๑๐๘

ฝ่ายเอียนเช็งปลอมตัวเข้าไปพักอยู่ในเมืองอวดกังเสียประมาณได้ยี่สิบวันเศษ ประจบประแจงรู้จักกับโฮวเฮี้ยนทหารในเมืองผู้หนึ่งรักใคร่สนิทเหมือนกับบิดามารดาเดียวกัน ข้อความตื้นลึกอย่างไรเอียนเช็งก็บอกให้รู้ปรึกษากันอยู่ทุกเวลา

โอวเฮี้ยนจึงพูดแก่เอียนเช็งว่ากำแพงเมืองอวดกังเสียนี้เข้มแข็งมั่นคงนัก ถ้าจะหักเอาโดยเร็วก็ต้องคิดอ่านกับโอวจุนผู้พี่เป็นนายทหารรักษาประตูด่านปากนํ้าอวดกังทิศตะวันตกอยู่จึงสำเร็จโดยง่าย น้องจะไปพามาให้พบปะกัน

ครั้นพูดแล้วโอวเฮี้ยนก็พาโอวจุนมาให้พบกับเอียนเช็ง ๆ เห็นโอวจุนก็คุกเข่าคำนับเป็นอันดี โอวจุนต้อนรับพยุงขึ้นนั่งเก้าอี้แล้วพูดว่าท่านกับข้าพเจ้ายังไม่รู้จักกันท่านมาคุกเข่าคำนับถึงเพียงนี้ไม่ควรเลย โอวเฮี้ยนว่าน้องจะบอกพี่ตามจริง ซึ่งนายทหารผู้นี้รักใคร่ชอบอัชฌาสัยกับข้าพเจ้ามากเป็นทหารเอกของซ้องกั๋ง แม่ทัพใหญ่ยี่ห้อเรียกลังจือเอียนเช็ง บัดนี้ลอบเข้ามาคิดหาอุบายจะให้ช่วยหักเมืองออกไปสมทบกองทัพนอก เห็นว่าเอียนเช็งเป็นคนสัตย์ซื่อสุจริตคิดจะช่วยสงเคราะห์ให้สำเร็จพี่จงช่วยคิดอ่านหักเมืองอวดกังเสียให้แตกไปสามิภักดิ์กับแผ่นดินซ้องเถิด ชื่อเสียงก็จะปรากฏต่อไป ด้วยการครั้งนี้น้องเห็นว่าอองเข่งวาสนาตกไม่ยืดยาวนาน เราคิดอ่านหาที่พี่งไว้เสียก่อนดีกว่า น้องจึงไปเชิญพี่มาปรึกษาให้เห็นชอบด้วยกัน

โอวจุนได้ฟังจึงตอบว่า ถ้าเจ้ามีจิตอ่อนน้อมแก่แผ่นดินซ้องพี่ก็ต้องยอมตาม แต่การนั้นช้าไม่ได้คิดอ่านหักเมืองเสียโดยเร็วเถิด เอียนเช็งจึงพูดว่าการงานทั้งปวงก็สุดแต่พี่ทั้งสองเห็นดีน้องจะทำตาม โอวจุนว่าท่านจงเขียนหนังสือฉบับหนึ่ง ข้าพเจ้าจะให้คนใช้ถือไปถึงท่านแม่ทัพนัดแนะกันยกกองทัพเรือมาทางประตูด่านปากนํ้าอวดกังข้างทิศตะวันตกพวกเราจะเปิดรับให้เข้าเมือง เอียนเช็งก็ดีใจเขียนหนังสือแจ้งข้อความกำหนดวันคืนเสร็จส่งให้โอวจุนหงี ๆ รับหนังสือลาเอียนเช็งตรงมาค่ายจัดให้ไพร่พลถือหนังสือไปให้ลี้จุนที่ค่ายเรือ ลี้จุนรับมาฉีกออกอ่านแจ้งว่าเอียนเช็งเตรียมการจะหักเมืองอวดกังให้กำหนดยกกองทัพไปโดยเร็ว ลี้จุนมีความยินดียิ่งนักจึงกำชับสั่งผู้ถือหนังสือว่าอีกสามเวลาจะยกไปให้ถึงผู้ถือ หนังสือก็กลับไปแจ้งความตามกำหนดนัดทุกประการ ลี้จุนจึงปรึกษากับเตียสุนและพวกพ้องว่าซึ่งยกกองทัพไปจะเข้าตีอย่างไรดี เตียสุนตอบว่าจะต้องไปรับเลงจิ้นให้เตรียมประทัดแตกและเชื้อเพลิงมาช่วยกันประดังตีก็คงเอาชัยชนะได้โดยง่าย ลี้จุนก็เห็นชอบจึงจัดทหารลงเรือตามนํ้าตรงไปค่ายใกล้ศาลเจ้าเล่งอ๋องเปียว ทหารก็เข้าไปแจ้งความซึ่งเอียนเช็งลอบเข้าไปในเมืองอวดกังเตรียมการนัดแนะกันไว้ บัดนี้ลี้จุนให้มารับเลงจิ้นจัดเอาประทัดและเชื้อเพลิงไปช่วยกันหักเมืองโดยเร็ว

