๖๗

ฝ่ายลีเส็งพาเนียตงซีออกจากเมืองได้ ทหารล้มตายเสียเป็นอันมาก พบบุนตัดกับทหารแตกกระจายเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย จึงเข้าสมทบเป็นกองเดียวกันหนีไปทางทิศตะวันออกได้ครู่หนึ่งเห็นกองทัพฮวนสุยยกมาหน้าหังชองกับลีกุนเป็นปีกซ้ายขวา ฮวนสุยเห็นกองทัพเมืองปักเกียแตกหนีมาก็คุมไพร่พลเข้าบุกรุกฆ่าฟัน บุนตัด ลีเส็งคุมทหารเข้าสู้รบเป็นสามารถ พอเตียหวยกับซิอิน มกชุนกองหนุนยกมาทันก็เข้าช่วยฆ่าฟันเป็นตะลุมบอน

ลีเส็ง บุนตัดเหลือที่จะต้านทานก็ชักม้ากลับช่วยป้องกันเนียตงซีมิได้คิดแก่ชีวิต ตีหักออกจากที่ล้อมได้พาหนีไปทางทิศตะวันตก ฮวนสุยกับพวกพ้องเหล่านั้นก็ไม่ไล่ติดตาม ยกกองทัพเข้าเมืองตรงไปยังตำบลไต้เม่งฮู้ โงวหยงซินแสก็สั่งไพร่พลไปช่วยราษฎรชาวเมืองดับไฟ แล้วประกาศว่าอย่าตกใจไม่ทำอันตราย ที่แตกตื่นหนีไปก็ให้กลับมาเสีย ราษฎรชาวเมืองทั้งปวงรู้ทั่วกันก็พากันกลับมาบ้านตามเดิม แต่ญาติพี่น้องเนียตงซีกับบุตรภรรยาของลีเส็ง บุนตัดและเฮงไทซิวพวกซ้องกั๋งฆ่าเสียที่หนีได้ก็มี โงวหยงซินแสให้เก็บรวบรวมเงินทองทรัพย์สิ่งของและเสบียงของหลวงที่ตำบลไต้เม่งฮู้บรรทุกเกวียนไว้พร้อมแล้ว จึงเอาเสบียงออกจ่ายแจกราษฎรชาวเมือง จัดการเรียบร้อยเป็นปกติแล้วก็ยกกองทัพกลับ เอาตัวลีกูกับนางเกสีจำขังไว้ในเกวียน ออกจากเมืองปักเกียตำบลไต้เม่งฮู้ แยกกองทัพเป็นสามพวกยกตรงไปเขาเนียซัวเปาะ โงวหยงให้ไตจงรีบไปแจ้งความกับซ้องกั๋งและพวกพ้องเหล่านั้นให้รู้ก่อนว่าโงวหยงซินแสยกกองทัพกลับมาเกือบจะถึงแล้ว ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดีชวนพวกพ้องมาคอยรับ พอโงวหยงซินแสมาถึงก็เชิญไปยังที่ชุมนุมพร้อมกัน ซ้องกั๋งก็คุกเข่าลงคำนับโลวจุนหงีแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าตั้งใจจะเชิญท่านมาอยู่ด้วยกันจะได้เป็นที่ปรึกษา ไม่แจ้งว่าจะเกิดเหตุใหญ่ขึ้น นี่หากว่าเทพยดาอุปถัมภ์จึงไม่ถึงแก่ชีวิต วันนี้ได้มาพบกันเป็นบุญของข้าพเจ้านักหนา

โลวจุนหงีว่า ท่านกับพี่น้องพร้อมใจช่วยข้าพเจ้าครั้งนี้คุณหาที่เปรียบมิได้ไม่รู้ที่จะแทนคุณประการใดเลย จึงให้ชัวฮก ชัวเค่งคำนับซ้องกั๋งแล้วพูดว่า ถ้าไม่ได้คนทั้งสองที่ไหนจะรอดชีวิตมาถึงนี่

ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดีนัก ให้โลวจุนหงีนั่งเก้าอี้ที่หนึ่งเป็นใหญ่อยู่ในตำบล โลวจุนหงีจึงว่า ข้าพเจ้าไม่ควรจะเป็นเจ้าของ ขอเชิญท่านว่ากล่าวการงานสืบไปเถิด ข้าพเจ้ายอมให้ท่านใช้สอยสนองคุณที่ได้ช่วยชีวิตไว้ ซ้องกั๋งก็อ้อนวอนจะให้โลวจุนหงีเป็นใหญ่ให้จงได้ โลวจุนหงีก็ไม่อาจรับ

โงวหยงซินแสว่า ท่านอย่าเพิ่งวุ่นวายไปเลย จัดที่ทางให้โลวจุนหงีอยู่ตามสบายเสียก่อน ภายหลังมีความชอบจึงให้ว่ากล่าวต่อไป พูดแล้วก็จัดห้องให้เอียนเช็งและชัวฮก ชัวเค่งกับครอบครัวอยู่เรียบร้อยแล้ว ซ้องกั๋งสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงพวกพ้องทั้งหลายพร้อมกันอยู่ที่ชุมนุม

โลวจุนหงีจึงพูดว่า ชายชู้สาวนั้นก็เอาตัวมาจะปรึกษาโทษประการใดดี ซ้องกั๋งได้ฟังก็หัวเราะ สั่งให้เอาตัวลีกูกับนางเกสีมามัดไว้ที่เสาหน้าตงงิตึง แล้วพูดกับโลวจุนหงีว่า คนทั้งสองนี้มีโทษมากนัก อย่าต้องไต่ถามเลย เชิญท่านฆ่าเสียเถิด โลวจุนหงีได้ฟังก็ถือกระบี่ตรงมาด่าว่าลีกูกับนางเกสีจนพอใจแล้วก็ฆ่าคนทั้งสองตาย ผ่าเอาหัวใจออกมาให้สุนัขกิน ศพนั้นทิ้งไว้ริมทางแล้วก็ชวนกันกินโต๊ะเสพสุราตามสบาย

ฝ่ายเนียตงซีกับนายทหารทั้งสองหนีไปหลายวัน พอม้าใช้สืบข่าวมาแจ้งความว่ากองทัพพวกโจรยกกลับไปแล้ว เนียตงซีได้ฟังก็ให้ลีเส็ง บุนตัดคุมทหารกลับเข้าเมืองไม่พบญาติพี่น้องก็ร้องไห้ ปรึกษาจะยกกองทัพไล่ตามพวกโจรก็ไปเสียไกลแล้ว ไม่รู้ที่จะคิดประการใด

ขณะนั้นภรรยาของเนียตงซีแอบซ่อนอยู่ เห็นเนียตงซีกลับมาถึงจึงบอกว่า ให้มีหนังสือไปถึงชัวไทซือทูลขอกองทัพยกมาปราบพวกโจรแก้แค้นเสียโดยเร็วเถิด เนียตงซีได้ฟังก็เห็นชอบด้วยจึงจัดขุนนางไปตรวจราษฎรชาวเมืองตายลงห้าพันเศษ ที่เจ็บป่วยอยู่เป็นอันมาก แต่พวกทหารม้าและทหารเดินเท้าตายเสียสามหมื่น ทรัพย์สิ่งของเสบียงอาหารพวกโจรก็เก็บริบเอาไปเสียสิ้น เนียตงซีจึงแต่งหนังสือบอกมอบขุนนางถือไปตังเกียเมืองหลวงให้นำขึ้นแจ้งแก่ชัวไทซือ ชัวไทซือรับหนังสือฉีกออกอ่านแจ้งความแล้วก็โกรธพวกโจรยิ่งนัก จึงพูดว่า เดิมเราปิดความเสียไม่กราบทูล มีหนังสือไปถึงเนียตงซีให้เกลี้ยกล่อมโลวจุนหงีกับเจียสิวพวกโจรไว้ ควรหรือยกทัพมาตีบ้านเมืองจนยับเยิน ครั้นจะกดความไว้ก็ไม่ได้ จึงให้ขุนนางผู้ถือหนังสือไปพักอยู่ที่โรงก๊วนก่อน พอรุ่งขึ้นเช้าชัวไทซือก็เข้าไปเฝ้ากราบทูลซึ่งพวกโจรตีตำบลไต้เม่งฮู้แตกให้ทราบทุกประการ

พระเจ้าซ้องฮุยจงได้ทรงฟังก็ตกพระทัยยังหาทันตรัสประการใดไม่ เตียวเตียจึงกราบทูลว่า เดิมได้ยกกองทัพไปรบกับโจรหลายครั้งก็สู้พวกโจรไม่ได้ ทหารล้มตายเป็นอันมาก ข้าพเจ้าเห็นว่าจะสู้รบทำไมให้ลำบากแก่ไพร่พลทหาร เกลี้ยกล่อมพวกโจรมาสามิภักดิ์แต่โดยดีเถิด แล้วตั้งให้เป็นขุนนางจะได้ป้องกันอาณาเขตต่อไป ชัวไทซือได้ฟังก็โกรธตวาดว่าเตียวเตียก็เป็นขุนนางตงฉินใจสัตย์ซื่อ เหตุใดจึงมากราบทูลดังนี้ มิคิดกบฏเข้าแก่โจรหรือ

พระเจ้าซ้องฮุยจงได้ทรงฟังถ้อยคำชัวไทซือ ก็ทรงกริ้วรับสั่งให้ถอดเตียวเตียออกจากที่ขุนนางเป็นไพร่ บรรดาขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้นก็เกรงกลัวไม่อาจที่จะกราบทูลได้พากันนิ่งอยู่ พระเจ้าซ้องฮุยจงจึงตรัสถามชัวไทซือว่าบัดนี้พวกโจรกำเริบมากนัก จะจัดให้ผู้ใดยกกองทัพไปปราบดี ชัวไทซือกราบทูลว่า มีนายทหารสองคนอยู่ที่เมืองเล่งจิวแซ่ตันชื่อเทงกุ้ย คนหนึ่งแซ่งุยชื่อเต๊งก๊ก เป็นขุนนางตำแหน่งที่ทวนเลียบไซ่ ขอพระองค์จงมีรับสั่งให้ถืออาญาสิทธิ์ออกไปถึงตันเทงกุ้ย งุยเต๊งก๊กให้คุมทหารที่ได้ว่ากล่าวยกไปปราบพวกโจรตำบลเขาเนียซัวเปาะก็คงเรียบร้อย

พระเจ้าซ้องฮุยจงได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงรับสั่งให้มีตราไปถึงนายทหารทั้งสองให้ยกกองทัพไปปราบโจรเสียโดยเร็ว ชัวไทซือก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน จัดขุนนางถือหนังสือรับสั่งออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองเล่งจิว

