- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๑๑๓
ไตจงได้แจ้งว่าพี่น้องเป็นอันตรายถึงชีวิตมีความเศร้าโศกเสียใจ พากันรีบกลับมาถึงเมืองเซียงจิวเข้าไปคำนับซ้องกั๋งแล้วเอาหนังสือส่งให้ซ้องกั๋งรับมาอ่านแจ้งความว่านายทหารตายมีความเสียใจร้องไห้เป็นอันมาก ครั้นคลายโศกจึงพูดแก่โงวหยงว่า เรายกกองทัพมารบเมืองกังหนำพี่น้องตายเป็นหลายคนจะคิดอ่านประการใดดี โงวหยงตอบว่าท่านจะโศกเศร้าทำไมไม่ต้องการ ซึ่งพี่น้องเราตายไปนั้นก็เป็นการวิบัติ ความตายย่อมมีทั่วทุกคน เราคิดอ่านการซึ่งเป็นประโยชน์ความชอบไว้แก่แผ่นดินดีกว่า ซ้องกั๋งได้ฟังโงวหยงว่าก็ค่อยคลายความโศกจึงพูดว่า ชาจินนี้เราจะเอาไว้ใช้สอยในกองทัพให้เบ๊หลินกลับไปแต่ผู้เดียว จึงเขียนหนังสือตอบไปถึงโลวจุนหงีใจความว่า “ให้โลวจุนหงียกกองทัพไปตีเมืองโอวจิวเสียให้แตกโดยเร็ว แล้วจงยกไปบรรจบกัน ณ เมืองฮั่งจิว” เขียนแล้วเข้าผนึกมอบให้เบ๊หลินถือกลับไป
ฝ่ายลือคูมิดสมทบทัพเมืองโซวจิวพร้อมแล้วจึงให้อวยตง เป็นทัพหน้าคุมไพร่พลหมื่นหนึ่งยกมารบกับซ้องกั๋ง ณ เมืองเซียงจิว ครั้นเดินทัพมาถึงกลางทางพบกองทัพลีขุยตั้งสกัดอยู่ จึงหยุดคอยฟังกำลังทหารซ้องกั๋งจะทำประการใด
ฝ่ายลีขุยเห็นพวกข้าศึกยกมา จึงถือขวานตรงเข้าไล่รบเป็นสามารถ นายทหารทั้งเก้าก็ระดมตีเข้าไปพร้อมกัน ทหารของอวยตงต้านทานมิได้ก็แตกกระจัดกระจายไป อวยตงเห็นเสียทีจึงขับม้าพาทหารหนีกลับมา ทหารซ้องกั๋งก็รุกไล่ตามตีเข้าไปในเมืองบ๊อเซียกุ้ย ลือคูมิดเห็นทหารซ้องกั๋งเข้าเมืองได้ก็ไม่คิดอ่านจะสู้รบ พาอวยตง โควเต๋งและทหารรีบหนีไปเมืองโซวจิว นายทหารทั้งเก้าจึงให้ทหารม้าใช้ไปแจ้งความแก่ซ้องกั๋งให้ทราบ ซ้องกั๋งได้แจ้งมีความยินดีจึงให้ไปเชิญเตียเจียวท้อ เล่ากองสี มาอยู่รักษาเมืองเซียงจิว ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพมาตั้งอยู่เมืองบ๊อเซียะกุ้ย
ฝ่ายลือคูมิด หนีมาถึงเมืองโซวจิว ก็เข้าไปคำนับซำไต้อ๋อง แล้วแจ้งความตามที่ได้ต่อสู้กับกองทัพซ้องกั๋งเสียกลและเสียเมืองนั้นให้ทราบทุกประการ ซำไต้อ๋องได้แจ้งมีความโกรธพูดว่า ฮองละไต้อ๋องและเราไว้วางใจให้ตัวไปอยู่รักษาเมืองยุ่นจิว ซึ่งเป็นหน้าด่านแดนต่อแดนควรหรือให้แพ้รู้แก่ข้าศึกจนเสียเมืองยุ่นจิว