- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๗๓
ฝ่ายลีขุย ซือจิน มกหอง ลูตีซิม บู๊สงต่อสู้กับกอไทอวยและราษฎรเห็นเหลือกำลังที่จะต้านทาน ต่างคนก็หนีออกจากเมือง แต่ลีขุยมาพบเอียนเช็ง จึงว่าพวกชาวเมืองไล่ฆ่าฟันเราหนีมาได้ความเจ็บอายนัก ท่านจงช่วยเรากลับไปแก้แค้นชาวเมืองตังเกียเสียให้ได้จึงจะหายแค้น เอียนเช็งว่าเราสองคนน้อยนัก ซึ่งจะกลับไปต่อสู้เห็นจะสู้เขาไม่ได้ พูดแล้วก็ฉุดมือลีขุยจะไป ณ ค่าย มาถึงตำบลบ้านสีลิวจึงพากันแวะเข้าไป
เต็กไทก๋งเจ้าของบ้านเห็นจึงถามว่า ท่านนายทหารทั้งสองจะไปข้างไหน อย่าเข้ามาผีจะหลอก เอียนเช็ง ลีขุย บอกว่าเรามาแต่เมืองตังเกียจะไปเขาเนียซัวเปาะก็เป็นเวลากลางคืนจะขออาศัยหยุดพักพอรุ่งสว่างจะลาไป เราไม่กลัวผีดอก
และเต็กไทก๋งคนนี้มีบุตรหญิงอยู่คนหนึ่ง เป็นสาวมิให้ไปไหนอยู่แต่ในห้องเอาใจใส่คอยระวัง เพราะยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในบ้านนั้น ครั้นเห็นบุตรีเต็กไทก๋งก็รัก จะใคร่ได้เป็นภรรยา จึงจ้างหญิงผู้หนึ่งให้พูดจาชักสื่อบุตรเต็กไทก๋งก็ปลงใจ ชายนั้นก็ไปสู่หาแล้วซ่อนอยู่ในห้องจึงคิดอุบายทำเป็นปิศาจ ถ้าหญิงนั้นออกมาข้างนอก เต็กไทก๋งจะเข้าไปในห้องแล้วเอาก้อนศิลาขว้างปา และเต้นโลดหลอกหลอนต่างๆ แม้นนางนั้นอยู่ในห้องผู้เดียว เสียงปิศาจก็สงบ จนเต็กไทก๋งไม่อาจเข้าไป หญิงนั้นจึงว่าตั้งแต่วันนี้บิดาห้ามว่าอย่าให้ใครเข้าไปเว้นแต่ข้าพเจ้าผู้เดียว ปิศาจกลัวไม่ทำอันตราย ข้าพเจ้าต้องจัดข้าวปลาเข้าไปเซ่นแล้วกำกับอยู่ในห้อง ปิศาจจะได้ไม่คะนอง ถ้าข้าพเจ้าอยู่ในห้องบิดาจงระวังคนข้างนอก แม้นผู้ใดเข้าไปปิศาจจะกำเริบ ครั้นสั่งบิดาแล้วก็อยู่ในห้องกับชายชู้ ถึงเวลาก็จัดข้าวปลาส่งให้ ซึ่งชายนั้นคิดอุบายดังนี้เพราะบุตรสาวเต็กไทก๋งบอกว่าบิดากลัวปิศาจ และเต็กไทก๋งนั้นเล่าถึงเป็นคนสูงอายุก็จริง แต่โง่เขลาไม่พิจารณาบุตรสาวว่าเป็นอย่างไร ก็ทำตามถ้อยคำทุกประการ
พอเอียนเช็ง ลีขุยไปขออาศัย เต็กไทก๋งจึงว่าอยู่ไม่ได้ผีจะหลอก ครั้นได้ฟัง เอียนเช็ง ลีขุย บอกว่าไม่กลัวผีก็ยินดี จึงถามว่าท่านทั้งสองเป็นหมอปิศาจหรือ เอียนเช็งชี้เอาลีขุยแล้วบอกว่าคนนี้มีวิชาขับปิศาจได้ เต็กไทก๋งก็มีความยินดีนัก เชิญเอียนเช็ง ลีขุยให้นั่ง
