- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๗๗
ฝ่ายท่องกวนตั้งค่ายอยู่ถึงสามวันแล้ว ไม่เห็นทัพโจรยกมาจึงปรึกษาหองมุ้ย ปิดเส็งว่าชะรอยกองทัพพวกโจรจะคิดว่าเราเสียทียกกลับไปเมืองหลวงแล้วจำเราจะยกกองทัพเป็นกระบวนเดินผ่านไปให้พวกโจรเห็นว่าเรายังอยู่ไม่กลับไป พวกโจรก็จะยกข้ามมาทำศึกกับเรา ประการหนึ่งพวกโจรจะยกมาคราวนี้คงหมิ่นประมาทเราว่าฝีมืออ่อนเสียทีไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะชวนกันรุกไล่ไม่เป็นกระบวน เราจึงยกทหารโอบล้อมไว้ช่วยกันจับฆ่าเสียให้สิ้น ถึงพวกโจรจะคิดแก้ไขอย่างไรเราก็ไม่กลัวด้วยทหารเรามากกว่าสักสองเท่า ซึ่งเราคิดดังนี้ท่านจะเห็นประการใด
หองมุ้ย ปิดเส็งตอบว่าซึ่งท่านคิดนั้นชอบแล้วเร่งยกไปเถิด ท่องกวนจึงสั่งให้จัดกองทัพเป็นรูปงู เพราะคิดว่างูนั้นมีกำลังอาจรวบรัดเอาข้าศึกได้ทั้งกองทัพ ครั้นถึงวันฤกษ์ดีท่องกวนยกกองทัพตรงไปท่าข้าม ทหารกองสอดแนมมาแจ้งความว่า ข้าพเจ้าเห็นชายผู้หนึ่งกิริยาเป็นพวกโจร เที่ยวพายเรือตกเบ็ดหาปลาตามลำน้ำ ข้าพเจ้าเรียกหาแวะไม่ ท่องกวนได้ฟังนึกสงสัยรีบเดินทัพมาถึงริมฝั่ง พอเห็นเตียสุนถอยเรือออกจากพุ่มไม้ ท่องกวนให้ทหารร้องถามว่าไอ้พวกโจรตกปลา เห็นซ้องกั๋งยกทัพมาตั้งอยู่ที่ไหน เตียสุนทำไม่ได้ยินลอยเรือเฉยอยู่ ท่องกวนจึงให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ไปถูกหมวก ลูกเกาทัณฑ์กระท้อนตกลงในน้ำ เตียสุนทำไม่รู้สึกตัว ท่องกวนโกรธนัก จึงให้ทหารเกาทัณฑ์สามร้อยรุมยิงลูกเกาทัณฑ์ก็ถูกตัวและหมวกดังเม็ดฝนแต่ไม่เข้า ด้วยเตียสุนใส่เสื้อหมวกทองแดงไว้ ท่องกวนเห็นดังนั้นจึงคิดว่าไอ้คนนี้เป็นคนอยู่คง จึงให้ทหารพลองสามร้อยลงน้ำว่ายไปตี เตียสุนเห็นดังนั้นจึงเปลื้องเสื้อและหมวกออกแล้วโดดลงน้ำไล่แทงทหารพลองตายสิ้นในลำน้ำนั้นแดงเป็นโลหิต ท่องกวนเห็นก็ตกใจยืนม้าตะลึงอยู่
