- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๔๙
บัดนี้จะกล่าวถึงเมืองเตงจิว มีเขาใหญ่เรียกว่าเตงจิวซัว ที่เขานั้นมีเสือร้ายอยู่ตัวหนึ่ง คนเดินทางไปมาก็กินเสียเป็นอันมาก ข่าวนี้ก็เลื่องลืออื้ออึง ผู้รักษาเมืองแจ้งความก็มีหนังสือไปถึงนายบ้านนายอำเภอให้ป่าวร้องพวกพรานไปช่วยกันยิงเสือให้ได้ นายบ้านนายอำเภอแจ้งในหนังสือแล้วก็เที่ยวป่าวร้องให้พวกพรานรู้ทุกบ้านทุกตำบล
ฝ่ายเกยเตียน เกยโปชาวเมืองเตงจิวรูปร่างสูงใหญ่ฝีมือเข้มแข็งชำนิชำนาญเกาทัณฑ์ไม่มีผู้เสมอ บรรดาพวกพรานก็สรรเสริญว่าฝีมือดี ครั้นบิดาตาย พี่น้องสองคนยังไม่มีภรรยาเที่ยวเป็นพรานหาเลี้ยงชีวิตอยู่เนืองๆ เกยเตียนผู้พี่นั้นเรียกว่าซังเถาจัว เกยโปผู้น้องเรียกว่าซังบ้วนเอียด เวลาวันนั้นได้ยินนายอำเภอมาป่าวร้อง เกยเตียน เกยโปก็ไปรับสัญญาต่อหน้าผู้รักษาเมืองว่า ในสามวันนี้ข้าพเจ้าจะไปยิงเสือดุร้ายมาให้จงได้ ผู้รักษาเมืองก็ทำหนังสือส่งให้ เกยเตียน เกยโปคำนับลากลับมาบ้านจัดเกาทัณฑ์ที่มีไกไม่ต้องยิงก็ลั่นไปได้เองลูกเกาทัณฑ์ไกนั้นแช่ยาพิษไว้เสร็จ
ครั้นรุ่งเช้าเกยเตียน เกยโปจัดเครื่องศัสตราวุธพร้อมตรงไปยังเขาเตงจิวซัว เอาเกาทัณฑ์ไกไปผูกตั้งซุ่มไว้ที่ต้นทางเสือเดิน แล้วขึ้นไปแอบดูอยู่บนต้นไม้จนเวลาค่ำ ไม่เห็นเสือออกมาก็ชวนกลับไปบ้าน รุ่งขึ้นเจ้าเกยเตียน เกยโปมีความวิตกจึงไปคอยดูอยู่บนต้นไม้อีกจนเวลาเย็น เห็นเสือใหญ่เดินออกมาตามทาง กระทบสายเกาทัณฑ์ไกลั่นยิงไปถูกชายโครงเสือ เกยเตียน เกยโปเห็นก็ลงจากต้นไม้ ยิงเกาทัณฑ์ซ้ำไปอีกถูกเสือสามดอกก็โลดโผนโจนหนีลงจากเขาไปได้ประมาณลี้เศษ
เกยเตียน เกยโปไล่ตามเห็นเสือใหญ่ร้องกระสับกระส่ายด้วยพิษยาที่ลูกเกาทัณฑ์กำเริบ เสือนั้นล้มกลิ้งตกลงไปจากเขา โดดเข้าไปตายอยู่ในสวนดอกไม้ เกยเตียน ยืนพิเคราะห์ดูก็จำได้ว่าสวนของมอไทก๋งก็ลงจากเขาตามเสือมา
ฝ่ายมอไทก๋งตั้งบ้านเรือนอยู่ในเมืองเตงจิว เป็นคนมั่งมีทรัพย์สิน บุตรชายชื่อมอตงหงี
ขณะนั้นมอไทก๋งนอนหลับ เวลาจวนสว่างพวกบ่าวไปปลุกมอไทก๋งบอกว่าเสือใหญ่ถูกเกาทัณฑ์เข้ามาตายอยู่ในสวนดอกไม้ มอไทก๋งแจ้งความก็ยินดีจึงพูดกับมอตงหงีว่า ผู้รักษาเมืองให้นายอำเภอเที่ยวป่าวร้องว่าผู้ใดยิงเสือใหญ่ตายเอาไปส่งก็จะมีความชอบ บัดนี้เสือเข้ามาตายในสวนเรา เจ้าจงเอาเสือไปส่งว่าเรายิงได้เองความชอบก็จะได้กับเรา มอตงหงีก็เห็นชอบด้วย ครั้นปรึกษากันแล้วก็สั่งให้บ่าวไพร่ผูกมัดหามเสือนั้นออกจากสวนดอกไม้ แล้วเอากุญแจใส่ประตูสวนเสีย มอตงหงก็คุมไพร่หามเสือตรงไปยังบ้านผู้รักษาเมือง
ขณะนั้นเกยเตียน เกยโปมาถึงบ้านมอไทก๋ง พอสว่างเห็นประตูปิดอยู่จึงร้องเรียกให้เปิดรับ มอไทก๋งออกมาดูเห็นเกยเตียน เกยโปก็เปิดประตูให้เข้าไป เกยเตียน เกยโปคำนับมอไทก๋งแล้วพูดว่า ไม่ได้พบปะท่านเลย วันนี้ข้าพเจ้าจะมารบกวนท่าน
มอไทก๋งจึงว่า เจ้ามาหาเราแต่เช้าด้วยธุระสิ่งใด เกยเตียนว่าข้าพเจ้ารับหนังสือทัณฑ์บนมาจากผู้รักษาเมืองว่าจะยิงเสือร้ายให้ได้ในสามวัน ข้าพเจ้าไปคอยยิงเสืออยู่เมื่อเวลาเช้ามืด เสือร้ายถูกเกาทัณฑ์วิ่งหนีลงทางหลังเขาโดดเข้ามาตายอยู่ในสวนดอกไม้ท่าน จะมาขอเอาเสือนั้นไปให้ผู้รักษาเมือง มอไทก๋งได้ฟังก็ทำเป็นพูดว่า ถ้าเสือเข้ามาตายในสวนเราแน่แล้วเจ้าอย่าวิตกเลย จงไปดูเอาเถิด เจ้าตามเสือมาแต่เวลาเช้ามืดเหน็ดเหนื่อยนักเราจะจัดอาหารให้กิน