ฝ่ายชายชู้ของบุตรสาวเต็กไทก๋งอยู่ในห้อง ได้ยินพูดว่าเป็นหมอปิศาจจึงเอาก้อนศิลาขว้างปาฝาผนังหลังคา แล้วเต้นโลดคะนองยิ่งกว่าทุกครั้งหวังจะให้กลัว เต็กไทก๋งตกใจตัวสั่นหน้าซีดวิ่งเข้าไปกอดเท้าเอียนเช็งลีขุย จึงอ้อนวอนว่าท่านผู้วิเศษช่วยสงเคราะห์ห้ามปิศาจอย่าให้คะนอง ลีขุยก็ตวาดด้วยเสียงอันดังแล้วว่า ไอ้ปิศาจอย่าทำวุ่นวายกูจะตัดศีรษะมึงเสียเดี๋ยวนี้ คนทั้งสองซึ่งอยู่ในห้องได้ฟังก็ตกใจนิ่งอยู่ เต็กไทก๋งเห็นปิศาจไม่คะนองเข้าใจว่าเป็นคนมีวิชาห้ามปิศาจได้ จึงถามว่าท่านจะขับปิศาจนั้นจะต้องการของสิ่งใดบ้าง
ลีขุยว่าต้องการแพะและสุกรกับสุราบูชาครู เต็กไทก๋งรีบไปจัดหาสุราเนื้อแพะและสุกรได้แล้ว พอรุ่งสว่างจึงยกสิ่งของเข้าไปให้ลีขุย ก็จุดธูปเทียนขึ้นทำเป็นคำนับครูแล้วก็เลื่อนเอาแพะสุกรและสุราลงมาสู่กันกิน ครั้นอิ่มสำเร็จแล้วลีขุยชวนเอียนเช็งเดินออกไปจากบ้าน เต็กไทก๋งวิ่งไปฉุดลีขุยไว้แล้วว่าท่านจะขับปิศาจให้ออกจากห้องทำไมจะไปเสียเล่า
ฝ่ายลีขุยเป็นคนดุร้าย แม้นกินสุราแล้วโมโหมาก เมื่อเต็กไทก๋งฉุดจะให้กลับไปก็โกรธ จึงชักขวานสำหรับถือเงื้อขึ้นจะฟัน เอียนเช็งจับมือไว้ เต็กไทก๋งก็อ้อนวอนเป็นอันมาก ลีขุยคิดสงสัยก็กลับเข้าไปเปิดประตูเห็นชายกับหญิงนอนอยู่ด้วยกัน ลีขุยก็เอาขวานฟันคนทั้งสองศีรษะขาด ลีขุยเอาศีรษะชายโยนมาให้ก่อน เต็กไทก๋งเห็นก็ดีใจสำคัญว่าศีรษะปิศาจ ลีขุยก็เอาศีรษะหญิงโยนมาให้อีก เต็กไทก๋งเห็นศีรษะบุตรสาวก็เสียใจร้องไห้
ลีขุยร้องตวาดว่า ลูกชั่วคบชายชู้มาไว้ในห้อง คิดอุบายว่าปิศาจทำให้ได้รับความลำบากแล้วยังจะร้องไห้รักอีกเล่า เช่นนี้ควรแต่ตัดศีรษะเสียอีกคนหนึ่งจึงจะชอบ
เต็กไทก๋งได้ฟังก็ตกใจหายเศร้าโศกด้วยความกลัว จึงตอบว่าข้าพเจ้าสิ้นทุกข์แล้วเชิญท่านกลับไปเถิด ลีขุยเอียนเช็งก็ออกจากบ้านสีลิวเดินไปตามทาง ครั้นมาถึงบ้านเกงมึงตึงพอเวลาค่ำ เอียนเช็ง ลีขุยแวะเข้าไปจะขออาศัย ไทก๋งเจ้าของบ้านจึงว่าเวลานี้ข้าพเจ้าไม่สบายมีทุกข์มาก เชิญท่านไปอาศัยที่อื่นเถิด ลีขุยถามว่า ท่านมีทุกข์เรื่องอะไร ไทก๋งบอกว่าพวกโจรชื่อซ้องกั๋งกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ ณ เขาเนียซัวเปาะมาลักเอาบุตรสาวของเราไป ลีขุยได้ฟังก็โกรธซ้องกั๋งยิ่งนัก จึงแกล้งตอบว่าซ้องกั๋งนั้นเป็นคนชอบกับเรา จะไปสืบถามถ้าได้ความว่าลักไปจริงแล้วจะเอามาคืนให้ ไทก๋งว่าท่านสงเคราะห์ได้เช่นนั้นจะสนองคุณท่าน แล้วเชิญ ลีขุย เอียนเช็งหยุดอาศัยนอนอยู่ในบ้าน ครั้นเวลาดึกลีขุยจึงปรึกษาเอียนเช็งว่า แต่เดิมเราคิดว่าซ้องกั๋งเป็นคนดี มิได้เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้ความเดือดร้อน จึงอุตส่าห์ทรมานกายมาอยู่ด้วย เดี๋ยวนี้ได้ความว่ามาตีชิงลักเอาบุตรสาวของไทก๋งไป เราจึงรู้ว่าซ้องกั๋งเป็นคนพาลเอาแต่ปากและโวหารทำอารีเกลี้ยกล่อมเราและท่านมาไว้ อย่าอยู่ด้วยซ้องกั๋งต่อไปเลย จงตั้งหน้าหาที่พึ่งแห่งอื่นเถิด
เอียนเช็งตอบว่าเราและท่านก็เป็นชายชาติทหาร มีฝีมือและสติปัญญาจงตรึกตรองให้รอบคอบ จะมาด่วนทำใจเบาเชื่อคำคนฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ และซึ่งไทก๋งบอกความเช่นนี้จะเท็จจริงอย่างไรไม่รู้จะด่วนไปหาที่พึ่งอยู่ที่อื่นนั้น ถ้าซ้องกั๋งทำการทุจริตจริงก็ไม่เป็นไร ถ้าซ้องกั๋งสุจริตอยู่แล้วเรามิเสียสัตย์ทรยศแก่มิตรหรือ ชอบแต่เราไต่สวนให้แน่จะทำใจเร็วจะเสียการ
ลีขุยฟังเอียนเช็งว่าก็สะกดใจห้ามโทโสไม่ค่อยสงบ แต่เกรงใจเอียนเช็งก็นิ่งอยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าไทก๋งจัดข้าวและสุรามาเลี้ยงเสร็จแล้ว จึงสั่งว่าท่านทั้งสองอย่าลืมช่วยสงเคราะห์ข้าพเจ้าให้จงได้ ลีขุย เอียนเช็งรับคำแล้วลาไป ครั้นถึงเขาเนียซัวเปาะเอียนเช็งก็เข้าไปคำนับซ้องกั๋ง แต่ลีขุยยืนนิ่งอยู่ ซ้องกั๋งถามลีขุยว่าแต่เมื่อแรกจะไปดูงานรับว่าอดโทโสได้เราจึงให้ไปด้วย ครั้นไปถึงกลับทำเถิดความขึ้น นี่หากว่าบุญเราและท่านจึงได้รอดชีวิตมาพบกัน ลีขุยไม่ตอบประการใดด้วยเข้าใจเป็นแน่ว่าซ้องกั๋งไปลักเอาบุตรหญิงของไทก๋งมา ครั้นเห็นหน้าซ้องกั๋งก็ยิ่งมีความโกรธมาก ซ้องกั๋งพูดด้วยเท่าใด ลีขุยก็ไม่ตอบถลึงตาแล้วชักขวานฟันเสาธงสัญญาขาดลง เอาธงมาฉีกเสียแล้วตรงเข้าไปจะฟันซ้องกั๋ง ฉินเหม็ง กวนเส็ง อูเอียนเจียก ลิมชองอยู่ที่นั้นด้วย เห็นลีขุยทำวุ่นวายก็ตกใจพากันเข้าชิงอาวุธไว้ แล้วพาตัวลีขุยไปค่ายนอก
