๙๓

ฝ่ายทุดเจียวผู้รักษาเนินโซวหลิมเนี้ยมีกุนซือที่ปรึกษาชื่อเคียวเตาเช็งกับทหารหกสิบห้านายไพร่พลเจ็ดหมื่นตั้งรักษาเนินอยู่เข้มแข็ง เวลาวันนั้นทุดเจียวออกว่าราชการพร้อมด้วยทหารทั้งปวงได้ฟังม้าใช้แจ้งความว่า กองทัพหน้าซ้องกั๋งยกมาตั้งค่ายมั่นอยู่ ทุดเจียวก็จัดให้ซึงอาน ตีฮวง กงซือหลง คุมไพร่พลห้าพันยกลงจากเนินไปยังหน้าค่ายก็ร้องท้าทายให้ออกรบ ฉินเหม็งเห็นทหารบนเนินยกลงมาท้าทาย ก็แต่งตัวขึ้นม้าคุมทหารออกจากค่ายตรงเข้ารบกับทหารทั้งสาม เอียหลิมขับม้าเข้าช่วยฉินเหม็ง ตีฮวงชักม้าเข้ารบกับเอียหลิมได้หลายเพลง อาวเผ็งก็ตรงมาช่วยฉินเหม็งรบเป็นสามารถ ตีฮวงเอาทวนแทงถูกเอียหลิมตกม้า มกหอง มกชุนตรงเข้ามาช่วยแก้เอียหลิมกลับไปค่าย แล้วทหารทั้งสองฝ่ายยังรบกันชุลมุนอยู่

ฝ่ายเคียวเตาเช็งยืนดูบนเนินเห็นกำลังรบกัน จึงอ่านคาถาบันดาลเป็นลมพายุพัดกล้ามืดมัวทั้งอากาศ ทหารแผ่นดินซ้องแลไม่เห็น ทหารบนเนินรุกไล่ฆ่าฟันทหารแผ่นดินซ้องเป็นตะลุมบอน ทหารซ้องกั๋งเหลือที่จะต้านทานก็แตกกระจัดกระจาย ฉินเหม็งกับทหารแตกหนีไปพบกองหน้าในเวลากลางคืนก็พักไพร่พลหยุดอยู่ ชาจิน อึงซิน ลีเองแตกหนีมาพบฉินเหม็งถามนายทหารทั้งสามว่าช่วยเอียหลิมไปได้หรือเปล่า อึงซินบอกว่าทหารพวกเราช่วยเอาเอียหลิมกลับไปแล้ว

ขณะนั้นพวกทหารไพร่พลบนเนินกำลังล้อมอยู่ พอลมพายุที่มืดมัวค่อยสว่างขึ้น ฉินเหม็งกับทหารเหล่านั้นก็ตรงเข้าตีหักออกจากที่ล้อมได้พากันหนีไป เห็นเอียนสุน แป๊ะสินช่วยกันพยุงเอียหลิมตรงมา อึงซินจึงถามแป๊ะสินว่าทหารพวกเราเป็นประการใดบ้าง แป๊ะสินบอกว่าลุยเหง มกชุน เลงจิ้น งักหัวสี่นายข้าศึกจับตัวไปได้แต่เบ๊หลินนั้นไม่แจ้งว่าประการใด

พูดยังไม่ทันขาดคำเบ๊หลินจับได้ตีฮวงกับทหารบนเนินมาคนหนึ่งตรงมายังที่พัก แล้วตรวจดูเสียทหารกว่าครึ่งก็มีความวิตกจึงตั้งค่ายมั่นพักกองทัพอยู่ที่มั่นไม่สู้ไกลกับเนินแปะโฮวเนี้ย ชาจินกับพวกทหารเหล่านั้นก็แก้มัดตีฮวงออกแล้วจึงว่า ท่านเสียทีพวกเราจับมาได้ก็ไม่ฆ่าฟัน ท่านจงอ่อนน้อมแก่แผ่นดินซ้องเสียโดยดีจะได้ช่วยกันทำราชการ ตีฮวงคำนับแล้วแจ้งว่าข้าพเจ้ายอมสามิภักดิ์อยู่กับท่านสืบไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่บุตรภรรยาของข้าพเจ้าอยู่กับทุดเจียวผู้รักษาเนิน ถ้าแม้นทุดเจียวแจ้งความก็คงทำอันตรายกับบุตรภรรยาข้าพเจ้า ขอท่านจงช่วยแก้ไขด้วยเถิด ฉินเหม็งตอบว่าข้อนั้นท่านอย่าได้วิตก ท่านจงอยู่ด้วยกันคอยท่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาจึงจะใช้ให้ทหารไปรับบุตรภรรยาของท่าน