ฝ่ายซ้องกั๋งตั้งแต่ตีตำบลไต้เม่งฮู้แตก ขนเอาทรัพย์สิ่งของมาแล้วก็รางวัลให้ไพร่พลทั้งปวงจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงโลวจุนหงีกับพี่น้องทั้งปวงอยู่ทุกเวลา โงวหยงซินแสจึงพูดว่า ถ้าเนียตงซีกลับมาเมืองคงมีหนังสือบอกไปขอกองทัพชัวไทซือยกมาปราบพวกเราเป็นแน่ จำจะต้องคิดอ่านไว้สู้รบต้านทาน ซ้องกั๋งว่าท่านซินแสคาดการณ์ถูก ถ้ากระนั้นก็จัดให้ไพร่พลไปสืบข่าวที่ตำบลไต้เม่งฮู้เสียก่อนแล้วเราจะได้ตระเตรียมกันไว้ โงวหยงซินแสว่าข้าพเจ้าจัดให้คนใช้ไปสืบเกือบจะมาถึงอยู่แล้ว

ขณะนั้นพอม้าใช้สืบราชการมาถึงแจ้งความกับซ้องกั๋งและโงวหยงซินแสว่า เนียตงซีมีหนังสือบอกเข้าไปเมืองหลวง ซัวไทซือทูลขอให้ตันเทงกุ้ย งุยเต๊งก๊ก นายทหารเมืองเล่งจิวยกกองทัพมาปราบปราม พระเจ้าซ้องฮุยจงรับสั่งให้ขุนนางถือท้องตราไปเมืองเล่งจิวแล้ว ซ้องกั๋งแจ้งความดังนั้นจึงถามโงวหยงซินแสว่า เราจะคิดอ่านสู้รบประการใดดี

ขณะนั้นกวนเส็งยืนขึ้นคำนับแล้วพูดว่าข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านยังไม่มีความชอบสิ่งใดเลย ตันเทงกุ้ย งุยเต๊งก๊กนั้นเป็นคนรู้จักกับข้าพเจ้าจะขออาสาคุมไพร่พลห้าพัน กับซวนจั่น เชียซือบุ๋นไปตั้งสกัดอยู่ต้นทางเมืองเล่งจิว ถ้านายทหารทั้งสองยกกองทัพมา ข้าพเจ้าจะเกลี้ยกล่อมพามายังตำบลเขาเนียซัวเปาะให้ได้ ถ้าแม้นไม่ยอมสามิภักดิ์โดยดีจะจับตัวมาส่ง ท่านอย่าต้องให้พวกพ้องทั้งปวงไปได้ความเหน็ดเหนื่อยเลย

ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดีมอบซวนจั่น เชียซือบุ๋นและไพร่ห้าพันให้กวนเส็ง กวนเส็งคำนับลามาจัดไพร่พลพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารแล้วก็ยกกองทัพออกจากเขาเนียซัวเปาะไป

โงวหยงจึงพูดกับซ้องกั๋งว่า กวนเส็งยกกองทัพไปครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่วางใจ จะต้องจัดให้พวกพ้องสักสี่นายตามไปกำกับ ซ้องกั๋งว่ากวนเส็งคนนี้สัตย์ซื่อสุจริตจริงๆ ท่านซินแสอย่าได้ระแวงสงสัยเลย โงวหยงว่าข้าพเจ้าวิตกอยู่ กลัวว่าใจของกวนเส็งจะไม่เหมือนใจท่าน พูดแล้วก็ให้ลิมชอง เอียจี้ ซึงลิบ อึงซินคุมไพร่พลห้าพันยกตามกวนเส็งไป ลีขุยเห็นดังนั้นจึงบอกแก่ซ้องกั๋งว่า ข้าพเจ้าจะขอไปด้วย ซ้องกั๋งว่ามีผู้รับธุระแล้วเจ้าอย่าไปเลย ลีขุยว่าถึงทีจะสู้รบฆ่าฟันกันไม่ให้ไป ถ้าไม่ให้ไปจริงๆ ก็จะไปแต่ผู้เดียว ซ้องกั๋งได้ฟังก็โกรธร้องตวาดว่า ถ้าไม่ฟังบังคับบัญชาก็จะฆ่าเสีย ลีขุยเห็นซ้องกั๋งโกรธก็ไม่สบายใจหลีกออกมา ครั้นถึงเวลาค่ำก็เอาขวานสำหรับมือสองเล่มหนีออกจากเขาเนียซัวเปาะตามกองทัพกวนเส็งและลิมชองไปในเวลากลางคืน ครั้นรุ่งเช้ามีผู้มาแจ้งแก่ซ้องกั๋งว่า เวลาคืนนี้ดึกสองยามเห็นลีขุยถือขวานลงเรือข้ามฟากไปไม่แจ้งว่าไปข้างไหน ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความวิตกจึงพูดว่า เราไม่ควรที่จะว่ากล่าวให้ลีขุยแค้นเคือง บัดนี้หนีไปเสียแล้วจะคิดอย่างไรดี โงวหยงซินแสว่าท่านอย่าวิตกเลย อีกสักสองเวลาลีขุยก็ต้องกลับมาเอง ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยังไม่ไว้ใจ จึงใช้ให้ไตจงกับซิเซียน ลิหุน งักหัว เฮงเตงลัก ไปเที่ยวติดตามลีขุยกลับมาให้จงได้ ห้านายก็คำนับลาแยกกันติดตามไปคนละทาง