ฝ่ายซ้องกั๋งเห็นลีขุยทำหยาบช้าก็โกรธนัก จึงรีบเดินตามออกไปถามลีขุยว่า เหตุใดตัวจึงมาคิดทำร้ายเราดังนี้ ลีขุยพูดไม่ออกกลอกแต่หน้าแล้วคุกคามจะเข้าทำร้ายซ้องกั๋งอีก ทหารที่อยู่ด้วยยึดตัวไว้ เอียนเช็งจึงเล่าความว่าซึ่งลีขุยโกรธท่านนั้น เพราะไทก๋งชาวบ้านเก็งมึงกิมกล่าวโทษว่าท่านไปลักเอาบุตรสาวมา ซ้องกั๋งว่าเมื่อเรากลับจากเมืองตังเกียก็มิได้มาแต่ผู้เดียว โงวหยงให้พี่น้องห้าคนกับทหารกว่าพันไปรับถึงเมืองตังเกีย เรากับชาจิน ไตจงก็มาด้วยกับกองทัพมิได้แวะเวียนจนถึงค่าย ประการหนึ่งถ้าเราลักเอาบุตรสาวของไทก๋งมาซุ่มซ่อนไว้ ความก็ไม่มิด ด้วยคนในกองทัพมีมากย่อมจะรู้เห็นสักคนหนึ่งสองคนเป็นแน่แท้ ถ้ามิเชื่อเราจงสืบถามดูเถิด ถ้ามีผู้ใดยืนยันว่าเราไปลักเอาบุตรสาวไทก๋งมาแล้ว เรายอมให้ฆ่าเราเสีย
ลีขุยได้ฟังซ้องกั๋งสัญญาให้สืบยิ่งมีความแค้นจึงตอบว่า ตัวเราเป็นแต่ทหาร ฝ่ายท่านเป็นแม่ทัพคนทั้งปวงอยู่ในอำนาจทั้งสิ้นผู้ใดจะยืนยันเป็นพยาน ประการหนึ่งก็มีพิรุธอยู่ในตัวสองข้อ ข้อหนึ่งท่านทำความผิด นางเงียมผอเสียะผู้เป็นภรรยารู้จะนำเนื้อความไปฟ้องต่อขุนนาง ท่านเห็นว่าความจะแพ้คิดอ่านตัดโจทก์ฆ่านางเงียมผอเสียะเสีย ข้อสองนั้นเมื่อไปเมืองตังเกียก็รักใคร่กับนางหลีซือซือ ใช้ให้เอียนเช็งเป็นสื่อเอาทองคำไปคำนับถึงร้อยตำลึง หากว่าเราเอาไฟเผาตึกเกิดความขึ้นจึงได้รีบหนีกลับมาค่าย การที่คิดไว้ก็ไม่สมนึก หาไม่ก็จะหลงอยู่ในเมืองตังเกีย ซึ่งไทก๋งว่าท่านลักเอาบุตรสาวของเขามาเราเห็นจริง ด้วยพื้นความนั้นต้องกันถ้าไม่จริงเหมือนคำไทก๋งกล่าว เรายอมให้ท่านทั้งปวงตัดศีรษะเสีย
ซ้องกั๋งตอบว่าเจ้ากับเราจะเป็นคู่สู้ความกันครั้งนี้จะพูดกันโดยลำพังปากนั้นไม่เป็นหลัก เจ้าจงทำหนังสือทัณฑ์บนให้แก่โงวหยงไว้ฉบับหนึ่ง ฝ่ายเราก็จะทำทัณฑ์บนไว้ให้ แล้วเจ้าจงพาเราไปชันสูตรถามไทก๋งว่าคนนี้แน่แล้วหรือที่ไปลักพาเอาบุตรสาวมา ถ้าไทก๋งเบิกความว่าจำหน้าตำหนิรูปพรรณได้คือตัวเราเป็นแน่แล้ว จะยอมให้ประหารชีวิต แม้นไทก๋งว่าไม่ใช่เราแล้วจะตัดศีรษะเจ้าเสียบประจานไว้หน้าค่าย