ซ้องกั๋งแจ้งความดังนั้นก็ยินดีจึงจัดให้เลงจิ้นเตรียมสิ่งของพร้อมกับลีขุย หังชอง ลีกุน ลงเรือเร็วรีบไป ลี้จุนจัดให้อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิด เม่งคง ซิอิน ตันตัด เอียชุนคุมทหารทัพเรือยกไปดีด่านทิศตะวันออก ให้เตียหวย เตียสุน ข่งเม่ง ขงเหลียง โฮ้วเกียน เบ๊หลินคุมทหารยกเข้าตีด่านใต้ ตัวลี้จุนกับลีขุย หังชอง ลีกุน ทองอุย ทองเม้ง ฮวยเอ็ง กงซือหลง ซินตูลี้ เลงจิ้นก็คุมทหารยกทัพเรือตรงมายังประตูต้านตะวันตกตามนัด ครั้นเวลาค่ำก็เผอิญให้เกิดลมว่าวพัดกล้า ครั้นรุ่งขึ้นหมอกลงเต็มทั้งแม่นํ้าอวดกัง ลี้จุนกับพวกทหารมีความยินดีเร่งเรือแอบเข้าไปริมฝั่งให้เลงจิ้นเตรียมประทัดแตกไว้พร้อม พอเวลาเย็นเลงจิ้นก็ลอบเข้าไปใกล้กำแพงคอยเวลาอยู่

ฝ่ายเอียนเช็งกับโอวเฮี้ยน โอวจุนเตรียมการไว้พร้อม ครั้นเวลาค่ำดึกประมาณยามเศษ พวกไพร่พลที่เฝ้าประตูกำแพงและหน้าที่เชิงเทินเห็นหมอกลงหนาวมากก็พากันหลับสิ้น พอดึกสองยามได้กำหนดนัด เลงจิ้นก็จุดประทัดขึ้นริมกำแพง เสียงสนั่นดังหวั่นไหว งุ่ยเจียวติดกำลังเสพสุราอยู่ได้ยินก็ตกใจให้ไพร่พลมาสืบดู พวกที่รักษาด่านน้ำได้ยินก็ตกใจพากันหนีเข้าเมืองทั้งสิ้น เอียนเช็งลอบเอาเชื้อไฟขึ้นไปบนเหลาจุดติดบ้านเรือนในเมืองขึ้น โอวเฮี้ยน โอวจุนตรงเข้าฟันกลอนเปิดประตูกำแพงเมืองทิศตะวันตกด้านน้ำออก ลีขุย หังชอง ลีกุนก็พาทหารเข้าเมืองได้ไล่ฆ่าฟันไพร่พลในเมืองเป็นอลหม่าน พวกทหารในเมืองอวดกังไม่ทันรู้ตัวตกใจกลัวแตกหนีไป งุ่ยเจียวติดก็คุมไพร่พลออกทางประตูตังหมึงทิศตะวันออก เตียสุนกับทหารขึ้นจากเรือไล่ฆ่าฟัน เบ๊หลินตรงเข้ารบกับงุ่ยเจียวติดได้สองเพลง เบ๊หลินเอาทวนแทงถูกงุ่ยเจียวติดตกม้าตายแล้วก็รุกไล่ฆ่าฟันไพร่พลของงุ่ยเจียวติดตายเป็นอันมาก เตียเก็งโจ๊วนั้นตกใจจะหนีออกประตูทิศตะวันตก พอลีขุยตรงเข้าเอาขวานฟันถูกเตียเก็งโจ๊วตกม้าตาย ฮันค้ายหนีไปทางประตูทิศตะวันออก เห็นกองทัพพวกซ้องกั๋งล้อมไว้ไม่มีทางหนีก็โดดน้ำหนีอวนเซียวชิดโดดตามจับตัวฮันค้ายได้ให้ทหารคุมไว้ พอสว่างลี้จุนก็ยกกองทัพเข้าอยู่ในเมือง เกลี้ยกล่อมมิให้ราษฎรแตกตื่นให้ตั้งทำมาหากินอยู่ตามเดิม แล้วเอียนเช็งก็แจ้งความกับลี้จุนว่าโอวเฮี้ยน โอวจุนพี่น้องสองคนมีความชอบ ลี้จุนได้ฟังจึงให้ไปเที่ยวตามเชิญทหารทั้งสองมา ทหารจึงแจ้งว่าคนนี้กำลังรบกันนายทหารทั้งสองตายเสียแล้ว ลี้จุน เอียนเช็งได้ฟังก็เสียใจจึงตรวจดูทหารของตัวหายไปสามคน ลี้จุนจึงสั่งให้เก็บรวบรวมเรือรบของข้าศึกไว้ได้เป็นอันมาก กับให้เอาทรัพย์สิ่งของออกจ่ายแจกให้ทหารทั่วทุกคน แล้วลี้จุนจึงพูดกับเอียนเช็งว่าตีเมืองอวดกังเสียได้แล้วเจ้าไปแจ้งกับซ้องกั๋งเองเถิด เอียนเช็งก็ลงเรือรีบไปถึงค่ายแม่นํ้าเกาอวนหอ คำนับซ้องกั๋งแล้วก็แจ้งความให้ฟังทุกประการ