ขณะนั้นทหารคนสนิทในกองทัพเห็นธงเหลืองโบกอยู่บนเขาจึงแจ้งความแก่ท่องกวน ๆ ได้ฟังนึกสงสัย จึงสั่งให้ทหารม้าสามร้อยขึ้นไปดู ทหารม้ายังหาทันจะขึ้นไปไม่ พอได้ยินเสียงประทัดสัญญาม้าล่ออื้ออึงขึ้น ท่องกวนแลเห็นซ้องกั๋งกับโงวหยงนั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่บนยอดเขา ท่องกวนจึงร้องว่าอ้ายกบฏไม่รู้ว่าความตายมาถึงตัวยังมัวกินโต๊ะอยู่ได้เร่งตัดศีรษะส่งมาให้เราโดยเร็ว โงวหยงตอบว่าเราก็ชาติทหารเจ้าอย่าดูหมิ่นประมาทนัก เราจะให้ทหารเลวลงไปตัดศีรษะเสียเดี๋ยวนี้จงระวังตัวให้จงดี
ท่องกวนได้ฟังก็โกรธ เร่งทหารให้ล้อมเขาไว้มั่นคง ทหารท่องกวนยังไม่ทันจะล้อม พอจูตง ลุยเหงขับม้าพาทหารออกมาจากชายเขา ท่องกวนให้หองมุ้ย ปิดเส็งเข้ารบได้ประมาณยี่สิบเพลง จูตง ลุยเหงทำเป็นอ่อนกำลังสู้ไม่ได้พาทหารหนีกลับเข้ามาชายเขา หองมุ้ย ปิดเส็งขับม้าไล่รุกเข้าไปถลำตัว ฉินเหม็ง กวนเส็งก็ขับม้าพาทหารออกโจมตีหองมุ้ย ปิดเส็งเข้าต่อสู้เป็นสามารถ จูตง ลุยเหง ก็ขับม้ากลับมาช่วยรบ หองมุ้ย ปิดเส็งทานกำลังมิได้ก็ขับม้าหนีมาหากองทัพใหญ่ ฉินเหม็ง กวนเส็ง จูตง ลุยเห็งก็ขับม้าไล่ตามตีตะลุมบอน ทหารในกองทัพท่องกวนเข้าต่อสู้เป็นสามารถ โงวหยงจึงจุดประทัดสัญญาให้กองทัพกับทหารเอกหกสิบห้านายเข้าระดมตี ฆ่าฟันทหารเอกและทหารเลวของท่องกวนตายเป็นอันมาก ท่องกวนต้านทานมิได้ก็แตก ทหารซ้องกั๋งไล่ฆ่าฟันทหารท่องกวนจนโลหิตนองแผ่นดิน หองมุ้ย ปิดเส็ง ตวนพังกือ ม้าบ้วนลี้กับทหารประมาณห้าหมื่นเศษ ช่วยกันรบป้องกันพาท่องกวนแม่ทัพหนีไปได้ประมาณสองลี้ พอพบอูเอียนเจียก ลิมชองคุมกองทัพสกัดไว้ นายทหารทั้งสองจึงร้องตวาดว่า ไอ้กังฉินใหญ่จะวิ่งหนีไปข้างไหน ซ้องกั๋งให้เรามาคอยเอาชีวิตพวกเจ้าในที่นี้ ท่องกวนได้ฟังมีความกลัวตัวสั่นยืนตะลึงอยู่ ตวนพังกือ ม้าบ้วนลี้เห็นท่องกวนสิ้นสติจึงบอกว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอต่อสู้ด้วยข้าศึก ตัวท่านกับหองมุ้ย ปิดเส็ง จงคิดอ่านเล็ดลอดหนีไปก่อน ถ้าข้าพเจ้าเห็นท่านไปพ้นแล้วจึงจะหนีตามไปต่อภายหลัง บอกแล้วตวนพังกือก็ขับม้าเข้ารบกับอูเอียนเจียก ม้าบ้วนลี้เข้ารบกับลิมชองมิได้คิดชีวิต ทั้งสองข้างต่อสู้กันได้ประมาณสามสิบเพลง อูเอียนเจียกเอาทวนแทงถูกอกตวนพังกือตกม้าตาย ลิมชองเอากระบองตีถูกสมองม้าบ้วนลี้แตกตาย ทหารซ้องกั๋งไล่ฆ่าฟันทหารท่องกวนเป็นอลหม่าน แต่หองมุ้ย ปิดเส็งพาท่องกวนกับทหารเลวหนีไป