ลีขุยเป็นคนเขลาสำคัญว่าไทก๋งได้บอกแก่ตัวเป็นมั่นคง ที่ไหนจะกลับกลายไป จึงยอมรับทำหนังสือทัณฑ์บนให้ ซ้องกั๋งเรียกพวยซวนเสมียนมาทำหนังสือสัญญาประทับตรายี่ห้อเป็นสำคัญไว้ทั้งสองฉบับเสร็จแล้ว ลีขุยก็ชวนเอียนเช็งไปหาไทก๋ง ณ บ้านเก็งมึงกิม ลีขุยถามไทก๋งว่าซ้องกั๋งที่ลักเอาบุตรสาวไปนั้นจำหน้าตำหนิได้หรือ ไทก๋งบอกว่าจำได้เป็นแน่ ลีขุยบอกว่าเราจะพาตัวซ้องกั๋งมาให้ดู แล้วลีขุยพูดกับเอียนเช็งว่า ครั้งนี้เราจะได้ฆ่าซ้องกั๋ง เอียนเช็งยิ้มแล้วไม่ตอบประการใด
ฝ่ายซ้องกั๋งก็พาชาจินกับไตจงมาถึงบ้านไทก๋งก็ชวนกันเข้าไป ลีขุยถือขวานขยับคุมเชิงซ้องกั๋งไว้คอยฟังไทก๋งอยู่ แต่ในใจนั้นนึกว่าถ้าไทก๋งบอกว่าคนนี้ก็จะตัดศีรษะซ้องกั๋งเสีย ซ้องกั๋งจึงถามไทก๋งท่านจำได้แน่แล้วหรือ คือตัวเราชื่อซ้องกั๋งมาลักเอาบุตรสาวของท่านไป
ไทก๋งพิจารณาดูรูปร่างซ้องกั๋งแล้วบอกว่าผู้ร้ายที่ลักบุตรสาวข้าพเจ้ารูปร่างเช่นนี้นี่มิใช่ ซ้องกั๋งจึงผินหน้ามาถามลีขุยว่าไทก๋งบอกว่าไม่ใช่เราเจ้าจะว่าอย่างไร ลีขุยตอบว่าท่านมานี้พร้อมด้วยทหาร ไทก๋งกลัวอำนาจไม่อาจว่าโดยจริง ขอให้ท่านเรียกชาวบ้านมาสืบถามดูก่อน ถ้าชาวบ้านว่าไม่ใช่ท่านเป็นแน่แล้วข้าพเจ้าจึงจะยอมแพ้ ซ้องกั๋งจึงให้ไทก๋งไปเรียกชาวบ้านมาพร้อมแล้วถามชาวบ้าน ๆ บอกว่าไม่ใช่คนนี้ ซ้องกั๋งหัวเราะแล้วว่าการจะแพ้ชนะนั้นไปตัดสินกันที่เขาเนียซัวเปาะเถิด จึงสั่งเอียนเช็งให้คุมตัวลีขุยไปค่ายแต่ซ้องกั๋ง ชาจินกับทหารมาก่อนลีขุย เอียนเช็งมาภายหลัง
เมื่อเดินตามทางเอียนเช็งถามลีขุยว่าความแพ้ซ้องกั๋งแล้วจะคิดอย่างไร ลีขุยตอบว่าตัวเราคราวนี้ก็ถึงแก่ชีวิต เราจะแบกหน้าไปหาซ้องกั๋งและเพื่อนทหารด้วยกระไรได้ เราจะตัดศีรษะให้แก่ท่าน ๆ จงนำเอาไปให้แก่ซ้องกั๋งด้วยเถิด พูดแล้วชักขวานออกจะตัดศีรษะของตัวเสีย
เอียนเช็งยึดได้แล้วห้ามว่าเราเกิดมายากจะทำหุนหันนั้นไม่ควร ประการหนึ่งซ้องกั๋งผู้พี่ก็มีใจโอบอ้อมอารีรักทหารเสมอชีวิตคิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ที่ไหนจะฆ่าท่าน ถึงมาตรว่าซ้องกั๋งมีความพยาบาทโกรธจะทำโทษตามหนังสือสัญญา โงวหยงกับนายทหารทั้งปวงก็คงจะขอไว้ไม่ให้ฆ่า ท่านเชื่อเราเถิดอย่าเพิ่งฆ่าตัวเสียก่อนเลย
