- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๓๒
หลวงจีนอองเตาหยินจับกระบี่สองมือออกมาต่อสู้กับบู๊สงได้สิบเพลง หลวงจีนเสียที บู๊สงเอากระบี่ฟันถูกคอขาดตาย แล้วร้องบอกหญิงอยู่ในโบสถ์ว่า จงบอกมาโดยดีเถิดเราจะถามไถ่ให้รู้ความ หญิงนั้นก็ออกมาคุกเข่าคำนับแล้วร้องไห้ บู๊สงจึงถามว่าตำบลนี้ชื่ออะไร หลวงจีนนั้นมาแต่ข้างไหนจงเล่าให้ฟัง หญิงนั้นบอกว่าตำบลนี้เรียกว่าเงกังเนี้ยแปลว่าเนินเขาตะขาบ บิดาข้าพเจ้าชื่อเตียไทก๋งตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้เนิน หลวงจีนนั้นมาแต่ไหนก็ไม่ทราบ บอกว่าเป็นหมอดูที่ฮงซุย บิดาต้อนรับให้หลวงจีนอยู่ที่บ้านเป็นหลายวัน ครั้นหลวงจีนเห็นข้าพเจ้าก็รักใคร่คิดฆ่าบิดามารดาตายเสีย เอาข้าพเจ้ามาเป็นภรรยาอยู่ที่วัดบนเนินเขานี้ ด้วยตัวเป็นหญิงจะขัดขืนก็ไม่ได้ต้องจำใจมาอยู่ หลวงจีนนี้ชื่ออองเตาหยิน คนทั้งปวงเรียกว่า ฮุยเทียนเงกัง ไปชวนศิษย์มาอยู่ด้วยกันอีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าแจ้งความแก่ท่านตามความจริง ขอชีวิตข้าพเจ้าไว้เถิด บู๊สงถามหญิงนั้นว่า ญาติพี่น้องมีบ้างหรือเปล่า จงเก็บทรัพย์สิ่งของไปเราจะเอาไฟเผาวัดเสีย หญิงนั้นก็ยินดีเข้าไปรวบรวมเงินทองของที่มีราคามาให้บู๊สง ๆ ไม่เอาว่าจงเก็บไปไว้จะได้เลี้ยงตัว หญิงนั้นว่าท่านเหนื่อยมาเชิญเสพสุราให้สบายก่อนจึงค่อยไป แล้วจัดหาสิ่งของกับสุรามาให้บู๊สงรับประทาน ครั้นแล้วหญิงนั้นก็เก็บเงินทองห่อผ้าลาบู๊สงลงเนินเขาไป บู๊สงเอาไฟเผาวัดไหม้สิ้นแล้ว ข้ามเนินเขาเงกังเนี้ยไปอีกแปดเก้าวัน เดินมาตามทางเห็นรูปวาดของตนประกาศไว้อยู่ บู๊สงนั้นบวชโกนศีรษะไม่หมดเอาผมข้างหน้าไว้ จะว่าหลวงจีนก็ไม่ใช่ เรียกว่าเฮงเจีย บรรดาคนทั้งปวงเห็นก็ไม่ถามไถ่สำคัญว่าเฮงเจียก็ปล่อยให้ไป บู๊สงเดินพ้นจากนั้นไปได้อีกสองสามวันถึงตำบลหนึ่งมีภูเขาสูงใหญ่ หน้าเขามีแม่น้ำ เห็นมีโรงขายสุราก็เข้าไปซื้อ พลางถามเจ้าของโรงว่าของอื่นมีบ้างหรือไม่ เจ้าของสุราก็บอกว่าไม่มีมีแต่สุรา
ขณะนั้นเป็นฤดูหนาว บู๊สงเหนื่อยหิวมาไม่มีสิ่งใดรับประทานก็เสพสุราแก้หนาวอยู่ในโรง ยังมีชายอีกสี่คนเดินตรงมาถามเจ้าของสุราว่าสิ่งของที่เราสั่งนั้นจัดหาไว้แล้วหรือ เจ้าของสุราออกไปเชิญชายสี่คนเข้ามาแล้วบอกว่า ท่านยีหลงสั่งให้จัดหาเป็ดไก่และสุราก็หาไว้พร้อม เชิญท่านรับประทานเถิด ชายที่ชื่อยีหลงกับเพื่อนสามคนก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะ เจ้าของโรงยกเอาถังสุราออกมาบอกว่าสุราถังนี้ที่ท่านสั่งไว้ไม่ให้ขายผู้ใด แล้วเปิดถังออกตักสุราตั้งไว้บนโต๊ะยกเอาเป็ดไก่ออกมาให้ยีหลงกับเพื่อนสามคน บู๊สงได้กลิ่นสุรานั้นหอมและเป็ดไก่ด้วยกำลังหิวก็โกรธเจ้าของสุรา เรียกมาถามว่าเจ้าดูถูกเราว่าไม่มีเงินทองจะให้หรือ เราถามซื้อบอกว่าไม่มี ผู้อื่นซื้อทำไมจึงขายให้