พูดยังไม่ทันขาดคำโลวจุนหงีก็ยกกองทัพมาถึง ฉินเหม็งกับทหารเหล่านั้นออกมาต้อนรับเชิญโลวจุนหงีเข้าไปในค่ายแจ้งความซึ่งสู้รบแตกมาตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ โลวจุนหงีแจ้งความก็วิตกนักจึงหาตัวตีฮวงมาถามว่าผู้ใดจับเอาพี่น้องของเราไปท่านรู้บ้างหรือไม่ ตีฮวงแจ้งว่าเคียวเตาเช็งเป็นกุนซือมีความรู้วิชาทำให้ลมพายุพัดกล้ามืดมัวทั้งอากาศ จับเอาพี่น้องของท่านไปขังไว้ที่ถ้ำมิหุนตังเนินแปะโฮวเนี้ย ถ้าผู้ใดต้องขังอยู่ในถ้ำนั้นออกยากนัก โลวจุนหงีถามว่าจะคิดอ่านอย่างไรดีจึงจะช่วยกันได้ ตีฮวงบอกว่าโอวหลีก๊กกู๋ผู้รักษาเนินแปะโฮวเนี้ยเป็นบิดาภรรยาซันโฮ้วนายโจรเจ้าเมืองฮ่อปักข้างทิศเหนือ โอวหลีก๊กกู๋มีบุตรหญิงผู้หนึ่งชื่อนางเก็งเอ็งกุนจู๊อายุได้ยี่สิบปียังไม่มีสามี มือขว้างก้อนศิลาแม่น เพลงอาวุธต่างๆ ก็ชำนาญฝีมือเข้มแข็ง บิดารักใคร่ได้ว่าไว้ถ้าผู้ใดขว้างก้อนศิลาแม่นเหมือนกันก็จะยกนางเก็งเอ็งกุนจู๊ให้เป็นภรรยา ตัวข้าพเจ้านี้จะขอสามิภักดิ์อยู่กับท่านกว่าจะหาชีวิตไม่ แต่วิตกถึงบิดามารดาบุตรภรรยาซึ่งอยู่ในเงื้อมมือทุนเจียวจำจะขอลาท่านไปพามาไว้ด้วยกันท่านจะยอมให้ไปหรือไม่ โลวจุนหงีตอบว่าเราชายชาติทหาร มิได้คิดระแวงสงสัย เมื่อท่านจะไม่มาก็ตามแต่ใจเถิด พูดแล้วจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงตีฮวงเป็นอันดี ตีฮวงกินโต๊ะเสพสุราแล้วก็คำนับลาโลวจุนหงีกับนายทหารทั้งปวงออกจากค่ายไป โลวจุนหงีส่งให้ตั้งค่ายมั่นอยู่ริมเนินพอกองทัพซ้องกั๋งมาถึง โลวจุนหงีกับนายทหารจึงออกมาต้อนรับเชิญเข้าไปในค่ายคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วแจ้งความให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งมีความวิตกถึงพี่น้องทั้งสี่ยิ่งนัก โงวหยงจึงว่า ถ้าการเหมือนกับตีฮวงบอกต้องคอยเตียเช็งกลับมาจากเขาห้วยหงันซัวก็คงสำเร็จสมความปรารถนาท่านอย่าวิตกไปเลย ซ้องกั๋งจึงส่งให้ตั้งค่ายพักทหารคอยท่ากวนเส็ง