แล้วมิหนำซ้ำยังให้เสียเมืองเซียงจิวและเมืองบ้อเซียกุ้ยอีกเล่า ถ้าจะปรับโทษตามอาญาศึกแล้วต้องตัดศีรษะเสียทั้งโคตร ครั้งนี้จะคาดโทษไว้ให้ทำราชการแก้ตัวก่อน ถ้าทีหลังเป็นเช่นนี้แล้วจะทำโทษตามกฎหมาย ลือคูมิดเห็นซำไต้อ๋องค่อยคลายความโกรธามีความยินดีจึงพูดว่าไต้อ๋องจะใช้สอยประการใดข้าพเจ้าขอรับอาสาทำการสนองพระคุณไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต ซำไต้อ๋องตอบว่าเราจะให้เป็นนายกองทัพหน้าคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปรบกับซ้องกั๋งจะได้หรือไม่ ลือคูมิดตอบว่าข้าพเจ้าจะอาสาตีทัพซ้องกั๋งให้แตกไปจงได้ ฮองเหมาจึงให้ลือคูมิดเป็นทัพหน้าคุมทหารหมื่นหนึ่งยกล่วงหน้าไปก่อน กองทัพใหญ่นั้น เล่าปิน เตียอุย ซือฮวง กวยซิก๊วง เป็นปีกขวา ฮองเหมาซำไต้อ๋องเป็นแม่ทัพคุมทหารห้าหมื่นยกหนุนไป
ฝ่ายลือคูมิดทัพหน้ายกมาถึงวัดฮั่นซัวยี่ จึงหยุดรอท่ากองทัพใหญ่อยู่ที่นั่น ทหารกองตระเวนก็มาแจ้งความแก่ซ้องกั๋งให้ทราบ ซ้องกั๋งจึงจัดทหารเป็นกระบวนยกออกจากเมืองไปถึงหน้าวัดแล้วให้ทหารร้องว่า ลือคูมิดคนนี้ดีแต่เที่ยวหนีซุกซ่อนอาศัยมาหลายเมืองแล้ว นายเราคอยจับตัวตัดศีรษะหาได้ไม่ บัดนี้ไปได้ทหารเมืองโซวจิวมาตั้งตัวเย่อหยิ่งจะคิดสู้รบเหตุใดจึงเข้าไปซุ่มอยู่ในหมู่ทหารเล่า ถ้าจะอยากเห็นฝีมือพวกเราแล้วจงมารบกันให้ปรากฏชื่อไว้แก่ทหารทั้งปวงเถิด
ลือคูมิดได้ยินทหารว่าดังนั้นมีความมานะและโกรธเป็นอันมากจึงขับม้าขึ้นมาหน้าร้องว่าผู้ใดมีฝีมือดีจงมาสู้รบกับเรา ซ้องกั๋งก็ใช้ซือเหล็งออกไปรบกับลือคูมิดได้ยี่สิบเพลง ลือคูมิดพลั้งท่าเสียทีซือเหล็งเอาทวนแทงถูกที่คอตกม้าตาย พอกองทัพฮองเหมายกมาถึงเห็นลือคูมิดเป็นอันตรายมีความโกรธขับม้าขึ้นมาหน้าแล้วร้องว่า ซ้องกั๋งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในแผ่นดินซ้อง ฝ่ายเราเป็นอ๋องที่สองของฮองละมีอำนาจอาญาสิทธิ์สำเร็จราชการกึ่งแผ่นดินไม่ควรจะให้ทหารเข้ารบกันเป็นตะลุมบอนเหมือนทัพโจร จงจัดทหารฝีมือดีมาต่อสู้กับทหารของเราสักแปดคน เราทั้งสองคอยดูเล่นเป็นที่รื่นเริงในการศึก อย่าให้ทแกล้วทหารเหน็ดเหนื่อยลำบากทั้งสองฝ่ายเลย