เจ้าของโรงบอกว่าเป็ดไก่กับสุรานั้นไม่ใช่ของที่นี่ ท่านยีหลงเอามาแต่บ้านสั่งให้จัดหาไว้เลี้ยงเพื่อน บู๊สงว่าเจ้าอย่าพูดปดเลย เรารู้อยู่เต็มใจ เจ้าของโรงว่าเฮงเจียอะไรเช่นนี้โหยกเหยกเต็มที บวชแล้วยังจะกินของสดคาวได้ไม่เคยเห็น บู๊สงทั้งกำลังหิวและกำลังเมาสุราได้ฟังก็โกรธนัก เอามือตบเจ้าของโรงล้มกลิ้งโลหิตไหล ยีหลงเห็นจึงร้องตวาดว่าเฮงเจียนี้มาทุบตีกันด้วยเหตุสิ่งไร บู๊สงว่าไม่ใช่การของเจ้าอย่าวุ่นวาย หรือจะช่วยเจ้าของสุราก็ตามใจ ยีหลงตรงเข้าฉุดบู๊สงออกไปนอกโรงจะตีให้แทบตาย บู๊สงกำหมัดชกยีหลงล้มลงเอาเท้าเหยียบไว้ แล้วจับโยนไปในแม่น้ำหน้าโรง พวกเพื่อนสามคนเห็นบู๊สงเรี่ยวแรงกำลังมากก็ไม่อาจเข้าช่วย ชวนกันพยุงยีหลงขึ้นจากน้ำเห็นศีรษะแตกโลหิตไหล สามคนก็พยุงพากันกลับไป บู๊สงเห็นพวกสี่คนกลับไปแล้วเจ้าของโรงก็หลบซ่อนเสียไม่ไห้เห็น บู๊สงเข้านั่งรับประทานเป็ดไก่กับสุราจนมึนเมา แล้วออกจากโรงเดินไปริมแม่น้ำประมาณทางได้สามลี้ สุนัขตัวหนึ่งตามเห่าไปบู๊สงกำลังเมาโกรธสุนัขเอากระบี่ฟันไม่ถูก กระบี่หลุดจากมือตกลงในแม่น้ำ ตัวบู๊สงก็กลิ้งลงไปด้วย น้ำตรงนั้นตื้นเห็นกระบี่ลุยลงไปงมได้จะปีนขึ้นมา เมาสุรามากกลับล้มลงอีกก็ลุกขึ้นนอนกลิ้งอยู่ในนํ้า
ฝ่ายชายที่เรียกยีหลงไปถึงบ้าน ก็แจ้งความกับพี่ชายแล้วเรียกบ่าวไพร่มาแบ่งเป็นสามพวก ถือเครื่องศัสตราวุธไล่ตามมา เห็นบู๊สงนอนกลิ้งอยู่ในนํ้า ก็ให้คนลงจับมัดฉุดลากขึ้นมาถึงบ้านช่วยกันตีเป็นอันมาก บู๊สงเมาเต็มทีถูกจับตัวมาเฆี่ยนก็ค่อยสร่างเมา ที่ชื่อยีหลงว่าทำเราศีรษะแตกเจ็บป่วยนักจะเฆี่ยนเสียให้ตายจึงจะหายแค้น ชายที่เป็นพี่ยีหลงว่าไถ่ถามดูก่อนแล้วจึงค่อยทำ
ฝ่ายซ้องกั๋งมาอยู่ที่บ้านนั้นครั้นเห็นอื้ออึงก็ออกมาถามดู ยีหลงบอกว่าซินแซไม่รู้ จึงแจ้งความซึ่งเฮงเจียตีจนศีรษะแตกให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งเดินมาดูเห็นก็จำได้ แต่เหตุไฉนโกนศีรษะบวชเป็นเฮงเจียเสียเล่า จึงถามว่าเจ้านี้ชื่อบู๊สงน้องเราหรือ ให้พวกเหล่านั้นแก้ออกจากมัดโดยเร็ว ยีหลงไม่รู้ที่จะว่าประการใดก็ยืนอยู่ บู๊สงจึงถามซ้องกั๋งว่าเหตุไรพี่จึงมาอยู่ที่นี่ ซ้องกั๋งบอกว่าเดิมอยู่ที่บ้านชาจินคิดถึงบิดาจึงให้ซ้องเซ็งกลับไป ซึ่งโทษของพี่นั้น จูตง ลุยเหงช่วยให้เบาบางไม่ได้และไม่สามารถไปรบกวนที่บ้านได้ บัดนี้เขายังจะจับตัวพี่ไปทำโทษอีก ขงไทก๋งให้คนไปรับมาฝึกเพลงอาวุธให้บุตรที่เขาเรียกว่าแป๊ะโฮ้วซัว บ้านขงไทก๋งมีบุตรสองคนชื่อขงเหลียงฉายาเรียกว่าต๊อกฮ่วยแชที่ใส่เสื้อเหลือง