ฝ่ายลีขุยถือขวานสองมือรีบเดินไปในเวลากลางคืน จึงคิดว่าเหลือกำลังอันใดกับนายทหารสองคนต้องยกไพร่พลไปสู้รบเป็นนักหนา ตัวเราคนเดียวเท่านี้จะเล็ดลอดเข้าไปในเมืองเล่งจิว เอาขวานฟันเสียคนละทีให้ซ้องกั๋งเห็นฝีมือสักครั้งหนึ่งจึงจะเกรงกลัวไม่อาจว่ากล่าวต่อไปได้ คิดแล้วรีบไปได้ครึ่งวันก็หิวอ่อนลง เงินทองไม่ได้เอามาซื้อกินด้วยเป็นการเร็ว จึงคิดว่าช้านานมาแล้วไม่ได้ทำความชั่ว วันนี้หิวเต็มทีจะต้องวิวาทกับพวกโรงเตี๊ยมสักครั้งหนึ่ง พอเห็นมีโรงขายสุราอยู่ริมหมู่บ้าน ลีขุยเดินเข้าไปในโรงร้องสั่งเจ้าของโรงให้ตักสุรามาสามทะนานใหญ่กับเนื้อสุกรสุกหนักสองชั่ง เจ้าของโรงเตี๊ยมก็จัดให้พร้อม ลีขุยกินของจนอิ่มแล้วลุกขึ้นจะหนีออกจากโรง เจ้าของสุรากั้นลีขุยไว้ขอเงินค่าสิ่งของ ลีขุยว่าเราไปซื้อขายกลับมาจึงจะมาใช้ให้

พูดยังไม่ทันขาดคำ เห็นชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ เดินเข้ามาในโรงร้องตวาดลีขุยด้วยเสียงอันดังว่า ผู้ใดมาตั้งโรงสุราไว้จึงกินตามสบายไม่ให้เงินทอง ลุขุยตอบว่าเรากินได้ทุกแห่งไม่ต้องเสียเงิน ชายผู้นั้นว่าเจ้าอย่าอวดอ้าง เราพูดให้ฟังก็จะตกใจ ตัวเรานี้เป็นพวกเขาเนียซัวเปาะชื่อฮั่นแป๊ะเหล็ง ซ้องกั๋งให้เงินทองทำทุนจึงได้มาขายสุราอยู่ที่นี่

ลีขุยได้ฟังก็นึกหัวเราะคิดว่าที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะของเรานี้ไม่เห็นมีคนเช่นอย่างนี้เลย และฮั่นแป๊ะเหล็งคนนี้เดิมเป็นโจรเที่ยวตีปล้นพวกเดินทางหาเลี้ยงชีวิต แจ้งว่าที่เขาเนียซัวเปาะนั้นรุ่งเรืองมีความสุขมากก็ตั้งใจหมายจะมาสามิภักดิ์กับซ้องกั๋ง ครั้นถึงโรงสุราจูกุ้ย ๆ ไต่ถามฮั่นแป๊ะเหล็ง ๆ จึงเล่าความซึ่งจะมาสามิภักดิ์กับซ้องกั๋งให้ฟัง พอซ้องกั๋งเป็นฝีที่กลางหลัง จูกุ้ยจึงให้ฮั่นแป๊ะเหล็งไปเที่ยวตั้งโรงสุราขายก่อน คอยซ้องกั๋งหายป่วยจะได้นำไป ฮั่นแป๊ะเหล็งมาตั้งโรงขายสุราอยู่ที่ตำบลนี้ ลีขุยจึงมิได้รู้จักนิ่งตรึกตรองอยู่ช้านาน แล้วชักขวานสองเล่มที่เหน็บหลังออกมาบอกกับฮั่นแป๊ะเหล็งเจ้าของสุราว่า ถ้าไม่เชื่อก็เอาขวานไว้เป็นจำนำก่อน

ฮั่นแป๊ะเหล็งไม่รู้อุบายสำคัญว่าจริงยื่นมือไปรับ ลีขุยเอาขวานฟันถูกศีรษะฮั่นแป๊ะเหล็งแตกตาย พวกลูกจ้างอยู่ในโรงเห็นดังนั้นก็ตกใจหนีเข้าป่าไปทั้งสิ้น ลีขุยเอาไฟเผาโรงสุราเสียแล้วก็เดินตรงไปเมืองเล่งจิว พบชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่เดินมาเห็นลีขุยเขม่นดู ลีขุยเห็นดังนั้นก็โกรธถามว่าดูเราทำไม ก็ตรงเข้ามาทุบตี เจียวเทงจึงเข้าต่อสู้ต้านทาน ลีขุยสู้ฝีมือไม่ได้ก็วิ่งหนี เจียวเทงร้องเรียกให้ลีขุยหยุดแล้วถามว่า เจ้าแซ่ไรชื่อใดเป็นชาวเมืองไหน ลีขุยว่าเจ้ากับเราเป็นคู่วิวาทกันคิดจะไม่บอก แต่เห็นเจ้ามีฝีมือเข้มแข็งก็จะบอกตามจริง ตัวเราชื่อลีขุยที่เรียกว่า เฮงซวนฮองอยู่ ณ เขาเนียซัวเปาะ เจียวเทงว่าเจ้าพูดล่อลวงเราดอกกระมัง ลีขุยว่าถ้าไม่เชื่อก็ดูขวานสำหรับมือของเราเถิด เจียวเทงว่าเจ้าเป็นพวกเขาเนียซัวเปาะแน่แล้ว จะไปข้างไหนแต่ผู้เดียว ลีขุยตอบว่าเราเกิดวิวาทขึ้นกับพี่ซ้องกั๋ง บัดนี้จะไปเมืองเล่งจิวฆ่านายทหารแซ่ตันกับแซ่งุยเสีย เจียวเทงถามว่าเราได้ยินข่าวว่าพวกเขาเนียซัวเปาะยกกองทัพไปแล้วนั้นคือผู้ใด ลีขุยบอกว่าที่ยกกองทัพไปก่อนนั้นคือกวนเส็ง กองทัพหลังคือลิมชอง