ซ้องกั๋งได้ฟังก็หัวเราะตอบว่าซึ่งท่านจะให้รบกันตัวต่อตัวนั้นควรแล้ว แต่เราขอสัญญาว่า ถ้าทหารผู้ใดเพลี่ยงพลั้งเสียท่วงทีอย่าให้แก้ไขกันเป็นอันขาด ฮองเหมาว่าเราเกิดมาเป็นชายมีบรรดาศักดิ์เป็นใหญ่อยู่ในประเทศกังหนำ จะพูดจาสิ่งใดย่อมไว้เกียรติยศมิให้เป็นคำสอง ท่านอย่าได้วิตกจงจัดทหารมารบกันโดยเร็วเถิด แล้วสั่งนายทหารปีกซ้ายขวาให้ออกไปรบ นายทหารคำนับลาขับม้าออกไปรอคอยท่าทีอยู่
ซ้องกั๋งเห็นทหารฮองเหมาขับม้าออกมา จึงสั่งให้กวนเส็ง พัวหยง ฉินเหม็ง ซือเหล็ง จูตง อึงซิน ซึงลิบ เชียซือบุ๋น ออกรบกับทหารฮองเหมา นายทหารทั้งแปดขับม้าเข้ารบกันเป็นคู่ ๆ กวนเส็งรบกับเล่าปิน ฉินเหม็งรบกับเตียอุย พัวหยงรบกับซือฮวง ซือเหล็งรบกับอูพก จูตงรบกับซุ่นเจีย อึงซินรบกับกวยซิก๊วง ซึงลิบรบกับอึนเส็ง เชียซือบุ๋นรบกับเซียงเส็ง ทหารทั้งสองข้างต่างรำอาวุธ เข้าสู้รบกันเป็นสามารถมิได้เพลี่ยงพลั้งในเพลงอาวุธได้ประมาณสามสิบเพลง ซุ่นเจียทหารฮองเหมาชักม้าผิดทำนองม้านั้นรายห่างออกไป จูตงได้ทีเอาง้าวฟันถูกคอซุ่นเจียตกม้าตาย ฮองเหมาเห็นทหารของตัวเป็นอันตรายมีความโกรธแต่มิรู้ที่จะทำประการใด ครั้นเวลาเย็นต่างคนตีม้าล่อเรียกทหารกลับ ฮองเหมาจึงปรึกษานายทหารว่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาครั้งนี้รี้พลทหารมากนัก นายทหารพี่น้องร่วมใจเหล่านั้นล้วนแต่ฝีมือเข้มแข็ง ทั้งมีปัญญาวิชาความรู้วิเศษต่างๆ อนึ่งเรายกกองทัพมาถึงก็พอดีลือคูมิดนายทัพหน้าถึงแก่ความตาย การก็เป็นลางอัปมงคล เราจึงเสียทหารเอกอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะตั้งรับข้าศึกอยู่นอกเมืองเห็นจะเสียที คิดจะถอยกลับไปตั้งมั่นรับในเมืองดีกว่ารี้พลจึงจะไม่ได้รับความลำบาก
นายทหารเหล่านั้นว่าไต้อ๋องตรึกตรองเห็นการอย่างนี้ควรแล้ว ครั้นเวลากลางคืนสองยามเศษฮองเหมาก็ถอยกองทัพกลับเข้าเมืองโซวจิวเกณฑ์รี้พลขึ้นรักษาหน้าที่ป้องกันเมืองไว้ ครั้นรุ่งเช้าทหารกองสอดแนมเข้ามาแจ้งความกับซ้องกั๋งว่าฮองเหมาล่าทัพกลับเข้าเมืองแล้ว ซ้องกั๋งได้แจ้งจึงยกกองทัพตามเข้าไปในแดนเมืองโซวจิว ให้ทหารตั้งค่ายห่างเมืองทางประมาณยี่สิบลี้ไม่เห็นกองทัพในเมืองยกออกมาสู้รบ ซ้องกั๋งจึงสั่งพัวหยง ฉินเหม็ง อึงซิน ซึงลิบคุมทหารสามพันไปตรวจดูท่าทางและคูเมืองให้รู้ว่าน้ำลึกหรือตื้น นายทหารทั้งสี่คำนับลาพาทหารไปตรวจแล้วก็กลับมาแจ้งความแก่ซ้องกั๋งให้ทราบทุกประการ