พูดดังนั้นก็สั่งให้ยกโต๊ะมาเลี้ยงเป็นอันตี เกยเตียน เกยโปไม่รู้อุบาย สำคัญว่ามอไทก๋งซื่อตรงก็รับประทานอาหาร แล้วคำนับพูดว่าท่านจงพาข้าพเจ้าไปหามเสือในสวนด้วยเถิด มอไทก๋งก็พูดจาอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วก็พาไปถึงประตูสวน เรียกให้ผู้รักษาสวนเอาลูกกุญแจมาไขก็ไม่ใคร่ออก มอไทก๋งทำเป็นพูดว่า สวนเรานี้ไม่มีผู้คนเข้าออกนานแล้ว กุญแจเป็นสนิมจึงไขไม่ออก ก็ให้หักกุญแจเข้าไปในสวน เกยเตียน เกยโปไม่เห็นเสือก็สงสัยเที่ยวค้นหาก็ไม่พบ มอไทก๋งจึงแกล้งพูดว่าเสือไม่ได้เข้ามาตายในนี้ เจ้าทั้งสองจะดูผิดไปดอกกระมัง เกยเตียนตอบว่ารอยเสือวิ่งเข้ามาโลหิตยังติดหญ้าดูเรียงรายอยู่เต็มไป มิใช่ข้าพเจ้าเกิดเมืองอื่นเมื่อไร ก็เกิดในเมืองนี้ด้วยกัน คงจะเป็นพวกท่านลักเอาเสือตายของข้าพเจ้าไปเป็นแน่ มอไทก๋งได้ฟังก็โกรธว่าเจ้านี้มาพาลพาโลเราเปล่าๆ ก็ทุ่มเถียงกันอื้ออึง เกยเตียน เกยโปหักพังลูกกรงสวนดอกไม้เสีย
มอไทก๋งร้องตวาดว่า เจ้าทั้งสองนี้มาตีปล้นบ้านเราหรือ จึงร้องเรียกผู้คนมาเป็นอันมากตรงเข้าทุบตี เกยเตียน เกยโปเห็นว่าอยู่ในบ้านเขากลัวจะเสียทีก็ถอยออกมา พวกมอไทก๋งก็ไม่ติดตาม ครั้นจะบุกรุกพังเข้าไปสู้รบก็กลัวจะเกิดความก็ชวนกันเดินกลับมา
ฝ่ายมอตงหงีบุตรมอไทก๋งกับบ่าวไพร่หามเสือไปส่งผู้รักษาเมืองแล้วก็กลับมาบ้าน เกยเตียน เกยโปเห็นมอตงหงีก็ไม่แจ้งว่ามาแต่ไหนจึงเดินเข้าไปบอกว่า เวลาคืนนี้ข้าพเจ้ายิงถูกเสือร้าย เสือพาลูกเกาทัณฑ์วิ่งหนีเข้ามาตายในสวนดอกไม้ท่าน ข้าพเจ้าตามมาว่ากล่าวขอแต่โดยดี บิดาท่านไม่ให้กลับจะทุบตี ท่านจงสงเคราะห์ข้าพเจ้าด้วยเถิด
มอตงหงีได้ฟังก็โกรธคิดจะหาความใส่เอาพี่น้องสองคน จึงแกล้งพูดว่าบิดาเราไม่ได้รู้เห็นหรือจะเป็นพวกในบ้านปิดบังเสียดอกกระมัง ถ้าเสือเข้าไปตายในสวนเราจริงท่านทั้งสองอย่าวิตก จะเอาเสือนั้นคืนให้ได้ท่านจงไปด้วยกันเถิด
เกยเตียน เกยโปไม่รู้เท่าก็ยินดีเดินตามมอตงหงีไป พอถึงบ้านบ่าวไพร่ก็มาบอกกับมอตงหงีว่า เมื่อก่อนหน้าท่านครู่หนึ่งเกิดวิวาทขึ้นกับเกยเตียน เกยโป ๆ หักพังลูกกรงหน้าบ้านเสีย มอตงหงีได้ฟังก็ไม่พูดสิ่งใด เรียกเกยเตียน เกยโปเข้ามาด้วย มอตงหงีร้องสั่งให้คนใช้ปิดประตูบ้านเสีย แล้วจับตัวเกยเตียน เกยโปมัดไว้ เกยเตียน เกยโปจึงร้องว่ามาจับมัดไว้ทั้งสองคนด้วยเหตุประการได มอตงหงีว่าเวลาคืนนี้พวกเราตีเสือร้ายได้ เจ้าพาลพาโลว่าเสือของเจ้ายิงตาย แล้วบังอาจเข้าหักพังทำลายบ้านเรือนเราตีปล้นเอาทรัพย์สิ่งของ จะเอาตัวไปส่งกับผู้รักษาเมืองเตงจิว มอตงหงีก็เข้าไปข้างในปรึกษากับบิดาแล้วเอาของที่ดีมีราคาห่อไว้จะเอาเป็นของกลาง แล้วทำเรื่องราวกล่าวโทษว่าเกยเตียน เกยโปเป็นผู้ร้ายเรียกคนใช้คุมตัวเกยเตียน เกยโปออกจากบ้านไป เกยเตียน เกยโปเสียทีแก่มอตงหงีก็ขัดแค้นยิ่งนักแต่ไม่รู้ที่จะคิดประการใด ด้วยตัวต้องมัดอยู่ก็มีความวิตก
ฝ่ายมอตงหงี ครั้นมาถึงก็นำเรื่องราวเข้าไปยื่นต่อผู้รักษาเมืองกรมการ ฝ่ายเฮงเจ็งเป็นขุนนางตำแหน่งที่ขงมกได้ว่ากล่าวการทั้งปวงเป็นบุตรเขยมอไทก๋ง ครั้นผู้รักษาเมืองกับเฮงเจ็งรับเรื่องราวของมอตงหงีมาอ่านแจ้งความแล้วก็สั่งให้เอาตัวเกยเตียน เกยโปเข้ามาชำระไต่ถาม เกยเตียน เกยโปก็ไม่รับ ผู้รักษาเมืองกับเฮงเจ็งสั่งให้ผูกเข้าเฆี่ยนตีเป็นสาหัส คนทั้งสองทนไม่ได้ก็ต้องรับว่าเป็นโจร เข้าปล้นเอาเงินทองและพาลพาโลด้วยเสือนั้นจริง ผู้รักษาเมืองกับเฮงเจ็งก็ให้เอาตัวไปจำขังคุกไว้ มอตงหงีคำนับลาผู้รักษาเมืองกับเฮงเจ็งกลับมาบ้าน ปรึกษากับบิดาว่าจะต้องเอาเงินทองไปให้แก่ผู้รักษาคุกคิดฆ่าสองคนพี่น้องเสียจึงจะได้ ซึ่งจะตัดต้นไม้แล้วต้องขุดรากฆ่าให้สิ้นเชิง ถ้าทิ้งไว้นานไปคงจะเกิดกิ่งใบงดงามขึ้น มอไทก๋งได้ฟังก็เห็นชอบ มอตงหงีจึงจัดเงินทองออกจากบ้านตรงมาหาเฮงเจ็ง ครั้นถึงก็เข้าไปข้างในเฮงเจ็งเชิญให้นั่งที่สมควร มอตงหงีก็เอาเงินออกให้เฮงเจ็งคิดฆ่าเกยเตียน เกยโปพี่น้องทั้งสองเสีย เฮงเจ็งก็รับไว้แล้วเอาไปเที่ยวแจกจ่ายตามบรรดานายเล็กและนายใหญ่ที่รักษาคุกให้คิดฆ่าเกยเตียน เกยโปเสียให้ได้ บรรดาตัวนายได้เงินทองก็ยินดีว่า การเรื่องนี้ท่านอย่าวิตกเลยเป็นพนักงานข้าพเจ้าจะจัดแจงเอง เฮงเจ็งก็กลับมาบอกกับมอตงหงีทุกประการ