ฝ่ายกวนเส็งกับทหารเดินตรงไปถึงเขาห้วยหงันซัวก็ตั้งพักทหารอยู่ที่เชิงเขา แล้วกวนเส็งจึงบอกกับเส็งปุนว่าท่านจงอยู่รักษาค่ายกับพี่น้องทั้งปวง เราจะไปดูท่วงทีแต่ผู้เดียวก่อน แม้นถังเปียนนายโจรต้อนรับตามธรรมเนียมเราจะพูดเกลี้ยกล่อมแต่โดยดี ถ้าถังเปียนพูดจากระด้างกระเดื่องเราจะทำเป็นสามิภักดิ์อยู่ด้วย ได้ท่วงทีดังคิดไว้ก็จะจับเอาตัวถังเปียนนายโจรกับพวกสามคนมาให้จงได้ สั่งแล้วกวนเส็งก็ถือง้าวมาขึ้นม้าออกจากค่ายตรงไปยังเขาห้วยหงันซัว ไพร่พลพวกโจรเห็นกวนเส็งก็ถามว่าจะมาหาผู้ใด กวนเส็งตอบว่าเราชาวเมืองพูตังมาเยี่ยมเยือนไต้อ๋องนายท่าน จงช่วยไปแจ้งให้ทราบ ไพร่พลก็เข้าไปบอกกับถังเปียนไต้อ๋องว่า มีทหารผู้หนึ่ง ถือง้าวขี่ม้าบอกว่าเป็นชาวเมืองพูตังจะมาหาท่าน ถังเปียนได้แจ้งจึงให้ไพร่พลนำเข้าไป ถังเปียนเห็นกวนเส็งก็จำได้ว่าเป็นคนใจโอบอ้อมอารี จึงคุกเข่าคำนับเชิญให้นั่งที่อันสมควรจึงพูดว่า ข้าพเจ้าจากท่านมาช้านาน ภายหลังได้ยินข่าวว่าท่านไปอยู่เขาเนียซัวเปาะกับพี่ซ้องกั๋งเหม็งชาวเมืองซัวตัง เรียกว่ากิบสิโหว สัตย์ซื่อกตัญญูไม่มีผู้ใดเสมอตั้งซ่องสุมอยู่ด้วยกัน แต่ตัวนายนั้นร้อยแปดคนรักใคร่ยิ่งกว่าพี่น้องร่วมบิดามารดา ครั้นสืบมาเจ้าแผ่นดินซ้องมีหนังสือรับสั่งไปเกลี้ยกล่อมพวกข้าพเจ้าจึงยอมสามิภักดิ์ โปรดให้ยกกองทัพไปปราบปรามเมืองไต้เหลียวสำเร็จเรียบร้อยแล้วก็ยกกองทัพกลับมาเมืองหลวง ครั้งนี้มีรับสั่งให้ซ้องกั๋งเป็นแม่ทัพยกมาปราบปรามฮ่อปักข้างทิศเหนือ ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านอยู่ที่เขานี้จึงได้มาหา ท่านจงคิดถึงความเดิมที่รักใคร่กันมาแต่ก่อนช่วยชี้แจงแนะนำห้วยทางให้ทราบบ้าง ถ้าท่านไม่สงเคราะห์ข้าพเจ้าไม่ขอทำราชการจะสามิภักดิ์อยู่กับท่านสืบไป