ขณะนั้นมีนายทหารเข้ามาแจ้งความว่า ลี้จุนนายทหารทัพเรือกลับมาแต่เมืองกังอิม ซ้องกั๋งมีความยินดีจึงหาตัวลี้จุนมาถามว่าท่านยกทัพเรือมาตามลำแม่น้ำเห็นท่าทางชอบกลที่ตรงไหนบ้าง ลี้จุนบอกว่าข้าพเจ้ามาในลำแม่น้ำเมืองกังอิม และเมืองไถ้ชัง งิมย้งผู้ว่าราชการคุมทหารเรือออกรบ อวนเซียวชิดเอาทวนแทงงิมย้งตาย แต่ลีเง็กทหารเอกนั้นถูกเกาทัณฑ์ตาย ครั้นได้เมืองกังอิมเมืองไถ้ชังแล้ว ทองอุย ทองเม้งอยู่รักษาเมือง บัดนี้เจียสิว เตียสุนไปตีเมืองเต้งจิว อวนเซียวชิด อวนเซียวยีไปตีเมืองเซ้งจิวเมืองเซ็กจิวจะได้หรือมิได้ยังไม่ทราบ ข้าพเจ้าจึงรีบมาแจ้งความแก่ท่านเสียก่อน
ซ้องกั๋งได้ฟังมีความยินดีจึงพูดว่า กองทัพเรือของลี้จุนนั้นจงพักอยู่ที่นี่เกลือกขัดขวางสิ่งใดจะได้ใช้สอย ลี้จุนตอบว่าเมืองโซวจิวนี้มีลำน้ำเป็นคูเมืองทั้งสามด้านแต่ลำน้ำหน้าเมืองนั้นตลอดไปถึงไท้โอ้วทะเลสาบ ข้าพเจ้าจะขอลงเรือเล็กไปตรวจดูท่าทางเสียก่อน ถ้ารู้แน่แล้วจึงยกกองทัพข้ามคูเมืองเข้าตั้งค่ายล้อมเมืองโซวจิวไว้ ซ้องกั๋งได้ฟังเห็นชอบจึงตอบว่า ท่านจะไปแต่ผู้เดียวนั้น เราไม่สู้วางใจกลัวจะเป็นอันตราย จะต้องให้พี่น้องที่ชำนาญทางน้ำไปด้วย ซ้องกั๋งจึงสั่งให้ชาจิน ขงเม่ง ขงเหลียง ซิอิน โตวเฮงไปอยู่รักษาเมืองกังอิม เมืองไถ้ชัง ให้ทองอุย ทองเม้งคุมกองทัพเรือกลับมาหาเรา นายทหารทั้งห้าคำนับลารีบไปตามสั่ง ครั้นไปถึงเมืองกังอิมเมืองไถ้ชังแล้วจึงแจ้งความแก่ทองอุย ทองเม้ง ตามที่ซ้องกั๋งสั่งมาทุกประการ ทองอุย ทองเม้ง จึงให้ทหารยกกองทัพเรือมาถึงจึงพากันเข้าไปคำนับซ้องกั๋ง ณ ค่ายเมืองโซวจิว
ซ้องกั๋งเห็นพี่น้องมามีความยินดีจึงบอกทองอุย ทองเม้งว่าท่านจงไปตรวจตราในลำน้ำกับลี้จุนดูท่าทางให้แน่นอน ลี้จุน ทองอุย ทองเม้งคำนับลามาลงเรือเล็กเข้าคลองลัดไปทางหน้าเมืองยีฮวน ครั้นมาถึงไท้โฮ้วทะเลสาบ เห็นเรือเล็กเรือใหญ่เที่ยวหาปลาทอดอยู่เป็นหมู่ ลี้จุน ทองอุย ทองเม้งพายเรือแวะเข้าถามว่า ปลาลี่ฮื้อมีขายบ้างหรือไม่ ชายผู้หนึ่งจึงเป็นพวกโจรมาเที่ยวตกเบ็ดจึงบอกว่า ปลาลี่ฮื้อมีอยู่ปลาหนึ่งที่บ้าน ถ้าจะต้องการแล้วไปด้วยกัน ชายผู้นั้นจึงพาลี้จุน ทองอุย ทองเม้งขึ้นเดินบกไปในป่าหลิว ครั้นถึงปากดงชายผู้นั้นร้องขึ้นว่าพวกเราไปข้างไหนจงช่วยกันจับชายสามคนนี้ไว้