ฝ่ายเปากิดเป็นที่เจียดคิบขุนนางนายคุก ครั้นได้เงินทองเฮงเจ็งแล้วก็ตรงมายังคุก กำชับสั่งนายรองว่าสองคนนี้โทษปล้นสำคัญมาก เอาขื่อคามาจำขังไว้ให้แน่นหนา งักหัวเป็นขุนนางรองที่เจียดคิบ ครั้นเปากิดไปแล้วก็ทำตามคำสั่ง แต่มีความเวทนาแก่สองคนพี่น้องเป็นอันมาก พิเคราะห์ดูเกยเตียน เกยโปแล้วรำลึกขึ้นได้ว่าเป็นญาติกัน จึงถามว่าเจ้าทั้งสองจำเราได้หรือไม่ พี่ชายชองเจ้าเป็นขุนนางตำแหน่งทีหัดฝ่ายทหารก็เป็นพี่น้องกับเรา เกยเตียน เกยโปถามว่าท่านชื่องักหัวหรือไม่ใช่ งักหัวบอกว่าคือตัวเรานี้แหละเป็นชาวเมืองเมาจิว ปู่และบิดายกมาอยู่ที่เมืองเตงจิว เรามีหลานสาวอยู่คนหนึ่งยกให้เป็นภรรยาของพี่ชายเจ้าจึงได้เป็นญาติกัน ซึงซินได้ภรรยาชื่อนางโกวตัวซอ ชาวบ้านเรียกว่าบอตัวถังฝีมือเข้มแข็ง ชายสักสามสิบคนก็สู้ไม่ได้ บัดนี้ซึงซินกับนางโกวตัวซอไปตั้งโรงเตี๊ยมขายสุราอยู่นอกกำแพงเมืองเตงจิวข้างทิศตะวันออก คบแต่คนที่มีฝีมือเข้มแข็งเป็นพวกพ้อง ซึ่งตัวเจ้าทั้งสองมีผู้คิดร้ายจะให้ตายเสียในคุก เราเห็นว่าเป็นญาติกันคิดจะช่วยให้เจ้าทั้งสองพ้นภัย จงคิดอ่านเสียโดยเร็ว
เกยเตียน เกยโปว่าท่านอย่าถือโทษเลยข้าพเจ้าจำไม่ได้จริง ๆ ซึ่งท่านมีความเมตตาข้าพเจ้าทั้งสองพระคุณเป็นที่ยิ่ง คิดอยู่ว่าจะมีหนังสือฝากไปถึงซึงซินกับนางโกวตัวซอ ถ้าแจ้งในเรื่องความแล้วก็คงจะมาช่วย ขอท่านได้สงเคราะห์ข้าพเจ้าด้วยเถิด งักหัวว่าเราจะไปเองเจ้าอย่าวิตกเลย เกยเตียน เกยโปได้ฟังก็ยินดีคุกเข่าลงคำนับ งักหัวว่าอย่าคำนับเลยเราไม่ใช่ผู้อื่น จึงออกมาจัดอาหารเข้าไปให้รับประทานเสร็จแล้ว งักหัวบอกกับเกยเตียน เกยโปว่าเจ้าอย่าต้องเขียนหนังสือให้ลำบากเลย การทั้งปวงก็รู้อยู่ทั้งสิ้น พูดแล้วสั่งพวกผู้คุมว่าให้ช่วยระวังป้องกันรักษาอย่าให้ผู้ใดทำอันตรายสองคนพี่น้องได้ งักหัวก็ออกมาจากคุกตรงไปนอกเมืองทิศตะวันออก ครั้นถึงแถวถนนสิบลี้ปายประตูตังหมึงเห็นโรงขายสุราอยู่แห่งหนึ่ง งักหัวก็เดินตรงไปมีหญิงนั่งอยู่หน้าโรงจึงถามว่าโรงขายสุรานี้แซ่ซึงหรือมิใช่ นางโกวตัวซอว่าโรงนี้แซ่ซึง ท่านจะซื้อสุรากับของกินหรือจะเล่นเบี้ยก็เชิญนั่งก่อนเถิด งักหัวบอกว่าข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้อื่น เป็นอาของซึงลิบขุนนางตำแหน่งที่หัดฝ่ายทหาร
นางโกวตัวซอได้ฟังก็หัวเราะ บอกว่าข้าพเจ้าชื่อโกวตัวซอเป็นภรรยาซึงซิน ท่านชื่องักหัวหรือ ข้าพเจ้ากับท่านไม่ใช่ผู้อื่นก็ลุกขึ้นคำนับตามธรรมเนียม จัดหานํ้าชามาให้แล้วพูดว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่า อาทำราชการเป็นขุนนางรองเจียดคิบฝ่ายกรมเมือง แต่ยังไม่เคยพบปะจึงไม่รู้จักกัน ข้าพเจ้าคิดไว้กับสามีว่าจะไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่งก็ติดธุระค้าขายอยู่ วันนี้เป็นบุญชักนำให้อามาจนถึงบ้านข้าพเจ้า มีกิจธุระสิ่งใดจงบอกให้ทราบเถิด งักหัวว่าเมื่อเวลานี้เขาส่งคนโทษมาสองคน ถามดูรู้ว่าเป็นญาติกัน คนทั้งสองนั้นชื่อเกยเตียน เกยโป มอไทก๋งกับมอตงหงีพาลพาโลด้วยเรื่องยิงเสือตาย แล้วซ้ำใส่ความว่าเป็นผู้ร้ายเข้าตีปล้นเอาเงินทองสิ่งของ แล้วจับตัวมาส่งผู้รักษาเมือง มอตงหงีเอาเงินทองมาบนบานปรารถนาจะให้สองคนพี่น้องตายที่ในคุก การเรื่องนี้มอไทก๋งแกล้งใส่ความเอาเปล่าๆ ครั้นจะช่วยแก้ไขก็ตัวคนเดียว จึงได้มาบอกพี่น้องทั้งหลายให้รู้ นางโกวตัวซอได้ฟังก็โกรธพูดว่า เกยเตียน เกยโปน้องข้าพเจ้าไม่มีความผิด เหตุใดมอไทก๋งมาคิดร้ายดังนี้ แล้วก็ให้คนใช้ไปตามซึงซินมาโดยเร็ว