ถังเปียนว่าซึ่งการของท่านนั้นข้าพเจ้าไม่ขัดขืนแต่จะต้องปรึกษากับพี่น้องทั้งสามก่อน บุนตงหยงได้ฟังจึงพูดกับถังเปียนว่าพี่ก็เป็นใหญ่อยู่ในตำบลนี้ แม้นเห็นควรอย่างไรผู้ใดจะขัดขวางต้องยอมพร้อมใจทั้งสิ้น กวนเส็งได้ฟังก็เห็นถังเปียนใจคอยั่งยืนจึงพูดว่า ท่านรับธุระแล้วจงไปทำราชการด้วยกันเถิด ถ้าปราบข้าศึกราบคาบ พี่ซ้องกั๋งคงกราบทูลเจ้าแผ่นดินซ้องเลื่อนยศให้พวกท่านเป็นใหญ่อย่าได้วิตกเลย ถังเปียนกับนายโจรทั้งสามก็ยินดี สั่งให้จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงกวนเส็ง ๆ จึงว่า ข้าพเจ้ามากับพี่น้องสิบคนหมายจะตีหักเนินแปะโฮวเนี้ย มีทหารผู้หนึ่งเพิ่งจะเข้าสามิภักดิ์ชี้แจงให้ข้าพเจ้าจึงได้ชวนกันมา บัดนี้พักทหารอยู่ที่เชิงเขา ท่านจงให้ผู้ใดไปรับพี่น้องของข้าพเจ้ามาสนทนากัน ถังเปียนได้ฟังก็ดีใจให้ซุยกิมไปเชิญฮวยหยงกับพวกเหล่านั้นขึ้นมา ถังเปียนออกต้อนรับเชิญเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งเลี้ยงดู แล้วถังเปียนก็เอาเงินทองออกแจกจ่ายไพร่พลทั้งปวงเก็บทรัพย์สิ่งของและเสบียงอาหารขึ้นบรรทุกเกวียนพร้อมแล้วเอาไฟเผาที่อยู่เสียทั้งสิ้น คุมทหารและไพร่พลของตัวออกจากเขามากับกวนเส็งรีบเดินทางไปจนถึงค่าย ซ้องกั๋งแจ้งความก็ออกรับเชิญนายโจรทั้งสี่กับพวกพ้องของตัวเข้าไปข้างใน กวนเส็ง ถังเปียนนายโจรกับพี่น้องสามคนคำนับซ้องกั๋งกับพวกพ้องเหล่านั้นแล้วซ้องกั๋งสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน ถังเปียนแจ้งความว่าเดิมทีข้าพเจ้าอยู่เมืองพูตังทำให้เกิดความขึ้นหมายว่าจะไปสามิภักดิ์แก่ท่านก็ไม่มีผู้ใดชักนำจึงได้มาอยู่ที่เขาห้วยหงันซัว พี่กวนเส็งไปชักชวนแนะนำมาอยู่ที่สว่างเป็นบุญของพวกข้าพเจ้าจะขออาสาให้ท่านใช้สืบไป ซ้องกั๋งมีความยินดียิ่งนักเลี้ยงดูกันเสร็จแล้ว ซ้องกั๋งก็จัดให้ไตจงถือหนังสือบอกข้อราชการ ซึ่งมีทหารเข้าสามิภักดิ์ควรจะแต่งตั้งเป็นขุนนางนายทหารเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ กับมีหนังสืออีกฉบับหนึ่งไปถึงซกไทอวยแจ้งข้อราชการทั้งปวงให้ทราบ ฝ่ายตีฮวงกลับไปถึงเนินโซวหลิมเนี้ย แกล้งกล่าวถ้อยคำแจ้งกับทุดเจียวผู้รักษาเนินว่า ข้าพเจ้าเสียทีพวกทหารซ้องกั๋งจับตัวไปแล้วข้าพเจ้ากลับหนีมาได้ ทุดเจียวได้ฟังสำคัญว่าจริงก็ยินดี ตีฮวงคำนับลามาบ้านแจ้งความกับบิดา มารดา บุตร ภรรยาให้รู้แล้วเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของทั้งปวงพร้อม ครั้นเวลาค่ำเห็นได้ทีจึงให้ บิดา มารดา บุตร ภรรยาล่วงหน้ามาก่อนแล้วตีฮวงก็ขึ้นม้าออกจากเนินรีบตามมาถึงค่ายแจ้งความให้ซ้องกั๋งทราบ ซ้องกั๋งจึงสั่งให้จูตง ลุยเหงไปกับตีฮวงนำบิดามารดา บุตร ภรรยาของตีฮวงมอบให้นางโฮ้วซาเหนียรักษาไว้ที่เนินกิมโฮวเนี้ย จูตง ลุยเหงกับตีฮวงก็คำนับลาออกจากค่ายไปตามคำสั่ง

ฝ่ายทุดเจียวผู้รักษาเนินโซวหลิมเนี้ยแจ้งความว่าตีฮวงพาบิดามารดาบุตรภรรยาหนีไปสามิภักดิ์กับซ้องกั๋งก็โกรธจัด ให้ตังเสียง เฮียบเช็ง ซินโตวลี้ กิจงขี คุมไพร่พลตามมายังค่ายซ้องกั๋ง ๆ แจ้งความก็จัดให้กวนเส็ง ฮวยหยง เตียเช็ง ซกเถียว อูเอียนเจียก ตันเทงกุ้ย งุยเต็กก๊กคุมทหารสามพันยกต้านทาน นายทหารทั้งเจ็ดคำนับลายกออกจากค่ายตรงเข้ารบสกัดไว้ ตังเสียงขับม้าเข้ารบกับกวนเส็งได้สามสิบเพลง ตังเสียงสู้ฝีมือกวนเส็งไมได้ กวนเส็งเอาง้าวฟันถูกตังเสียงตกม้าตาย กิจงขีขับม้าตรงมาจะฟันกวนเส็ง ฮวยหยงก็เข้ารบสกัดไว้ สองนายรบได้ยี่สิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน เตียเช็งเอาก้อนศิลาขว้างถูกกิจงขีตกม้าตาย ซินโตวลี้เห็นดังนั้นก็ตกใจขับม้าหนี เฮียบเช็งกับไพร่พลก็ระส่ำระสาย อูเอียนเจียกตรงเข้าจับเฮียบเช็งได้ ไล่ฆ่าฟันไพร่พลเนินโซวหลิมเนี้ยล้มตายแตกหนีไปสิ้น กวนเส็งก็คุมทหารกลับมาค่าย อูเอียนเจียกเอาตัวเฮียบเช็งมาให้ซ้องกั๋งแม่ทัพ