พอพบลูตีซิม บู๊สงคุมกองทัพเข้าตีสกัดหน้าล้อมไว้ ฮั่นเทียนหลิน เฮงหงีคุมทหารห้าพันรบหักออกมา ทหารลูตีซิม บู๊สงแตกออกเป็นช่อง กองทัพท่องกวนเตรียมตัวยังหาทันหนีออกไม่ พอกองทัพตังเผ็ง ซกเถียวยกมาทันสมทบกันล้อมเข้าไว้อีก ฮั่นเทียนหลิน เฮงหงีก็ขับม้าเข้ารบได้ประมาณสิบเพลง ตังเผ็งเอาทวนแทงฮั่นเทียนหลิน ซกเทียวเอาขวานฟันเฮงหงี ทหารสองนายตกจากม้าขาดใจตาย หองมุ้ย ปิดเส็งเห็นดังนั้น ก็ขับม้าเข้ารบฝ่าฟันหักออกไปไม่คิดชีวิต กองทัพที่ล้อมก็แตกพ่ายออกไป หองมุ้ย ปิดเส็งพาท่องกวนกับทหารเอกทหารเลวประมาณสองหมื่นเศษออกจากที่ล้อมได้รีบหนีไปอาศัยอยู่บนเขา ขณะเมื่อทัพท่องกวนแตกครั้งก่อนนั้น ลีเหม็งเจ้าเมืองโซวจิว โงวเปงอี๋เจ้าเมืองตังจิว ซึ่งคุมทหารหมื่นหนึ่งมาในกองทัพท่องกวนนั้นแตกพลัดกันกับท่องกวน เหลือทหารอยู่ประมาณสี่พันพากันเล็ดลอดหนีทหารซ้องกั๋งมาถึงเชิงเขา ทหารในกองทัพแจ้งความว่าท่องกวนหนีขึ้นไปอยู่บนเขานี้ ลีเหม็ง โงวเปงอี๋มีความยินดี ชักชวนกันจะขึ้นไปหาท่องกวนยังหาทันขึ้นไปไม่ พอเอียจี้ ซือจินคุมทหารขับม้ามาทันเข้ารบสกัดหน้าไว้ลีเหม็ง โงวเปงอี๋เข้ารบกับเอียจี้ ซือจินได้ประมาณสิบเพลง ซือจินเอาง้าวฟันถูกคอโงวเปงอี๋ เอียจี้ก็เอาง้าวฟันถูกไหล่ลีเหม็งตลอดถึงราวนม เจ้าเมืองทั้งสองขาดใจตาย ทหารโจรก็ไล่ฆ่าฟันทหารเมืองตังเกียตายประมาณสองพัน ที่เหลือนั้นก็พากันหนีขึ้นไปหาท่องกวนบนเขา เมื่อเอียจี้ ซือจินรบกับลีเหม็ง โงวเปงอี๋นั้น ท่องกวนรู้ว่าทหารพวกของตัวรบกับทหารโจรมิได้ให้ทหารลงมาช่วย เพราะกลัวกองทัพโจรจะรู้ว่าตัวหลบอยู่บนเขา คิดตรึกตรองแต่จะหนีไปเมืองจีจิวเอาตัวรอด ครั้นเวลาเย็นพอแลเห็นทัพยกมาข้างทิศใต้กองทัพหนึ่ง จำธงสัญญาได้ว่าพวกของตัว พอกองทัพเข้ามาใกล้เชิงเขาจึงรู้ว่าจิวซิ่น ท่องกวนมีความยินดีนักร้องเรียกจิวซิ่นให้ขึ้นไปบนเขาต่างคนต่างปรับทุกข์หาทางที่จะหนีไปให้พ้นข้าศึก จิวซิ่นจึงว่าเวลานี้ก็จวนค่ำ พวกโจรเห็นจะยกกองทัพไปค่ายแล้ว เชิญท่านรีบลงจากเขาโดยเร็วจะได้พากันหนีไป ท่องกวนได้ฟังเห็นชอบจึงพาทหารรีบลงมาถึงเชิงเขาได้ยินเสียงม้าล่อและกลองศึกเข้าใกล้ ท่องกวนจะหนีกลับขึ้นไปบนเขา