เวลาวันนั้นซึงซินไปเที่ยวเล่น เห็นคนใช้ไปตามก็กลับมาบ้านสนทนากับงักหัว นางโกวตัวซอก็เล่าเรื่องเกยเตียน เกยโปให้แจ้งทุกประการ ซึงซินได้ฟังก็เสียใจ พูดกับงักหัวว่าอาจงกลับไประวังรักษาเกยเตียน เกยโปไว้ก่อน ข้าพเจ้าจะพาพวกพ้องเข้าไปช่วยไม่ให้ช้าดอก สั่งให้คนใช้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงงักหัวเป็นอันดี นางโกวตัวซอก็เอาเงินออกมาส่งให้ ว่าอาจงเอาไปแจกจ่ายผู้คุมคนละเล็กน้อยเขาจะได้ลดหย่อนให้สองคนพี่น้องมีความสบาย งักหัวรับเงินลาซึงซินกับนางโกวตัวซอออกจากโรง กลับมาบอกแก่เกยเตียน เกยโปว่า พี่สะใภ้ยังคิดอ่านกันอยู่ว่าจะมาช่วยในเร็ว ๆ นี้ พูดแล้วกลับไปบ้านจัดสิ่งของไว้พร้อมเสร็จ
ฝ่ายซึงซินจึงปรึกษากับนางโกวตัวซอว่า มอไทก๋งเป็นคนมั่งมีทรัพย์สินมาก ผู้รักษาเมืองและกรมการก็เป็นพวกพ้องของเขาทั้งนั้นเราจะทำประการใดดี นางโกวตัวซอว่าจะหักพังแย่งชิงเอาเกยเตียน เกยโป มาเสียในเวลาค่ำวันนี้จึงจะได้ ซึงซินว่าพวกพ้องเราน้อยจะไปแย่งชิงเอาดังนั้นเห็นจะไม่ได้ ต้องไปบอกอาหลานสองคนมาช่วยจึงจะสมความปรารถนา นางโกวตัวซอถามว่าอาหลานสองคนนั้นคือผู้ใด อยู่ไหน จงไปเชิญมาจะได้ปรึกษากัน ซึงซินว่าอยู่เขาเต็งหุนซัวคนหนึ่งชื่อโจวเอี๋ยน เป็นอาของโจวยุน เจ้าจงจัดหาสุรากับสิ่งของไว้เราจะไปเชิญมาในเวลานี้ ซึงซินก็ออกจากโรงตรงไปเขาเต็งหุนซัว
ฝ่ายโจวเอี๋ยน โจวยุนสองคนอาหลาน ปู่เและบิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองไลจิว ครั้นภายหลังยกครอบครัวมาตั้งอยู่ในเมืองเตงจิว โจวเอี๋ยน โจวยุนนั้นแต่เล็กมามักพอใจฝึกหัดเพลงอาวุธ ใจซื่อตรงดีมิได้เข้าด้วยผู้ผิด คนทั้งปวงจึงเรียกโจวเอี๋ยนว่าชุดนาเหล็งเรียกโจวยุนว่าต๊อกกั้กเหล็ง อยู่ที่เขาเต็งหุนซัวช้านานหลายปี เวลาวันนั้นซึงซินไปถึงเขาเต็งหุนซัว โจวเอี๋ยน โจวยุนก็ออกมาต้อนรับตามธรรมเนียม ซึงซินจึงพูดว่า น้องมีธุระจะเชิญพี่ทั้งสองไปปรึกษากันที่บ้านในขณะนี้ โจวเอี๋ยน โจวยุนได้ฟังก็ไม่ไต่ถามว่าธุระสิ่งใดจัดแจงแต่งตัวพากันออกจากเขาเดินมาถึงโรง ซึงซิน นางโกวตัวซอก็เชิญโจวเอี๋ยน โจวยุนเข้าไปนั่งข้างในจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน ซึงซินก็เล่าความซึ่งเกยเตียน เกยโปผู้น้องต้องโทษให้ฟังแล้วว่า น้องไปเชิญพี่ทั้งสองมาช่วยคิดอ่านว่าจะยกพวกพ้องไปตีหักแย่งชิงเอาเกยเตียน เกยโป ออกมาจากคุกในเวลาค่ำวันนี้ พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด โจวเอี๋ยนว่าเรามีพวกพ้องอยู่ประมาณเก้าสิบที่ไว้ใจได้สักยี่สิบคน นอกจากนั้นเห็นจะวางใจไม่ได้น้อยตัวนัก ประการหนึ่ง ถ้าไปแย่งชิงเอามาได้ พวกทหารคงจะยกตามไปรบกวน แต่เรามีที่สำนักอยู่แห่งหนึ่งไม่แจ้งว่าท่านจะยอมไปหรือไม่ ซึงซินว่าถ้าช่วยสองคนออกมาได้ จะไปสำนักที่ไหนน้องก็ยอมทุกอย่าง โจวเอี๋ยนว่าที่เขาเนียซัวเปาะนั้นแหละดี ด้วยซ้องกั๋งกับเตียวไก่เป็นนายใหญ่อยู่ที่นั้น พวกพ้องของเราไปอยู่กับซ้องกั๋งนานแล้ว ชื่อเอียหลิมคนหนึ่ง เต็งฮุยคนหนึ่ง เจียะย้งคนหนึ่ง ชอบพอรักใคร่กันมาก ถ้าไปสามิภักดิ์แล้วไม่มีผู้ใดรบกวน
