทำตาม เตียเช็งได้ฟังจึงว่าท่านทั้งปวงยอมพร้อมกันก็ดีแล้ว แต่พวกเราจะไปสามิภักดิ์ไม่มีผู้ชักนำถ้าจะให้ดีจงถอดเอาทหารแผ่นดินซ้องที่จับมาให้นำทางล่วงหน้าเป็นของกำนัลไปก่อน ท่านซินแสจะเห็นประการใดดี เคียวเตาเช็งก็เห็นด้วยจึงชวนเตียเช็งเดินไปหลังเนินเห็นลีขุยกับนายทหารและไพร่พลนั่งงวยงงไม่ได้สติ เคียวเตาเช็งก็ให้ตักน้ำมาชามหนึ่ง อ่านมนต์คาถาพ่นน้ำไปถูกพวกทหารแผ่นดินซ้องหายงวยงงทันที ลีขุยลืมตาดูเห็นเตียเช็งยืนอยู่ก็ถามว่าเหตุใดพี่จึงมาที่นี่ เตียเช็งสั่นศีรษะให้ลีขุยเแล้วจึงพูดว่าจำเราได้แน่หรือไม่ใช่พี่น้องดอกกระมัง ลีขุยได้ฟังก็รู้ในทีจึงกลับคำทำเป็นพูดว่าตาข้าพเจ้าลายไปไม่เห็นถนัดสำคัญว่าพี่แซ่ลี้ไม่ใช่ดอกหรือ ท่านนี้คือกุนเบ๊บุตรเขยของผู้รักษาเนินแปะโฮ้วเนี้ย ข้าพเจ้าดูผิดไปท่านอย่าถือโทษเลย

เตียเช็งว่าพวกเรานี้จะคุมไพร่พลไปสามิภักดิ์กับกองทัพแผ่นดินซ้อง จึงมาแก้ไขถอดพวกท่านออกจะได้ช่วยกันชักนำไปอ่อนน้อมด้วยกัน ลีขุยว่าข้อนั้นไม่เป็นไรจะนำไปเอง แต่พวกท่านเข้าสามิภักดิ์ครั้งนี้คงมีความชอบ เตียเช็งแกล้งทำเป็นดีใจชวนกันมายังที่ชุมนุมแล้วให้คนไปแจ้งกับลูตีซิมที่ตั้งค่ายคอยฟังข่าวอยู่หลังเนิน ว่าบัดนี้นางเก็งเอ็งกุนจู๊กับนายทหารและไพร่พลจะไปอ่อนน้อมกับกองทัพแผ่นดินซ้อง คนใช้รับคำสั่งก็ลงจากเนินไป

ฝ่ายลูตีซิมกับทหารเมื่อขณะเข้าหักหลังเนินโซวหลิมเนี้ยขึ้นไป เห็นลีขุย ลีกุน กับไพร่พลุถูกมนต์คาถามึนเมา ทหารบนเนินจับตัวไปทั้งสิ้นก็ตกใจจึงได้คุมทหารหนีลงมาตั้งค่ายคอยฟังข่าวอยู่บนหลงเนิน เวลาวันนั้นพอม้าใช้ไปแจ้งความว่าพวกบนเนินยอมสามิภักดิ์กับซ้องกั๋ง บัดนี้ถอดลีขุยกับทหารออกแล้ว ลูตีซิมได้ฟังก็ยินดี จึงชวนเฮียบเช็งขึ้นเนินมา เตียเช็งแจ้งความก็ออกต้อนรับเชิญลูตีซิมกับเฮียบเช็งเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งตามสมควร

เตียเช็งแกล้งถามลีขุยว่าท่านหลวงจีนนี้เป็นอะไรกับท่าน ลีขุยตอบว่าหลวงจีนรูปนี้ชื่อลูตีซิมเป็นพี่ของข้าพเจ้า เตียเช็งก็ทำเป็นเข้าคำนับลูตีซิมแล้วว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวชื่อท่านปรากฏมานานแต่ไม่ได้พบสนทนากัน วันนี้เทพยดาชักนำให้ท่านมาก็เป็นบุญของข้าพเจ้านัก ลูตีซิมรู้ทีก็รับคำนับตามธรรมเนียม เตียเช็งก็สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน แล้วให้ลีขุยไปแจ้งความแก่โลวจุนหงีและซ้องกั๋งทราบทุกประการ เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊จึงชวนนายทหารทั้งปวงคุมไพร่พลลงจากเนินมายังค่ายโลวจุนหงี ๆ แจ้งแล้วก็ออกรับเชิญนายทหารเนินโซวหลิมเนี้ยกับพวกทหารของตัวเข้าไปในค่ายพูดจากันแล้ว โลวจุนหงีก็แบ่งทหารและไพร่พลเป็นสามกองยกมายังค่ายซ้องกั๋ง