เป็นที่ขงเม่งฉายาเรียกมัวเท่าแชเป็นบุตรที่สองชื่อยีหลงซึ่งจับตัวเจ้ามา ได้ยินข่าวว่าน้องตีเสือที่ตำบลเก็งเอียงก๋งตายได้เป็นโตวเถาขุนนางฝ่ายทหารแล้ว เหตุไฉนจึงมาบวชเป็นเฮงเจียด้วยข้อความประการใด บู๊สงก็แจ้งความตั้งแต่พบบู๊ตัวหนึงจนต้องแปลงเป็นเฮงเจียหนีมาได้เล่าให้ฟังถี่ถ้วนทุกประการ ขงเม่ง ขงเหลียงครั้นได้ฟังบู๊สงเล่าถึงความเดิมก็ตกใจ ตรงเข้าไปคุกเข่าคำนับ แล้วพูดว่าข้าพเจ้าไม่รู้จักจึงจับมาทุบตี ท่านอย่าถือโทษข้าพเจ้าทั้งสองเลย บู๊สงว่าพี่ก็ตีให้เจ็บป่วยต่างคนก็อย่าถือโทษกันเลย กระบี่และลูกประคำที่น้องเก็บมาอย่าให้เป็นอันตราย ขงเม่ง ขงเหลียงว่าข้าพเจ้าเก็บไว้ดีไม่มีสิ่งใดหาย ขอเชิญท่านหยุดพักให้สบายก่อนเถิดแล้วจึงจะเอามาให้ ซ้องกั๋งจึงพูดวันนี้บุญนักหนาได้มาพบกัน แล้วเรียกบู๊สงเข้าไปข้างในหาขงไทก๋งคำนับตามธรรมเนียมนั่งสนทนากันอยู่ ขงไทก๋งสั่งให้จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงบู๊สงเป็นที่รื่นเริงสบาย ครั้นเวลาจวนค่ำซ้องกั๋ง บู๊สงก็ไปนอนอยู่ห้องเดียวกัน พอรุ่งขึ้นเช้าคนที่ตำบลเขาแป๊ะโฮ้วซัวเลื่องลือว่า บู๊สงฝีมือเข้มแข็งก็ชักชวนกันมาคำนับสรรเสริญบู๊สงทุกตัวคน ซ้องกั๋งจึงถามบู๊สงว่าน้องจะไปข้างไหนอีกบ้างหรือ บู๊สงว่าเตียแชมีหนังสือให้ไปสำนักอาศัยหลวงจีนลูตีซิม ณ เขายีเล่งซัวซึ่งตัวพี่จะไปข้างไหนบ้าง ซ้องกั๋งบอกว่าฮวยหยงที่ตำบลเซงฮวงแจมีหนังสือมาชวนให้พี่ไปอยู่ พี่คิดว่าจะชวนน้องไปด้วย บู๊สงว่าครั้งนี้ฆ่าคนตายหลายคนมีโทษมาก เขาวาดรูปเที่ยวค้นจะจับตัวให้ได้ ประการหนึ่งก็โกนศีรษะบวชเป็นเฮงเจีย คนทั้งปวงเห็นจะพากันนินทาจะต้องลาไปเขายี่เล่งซัวก่อน ภายหน้าถ้าแม้นว่าเจ้าแผ่นดินโปรดยกโทษเสีย น้องได้เข้าทำราชการบำรุงแผ่นดินคงจะเที่ยวสืบหาให้พบปะพี่อีก ซ้องกั๋งว่าน้องมีใจบำรุงแผ่นดินเทพยดาคงอุดหนุนให้เจริญชื่อเสียงก็ปรากฏ ถ้าสิ้นโทษแล้วจะชักชวนเอียจี้ หลวงจีนลูตีซิมเข้าทำราชการด้วยกัน แล้วซ้องกั๋งกับบู๊สงก็จะลาไป ขงไทก๋งจัดเงินทองให้เป็นเสบียงซื้อกินตามทาง ขงเม่ง ขงเหลียง ก็เอาห่อผ้าของบู๊สงตรวจดูอยู่ถ้วนแล้วก็เอามาให้บู๊สง ซ้องกั๋งลาขงไทก๋งกับสองพี่น้องออกจากบ้านมา ขงไทก๋งกับบุตรทั้งสองคนตามไปส่งจนลับตาแล้วก็กลับมาบ้าน
ฝ่ายซ้องกั๋งกับบู๊สงเดินพูดกันไปถึงทางแยกทิศตะวันตกไปเขายี่เล่งซัว ทิศตะวันออกไปตำบลเซงฮวงแจ ซ้องกั๋งจึงพูดว่าจะจากกันไปในเวลาวันนี้น้องอย่าเสพสุราให้เมานัก ถ้าสิ้นโทษจงชักชวนกันเข้าทำราชการ พี่จะลาแล้ว ก็เดินไปทางทิศตะวันออก บู๊สงคำนับลาไปทางทิศตะวันตกตรงไปวัดโปจูซี เข้าอาศัยอยู่กับหลวงจีนลูตีซิมและเอียจี้ด้วยกันที่เขายีเล่งซัวสืบมา