นางโกวตัวซอได้ฟังก็ว่าพี่คิดนี้ดีนัก เราชวนกันไปแย่งชิงเอาสองคนพี่น้องออกมาก่อน ถ้าผู้ใดไม่ยอมไปเขาเนียซัวเปาะด้วยข้าพเจ้าจะฆ่าฟันเสีย โจวยุนจึงว่า ยังมีอีกข้อหนึ่งสำคัญนัก ถ้าพวกเราไปตีหักแย่งชิงเอาเกยเตียน เกยโปออกมา แม้นพวกทหารไล่ติดตามจะทำประการใด ซึงซินว่าข้อนั้นไม่เป็นไร ข้าพเจ้ายังมีพี่อีกคนหนึ่ง เป็นขุนนางตำแหน่งที่หัดว่าฝ่ายทหารฝีมือเข้มแข็งเคยปราบปรามพวกโจรอยู่เนืองๆ จะไปบอกให้มาช่วยป้องกัน โจวเอี๋ยนว่าซึงลิบนั้นเขาเป็นขุนนางที่ไหนจะคิดมาเข้าด้วยเรา ซึงซินว่าพี่อย่าวิตก น้องจะไปล่อลวงมาพูดจาเกลี้ยกล่อมให้ยกมาจงได้ พูดแล้วก็ชวนกันกินโต๊ะเสพสุราจนเวลากลางคืนจัดที่ให้โจวเอี๋ยน โจวยุนนอน
ครั้นรุ่งขึ้นเช้า ซึงซินเรียกคนใช้มาสั่งให้จัดเกี้ยวเข้าไปในเมืองเตงจิว บอกกับซึงลิบและพี่สะใภ้ว่า บัดนี้นางโกวตัวซอภรรยาเราป่วยมาก เชิญพี่ทั้งสองไปพูดความลับกันสักหน่อย คนใช้รับคำสั่งมาจัดหาเกี้ยวพร้อมแล้ว ก็ออกจากโรงไปในเมืองเตงจิว ถึงบ้านซึงลิบคนใช้ก็เข้าไปแจ้งความดังซึงซินสั่งมาทุกประการ ซึงลิบกับภรรยาได้ฟังก็ตกใจสำคัญว่าเจ็บจริง ก็แต่งตัวถือทวนชวนภรรยาขึ้นเกี้ยว ออกจากบ้านเดินไปยังถนนสิบลี้ปายนอกกำแพงเมืองข้างทิศตะวันออก
ซึงลิบคนนี้รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดุร้าย คนทั้งปวงเรียกว่าแปอุดถีฝีมือเข้มแข็งนัก ครั้นพาภรรยามาถึงหน้าโรง ซึงซินก็ออกต้อนรับเชิญพี่ทั้งสองเข้ามา ซึงลิบถามว่านางโกวตัวซอเจ็บป่วยประการใดจงพาพี่ไปดูเถิด ซึงซินก็แกล้งพาพี่ทั้งสองเข้าไปในห้องไม่เห็นนางโกวตัวซอ จึงถามซึงซินว่า ภรรยาของเจ้าป่วยอยู่ เดี๋ยวนี้ไปข้างไหน นางโกวตัวซอแอบอยู่ได้ฟังก็ออกมาคำนับ ซึงลิบกับภรรยาเห็นหน้าตาน้องสะใภ้ดีอยู่จึงถามว่า เจ้าป่วยเป็นประการใดหรือ นางโกวตัวซอว่า น้องไม่ได้ป่วยไข้สิ่งใดแต่เป็นการเจ็บใจด้วยเกยเตียน เกยโปน้องของข้าพเจ้านั้น มอไทก๋งพาลพาโลจับเอาตัวส่งเข้ามาว่าเป็นโจรเข้าตีปล้นเอาเงินทอง ก็เล่าแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ น้องคิดอ่านจะไปแย่งชิงคนทั้งสองมา แล้วพากันไปสามิภักดิ์กับซ้องกั๋งยังตำบลเขาเนียซัวเปาะ กลัวความเรื่องนี้จะเกิดขึ้น พี่จะได้ความลำบาก จึงแกล้งว่าป่วยเชิญพี่ทั้งสองมาบอกให้ทราบด้วยบ้านเมืองทุกวันนี้ก็ไม่เรียบร้อย ผู้ใดหลบหลีกไปได้ก็สิ้นความวิตก ถ้าจะอยู่ต้านทานเห็นจะไม่ได้ เปรียบเหมือนไฟ ถึงไม่ไหม้ก็คงเกรียม พี่ทั้งสองจะคิดอ่านประการใด
ซึงลิบว่าตัวพี่เป็นขุนนางจะคิดอ่านการดังนี้เห็นไม่ได้ นางโกวตัวซอก็โกรธ ฉวยกระบี่ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า ถ้าพี่ไม่ยอมก็คงจะได้เห็นฝีมือกันให้ปรากฏเสียก่อนจึงลาพี่ไป ซึงซินกับโจวเอี๋ยน โจวยุน ได้ฟังนางโกวตัวซอว่ากล่าวและถือกระบี่ยืนอยู่ ก็ทำเป็นฉวยเครื่องมือถือไว้ทุกตัวคน ซึงลิบกับภรรยาเห็นก็ตกใจ ไม่รู้ที่จะคิดประการใดก็ต้องจำใจยอม แล้วร้องห้ามนางโกวตัวซอว่า น้องอย่าเพิ่งวุ่นวาย เรามาปรึกษาคิดอ่านกันให้ดีก่อน แล้วจึงค่อยจัดการต่อไป นางโกวตัวซอกับพวกเหล่านั้นก็นั่งลงพร้อมกัน