ลีขุยได้ฟังค่อยคลายใจรีบเดินมาถึงเขาเนียซัวเปาะ เห็นซ้องกั๋งกับที่ปรึกษาและนายทหารประชุมพร้อมกันอยู่หน้าค่าย ลีขุยก็เข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ซ้องกั๋งเห็นกิริยาลีขุยรู้ตัวผิดก็หัวเราะ ลีขุยจึงว่าข้าพเจ้าเป็นชายชาติทหารไม่กลัวความตาย เชิญพี่เอากระบี่ตัดศีรษะเสียโดยเร็วเถิด ว่าแล้วก็ก้มศีรษะเข้าไปให้ ซ้องกั๋งเอามือผลักไว้แล้วว่าซึ่งลีขุยรู้สึกตัวว่าผิดมาสารภาพนั้นเราจะยกโทษให้ จงสืบเสาะจับตัวไอ้คนร้ายที่ทำอุบายมาลักเอาบุตรสาวไทก๋งไปนั้นมาให้เรา ถ้าไม่ได้จะทำโทษตามสัญญา ลีขุยตอบว่าท่านจะใช้แล้วอย่าว่าท่านจะใช้เพียงเท่านี้เลย ถึงจะยากสักเท่าใดข้าพเจ้าก็จะสนองคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต ซ้องกั๋งว่าซึ่งเจ้าจะไปแต่ผู้เดียวนั้นเราไม่ไว้ใจ จึงสั่งให้เอียนเช็งไปด้วย เอียนเช็ง ลีขุยก็คำนับลากลับไปยังบ้านไทก๋ง เอียนเช็งถามไทก๋งว่าไอ้คนที่แปลงตัวเป็นซ้องกั๋งมาลักเอาบุตรสาวของท่านได้ความแล้ว แต่มันกลับไปทางทิศไหน ไทก๋งบอกว่าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เอียนเช็ง ลีขุยก็รีบไปตามที่คำไทก๋งบอก ครั้นมาถึงเขาแห่งหนึ่งเป็นเวลาเที่ยง เอียนเช็ง ลีขุยก็แวะเข้าหยุดอาศัยพักร้อนอยู่ศาลเจ้าริมเชิงเขา
ขณะนั้นมีชายผู้หนึ่งถือกระบี่เดินลงมาจากเขา ลีขุยเห็นจึงคิดว่าชายผู้นี้มีกิริยาเป็นโจรจึงชี้บอกเอียนเช็งว่า ไอ้คนนี้ดอกกระมังที่ไปลักเอาบุตรสาวของไทก๋งมา เอียนเช็งนึกสงสัยก็เดินออกไปเรียกชายผู้นั้นให้หยุดหวังจะไต่ถาม ชายผู้นั้นได้ยินเสียงเอียนเช็งเรียกก็ตกใจ ด้วยตัวเป็นคนร้ายกลัวจะถูกจับก็วิ่งหนีไปโดยเร็ว เอียนเช็งเอาลูกเกาทัณฑ์ไกไม่มีคันและสาย คำจีนเรียกว่าฉิวจีแปลว่าเกาทัณฑ์มือ ขว้างไปถูกชายผู้นั้นล้มลง ลีขุยจึงไปถามไปว่าเจ้าลักเอาบุตรสาวของไทก๋งมาไว้ที่ไหนจงบอกไปแต่ตามความจริง ถ้าไม่บอกจะตัดศีรษะเสีย ชายผู้นั้นว่าข้าพเจ้าเป็นโจรเที่ยวตีชิงคนเดินทาง ซึ่งจะได้เป็นโจรเที่ยวปล้นบ้านเรือนและลักเอาบุตรสาวของไทก๋งมานั้นหามิได้