ซ้องกั๋งทราบว่าทหารในเมืองอวดกังที่สามิภักดิ์สองนายกับทหารของตัวสามคนตายก็มีความเสียดายนักพูดว่าเมืองอวดกังเสียแตกครั้งนี้ก็เพราะเอียนเช็ง เราจึงค่อยได้ความสุข จึงปรึกษากับโงวหยงว่าการจะยกกองทัพต่อไปนั้นจะทำประการใดดี โงวหยงก็หาตัวพัวเส็งมาถามว่า ตั้งแต่นี้ไปเมืองซินจิวใกล้ไกลประการใด พัวเส็งแจ้งว่าทางเรือนั้นช้าหลายเวลาจึงจะถึง แม้นไปทางบกไม่สู้ช้านักก็ถึงเมืองซินจิว ซ้องกั๋งได้ฟังก็จะไปทางบกจึงสั่งให้เตรียมกองทัพพร้อมยกออกจากแม่น้ำเกาอวนหอ ไปได้สองเวลาถึงภูเขาแห่งหนึ่งสูงนักไม่แจ้งว่าเขาอันใด แต่เห็นราษฎรหมู่หนึ่งเดินตรงมาต้อนรับ ซ้องกั๋งก็สั่งทหารให้นำพวกราษฎรเข้าไป ราษฎรก็คุกเข่าคำนับแม่ทัพแล้วแจ้งความว่า พวกข้าพเจ้านี้ได้ยินข่าวเล่าลือว่า ท่านผู้สัตย์ซื่อสุจริตมีเมตตาจิตโอบอ้อมอารีแก่ราษฎรทั้งปวงยกกองทัพมาปราบปรามแขวงเมืองฮ่วยไซมีความยินดีนักชวนกันจัดสุรากับสิ่งของต่างๆ มาคำนับท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีจึงพูดกับโงวหยงว่า ราษฎรทั้งหลายมีจิตคิดถึงเราจัดสิ่งของมาอ่อนน้อม จะต้องตอบแทนให้สมควรจึงจะชอบ

พูดดังนั้นแล้วก็เอาเงินห้าสิบตำลึงรางวัลให้ ราษฎรไม่รับเงินพากันแจ้งว่า เดิมทีอองเข่งมาเป็นเจ้าเมือง กะเกณฑ์ราษฎรให้ข่มขี่เอาเงินทอง ที่ขัดสนก็พากันหนีไปเป็นอันมาก ครั้นเห็นท่านยกกองทัพมาพวกข้าพเจ้าจึงชวนกันมาสนองคุณท่าน มิใช่จะต้องการเงินทองเมื่อไร ซ้องกั๋งได้ฟังจึงว่าท่านทั้งปวงอย่าวิตกเลย เรายกกองทัพไปปราบปรามแขวงเมืองฮ่วยไซเรียบร้อยแล้ว กลับเข้าเมืองหลวงจะกราบทูลพระเจ้าแผ่นดินให้ขอยกภาษีอากรไม่ต้องให้พวกท่านเสียสักสามปี จะได้มีความสุขสืบไป ราษฎรทั้งหลายก็คุกเข่าลงคำนับพูดว่า ท่านเมตตาพวกข้าพเจ้าดังนี้มิได้ลืมพระคุณของท่านเลย

ซ้องกั๋งจึงถามราษฎรว่า ซึ่งจะไปเมืองซินจิวนั้นยังไกลหรือใกล้ประการใด ราษฎรคนหนึ่งชื่อเทียเตียวหัวว่าตั้งแต่ตำบลนี้ไปประมาณทางได้สองร้อยลี้ถึงเขาอังท่อซัว พ้นนั้นไปก็ถึงเมืองซินจิวที่ทางคับขันนัก อองเข่งจัดให้นายทหารและไพร่พลมาตั้งรักษาอยู่ทุกแห่ง ยังมีศาลเจ้าอยู่ชายเขาตังจิวซัวนี้แห่งหนึ่งชื่อไม่ปรากฏ เจ้านั้นดุร้ายนัก ถ้าถึงฤดูฝนอองเข่งก็ต้องจัดเด็กชายหญิงคู่หนึ่งไปเซ่นไหว้อยู่เสมอทุกปี ถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็เกิดไฟไหม้ ปิศาจออกไล่จับคนหักคอกิน ท่านจงจัดหาเด็กชายหญิงเซ่นไหว้ตามธรรมเนียมจะได้คุ้มภัยมิให้พวกท่านเป็นอันตราย ซ้องกั๋งได้ฟังจึงตอบว่าถ้ากระนั้นต้องคิดอ่านก่อน พวกราษฎรก็จะลาไป ซ้องกั๋งเห็นว่าราษฎรไม่รับเงินจึงเอาแพรสีต่างๆ ออกแจกให้ราษฎรมีความยินดีก็รับไว้แล้วคำนับลากลับไปบ้าน