เจียวเทงได้ฟังก็รู้ว่าพวกเขาเนียซัวเปาะจริง จึงคุกเข่าคำนับเป็นอันดี ลีขุยถามว่าเจ้าแซ่ไรชื่อใด เจียวเทงว่าข้าพเจ้าแซ่เจียวชื่อเทงชาวเมืองเต็งซัวฮู้ ได้ยินข่าวเล่าลือว่ามีนายโจรผู้หนึ่งแซ่เปาซื่อหยก ตั้งซ่องสุมอยู่ที่เขาโกวซิวซัวแขวงเมืองโควจิวเที่ยวตีปล้นหาเลี้ยงชีพอยู่เนืองๆ เปาหยกนายโจรอยากแต่จะฆ่าคนจึงถูกเรียกว่าซันมึงสิน ข้าพเจ้าแจ้งความปรารถนาจะไปสามิภักดิ์อยู่ที่เขาโกวซิวซัว

ลีขุยได้ฟังจึงว่า ตัวเจ้าก็มีฝีมือเข้มแข็งจงไปอยู่กับซ้องกั๋งพี่เราเถิด เจียวเทงว่าข้าพเจ้าคิดมานานแล้วแต่ไม่มีผู้ชักนำ วันนี้มาพบท่านเป็นบุญนักหนาข้าพเจ้าจะขอตามไปด้วย ลีขุยว่าเมื่อเราจะมาได้วิวาทกับพี่ซ้องกั๋งจะต้องไปสู้รบฆ่าฟันผู้คนเสียบ้าง ที่จะให้กลับไปแต่มือเปล่านั้นหาได้ไม่ เจ้ากับเราจงไปเขาโกวซิวซัว พูดจาเกลี้ยกล่อมเปาหยกให้ได้เสียก่อนแล้วจึงไปตีเมืองเล่งจิวฆ่าตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กเสียแล้ว จึงกลับไปเขาเนียซัวเปาะด้วยกัน เจียวเทงว่าเมืองเล่งจิวนั้นไพร่พลทหารมากเหลือสติปัญญาที่จะตีหักเข้าไป ถึงหากว่าท่านกับข้าพเจ้ามีฝีมือเข้มแข็งสักเท่าไรก็สู้รบต้านทานมิได้เหมือนกับเอาชีวิตไปทิ้งเสีย ข้าพเจ้าคิดว่าชักชวนเปาหยกให้ไปสามิภักดิ์ยังเขาเนียซัวเปาะดีกว่า

พูดกันยังไม่ทันตกลง พอซิเซียนตามไปทันเห็นลีขุยก็ร้องว่า ทำให้พี่ซ้องกั๋งวิตกนักใช้ให้พวกพ้องแยกย้ายกันเที่ยวติดตาม บัดนี้น้องมาพบแล้วเชิญกลับไปเถิด ลีขุยให้เจียวเทงพูดจารู้จักกับซิเซียนแล้วจึงบอกว่าเราได้ปรึกษากับเจียวเทงไว้แล้ว ว่าจะไปเขาโกวซิวซัวชักชวนเปาหยกมาอยู่ด้วยกัน เจ้าจงกลับไปบอกกับพี่ซ้องกั๋งให้รู้ก่อนแล้วเราจึงจะไป ซิเซียนอ้อนวอนเท่าไรลีขุยก็ไม่ฟัง ครั้นจะว่ากล่าวนักก็กลัวจึงไปเขาเนียซัวเปาะแต่ผู้เดียว เจียวเทงกับลีขุยก็เดินทางตรงไปเขาโกวซิวซัว

ฝ่ายกวนเส็งกับซวนจั่น เชียซือบุ๋นคุมไพร่พลไปใกล้จะถึงเมืองเล่งจิว พอขุนนางผู้ถือหนังสือรับสั่งมาถึงเมืองเล่งจิว เตียไทซิวผู้รักษาเมืองก็ออกต้อนรับเชิญพระอักษรกับขุนนางเข้าไปข้างใน ฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความซึ่งจะยกกองทัพไปปราบปรามพวกโจร แล้วให้หาตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊ก นายทหารทั้งสองมาปรึกษา จัดทหารตระเตรียมเครื่องศัสตราวุธเสบียงไว้พร้อม พอม้าใช้สืบราชการมาแจ้งความกับเตียไทซิวผู้รักษาเมืองว่า กวนเส็งคุมไพร่พลตรงมาจะตีเอาเมืองเล่งจิว บัดนี้กองทัพใกล้จะถึงเมืองอยู่แล้ว

ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กได้ฟังก็โกรธนักจึงยกกองทัพออกจากเมืองไป พอกวนเส็งยกมาปะทะเข้า เห็นตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กก็ร้องถามว่าท่านกับเราจากไปช้านาน ทุกข์สุขเป็นประการใดบ้าง ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กได้ฟังก็หัวเราะแล้วด่ากวนเส็งว่า คนอะไรอย่างนี้มิได้ได้คิดถึงบุญของเจ้านายที่ชุบเลี้ยงไว้ ควรหรือมาคิดกบฎทำให้ได้ความอัปยศ พาให้ปู่และบิดาญาติทั้งปวงพลอยเสียชื่อเสียง ยังจะมีหน้าคุมไพร่พลมาจะว่ากล่าวประการใด