ซึงลิบจึงพูดว่า ถ้าน้องเห็นดีแล้วพี่ก็ต้องตามใจ แต่จะกลับไปเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของครอบครัวก่อนจึงไปด้วยกัน นางโกวตัวซอได้ฟังก็ยินดี บอกกับซึงลิบว่า การอันนี้น้องรู้ก็เพราะงักหัวผู้อามาแจ้งความ บัดนี้งักหัวกลับไปเก็บทรัพย์สิ่งของไว้คอยท่าแล้ว พี่จงไปบ้านตระเตรียมไว้ รุ่งขึ้นพรุ่งนี้น้องจะพาพวกพ้องไปยังคุกแย่งชิงเอาสองคนออกมา แล้วจะได้พากันไป ซึงลิบได้ฟังก็เห็นชอบให้ภรรยากลับไปรวบรวมทรัพย์สิ่งของมาพร้อม ซึงซินจึงให้โจวเอี๋ยนกลับไปชักชวนพวกพ้องที่ไว้ใจได้ประมาณยี่สิบคนถือเครื่องศัสตราวุธเสร็จแล้วก็ออกจากเขาตรงมา ซึงซินนั้นมีพวกพ้องอยู่สิบห้าคนก็ตระเตรียมไว้พร้อม พอโจวเอี๋ยนพาพวกมาถึงโรงก็เข้าสมทบเป็นหมู่เดียวกัน ซึงซินจึงบอกกับซึงลิบว่าค่ำวันนี้พี่จงค้างอยู่ที่โรงก่อน น้องจะไปนัดหมายกับงักหัวเสียให้ทราบ พูดดังนั้นก็ออกจากโรงตรงไปในเมือง เตงจิวแจ้งความให้งักหัวฟังดังที่คิดอ่านกันไว้ทุกประการ กำหนดกันแน่นอนแล้ว งักหัวก็เข้าไปบอกแก่เกยเตียน เกยโปให้รู้ตัว ซึงซินก็ลางักหัวกลับมาโรงจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงพี่น้องและพวกพ้องนั้นรวมกันสี่สิบคน รุ่งขึ้นเช้าก็จัดการ นางโกวตัวซอนั้นแต่งตัวเป็นคนจนถือห่ออาหารเอาเครื่องศัสตราวุธเหน็บซ่อนในเสื้อ ออกจากโรงไปเมืองเตงจิวก่อน ซึงลิบกับซึงซินก็แต่งตัวเอาเครื่องมือเหน็บซ่อนเสียชวนกันออกจากโรงตามนางโกวตัวซอไป โจวเอี๋ยน โจวยุนคุมไพร่แยกเป็นสองพวกไปในเมืองเตงจิว ถึงคุกพร้อมกันต่างคนก็คอยดูท่วงทีอยู่
ฝ่ายเปากิดได้รับเงินทองของมอตงหงีไว้ คิดจะฆ่าสองคนพี่น้องเสียให้จงได้ เวลาวันนั้นเปากิดเดินไปที่คุก งักหัวก็ออกมายืนอยู่ที่ประตู นางโกวตัวซอเห็นงักหัวก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เดินเข้าไปบอกว่าข้าพเจ้าจะเอาอาหารเข้าไปส่งสองคนพี่น้อง งักหัวก็ไม่พูดจาสิ่งใดเปิดประตูชั้นนอกให้นางโกวตัวซอเข้าไป พอเปากิดมาถึงเห็นก็ร้องถามงักหัวว่า หญิงนั้นเอาอาหารมาส่งผู้ใด อย่าให้เข้าไปในคุกอย่างธรรมเนียมไม่มี งักหัวว่าหญิงคนนี้เป็นพวกพ้องของเกยเตียน เกยโป เคยเอาอาหารมาส่งมิได้ขาด เปากิดก็ไม่ว่าประการใดยังตรึกตรองหาอุบายที่จะคิดร้ายสองคนพี่น้องอยู่ งักหัวรับเอาอาหารที่นางโกวตัวซอมาเปิดประตูคุกเข้าไปให้เกยเตียน เกยโปกิน แล้วบอกว่านางโกวตัวซอพี่สาวเจ้ามาแล้ว จงเร่งตระเตรียมตัวไว้ เกยเตียน เกยโปได้ฟังก็ดีใจ
ฝ่ายซึงลิบกับซึงซินเห็นนางโกวตัวซอเอาอาหารเข้าไป แล้วพวกผู้คุมปิดประตูหน้าคุกเสียก็ร้องเรียกให้เปิด ผู้คุมเหล่านั้นจึงมาแจ้งกับเปากิดว่า ซึงลิบขุนนางฝ่ายทหารมาเรียกให้เปิดประตูคุก เปากิดได้ฟังพูดว่า ซึงลิบเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ไม่เกี่ยวข้องกับเราอย่าเปิดให้ ผู้คุมก็ไม่เปิดประตู ซึงลิบขัดใจพังประตูเข้าไปได้ ผู้คุมก็ร้องอื้ออึงขึ้น เปากิดได้ยินจึงเดินไปดู เห็นซึงลิบพังประตูเข้ามาไม่แจ้งว่าเหตุผลสิ่งใดยืนตะลึงอยู่ นางโกวตัวซอชักกระบี่ออกไล่ฟันเปากิด ๆ ตกใจก็วิ่งหนี โจวเอี๋ยนกับโจวยุนคุมพวกตรูเข้าไปในประตูใหญ่ งักหัวเห็นดังนั้นก็เข้าช่วยเกยเตียน เกยโปหักโซตรวนขื่อออกแล้ววิ่งตามเปากิดไป เอาคาที่ถอดออกตีถูกศีรษะเปากิดแตกตาย นางโกวตัวซอเข้าไล่ฆ่าฟันผู้คุมเหล่านั้นตายหลายคน ซึงลิบ ซึงซิน โจวเอี๋ยน โจวยุนชวนเกยเตียน เกยโปล่าถอยออกจากคุกเดินไปตามถนนตลาด ซึงลิบถือเกาทัณฑ์ขึ้นม้ากำกับมาข้างหลัง บรรดาผู้คนในเมืองเตงจิวเห็นก็ไม่มีผู้ใดออกต่อสู้ต้านทานปิดประตูเสียทั้งสิ้น เกยเตียน เกยโปกับพี่น้องเหล่านั้นหนีออกจากเมืองเตงจิวได้ตรงไปยังโรงซึงซินที่ถนนสิบลี้ปาย รับบุตรภรรยาและครอบครัว ขนทรัพย์สิ่งของขึ้นบรรทุกเกวียนออกเดินทางจะไปเขาเนียซัวเปาะ เกยเตียน เกยโปจึงพูดว่า มอไทก๋งทำกับข้าพเจ้าครั้งนี้มีความเจ็บอายนัก จะขอไปแก้แค้นทดแทนเสียก่อน พี่น้องเหล่านั้นก็เห็นด้วย ซึงลิบจึงจัดให้ซึงซินผู้น้องกับงักหัวคุมทรัพย์สิ่งของครอบครัวเดินล่วงหน้าไปก่อน ซึงลิบกับเกยเตียน เกยโป โจวเอี๋ยน โจวยุนคุมไพร่พลเหล่านั้นเดินตรงไปบ้านมอโทก๋ง