ซ้องกั๋งปรึกษากับโงวหยงว่าราษฎรแจ้งความมาดังนี้ท่านจะคิดอ่านอย่างไรดี โงวหยงตอบว่าจะต้องจัดหาเด็กชายหญิงไปเซ่นไหว้ตามคำราษฎรจึงจะควร ซ้องกั๋งพูดว่าตั้งแต่เดินกองทัพมาเสียทหารก็มากยังจะต้องจัดเอาคนไปเซ่นไหว้บาปกรรมมิยิ่งไปอีกนี้หรือ พูดดังนั้นแล้วก็สั่งให้ทำขนมบ้วนเถาสี่สิบเก้าแผ่น ฆ่าโคกระบือหมูเป็ดไก่กับสิ่งต่างๆ พรักพร้อม รุ่งขึ้นเช้าซ้องกั๋งยกกองทัพใหญ่เดินไปถึงเชิงเขาก็ตั้งค่ายมั่นลงไว้ สั่งให้ขนสิ่งของที่จะเซ่นไปคอยอยู่ที่เชิงเขาก่อน แล้วซ้องกั๋งกับโงวหยง กงซุนสิน เคียวเตาเช็ง ฮวยหยง เชาหง ปังซัว จงติดจิน ลิมชอง ฉินเหม็ง จูตงกับทหารสามร้อยเศษตรงมาถึงศาลเจ้าก็ชวนกันเข้าไปในศาล ซ้องกั๋งสั่งให้เอาสิ่งของออกมาตั้งเรียงรายจุดธูปเทียนขึ้นเซ่นไหว้แล้วแจ้งว่า พระเจ้าซ้องฮุยจงอ่องเต้มีรับสั่งให้พวกข้าพเจ้ายกกองทัพมาปราบปรามอองเข่งแขวงเมืองฮ่วยไซทิศตะวันตกเดินกองทัพมาทางเขาตังจิวซัวแจ้งว่าท่านมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์นักจึงจัดหาของมาคำนับ ขอให้พวกข้าพเจ้ามีชัยชนะเถิด ถ้ายกกองทัพกลับจะจัดสิ่งของมาเซ่นไหว้แล้วจะซ่อมแซมศาลขึ้นใหม่คำนับท่านให้สมควร แต่บรรดาคนที่ไปก็ชวนกันคุกเข่าคำนับตามธรรมเนียม ซ้องกั๋งเห็นรูปเจ้านั้นชอบกล ท่วงทีดุร้ายก็ยืนพิจารณาอยู่

ฝ่ายเจ้าในศาลนั้นคือตอกฮวยกุยอ๋องปิศาจเคยรับเซ่นแต่คนเป็น ครั้นเห็นซ้องกั๋งจัดสิ่งของที่ไม่ชอบใจเซ่นไหว้ก็โกรธ จึงบันดาลให้มืดฟ้ามัวฝนลมพายุพัดกล้า บัดเดี๋ยวใจกลายเป็นไฟไหม้ลามมาทั่วทั้งสี่ทิศ ซ้องกั๋งกับพวกพ้องเห็นดังนั้นก็ตกใจ โงวหยงจึงพูดแก่ซ้องกั๋งว่า เราพากันหนีออกจากศาลเจ้าไปโดยเร็วเถิด ไฟติดต้นไม้ใกล้เข้ามาแล้ว ซ้องกั๋งได้ฟังก็ออกจากศาลเจ้ารีบมา ทหารทั้งปวงตกใจต่างคนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ซ้องกั๋งกับโงวหยง กงซุนสิน เคียวเตาเช็งพลัดไป ซ้องกั๋งหนีมาถึงกลางทางเห็นเป็นรูปเจ้าหน้าตาดุร้ายลอยอยู่บนอากาศพ่นไฟออกจากปากร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า ซ้องกั๋งจะหนีไปข้างไหน ซ้องกั๋งก็ตกใจล้มลง เชาหงเข้าพยุงไว้แล้วร้องสั่งจงติดจินว่า จงเร่งไปตามกงซุนสิน เคียวเตาเช็งมาช่วยโดยเร็ว จงติดจินก็รีบไปพบกงซุนสินและเคียวเตาเช็งพากันมา เชาหงนั้นอุ้มซ้องกั๋งขึ้นบ่าจะพาหนีไป ตัวเชาหงถูกไฟเจ็บป่วยเป็นอันมาก พอกงซุนสิน เคียวเตาเช็งมาทันก็อ่านมนต์คาถาบันดาลเป็นฝนตกลงมา เคียวเตาเช็งพ่นน้ำมนต์ออกจากปากช่วยกันดับไฟพิษของตอกฮวยกุยอ๋องปิศาจสูญหายไป ลิมชอง ฮวยหยง จูตงตรงเข้าพยุงซ้องกั๋งกลับเข้าค่าย พอทหารทั้งหลายมาถึงพร้อมซ้องกั๋งจึงพูดว่า ตั้งแต่มาทำศึกสงครามก็หลายปียังไม่เคยเห็นปิศาจดุร้ายเช่นนี้เลย ถ้าวันนี้ไม่ได้เชาหงพี่ก็คงตายแน่ ฮวยหยงพูดว่าเดชะบุญพี่ไม่เป็นอันตรายแต่เชาหงนั้นถูกพิษไฟของปิศาจป่วยมากจะเป็นตายเท่ากัน ซ้องกั๋งจึงมาเยี่ยมเชาหง แล้วร้องไห้ร่ำไรว่า เพราะน้องเข้าช่วยพี่จึงได้เจ็บป่วยมาก เดชะบุญให้น้องหาย จะได้ช่วยกันทำการอาสาแผ่นดิน เชาหงว่าน้องไม่คิดแก่ชีวิตแต่ขอให้พี่เป็นสุขเถิด ซ้องกั๋งก็สั่งให้ไพร่พลเอาเกวียนบรรทุกเชาหงมารักษา ณ เมืองเอี้ยวเอี๋ยงแล้วตรวจดูทหารตายประมาณร้อยเศษ ฉินเหม็งกับปังซัวนั้นหายไป ซ้องกั๋งตกใจนั่งเป็นทุกข์อยู่ พอฉินเหม็งกลับมาแจ้งกับซ้องกั๋งว่าปังซัวหนีเข้าไปในป่าก็ไม่พ้นไฟไหม้ลุกลามไป ปังซัวตายอยู่ในนั้น ซ้องกั๋งได้ฟังก็เสียใจจึงพูดว่า แม้นกำจัดปิศาจนี้แก้แค้นและช่วยราษฎรให้เป็นสุขไม่ได้ก็จะสู้ตายอยู่ที่ตำบลนี้

กงซุนสินจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะแจ้งความให้ฟังเมื่อครั้งยกกองทัพไปปราบปรามเมืองฮ่อปักรบกับเคียวเตาเช็งนั้น ข้าพเจ้ากับไตจงไปหาอาจารย์ ณ เขายี่เซียนซัว ฬ่อจินหยินให้ยันต์วิเศษแล้วสั่งว่า ถ้าจะมาปราบเมืองฮ่วยไซ พบปะตอกฮวยกุยปิศาจร้ายให้เอายันต์วิเศษไปที่ศาลเจ้าเขาเปียวซัวเผายันต์ขึ้น จะมีผู้มาช่วยกำจัดปิศาจได้ ข้าพเจ้าจะอาสาไปตามสั่ง แต่ทางนั้นไกลเป็นหลายเวลา ต้องเบ๊เหล็งไปด้วยจึงจะกลับได้โดยเร็ว ซ้องกั๋งได้ฟังก็สั่งให้เบ๊เหล็งไป เบ๊เหล็งกับกงซุนสินก็คำนับลาออกจากค่ายเอาจักรลมจักรไฟสวมใส่เท้า ทั้งสองนายรับไปสองเวลาถึงเขาเปียวซัวข้างทิศตะวันตก ชวนกันเข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมถามถึงศาลเจ้าฮ่อกวงเปียวได้ความแล้ว รุ่งขึ้นเช้ากงซุนสินกับเบ๊เหล็งก็ตรงมายังศาลเจ้า ณ เขาเบ๊ยือซัวจุดธูปเทียนคำนับเจ้าแล้วก็เอายันต์วิเศษออกเอาไฟใส่ในกระถางรูป อ่านคาถาที่อาจารย์สอนครบตามกำหนด

ทันทีนั้นฟ้าร้องอื้ออึง มีทหารเทพยดาใส่เสื้อเกราะทอง มือหนึ่งถือทวนมือหนึ่งถือแผ่นทองสะพายน้ำเต้ากับนกไฟ เท้าทั้งสองเหยียบจักรลม จักรไฟเหาะลอยลงมาร้องบอกกงซุนสินว่า ฬ่อจินหยินอาจารย์ของเจ้าให้เอายันต์มาเชิญเราไปกำจัดตอกฮวยกุยอ๋องปิศาจร้าย เจ้าจงกลับไปบอกซ้องกั๋งให้อุตส่าห์ทำราชการฉลองคุณเจ้าแผ่นดินโดยสัตย์สุจริต ไม่ช้าเมืองฮ่วยไซก็จะเรียบร้อย ยกกองทัพกลับเข้าเมืองแล้วจะต้องไปปราบฮองละทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั่นแหละดาวพวกท่านจะพลัดพรากจากกัน ในขณะนี้พวกท่านยังไม่เป็นอันตรายดอกเราจะไปกำจัดปิศาจให้ ร้องดังนั้นแล้วก็หายไป กงซุนสิน เบ๊เหล็งได้ฟังจึงพูดฺว่า ทหารเทพยดาคงจะไปกำจัดปิศาจ เรารับกลับไปแจ้งความให้ซ้องกั๋งฟังเถิด พูดดังนั้นแล้วก็คุกเข่าคำนับลาเจ้าออกจากศาลรีบกลับไปค่าย

ฝ่ายเทพยดาเหาะมาในเวลากลางคืนถึงเขาตังจิวซัว ก็บันดาลให้ฟ้าร้องกึกก้องทั้งแผ่นดิน เทน้ำเต้าไฟและปล่อยนกไฟออกเผาตอกฮวยกุยอ๋องปิศาจตาย ไฟนั้นก็ไหม้ศาลเจ้าเขาและต้นไม้ทำลายลงราบเป็นหน้ากลองพอใกล้สว่างเทพยดาก็กลับไปสำนักตามเดิม เมื่อเวลากลางคืนนั้นพวกราษฎรชาวบ้านทั้งปวงได้ยินเสียงฟ้าร้องเหมือนกับกองทัพสู้รบอื้ออึง ครั้นรุ่งขึ้นเช้าพากันออกมาดูเห็นเขาและศาลเจ้าปิศาจร้ายไฟไหม้ทำลายลงมีแต่แผ่นดินเปล่าก็ยินดี พวกทหารกองตระเวนเห็นดังนั้นก็รีบมาแจ้งกับซ้องกั๋งแม่ทัพตามซึ่งไฟไหม้ศาลเจ้าและเขาตังจิวซัวให้ทราบทุกประการ ซ้องกั๋งได้ฟังก็อัศจรรย์ใจนักด้วยกงซุนสินกับเบ๊เหล็งยังไม่ทันกลับมาก็เหตุใดจึงมีเทพยดาทำลายศาลเจ้าปิศาจเสียก่อนก็นึกตรึกตรองอยู่

ฝ่ายพวกราษฎรชาวบ้านมีความยินดีนักชวนกันจัดหาสุรากับสิ่งของต่างๆ มาคำนับซ้องกั๋ง ครั้นถึงก็คุกเข่าคำนับแล้วบอกว่า เวลาคืนนี้มีผู้ไปกำจัดเจ้าปิศาจตายและทำลายศาลเจ้าและเผาเสียสิ้น การทั้งนี้ก็เพราะบุญบารมีท่านมาปราบปรามช่วยข้าพเจ้าให้เป็นสุขสืบไป พระคุณเป็นที่ยิ่งหาที่เปรียบมิได้ พวกข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดจะแทนพระคุณท่านจึงชวนกันจัดหาสิ่งของเล็กน้อยมาคำนับท่าน