ฝ่ายเอียจี้คุมตัวซึงอานกับงักฉวนตรงมาถึงค่ายก็เข้าไปแจ้งแก่ซ้องกั๋งว่า โลวจุนหงีใช้ให้ข้าพเจ้าคุมทหารสองนายมาส่งให้ท่าน ซ้องกั๋งก็ลงไปแก้มัดนายทหารทั้งสองแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าได้สั่งโลวจุนหงีผู้น้องให้ไปเชิญท่านทั้งสองมาช่วยกันทำราชการปราบซันโฮ้วข้าศึก โลวจุนหงีไม่รู้จับท่านมัดมานั้นมีโทษมาก ข้าพเจ้าขออภัยเสียเถิด แล้วเชิญนายทหารทั้งสองขึ้นนั่งที่สมควร ซึงอานจึงว่าท่านไม่ฆ่าฟันพระคุณเป็นที่ยิ่งแล้ว เดิมทีข้าพเจ้าคิดจะสามิภักดิ์ แต่เป็นห่วงอยู่ด้วยบิดามารดาบุตรภรรยาอยู่เนินแปะโฮวเนี้ย แม้นนางเก็งเอ็งกุนจู๊รู้ก็คงจะฆ่าฟันบิดามารดาบุตรภรรยาข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงได้รออยู่จนทหารของท่านจับมา ข้าพเจ้ายอมสามิภักดิ์แก่ท่านแต่จะต้องลากลับไปรับบิดามารดาบุตรภรรยามาก่อน ซ้องกั๋งตอบว่า การที่จะกลับไปนั้นเราไม่สงสัย แต่งักฉวนตงจะคิดประการใด งักฉวนตงตอบว่า ถ้าซึงอานเห็นควรแล้วข้าพเจ้าก็ยอมทำตาม แต่จะลาท่านไปกับซึงอานรับบิดามารดาบุตรภรรยามาด้วยกัน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงนายทหารทั้งสอง แล้วนายทหารทั้งสองก็ลาซ้องกั๋งออกจากค่ายไป

ฝ่ายลีขุยรีบมาถึงค่ายเข้าไปคำนับซ้องกั๋ง แจ้งความว่าเตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊นำเคียวเตาเช็งและทหารไพร่พลมาคำนับ ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีให้ไตจงคุมทหารไปคอยรับอยู่ตามทาง

ฝ่ายซึงอานกับงักฉวนตงไปพบนางเก็งเอ็งกุนจู๊ ซึงอานตรงเข้าคุกเข่าคำนับแล้วแจ้งว่าข้าพเจ้าผิดนักมีโทษอยู่ท่านอย่าถือเลย นางเก็งเอ็งกุนจู๊บอกแก่ซึงอานว่า บัดนี้เราสามิภักดิ์กับกองทัพแผ่นดินซ้องท่านจะไปกับเราหรือไม่ ซึงอานว่าบิดามารดาบุตรภรรยาข้าพเจ้าอยู่ที่เนินแปะโฮวเนี้ยเกลือกว่าพวกเมืองงุ่ยจิวรู้ยกมาตั้งกักขังพวกพ้องไว้ ข้าพเจ้าต้องไปรับบิดามารดาบุตรภรรยามาเสียก่อนอย่าเพิ่งให้ผู้ใดรู้ นางเก็งเอ็งกุนจู๊จึงว่า ถ้ากระนั้นก็ให้ผู้ใดไปตั้งรักษาอยู่ที่เนินแปะโฮวเนี้ยก่อน อย่าให้พวกเมืองงุ่ยจิวรู้ว่าเราเข้าสามิภักดิ์อยู่กับซ้องกั๋ง แม้นพวกเมืองงุ่ยจิวยกมา เราจะได้ช่วยกันประดังตีก็คงจะแตกไปเอง ซึงอานก็เห็นชอบคำนับลาออกไป เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊คุมทหารและไพร่พลยกมาตามทางพบไตจงก็นำมาถึงค่าย ซ้องกั๋งออกต้อนรับเชิญเตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊และนายทหารเหล่านั้นเข้าไปข้างใน นางเก็งเอ็งกุนจู๊กับทหารทั้งปวงก็คุกเข่าคำนับซ้องกั๋งแล้วแจ้งความว่าเดิมทีพวกข้าพเจ้าไม่รู้สึกตัว ขืนจะคิดสู้รบทำให้ท่านโกรธโทษมีมาก บัดนี้พวกข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าผิดจึงชวนกันมาอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์ ท่านจงยกโทษพวกข้าพเจ้าสักครั้งหนึ่งเถิด ซ้องกั๋งก็เชิญนางเก็งเอ็งกุนจู๊กับนายทหารขึ้นนั่งยังที่สมควร แล้วว่าท่านกุนจู๊ลอบมาอ่อนน้อมมิให้ผู้คนรู้ก็บุญของข้าพเจ้านัก จะได้ช่วยทำราชการฉลองพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดินสืบไป ว่าแล้วก็สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน ครั้นกินโต๊ะเสพสุราแล้วซ้องกั๋งจึงสั่งให้เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊คุมทหารและไพร่พลไปตั้งค่ายรักษาเนินโซวหลิมเนี้ยกับให้คอยฟังข่าวซึงอานด้วย เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊คำนับลาคุมทหารไพร่พลของตัวไปตั้งรักษาเนินตามคำสั่ง

ขณะนั้นทหารเข้าไปแจ้งแก่ซ้องกั๋งว่า มีราษฎรสองคนจัดสิ่งของจะมาคำนับท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ให้นำราษฎรเข้าไปคุกเข่าคำนับอยู่ ซ้องกั๋งบอกให้นั่งแล้วถามว่าท่านมาแต่ไหน ราษฎรแจ้งว่าข้าพเจ้าชาวเมืองงุ่ยจิวอยู่ใกล้เคียงกับเนินโซวหลิมเนี้ย แซ่ติน ชื่อหยก มีบุตรหกคน ทำไร่นาหาเลี้ยงกัน ครั้นแจ้งว่าท่านยกกองทัพมาปราบปรามเมืองฮ่อปัก ข้าพเจ้าจัดได้เนื้อแพะกับสุรามาคำนับท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีเห็นว่าตันหยกผู้นี้มีนํ้าใจก็สั่งให้รับสิ่งของไว้แล้วเอาเงินสิบตำลึงให้เป็นรางวัลแก่ตันหยก ๆ มีความยินดีจึงรับเงินคำนับลากลับไป ซ้องกั๋งก็เอาเนื้อแพะกับสุราจ่ายแจกให้ทหารทั่วกัน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