กวนเส็งจึงว่า ท่านทั้งสองพูดดังนั้นไม่ถูก เจ้านายของเราทุกวันนี้ก็หลงเชื่อถ้อยคำพวกกังฉินจะว่ากล่าวการสิ่งใดก็ไม่เป็นยุติธรรม คนที่ซื่อตรงจึงได้ความคับแค้น ซ้องกั๋งนั้นสัตย์ซื่อสุจริตคิดแต่จะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข จึงใช้ให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านทั้งสองไปอยู่เขาเนียซัวเปาะด้วยกันจะได้ช่วยบำรุงแผ่นดินสืบไป ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กได้ฟังก็โกรธขับม้าจะเข้ารบกับกวนเส็ง ซวนจั่น เชียซือบุ๋นยืนอยู่ข้างซ้ายขวาก็ขับม้าเข้ารบกับตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กเป็นคู่กัน กวนเส็งหยุดม้าดูอยู่ประมาณครู่หนึ่งตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กก็ขับม้าแยกกันหนีเข้าในกระบวนรบ ซวนจั่นก็ไล่ตามไปเห็นทหารงุยเต็งก๊กใส่เสื้อเกราะแดงถือธงแดงประมาณสี่ห้าร้อยตรงออกมาล้อมซวนจั่นไว้ เอาขอเกี่ยวเท้าม้าตรูกันเข้าจับซวนจั่นได้ เชียซือบุ๋นไล่ตามตันเทงกุ้ยไป เห็นทหารในกระบวนรบของตันเทงกุ้ยใส่เสือเกราะดำ ถือธงดำประมาณสี่ห้าร้อยตรงเข้าล้อมจับเชียซือบุ๋นได้ ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กก็จัดให้ทหารคุมตัวไปส่งยังเมืองเล่งจิว แล้วก็ขับทหารบุกรุกตรงมา กวนเส็งเห็นทหารสองคนถูกจับไปแล้วก็ตกใจจึงคุมไพร่พลถอยหนี นายทหารทั้งสองก็ไล่กระชั้นชิดมา

ฝ่ายลิมชองกับเอียจี้คุมไพร่พลตามกวนเส็งมาใกล้จะถึงเมืองเล่งจิว เห็นพวกทหารไล่กวนเส็ง ลิมชองกับเอียจี้ก็คุมไพร่พลออกสกัดไว้ ฆ่าฟันทหารแตกกระจัดกระจายไป ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กเห็นไพร่พลพวกกวนเส็งยกหนุนมาไม่อาจสู้รบได้ก็คุมพวกทหารกลับเข้าเมือง กวนเส็งรวบรวมไพร่พลมาสมทบกันกับกองทัพลิมชอง เอียจี้ พอซึงลิบ อึงซินยกมาถึงก็เข้ารวมกันตั้งค่ายมั่นลงไว้

ฝ่ายตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กถอยกลับเข้าเมือง คุมเอาตัวซวนจั่นกับเชียซือบุ๋นไปยังบ้านเตียไทซิวผู้รักษาเมือง เตียไทซิวแจ้งความก็ต้อนรับนายทหารทั้งสองจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน แล้วทั้งให้เอาตัวซวนจั่นกับเชียซือบุ๋นลงบรรทุกเกวียน มอบให้นายทหารรองกับทหารเลวสามร้อยคุมคนทั้งสองเข้าไปส่งเมืองหลวง นายทหารกับทหารสามร้อยก็คุมเกวียนออกจากเมืองเล่งจิวไป

ฝ่ายเจียวเทงกับลีขุยเดินทางไปถึงโกวซิวซัว เปาหยกก็ออกต้อนรับเชิญลีขุย เจียวเทงเข้าไปไต่ถามรู้จักกันแล้ว คนทั้งสามก็รักใคร่เหมือนอย่างพี่น้อง จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเป็นอันดี พอนายทหารเมืองเล่งจิวคุมเกวียนคนทั้งสองเดินไปทางหน้าเขา ไพร่พลเหล่านั้นเห็นก็ไปแจ้งแก่เปาหยกว่า มีทหารพวกหนึ่งคุมเกวียนเดินทางมา เปาหยก ลีขุย เจียวเทงได้ฟังก็ชวนกันคุมไพร่พลออกสกัดทางตรงเข้าแย่งชิงเกวียนได้ ฆ่านายทหารทั้งสองตาย พวกทหารเลวก็แตกหนีไป ลีขุย มาดูที่เกวียนเห็นซวนจั่นกับเชียซือบุ๋นก็หักพังเกวียนเอาคนทั้งสองออกมาได้ ลีขุยถามว่าเหตุผลประการใด ซวนจั่น เชียซือบุ๋นก็บอกเล่าตามซึ่งได้สู้รบให้ฟัง แล้วถามลีขุยว่ามีธุระสิ่งไรจึงได้มาถึงเขานี้

ลีขุยว่า เพราะพี่ซ้องกั๋งไม่ให้ยกกองทัพไปจึงได้หนีมาแต่ผู้เดียว ฆ่าฮั่นแป๊ะเหล็งตายแล้วได้พบกับเจียวเทง เจียวเทงพามาหาเปาหยก คิดอ่านกันว่าจะคุมไพร่พลไปตีเมืองเล่งจิว พอพวกทหารคุมเกวียนมาไม่แจ้งว่าพี่ทั้งสองก็ออกแย่งชิงเผอิญให้มาพบกัน