ฝ่ายมอไทก๋งกับมอตงหงีผู้บุตรกำลังกินโต๊ะเสพสุราพูดจากันเล่น พอซึงลิบกับเกยเตียน เกยโปไปถึงก็หักพังประตูบ้านเข้าไป มอไทก๋งกับมอตงหงีและบ่าวไพร่ไม่แจ้งว่าเหตุผลสิ่งใด ครั้นเห็นซึงลิบกันเกยเตียนเกยโปก็ตกใจยิ่งนัก จะวิ่งหนีไปก็ไม่ทัน เกยเตียนเกยโปตรงจับตัวมอไทก๋ง มอตงหงีฆ่าเสียก่อน ซึงลิบกับพวกเหล่านั้นก็เข้าจับบุตรภรรยาของมอไทก๋งฆ่าเสีย แล้วเข้าไปค้นหาเงินทองทรัพย์สิ่งของที่ดีมีราคามารวบรวมไว้ ได้ม้าฝีเท้าดีหลายม้า ซึงลิบกับพี่น้องเหล่านั้นก็ขึ้นม้า ไพร่พลจัดเกวียนมาบรรทุกทรัพย์สิ่งของแล้วเอาไฟเผาบ้านเรือนเสียสิ้น ออกเดินตามครอบครัวไปประมาณทางได้สามสิบลี้ พบครอบครัวจึงเข้าสมทบเป็นกองเดียวกันแล้วก็ยกตรงไปยังเขาเนียซัวเปาะ
ฝ่ายพวกพ้องไพร่พลของซ้องกั๋ง คุมตัวนางโฮ้วซาเนียมาถึงก็เข้าไปแจ้งความให้เตียวไก่ฟัง ตามซึ่งได้ต่อสู่กับพวกจอกเกจึงทุกประการ เตียวไก่ได้ฟังก็จึงให้หาหมอมารักษาอาวเผ็ง และพาตัวนางโฮวซาเหนียไปมอบให้ซ้องไทก๋งตามคำซ้องกั๋งสั่ง เตียวไก่ก็มีความวิตกถึงซ้องกั๋งกับพี่น้องที่พวกจอกเกจึงจับตัวไปได้เป็นอันมาก จึงปรึกษากับโงวหยงว่า บัดนี้ซ้องกั๋งยกไปสู้รบจะเอาชัยชนะก็ไม่ได้ พวกจอกเกจึงจับพี่น้องของเราไปหลายคนจะล้มตายประการใดยังไม่ทราบข้าพเจ้ามีความวิตกนัก จะให้ท่านกับพวกพ้องคุมไพร่พลยกไปช่วยซ้องกั๋งอีกท่านจะเห็นอย่างไร โงวหยงว่าท่านพูดนี้ก็ถูก ข้าพเจ้ากับพวกพ้องจะขออาสาคุมไพร่พลยกไปช่วยซ้องกั๋งคิดอ่านสู้รบเอง พูดแล้วก็มาจัดหาพี่น้องและไพร่พลไว้พร้อม ถึงวันดีโงวหยงกับพี่น้องก็คำนับลาเตียวไก่คุมไพร่พลออกจากเขาเนียซัวเปาะ เตียวไก่กับพี่น้องตามมาส่งจนพ้นเขตแดนแล้วก็กลับมาที่อยู่ โงวหยงกับพวกพ้องไพร่พลชวนกันลงเรือข้ามน้ำไป
ฝ่ายซึงลิบกับพี่น้องเดินมาหลายวันใกล้จะถึงตำบลเขาเนียซัวเปาะ เห็นมีโรงขายสุราอยู่แห่งหนึ่งจึงหยุดพักไพร่พลอยู่ที่ร่มไม้ ซึงลิบกับพี่น้องก็ไปถามซื้อสุรา
ฝ่ายเจียะย้งพวกเขาเนียซัวเปาะมาตั้งโรงขายสุราอยู่ที่ตำบลนั้น ครั้นได้ยินมีผู้มาถามซื้อสุรา จึงออกมาดูเห็นโจวเอี๋ยนก็จำได้ ไต่ถามตามธรรมเนียมแล้วเชิญโจวเอี๋ยนกับพวกพ้องเข้าไปข้างใน โจวเอี๋ยนถามเจียะย้งว่า เอียหลิมกับเต็งฮุยอยู่ดีดอกหรือ เจียะย้งบอกว่า เอียหลิมกับเต็งฮุยไปกับซ้องกั๋ง ยกไพร่พลไปตีตำบลบ้านจอกเกจึงก็เอาชัยชนะยังไม่ได้ เจ้าของตำบลชื่อจอกเซียวหองมีบุตรชายสามคนฝีมือเข้มแข็ง มีครูฝึกหัดเพลงอาวุธอยู่คนหนึ่งชื่อลวนเต็งหยก เพลงอาวุธคล่องแคล่วแข็งแรงนักไม่มีผู้ใดต้านทานได้ จับเอียหลิมกับเต็งฮุยและพี่น้องเหล่านั้นไปหลายคน จะตายเป็นประการใดก็ไม่รู้ ซึงลิบได้ฟังก็หัวเราะแล้วพูดว่า ลวนเต็งหยกครูของพวกจอกเกจึงนั้นเดิมได้ฝึกหัดเพลงอาวุธอยู่อาจารย์เดียวกัน ฝีมือลวนเต็งหยกก็รู้อยู่เหมือนกัน การครั้งนี้ข้าพเจ้าชักชวนกันมาจะสามิภักดิ์อยู่ที่เขาเนียซัวเปาะยังไม่มีความชอบสิ่งใดเลยก็นึกอายใจ ครั้นได้ฟังท่านพูดถึงสู้รบกับพวกตำบลจอกเกจึง ข้าพเจ้าคิดเห็นอุบายอยู่ว่าจะขออาสาไปตีตำบลจอกเกจึงให้แตกจะได้มีความชอบกับเขาบ้าง เจียะย้งถามว่าอุบายของท่านประการใด ซึงลิบว่าลวนเต็งหยกกับข้าพเจ้าเป็นคนชอบพอรักใคร่กัน หนทางจะไปเมืองหุนจิวนั้น ต้องเดินไปทางบ้านจอกเกจึง ข้าพเจ้าจะให้พวกพ้องและไพร่พลที่มาด้วยนี้ แต่งตัวเป็นทหารปลอมว่าจะไปรักษาเมืองหุนจิว ยกเดินไปทางบ้านจอกเกจึงแล้วจะแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนลวนเต็งหยก ถึงกำหนดนัดหมายกันพวกข้าพเจ้าจะบุกรุกฝ่าฟันออกมา ให้พวกท่านตีขนาบเข้าไป พวกจอกเกจึงก็จะแตกยับไปสิ้น อุบายของข้าพเจ้าดังนี้ท่านจะเห็นประการใด เจียะย้งได้ฟังก็เห็นชอบด้วย