ซ้องกั๋งได้ฟังมีความยินดี ราษฎรทั้งปวงก็ลาไปเอาศิลามาสลักเป็นอักษรออกชื่อซ้องกั๋งแม่ทัพมาปราบเจ้าปิศาจให้อยู่เย็นเป็นสุข เอาป้ายศิลานั้นบูชาไว้ทุกบ้านเรือน ซ้องกั๋งพักกองทัพอยู่คืนหนึ่ง รุ่งขึ้นเช้ากงซุนสินกับเบ๊เหล็งก็มาถึงเข้าไปคำนับซ้องกั๋งแจ้งความซึ่งทหารเทพยดามาร้องสั่ง ซ้องกั๋งจึงเล่าความซึ่งทหารเทพยดามากำจัดปิศาจให้กงซุนสินกับเบ๊เหล็งฟังแล้ว ซ้องกั๋งก็แยกทหารเป็นสามกองยกทัพออกจากค่ายเขาตังจิวซัวตรงไปเมืองซินจิว ครั้นเดินกองทัพไปถึงเขาอังทอซัว แจ้งว่ามีนายทหารและไพร่พลตั้งรักษาอยู่เข้มแข็ง ซ้องกั๋งจึงให้หาราษฎรมาถามว่าทางจะไปเมืองซินจิวเป็นประการใดบ้าง ราษฎรบอกว่าเขาอังทอซัวนี้กว้างใหญ่ โดยรอบประมาณเก้าร้อยลี้มีทางอยู่ระหว่างกลางตลอดไปถึงเมืองซินจิว แต่ทางเรือที่จะยกกองทัพไปตามแม่น้ำนั้นกันดารนัก ข้างทิศตะวันออกกับทิศใต้มีแต่ภูเขาสูงใหญ่ เดิมอองเข่งตั้งอยู่ที่เขานั้นเกลี้ยกล่อมได้นายทหารและไพร่พลยี่สิบหมื่นเศษยกเข้าตีเมืองซินจิวได้ตั้งอยู่ในเมืองซินจิวเห็นว่าเขาอังทอซัวเป็นต้นทาง จึงตั้งเป็นด่านไว้ป้องกันข้าศึก ผู้รักษาด่านเขาอังทอซัวนั้นเป็นญาติของอองเข่งแซ่หลุยซื่อเอ็งชุน ภรรยาชื่อนางแปะผั่วเหนียมีความรู้วิชาฝีมือเข้มแข็งด้วยกันทั้งสองคน ยังมีทหารอีกห้านายคือเฮียบของเหล็งหนึ่ง เตียเอ็งเกาหนึ่ง เก็งซินป้าหนึ่ง ลื่อเส้งเหน็งหนึ่ง โซวทีโฮ้วหนึ่ง ฝีมือเข้มแข็งนักกับไพร่พลเป็นอันมาก แต่นางแปะผั่วเหนียภรรยาหลุยเอ็งชุนผู้รักษาด่านเขานั้น เมื่อจะเข้ารบถือง้าวขี่สิงโตไซจือลื้อ ถ้าม้าได้เห็นสิงห์โตนั้นก็กลัวล้มลงทันที แม้นนางแปะผั่วเหนียสู้ฝีมือผู้ใดไม่ได้ก็อ่านมนต์คาถาให้มืดฟ้ามัวฝนกับพ่นน้ำมนต์ให้ทหารข้าศึกมึนเมา คนทั้งปวงเกรงกลัวเป็นอันมาก อองเข่งก็ได้พึ่งนางแปะผั่วเหนียผู้เดียวจึงเที่ยวตีบ้านเมืองได้เป็นอันมาก ซ้องกั๋งแจ้งความดังนั้นก็เอาเงินรางวัลให้ราษฎรก็คำนับลาไป

ซ้องกั๋งจึงปรึกษากับโงวหยงว่า แขวงเมืองฮ่วยไซนี้ก็มีผู้วิเศษ อองเข่งจึงบังอาจตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่เราจะคิดสู้รบอย่างไรดี โงวหยงตอบว่าเรายกกองทัพไปสู้รบดูสักครั้งหนึ่งให้รู้ท่วงทีข้าศึกก่อน ต่อภายหลังจึงค่อยคิดอุบายสืบไป ซ้องกั๋งก็เห็นชอบจึงยกกองทัพตรงไปเขาอังทอซัว

ฝ่ายหลุยเอ็งชุนเวลาวันนั้นออกว่าราชการปรึกษานายทหารทั้งห้าว่า อองไทซือผู้เป็นโหรใช้ให้คนถือหนังสือมาแจ้งว่า ดาวของเจ้านายเรามัวหมองให้พวกเราป้องกันรักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคงอย่าได้นอนใจ บัดนี้ซ้องกั๋งยกกองทัพใหญ่ตีได้บ้านเมืองรุกล่วงเข้ามาใกล้จะถึงเขาตังจิวซัวแต่เห็นจะข้ามมายาก

พูดยังไม่ทันขาดคำ ม้าใช้มาแจ้งความว่ากองทัพซ้องกั๋งยกล่วงเข้ามาใกล้จะถึงด่านอยู่แล้ว หลุยเอ็งชุนได้ฟังจึงพูดว่าด่านเขาอังทอซัวนี้เข้มแข็งมั่นคงกลัวอะไรกับกองทัพซ้องกั๋ง เราจะยกออกสู้รบให้แตกยับไปเอง