ซวนจั่น เชียซือบุ๋นได้ฟังก็ยินดี เปาหยกจึงเชิญพวกพ้องเหล่านั้นไปยังที่ชุมนุมจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงกันตามสบาย เชียซือบุ๋นจึงพูดกับเปาหยกว่าพี่มีใจจะไปอยู่เขาเนียซัวเปาะก็ดีแล้ว แต่คราวนี้พวกเรายกกองทัพไปตีเมืองเล่งจิวเสียก่อน ถ้าสมความปรารถนาจึงค่อยยกทัพกลับไปด้วยกัน เปาหยกได้ฟังก็เห็นชอบ จึงแต่งตัวขึ้นม้าทั้งห้านายคุมไพร่พลแปดร้อยออกจากโกวซิวซัวตรงไปเมืองเล่งจิว

ฝ่ายพวกทหารที่คุมเกวียนแตกหนีกลับไปแจ้งความกับเตียไทซิวว่า พวกโจรแย่งชิงเกวียนที่ขังคนทั้งสองไปฆ่านายทหารรองตาย พวกข้าพเจ้าหนีเล็ดลอดมาได้ เตียไทซิวกับนายทหารทั้งสองแจ้งความก็โกรธยิ่งนัก ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กว่า ถ้าครั้งนี้จับได้อย่าส่งเข้าไปเมืองหลวงเลย จงฆ่าเสียที่นี่เถิด พูดแล้วก็เตรียมทหารจะยกออกมา

ฝ่ายกวนเส็งครั้นรุ่งขึ้นเช้าก็คุมไพร่พลออกจากค่ายตรงไปหน้าเมืองร้องท้าให้ออกมารบ ตันเทงกุ้ยจึงคุมทหารใส่เกราะดำห้าร้อยเปิดประตูเมืองยกออกมาก่อน กวนเส็งขับม้าตรงเข้าสู้รบกับตันเทงกุ้ยได้ห้าสิบเพลง กวนเส็งก็ขับม้าหนี ตันเทงกุ้ยไล่ตามไปประมาณทางได้สิบลี้ กวนเส็งก็ชักม้าหยุดร้องว่า ตันเทงกุ้ยยังไม่ลงจากม้ายอมสามิภักดิ์เสียแต่โดยดีหรือ

ตันเทงกุ้ยได้ฟังก็ตรงเข้าไปเอาทวนแทงกวนเส็ง กวนเส็งป้องปัดได้เงื้อง้าวขึ้นร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ตันเทงกุ้ยตกใจพลัดลงจากหลังม้า กวนเส็งโดดลงมาพยุงตันเทงกุ้ยไว้ พูดว่าข้าพเจ้าขออภัยเสียเถิด ตันเทงกุ้ยกำลังตกใจร้องขอชีวิตว่าจะยอมสามิภักดิ์แล้ว กวนเส็งว่าข้าพเจ้าได้พูดไว้ต่อหน้าพี่ซ้องกั๋งว่าจะมาชักชวนท่านทั้งสองไปอยู่ด้วย จะได้เป็นที่ปรึกษาช่วยกันทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความสุขสืบไป พูดแล้วก็ชวนตันเทงกุ้ยขึ้นม้ากลับมายังค่าย ลิมชองรู้ก็ออกไปรับถามว่าสู้รบกันเป็นอย่างไรบ้าง กวนเส็งก็ไม่บอกกลัวตันเทงกุ้ยจะอาย จึงว่าข้าพเจ้ากับตันเทงกุ้ยชอบพอรักใคร่กันมาช้านาน จึงได้พูดถึงความเก่าก็ยินดีจึงยอมสามิภักดิ์โดยไมตรีกัน

ลิมชองกับพวกพ้องเหล่านั้นได้ฟังก็ดีใจ ตันเทงกุ้ยจึงเดินไปหน้ากระบวนร้องเรียกทหารห้าร้อยที่สำหรับใช้ใส่เสื้อเกราะดำไปยังค่ายกวนเส็ง ทหารนอกนั้นแลเห็นก็ตกใจหนีกลับเข้าเมืองไปแจ้งความกับเตียไทชิวและงุยเต็งก๊กทุกประการ เตียไทซิว งุยเต็งก๊กก็โกรธยิ่งนัก ครั้นเวลารุ่งเช้างุยเต็งก๊กแต่งตัวคุมทหารเปิดประตูเมืองตรงไปหน้าค่ายท้าทายให้ออกรบ ตันเทงกุ้ยกับกวนเส็ง ลิมชองก็ขึ้นม้าออกจากค่าย งุยเต็งก๊กเห็นตันเทงกุ้ยก็โกรธจึงร้องด่าตันเทงกุ้ยด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่างๆ ว่าไม่รู้จักคุณเจ้านาย กวนเส็งได้ฟังก็หัวเราะขับม้าเข้ารบกับงุยเต็งก๊กได้สิบเพลง งุยเต็งก๊กขับม้าหนีตรงเข้าในกระบวน กวนเส็งขับม้าจะไล่ตาม ตันเทงกุ้ยก็ร้องห้ามไว้ พวกทหารไฟห้าร้อยของงุยเต็งก๊กนั้นก็ตรูกันออกมาถือเครื่องศัสตราวุธ สะพายน้ำเต้าไฟ ถ้าจะรบกันก็จุดดินปืนติดขึ้นวิ่งบุกรุกเข้าไปมีรถไฟห้าสิบเล่มวิ่งฝ่ากระบวนรบไป คนและม้าทนไม่ได้ก็แตกกระจัดกระจายหนีไป กวนเส็งเห็นดังนั้นก็ตกใจชวนกันถอยหนีไปประมาณทางสี่สิบลี้ ไม่เห็นทหารและรถไฟไล่ตามมาก็พักไพร่พลหยุดอยู่ งุยเต็งก๊กได้ชัยชนะแล้วก็คุมทหารกลับ