พอกองทัพโลวจุนหงี เอียหยง เจียสิวคุมทหารสกัดไว้ ท่องกวนตกใจจึงอ้อนวอนทหารว่าท่านทั้งปวงจงช่วยเราให้พ้นภัยเถิด ทหารทั้งปวงมีความสงสารท่องกวนนัก หองมุ้ย ปิดเส็งจึงขับม้าเข้าฆ่าฟันทหารโจรแตกกระจายไป โลวจุนหงี เอียหยง เจียสิวเห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้ารบกันได้ประมาณยี่สิบเพลง ม้าหองมุ้ยเหยียบก้อนศิลาพลาดล้มลง หองมุ้ยตกจากหลังม้า โลวจุนหงีกระโดดลงจากหลังม้ารวบแขนทั้งสองได้ให้ทหารคุมตัวไว้แล้วก็ช่วยกันต่อตีกองทัพท่องกวนเป็นสามารถ
ฝ่ายปิดเส็งเห็นเพื่อนตัวถูกจับได้นึกเสียใจไม่อาจต่อสู้เต็มกำลังจึงบอกท่องกวนกับทหารให้รีบหนีไปข้างหน้า แล้วปิดเส็งอยู่ข้างหลังสู้พลางหนีพลางมาพบกองทัพลีขุย เปาหยก หังชอง สีกุนกองหนึ่ง เตียเช็ง เก็งอ๋อง เต็งติดซุนกองหนึ่ง คุมทหารออกตีสกัดต้นทางไว้ ปิดเส็งจะขึ้นไปช่วยก็ไม่ได้ด้วยคอยป้องกันระวังหลังอยู่ ท่องกวนจึงให้จิวซิ่น ตวนพังกือออกรบป้องกันไว้ได้ประมาณสิบเพลง ลีขุยเอาขวานฟันตวนพังกือถูกแสกหน้า เตียเช็งเอาก้อนศิลาวิเศษขว้างถูกกระหม่อมจิวซิ่น ทหารทั้งสองนายขาดใจตาย กองทัพท่องกวนแตกตื่นเป็นอลหม่าน ปิดเส็งก็ขับม้ารบวิ่งอ้อมป้องกันทหารไว้ไม่ให้แตกกระจาย และทหารในกองทัพท่องกวนครั้งนั้นไม่เต็มใจรบเพราะรักชีวิตจึงหักหนีออกไปทางเมืองจีจิวได้ เร่งรีบพากันหนีมาแต่ในเวลากลางคืน ครั้นมาถึงเมืองจีจิวแล้วท่องกวนไม่แวะอาศัยเพราะนึกอายแก่เตียซกแม้จึงพากันเดินทางไปตามชายเมืองจีจิวตรงไปเมืองตังเกีย
ฝ่ายซ้องกั๋งกับโงวหยงอยู่บนเขาจนรุ่งสว่าง แลเห็นทหารคุมกองทัพกลับมา จึงตีม้าล่อเรียกกองทัพเข้าประชุมพร้อมกันแล้ว นายทหารก็บอกความที่ได้รบกับชาวเมืองตังเกียให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งมีความยินดีนักสรรเสริญสติปัญญาโงวหยงเป็นอันมาก จึงสั่งให้เก็บเอาสิ่งของเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารในค่ายท่องกวน เสร็จแล้วก็ยกทหารข้ามไปค่ายเขาเนียซัวเปาะ โลวจุนหงีจึงสั่งให้ทหารคุมตัวหองมุ้ยเข้ามาให้ ซ้องกั๋งจึงลุกจากเก้าอี้เข้าแก้มัดออกเสียเชิญให้นั่งที่สมควร