ซ้องกั๋งจึงถามเฮียบเช็งว่า บัดนี้ท่านก็เสียทีพวกเราจับมาได้จะยอมสามิภักดิ์แต่โดยดีหรือประการใด เฮียบเช็งตอบว่าท่านไม่ฆ่าฟันพระคุณเป็นที่ยิ่ง ข้าพเจ้ายอมอยู่กับท่านจนกว่าจะสิ้นชีวิต ซ้องกั๋งได้ฟังก็ดีใจสั่งให้แก้มัดจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงเฮียบเช็งเป็นอันดี เฮียบเช็งจึงพูดว่าพี่น้องของท่านซึ่งเคียวเตาเช็งใช้เวทมนต์จับไปขังไว้ที่ถ้ำมิหุนตัง ได้รับความเวทนาเป็นสาหัส ผู้รักษาเนินแปะโฮวเนี้ยนั้นพูดว่า ถ้ามีผู้ใดขว้างก้อนศิลาแม่นเหมือนกับบุตรสาวของตัวก็จะยกให้เป็นภรรยา บัดนี้ท่านมีทหารหนุ่มขว้างก้อนศิลาแม่นอยู่นายหนึ่งปลอมเป็นผู้อื่นเข้าไปสามิภักดิ์ โอวหลีตินอานแจ้งว่าขว้างก้อนศิลาแม่นก็คงยกบุตรหญิงให้จึงจะช่วยพี่น้องของท่านออกมาได้ ซ้องกั๋งตอบว่าเตียเช็งน้องเราเอาก้อนศิลาขว้างถูกทหารข้าศึกตายและเจ็บปวดหลายนาย โอวหลีติดอานรู้ก็คงยกกองทัพมา นี่เห็นจะยังไม่รู้ ข้าพเจ้าขออาสานำเตียเช็งไปสามิภักดิ์อยู่กับพวกรักษาเนินแปะโฮวเนี้ยคงสมความปรารถนา ซ้องกั๋งได้ฟังก็นั่งตรึกตรองอยู่ เตียเช็งตรงเข้าคำนับแล้วแจ้งว่าท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าขออาสาไปถ้าพลาดพลั้งประการใดก็จะสู้เสียชีวิตช่วยแก้พี่น้องทั้งสี่ออกให้จงได้ ซ้องกั๋งยังไม่ไว้ใจกลัวเตียเช็งจะเสียที จึงเอาตำรับพิชัยสงครามที่กิวเทียนเฮียนหนึงเหนียเนี้ยให้ออกดูจุดธูปเทียนบูชาเห็นมีอักษรว่าการที่คิดไว้คงสำเร็จซ้องกั๋งก็ยินดี คุกเข่าคำนับแล้วกระซิบสั่งความลับกับเตียเช็งให้เฮียบเช็งนำไป เฮียบเช็ง เตียเช็ง ก็คำนับลาซ้องกั๋งออกจากค่ายรีบไปในเวลากลางคืนถึงเนินแปะโฮวเนี้ย เฮียบเช็งบอกกับผู้รักษาประตูว่า ทุดเจียวใช้ให้เรานำนายทหารขว้างก้อนศิลาแม่นมาช่วยป้องกันรักษาเนินไว้ให้มั่นคง นายประตูก็เข้าไปแจ้งความกับโอวหลีติดอาน ๆ ได้ฟังก็ดีใจ สั่งให้เปิดประตูรับนายทหารทั้งสองเข้าไปข้างใน เฮียบเช็งกับเตียเช็งก็คุกเข่าลงคำนับ โอวหลีติดอานจึงถามเตียเช็งว่าท่านแช่ใดชื่อไร เตียเช็งแจ้งว่า ข้าพเจ้าชาวเมืองซัวตังแซ่เตียชื่อเช็ง ได้ฝึกเพลงอาวุธต่างๆ จนชำนิชำนาญ ครั้นอยู่มาเวลาวันหนึ่งข้าพเจ้าจะไปหาญาติ ณ เมืองงุ่ยจิว เดินมาทางเนินโซหลิมเนี้ย เห็นเฮียบเช็งสู้รบกับทหารซ้องกั๋ง เฮียบเช็งเสียทีหนีไม่ทันทหารซ้องกั๋งจับตัวเฮียบเช็งได้ ข้าพเจ้าจึงเอาก้อนศิลาขว้างถูกทหารซ้องกั๋งตายยี่สิบนายและเจ็บป่วยไปหลายคนช่วยเอาเฮียบเช็งกลับมา ทุดเจียวผู้รักษาเนินก็ดีใจจึงใช้ให้เฮียบเช็งนำข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านจะได้ช่วยรักษาเนินสืบไป