พูดดังนั้นก็แต่งตัวขึ้นม้าคุมไพร่พลออกจากด่าน พอกองทัพซ้องกั๋งยกไปถึง หลุยเอ็งชุนขับม้าขึ้นหน้านายทหารทั้งห้าก็ยืนเรียงอยู่สองข้าง ลิมชองจึงขับม้าเข้ารบกับหลุยเอ็งชุนได้ยี่สิบเพลง ลิมชองเอาทวนแทงถูกหลุยเอ็งชุนตกม้า เฮียบชองเหล็งเห็นนายเสียทีก็ตรงมาจะช่วย ฮวยหยงยืนอยู่ใกล้ธงเห็นดังนั้นก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกเฮียบชองเหล็งตกม้าตาย ทหารซ้องกั๋งก็เอาง้าวฟันหลุยเอ็งชุนตายฉินเหม็ง เห็นได้ทีก็ยกเข้าไล่ตะลุมบอน นายทหารเขาอังทอซัวทั้งสี่คนเห็นเสียทีก็หนีเข้าด่านปิดประตูตั้งรักษาไว้ กองทัพซ้องกั๋งได้ชัยชนะก็ถอยห่างออกไปตั้งค่ายมั่นอยู่ ซ้องกั๋งมีความยินดีก็จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริง

ฝ่ายนายทหารทั้งสี่หนีกลับเข้าด่านแจ้งความให้นางแปะผั่วเหนียฟังทุกประการ นางแปะผั่วเหนียรู้ว่าสามีตายก็ร้องไห้เศร้าโศกยิ่งนัก คิดจะแก้แค้นตอบแทนให้จงได้ก็ยกกองทัพออกจากด่านรีบมา ซ้องกั๋งแจ้งดังนั้นก็ยกกองทัพออกจากค่าย นางแปะผั่วเหนียขี่สิงโตถือง้าวตรงเข้ามา ฮวยหยง ฉินเหม็งจึงขับม้าออกไป ม้าเห็นสิงโตก็ตกใจกระโดดหนี นางแปะผั่วเหนียเห็นได้ทีก็รุกไล่ตะลุมบอนฆ่านายทหารซ้องกั๋งตายผู้หนึ่งกับทหารเป็นอันมาก ซ้องกั๋งเห็นเหลือที่จะต้านทานก็ล่าถอย นางแปะผั่วเหนียรุกไล่ประมาณทางได้สี่สิบลี้เห็นว่ามีชัยชนะก็ยกกองทัพกลับเข้าด่าน ซ้องกั๋งล่าถอยไปเห็นข้าศึกไม่รุกไล่ก็ตั้งค่ายลงตรวจดูทหารตายหมื่นเศษ ที่เจ็บป่วยมาเป็นอันมากกับเสียนายทหารเมืองฮ่อปักผู้หนึ่งคือตงจิดจิน ซ้องกั๋งมีความวิตกนัก

โงวหยงจึงพูดแก่ซ้องกั๋งว่า การศึกสงครามแพ้ชนะนั้นเป็นของธรรมดา แต่เวลาวันนี้ปราชัยก็เพราะนางแปะผั่วเหนียขี่สิงโตมาม้าเห็นก็กลัว ถ้าจะยกออกสู้รบอีกต้องคิดกำจัดสิงโตเสียก่อนก็คงเอาชัยชนะได้ ซ้องกั๋งถามว่าอุบายของท่านประการใด โงวหยงจึงว่าเมื่อครั้งแผ่นดินสามก๊ก จูกัดเหลียงขงเบ้งยกกองทัพไปปราบปรามแขวงเมืองหน่ำหมันข้างใต้ ข้าพเจ้าได้แบบแผนไว้ท่านจงสั่งให้ช่างมาจัดทำเป็นรูปสัตว์ป่าคล้ายกับสิงโตเอาหนังมาหุ้มวาดเขียนให้เหมือนกับเป็นในตัว สัตว์นั้นให้ทำเป็นไกเป็นล้อเอาเชื้อเพลิงใส่ในปาก เมื่อจะเข้ารบจัดให้สัตว์ห้าร้อยขึ้นหน้าก็ชักไกให้พ่นไฟออกมา สิงโตของข้าศึกเห็นก็จะตกใจ สำคัญว่าสัตว์ป่าจริงก็คงแตกหนีไป เราจึงยกกองทัพรุกไล่ตีขนาบไปก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย

ซ้องกั๋งก็เห็นชอบ สั่งให้โงวหยงเป็นแม่กองทำสัตว์ป่าได้ห้าร้อยเศษพร้อมศีรษะและหูตาหางสัตว์นั้นกลับกลอกได้คล้ายสัตว์เป็น ซ้องกั๋งเห็นก็ดีใจจะยกออกรบ โงวหยงจึงห้ามว่า นางแปะผั่วเหนียนั้นได้ความรู้จากปิศาจเรียกเมฆหมอกลมฝนพ่นน้ำถูกทหารของเราจะมึนเมาทั้งสิ้น ต้องคิดอ่านป้องกันเสียก่อน ให้กงซุนสิน กับเคียวเตาเช็งไปค่อยอ่านคาถาป้องกันไว้จึงจะยกออกสู้รบได้ เคียวเตาเช็งว่าถ้าจะแก้มึนเมานี้ต้องไปตักน้ำในบ่อแปะโฮ้วเสียบนเนินแขวงเมืองฮ่อปักมาเสก แล้วให้ทหารดื่มทั่วกันจึงจะไม่เป็นอันตราย ซ้องกั๋งว่าตั้งแต่นี้ไปเมืองแปะโฮ้วเสียนั้นไกลนั้นจะต้องให้เบ๊เหล็งรีบไปจึงจะทันการ