หองมุ้ยคุกเข่าลงคำนับแล้วถามว่าข้าพเจ้าเป็นข้าศึกท่านจับได้เหตุไฉนจึงไม่ฆ่า ซ้องกั๋งตอบว่าตัวเรามาตั้งกองอยู่ในเขาเนียซัวเปาะนี้ จะได้คิดตั้งตัวเอาราชสมบัติและเป็นโจรเที่ยวตีปล้นเอาทรัพย์สิ่งของผู้ใดนั้นหามิได้ เราคิดตั้งใจว่าจะเข้าไปทำราชการฉลองคุณพระเจ้าแผ่นดินมิได้ขาด เมื่อมีหนังสือรับสั่งให้เราเข้าไปก็คงจะยอมตามรับสั่ง แต่ข้าหลวงนั้นทำอาการเย่อหยิ่งข่มขู่เราด้วยอำนาจ ทหารทั้งปวงมีความเจ็บแค้นจะพากันฆ่าเสีย เราสู้ป้องกันห้ามปรามไว้ไม่ให้ทำเพราะกลัวคำคนนินทาว่าเป็นคนทรยศ และซึ่งกองทัพยกมาทำร้ายกับเราครั้งนี้ ก็เพราะขุนนางพวกกังฉินทูลยุยง ตัวเรามิสู้ก็จำสู้ อุปมาเหมือนเพลิงไหม้ศีรษะ ธรรมดาว่าคบเพลิงติดขึ้นบนศีรษะแล้วก็ย่อมจะขวนขวายให้เพลิงนั้นพ้นจากศีรษะด้วยความร้อน และซึ่งเราจับท่านได้ครั้งนี้เราไม่ทำอันตรายแก่ท่าน เพราะตัวของท่านเป็นข้าราชการอยู่ในพระเจ้าซ้องฮุยจงเราจึงได้นับถือ ท่านจงหยุดพักอยู่ด้วยเราให้หายเหนื่อยสักสามวันแล้วจะให้ทหารไปส่ง
หองมุ้ยได้ฟังมีความยินดีจึงบอกซ้องกั๋งว่า เดิมข้าพเจ้าได้ยินขุนนางและราษฎรในเมืองหลวงและหัวเมืองกล่าวโทษท่านว่าเป็นโจร เที่ยวตีปล้นบ้านเมืองและราษฎรจะชิงเอาราชสมบัติ คำคนกล่าวร้ายนั้นมาก คำสรรเสริญนั้นน้อยนัก ข้าพเจ้าเป็นคนหูเบาหลงเชื่อ บัดนี้ได้ยินถ้อยคำและเห็นน้ำใจของท่านไม่สมกับความนินทาเลย ซ้องกั๋งจึงว่าขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองตังเกียนั้นเป็นกังฉินสักเก้าสิบเก้าส่วนที่เป็นคนตั้งอยู่ในสุจริตสักส่วนเดียว และคนกังฉินที่เป็นพาลนั้นย่อมประกอบด้วยความอิจฉา ถ้าเห็นว่าผู้ใดตั้งอยู่ในสัตย์สุจริตและหมั่นประพฤติการควรประพฤติแล้วก็กล่าวคำนินทาต่างๆ การเช่นนี้ความนินทาจึงมากกว่าสรรเสริญ
พูดแล้วสั่งให้คนใช้ยกโต๊ะมาเลี้ยง ครั้นกินอิ่มแล้วหองมุ้ยก็หยุดพักอยู่กับซ้องกั๋งถ้วนสามวัน ซ้องกั๋งจึงสั่งให้ทหารไปส่ง หองมุ้ยคำนับลา ซ้องกั๋งจึงสั่งว่า การสิ่งใดที่เราพูดไปนั้นท่านจงกราบทูลให้ทราบ หองมุ้ยตอบว่าถ้าตรัสถามหรือได้ช่องข้าพเจ้าจะกราบทูลพูดแล้วก็รีบมาลงเรือ ทหารซ้องกั๋งก็พามาส่งถึงท่าข้าม หองมุ้ยก็ขึ้นม้าตรงไปเมืองตังเกีย