โอวหลีติดอานไม่แจ้งในอุบายสำคัญว่าทุดเจียวใช้ให้มาจริงก็ดีใจ จึงเรียกนางเก็งเอ็งกุนจู๊บุตรหญิงออกมาแล้วบอกว่า เตียเช็งผู้นี้ขว้างก้อนศิลาแม่น มีฝีมือเข้มแข็งชำนาญเพลงอาวุธทุกสิ่งเห็นจะเป็นคู่ของเจ้า เทพยดาจึงนำมาให้พบกัน นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังก็ยังสงสัยจึงพูดกับบิดาว่า การที่กล่าวมาก็ยังไม่ได้เห็น ขอลองฝีมือดูให้รู้ก่อนจึงจะเป็นที่เชื่อฟังได้ เตียเช็งตอบว่าถ้าขว้างก้อนศิลาถูกตายเสียแล้วทำไมจะกลับเป็นขึ้นเล่า

โอวหลีติดอานว่าถ้าเอาดินมาทำแทนก้อนศิลาก็ได้ จึงให้ทหารเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นก้อนศิลาให้เตียเช็งกับบุตรหญิงลองฝีมือกัน เตียเช็งก็ถือทวนขึ้นม้า นางเก็งเอ็งกุนจู๊ถือกระบี่สองมือมายังสนามเข้าสู้รบกันประมาณได้ยี่สิบเพลง เตียเช็งแกล้งขับม้าหนีนางเก็งเอ็งกุนจู๊ก็ไล่ตามไป เตียเช็งเห็นได้ทีจึงเอาก้อนดินขว้างถูกระหว่างอกติดอยู่ นางเก็งเอ็งกุนจู๊บอกเตียเช็งว่าเราเห็นฝีมือท่านแล้วเชิญลงจากม้าเถิด เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊ลงจากม้ามาคำนับโอวหลีติดอาน ๆ ก็ดีใจจึงว่าควรคู่กันแล้วเราจะยกให้เป็นภรรยาเจ้า เตียเช็งแกล้งพูดว่าข้าพเจ้าเป็นชาวดงชาวป่าจะมาเป็นบุตรเขยท่านนั้นไม่ควร นางเก็งเอ็งกุนจู๊ได้ฟังไม่ทันให้บิดาพูดจึงตอบเตียเช็งว่า เดิมทีข้าพเจ้าได้ตั้งปฏิญาณไว้ว่าถ้าผู้ใดขว้างศิลาแม่นก็จะยอมเป็นภรรยา บัดนี้มาพบท่านมีฝีมือเข้มแข็งขว้างก้อนศิลาแม่นยำก็เป็นคู่ของข้าพเจ้า ท่านอย่าพูดถ่อมตัวเลย เฮียบเช็งจึงว่า ธรรมดาสามีภรรยานั้นแต่ชาติก่อนเคยเป็นคู่จึงได้ชักนำมาให้พบกัน วันนี้ก็ฤกษ์ดีท่านอย่าพูดบิดพลิ้วไป ข้าพเจ้าจะจัดแจงให้อยู่กินด้วยกัน โอวหลีติดอานได้ฟังก็ดีใจ สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันแล้วจึงสั่งเตียเช็งว่า เจ้ากับบุตรเราจงช่วยรักษาเนินแปะโฮวเนี้ยให้เข้มแข็ง ด้วยพวกเราจับเอาทหารของซ้องกั๋งมาขังไว้ในถ้ำมิฮุนตังสี่นาย ซ้องกั๋งคิดจะยกกองทัพมาหักเอาเนินอยู่ทุกวัน ครั้นเวลาค่ำก็จัดการมงคลให้เตียเช็งกับนางเก็งเอ็งกุนจู๊อยู่ด้วยกันได้ประมาณเดือนเศษ เตียเช็งคิดอุบายจะแก้พี่น้องทั้งสี่ออกมาก็ยังไม่เห็นช่อง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