เอียนเช็งจึงถามว่าเจ้าเป็นโจรอยู่ในตำบลนี้มีพวกเพื่อนกี่คนและรู้เห็นว่าผู้ใดเป็นโจรตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง ชายผู้นั้นว่าข้าพเจ้าผู้เดียวไม่มีเพื่อน แต่ทราบความอยู่ว่าอ้องกัง ตังไฮ้ตั้งกองโจรอยู่ ณ เขางูเถาซัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บนยอดเขานั้นมีวัดแต่เดิมหลวงจีนอยู่รักษา อ้องกัง ตังไฮ้ขับไล่หลวงจีนเสียเอาวัดเป็นที่อยู่อาศัย หนทางแต่นี้ไปประมาณสิบห้าลี้ ท่านทั้งสองจงเมตตาแก้ไขให้พิษเกาทัณฑ์หายแล้วข้าพเจ้าจะนำไปพบ เอียนเช็งก็ช่วยคัดโลหิตผ่าเอาลูกเกาทัณฑ์ออกแล้ว ชายผู้นั้นเดินได้ก็นำเอียนเช็ง ลีขุยไป ครั้นถึงเขางูเถาซัวชายผู้นั้นจึงพาเอียนเช็ง ลีขุยขึ้นไปบนวัดแล้วบอกว่าโจรสองคนนั้นสำนักอยู่ในนี้ ลีขุย เอียนเช็งก็แยกกันไปประจำประตูอยู่คนละข้าง ลีขุยจึงอุบายร้องเรียกว่าเปิดประตูรับด้วย เราตีชิงได้สิ่งของคนเดินทางมาจะแบ่งให้บ้าง อ้องกังสำคัญว่าจริงก็เปิดประตูรับ ลีขุยเอาขวานฟันถูกแสกหน้าอ้องกังล้มลงขาดใจตาย ตังไฮ้เห็นดังนั้นก็ตกใจเปิดประตูหลังวัดจะหนีไป พบเอียนเช็งยืนขวางประตูอยู่ออกไปไม่ได้ก็วิ่งกลับมาทางประตูหน้าวัด ลีขุยก็เอาขวานฟันถูกคอตังไฮ้ล้มลงตาย เอียนเช็ง ลีขุยก็เข้าไปในห้อง เห็นหญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่เอียนเช็งจึงถามว่าเหตุใดจึงร้องไห้
หญิงนั้นบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเลาสีเป็นบุตรไทก๋ง อ้องกังไปลักเอาข่มขี่ข้าพเจ้าให้ยอมเสียตัว อ้องกังทุบตีบอบชํ้าหลายแห่ง ซึ่งข้าพเจ้าได้พบท่านวันนี้เปรียบเหมือนบิดา ท่านทั้งสองจงเมตตาช่วยพาข้าพเจ้าไปหาไทก๋งด้วยเถิด
เอียนเช็ง ลีอุยแจ้งว่านางเล่าสีเป็นบุตรไทก๋งก็มีความยินดีนัก จึงบอกว่าเรามาทั้งนี้ก็เพราะสืบหาเจ้าจะเอาตัวไปให้ไทก๋ง และธุระของไทก๋งคราวนี้แทบศีรษะของเราไม่ติดอยู่กับกาย พูดแล้วก็พานางเล่าสีมาให้ไทก๋ง ณ บ้าน ไทก๋งเห็นนายทหารทั้งสองพาบุตรมาให้ก็มีความยินดี ออกมาต้อนรับเชิญให้นั่งที่สมควรแล้วแต่งโต๊ะมาเลี้ยง
ครั้นกินเสร็จแล้วเอียนเช็งพูดกับไทก๋งว่า ทุกข์ของท่านหายเพราะอำนาจซ้องกั๋งพี่ชายเรา ท่านกับบุตรจงพากันไปคำนับซ้องกั๋งจึงจะชอบ ไทก๋งก็จัดสิ่งของมากับนายทหารทั้งสอง ครั้นถึงค่ายไทก๋งกับบุตรก็เข้าไปคำนับซ้องกั๋ง เอียนเช็ง ลีขุย ก็เอาศีรษะโจรทั้งสองให้ซ้องกั๋งดู ซ้องกั๋งให้เอาศีรษะโจรไปเสียบไว้แล้วสั่งให้รางวัล ลีขุย เอียนเช็งโดยสมควร ไทก๋งกับบุตรสาวก็คำนับลากลับมา