พูดดังนั้นแล้วก็สังให้เบ๊เหล็งรีบไป เบ๊เหล็งคำนับลาออกจากค่ายเอาจักรทั้งสองสวมใส่เท้า อ่านมนต์คาถารีบตรงไปถึงเมืองแปะโฮ้วเสียขึ้นบนเนินตักเอาน้ำในบ่อวิเศษได้รีบกลับมาห้าเวลาถึงค่าย ซ้องกั๋งก็เอาน้ำนั้นมอบให้เคียวเตาเช็ง

เคียวเตาเช็งเอาพู่กันมาเขียนยันต์อ่านมนต์เผาใส่ในน้ำเต้ากำชับสั่งว่าเวลาเช้าให้ทหารดื่มน้ำในน้ำเต้าเสียก่อนจึงยกออกสู้รบ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าทหารก็ทำตามสั่ง แล้วกงซุนสินก็ยกกองทัพรูปสัตว์ป่าที่ทำปลอมออกจากค่ายตรงมาหน้าด่านทัพ หลังก็หนุนตามมาท้าทายให้ออกรบ นางแปะผั่วเหนียแจ้งความก็คุมไพร่พลออกจากด่าน กงซุนสินขับรูปสัตว์ป่าขึ้นหน้า พ่นไฟออกจากหูตากลับกลอกหางกวัดแกว่งเป็นไฟ วิ่งรุกไล่ข้าศึกเหมือนกับสัตว์เป็น นายทหารและพลทหารของข้าศึกเห็นก็ตกใจไม่คิดสู้รบ นางแปะผั่วเหนียก็ขับสิงโตตรงมา สิงโตที่นางแปะผั่วเหนียขี่เห็นรูปสัตว์ป่าพ่นไฟออกจากปากก็ตกใจล้มลง นางแปะผั่วเหนียกระโดดหนีกลับเข้าค่าย จัดเอาม้าฝีเท้าดีขี่มาสู้รบ ซ้องกั๋งเร่งทหารรุกกระชั้นเข้าไป เตียเอ็งเกาขับม้าขึ้นหน้าพบฉินเหม็งเข้ารบกันได้หลายเพลง เตียเอ็งเกาสู้ฝีมือฉินเหม็งไม่ได้ ฉินเหม็งเอาทวนแทงถูกเตียเอ็งเกาตกม้า เก็งซินป้าเห็นขับม้าตรงมาจะเข้าช่วย กวนเส็งขับม้าเข้าสกัดเก็งซินป้าไว้รบได้สองเพลง กวนเส็งเอาง้าวฟันถูกเก็งซินป้าขาดกลางตัวตกม้าตาย ทหารกองทัพซ้องกั๋งเข้ารุมฟันเตียเอ็งเกาขาดใจตายในที่รบ

นางแปะผั่วเหนียเสียทหารสองนายก็โกรธนัก จึงเอานำเต้าวิเศษเทน้ำที่มึนเมาออกสาดทหารกองทัพ ทหารซ้องกั๋งดื่มน้ำบ่อเขาแปะโฮ้วเสียแล้วไม่เป็นอันตราย นางแปะผั่วเหนียเห็นดังนั้นจึงอ่านมนต์ให้มืดมัวฝนลมพายุหอบศิลาและกรวดทรายปลิวมาทั้งอากาศ ทหารซ้องกั๋งเห็นตกใจก็คิดจะล่าถอย กงซุนสินชูกระบี่วิเศษขึ้นอ่านคาถาเป็นลมพายุพัดกล้า หอบเอากรวดศิลาปลิวไปตกในกองทัพของนางแปะผั่วเหนีย ครั้นนางแปะผั่วเหนียจะสู้รบโดยกำลังก็ต้านทานฝีมือทหารซ้องกั๋งไม่ได้จึงขับม้าหนี อูเอียนเจียกเห็นได้ทีก็ขับม้าไล่ตามทัน ตีด้วยกระบองสั้นถูกศีรษะนางแปะผั่วเหนียแตกตกม้าตาย โซวถีโฮ้ว ลือเส้งเหน็ง ทหารเขาอังทอซัวเห็นนายกับทหารพวกพ้องของตัวเสียที่ก็ตกใจจะหนีกลับเข้าด่าน กองทัพซ้องกั๋งรุกไล่มาทันจับตัวลือเส้งเหน็ง ไล่ฆ่าไพร่พลพวกด่านตายเป็นอันมาก ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพเข้าพักอยู่ในด่านเขาอังทอซัว ตรวจทหารดูก็อยู่พร้อม แต่อูหมงทหารเมืองฮ่อปักหายไป ทหารแจ้งความว่าอูหมงรบกับโซวถีโฮ้ว ทหารข้าศึกไล่ไปถึงปากน้ำเฮียบเคยเค้าเข้ารบกัน ทหารทั้งสองตกหลุมริมแม่น้ำตายทั้งสองนาย ซ้องกั๋งแจ้งความก็ร้องไห้ จึงให้ทหารไปเที่ยวตามไล่ศพอูหมงมาจัดหีบใส่เอาไปฝังตามยศขุนนางนายทหาร เสร็จแล้วเกลี้ยกล่อมให้ราษฎรอยู่ทำมาหากินเป็นปกติ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