ฝ่ายลีขุยกับเปาหยก เจียวเทง ซวนจั่น เชียซือบุ๋น มาถึงเมืองเล่งจิวรู้ว่าสู้รบกันอยู่หน้าเมือง ลีขุยกับพวกพ้องคุมไพร่พลอ้อมไปหลังเมืองตีหักทางประตูทิศเหนือเข้าเมืองได้ไล่ฆ่าฟันทหาร เตียไทซิวกับขุนนางและราษฎรตกใจกลัวแตกกระจัดกระจายไป ลีขุยกับพวกพ้องไพร่พลเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของเสบียงอาหารบรรทุกเกวียนแล้วเอาไฟจุดขึ้น ชวนกันคุมเกวียนทรัพย์สิ่งของออกจากเมืองเล่งจิวไป

ฝ่ายงุยเต็งก๊ก คุมทหารกลับมาเห็นไฟติดขึ้นในเมืองก็พาทหารถอยกลับ กวนเส็งกับพวกพ้องก็บุกรุกไล่กองทัพงุยเต็งก๊กกระชั้นเข้ามา งุยเต็งก๊กกับทหารไม่มีใจสู้รบต้านทานก็ชวนกันหนีไปพักอยู่ที่เมืองตงเล็กกุ้ย กวนเส็งยกตามไปเข้าล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้านจะหักเข้าไปให้ได้

ตันเทงกุ้ยจึงพูดกับกวนเส็งว่า งุยเต็งก๊กนี้ฝีมือเข้มแข็งมีแต่โวหารสันดานดื้อนัก ถ้าแม้นสู้รบด้วยกำลังที่ไหนจะยอม น้องจะไปพูดเกลี้ยกล่อมโดยดีไม่ต้องรบด้วยเครื่องศัสตราวุธให้ลำบากทหารดอก กวนเส็งได้ฟังก็ยินดีจึงให้ตันเทงกุ้ยขึ้นม้าตรงมาหน้าเมืองแต่ผู้เดียว ร้องบอกกับนายทหารให้เชิญงุยเต็งก๊กมาพูดกัน งุยเต็งก๊กแจ้งความก็ออกมาหา

ตันเทงกุ้ยจึงพูดว่าบัดนี้เจ้านายของเราหลงเชื่อแต่ขุนนางกังฉินทำให้บ้านเมืองเกิดจลาจลถึงเพียงนี้ก็เพราะคนโกงมีอำนาจ เราสามิภักดิ์แก่ซ้องกั๋งอาศัยอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะก่อน แล้วคอยให้อำนาจพวกกังฉินลดหย่อนลงเมื่อไรจึงเข้าทำราชการ ท่านจงกลับใจเสียใหม่เถิด งุยเต็งก๊กได้ฟังก็นิ่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วว่า ถ้าแม้นจะให้สามิภักดิ์ก็ไปบอกกวนเส็งมาพูดเองจึงจะยอม ตันเทงกุ้ยก็รีบกลับมาแจ้งความกับกวนเส็งทุกประการ

กวนเส็งได้ฟังก็ยินดีเหน็บกระบี่ขึ้นม้าจะไป ลิมชองจึงพูดว่าน้ำใจคนทุกวันนี้ยากจะเชื่อฟังจงตรึกตรองเสียให้ดีก่อน กวนเส็งว่างุยเต็งก๊กกับน้องรักใคร่กันมาช้านานไม่เป็นไรดอก พูดแล้วก็ขับม้าตรงไปหน้าเมือง งุยเต็งก๊กเห็นกวนเส็งมาจึงคิดว่า กวนเส็งนี้มีใจรักใคร่โดยสุจริตมิได้คิดสงสัยจึงได้มาแต่ผู้เดียว พอกวนเส็งไปถึงงุยเต็งก๊กก็ต้อนรับคำนับกันตามธรรมเนียม ชวนกวนเส็งเข้าไปในเมือง จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเสร็จแล้ว งุยเต็งก๊กจึงจัดทหารที่ชำนาญทางไฟห้าร้อยนั้นออกจากเมืองมากับกวนเส็งถึงค่ายหน้าเมือง ลิมชองกับพวกพ้องเหล่านั้นก็ออกรับพูดจากันแล้วก็ยกกองทัพกลับไปเขาเนียซัวเปาะ

ฝ่ายไตจงเที่ยวตามลีขุยไม่พบก็รีบมาทางเมืองเล่งจิว พบซิเซียนและพวกสามคนจะกลับไป ซิเซียนบอกไตจงว่าได้พบลีขุยแล้วยังไม่กลับจะไปเขาโกวซิวซัวก่อน พวกเราสี่คนนี้จะกลับไปแจ้งความให้ซ้องกั๋งทราบ พี่จงไปตามลีขุยอีกเถิด

พูดแล้วคนทั้งสี่ก็ชวนกันกลับไปตำบลเขาเนียซัวเปาะ ไตจงเดินมาทางเมืองเล่งจิวพบลีขุยกับพวกพ้องคุมไพร่พลกลับ ไตจงจึงบอกกับลีขุยว่าซ้องกั๋งใช้ให้พวกแยกกันไปตาม บัดนี้ซิเซียน งักหัว ลิหุน เฮงเตงลักชวนกันกลับไปเขาเนียซัวเปาะแล้ว ยังแต่พี่ตามมาผู้เดียว น้องพาพวกพ้องมาก็ดีแล้ว จะต้องรีบไปแจ้งความให้ซ้องกั๋งทราบก่อน พูดดังนั้นไตจงก็รีบกลับไปโดยเร็ว ลีขุยกับพวกพ้องไพร่พลก็ออกเดินรอนแรมมาตามระยะทาง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