ขณะนั้นคนใช้มาแจ้งกับเจียะย้งว่า โงวหยงซินแสกับลือฮวง กวยเส็ง อวนเซียวยี อวนเซียวชิด ยกกองทัพเพิ่มเติมไปช่วยซ้องกั๋ง พูดยังไม่ทันขาดคำ โงวหยงซินแสกับพวกพ้องเหล่านั้นคุมไพร่พลข้ามนํ้ามาถึงหน้าโรงเจียะย้ง ๆ เห็นก็ดีใจ ออกต้อนรับเชิญเข้าไปในโรงพร้อมกัน เจียะย้งให้โจวเอี๋ยนกับพวกพ้องคำนับโงวหยงซินแสกับพี่น้องที่มาแล้วแจ้งความให้ฟังว่า โจวเอี๋ยนคนนี้รู้จักชอบพอกับข้าพเจ้าและเอียหลิมเต็งฮุยมาช้านาน ชักชวนพวกพ้องจะมาสามิภักดิ์อยู่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะด้วย แต่ซึงลิบนั้นจะขออาสาไปตีตำบลจอกเกจึง แล้วก็เล่าอุบายของซึงลิบคิดไว้ทุกประการ โงวหยงได้ฟังก็ยินดีพูดกับพวกที่มาใหม่ว่า ซึ่งท่านทั้งหลายมีใจมาช่วยครั้งนี้ก็เห็นที่ดียิ่ง ตำบลเขาเนียซัวเปาะก็จะรุ่งเรืองขึ้น เราชวนกันยกไพร่พลไปช่วยซ้องกั๋งตีตำบลจอกเกจึงให้ได้เสียก่อน แล้วจึงกลับมาเข้าเป็นพวกพ้อง ข้าพเจ้าจะคุมไพร่พลล่วงหน้าไปแจ้งความให้ซ้องกั๋งรู้ก่อน แล้วพวกท่านจึงยกตามไปต่อภายหลัง ซึงลิบก็รับคำสั่งโงวหยงซินแสกับพวกพ้องห้าคนออกจากโรงคุมไพร่พลเดินทางไปตำบลจอกเกจึง
ฝ่ายซ้องกั๋งตรึกตรองหาอุบายจะสู้รบกับพวกจอกเกจึงอยู่หลายเวลาก็ยังไม่ตกลงใจ ด้วยชัยภูมิที่ตำบลบ้านจอกเกจึงแน่นหนานัก ไม่รู้ที่จะตีหักเข้าไปอย่างไร จึงได้แต่มีความวิตก เวลาวันนั้นโงวหยงคุมไพร่พลไปใกล้จะถึง พวกที่ค่ายก็เข้าไปแจ้งกับซ้องกั๋ง โงวหยงซินแสกับลือฮวง กวยเส็ง อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิด คุมไพร่พลประมาณห้าร้อยเศษยกมาเกือบจะถึงค่ายอยู่แล้ว ซ้องกั๋งแจ้งดังนั้นก็ออกมาคอยรับ พอโงวหยงกับพี่น้องเหล่านั้นไปถึงค่ายก็พาเข้าไปนั่งข้างใน โงวหยงซินแสเห็นหน้าซ้องกั๋งไม่ปกติเหมือนแต่ก่อน จึงพูดเอาใจว่า ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านทราบ ด้วยเจียะย้ง เอียหลิม เต็งฮุย นั้นมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อโจวเอี๋ยน ๆ ชักชวนพวกพ้องมาสามิภักดิ์กับท่านเป็นหลายคนไพร่พลก็มีมาบ้าง แต่ซึงลิบเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ณ เมืองเตงจิว ที่เรียกว่าแปอุดถีฝีมือเข้มแข็งนัก เดิมได้ฝึกหัดเพลงอาวุธครูเดียวกันกับลวนเต็งหยก จะขออาสาตีบ้านจอกเกจึงให้แตกจงได้ ก็เล่าอุบายของซึงลิบให้ฟัง แล้วว่าบัดนี้ซึงลิบกับพวกพ้องไพร่พลยกตามข้าพเจ้ามาข้างหลัง ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดี จึงสั่งให้คนใช้ยกโต๊ะและสุรามาเลี้ยงโงวหยงซินแสกับพวกพี่น้องเหล่านั้นอยู่ในค่าย
ฝ่ายซึงลิบครั้นโงวหยงซินแสคุมไพร่พลมาแล้ว ก็ชวนภรรยากับโจวเอี๋ยน โจวยุน ซึงซิน นางโกวตัวซอ เกยเตียน เกยโป งักหัว เก้านายคำนับลาเจียะย้ง ยกตามโงวหยงซินแสไปใกล้จะถึงเขตต๊อกเล่งซัว ตำบลบ้านจอกเกจึง ในค่ายซ้องกั๋งตั้งอยู่ริมเนิน พวกพี่ค่ายเห็นก็เข้าไปแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ซึงลิบคุมไพร่พลมาถึงแล้ว ซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสได้ฟังก็ยินดี ออกมาต้อนรับเชิญเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งตามสมควร ยกโต๊ะและสุรามาเลี้ยงพูดจาไต่ถามกันโดยทางไมตรีแล้ว ซ้องกั๋งจึงปรึกษาการที่จะตีหักตำบลจอกเกจึง ซึงลิบว่าตกพนักงานพวกข้าพเจ้า จะรับอาสาสนองคุณท่าน ถ้าได้ทีเมื่อไรข้าพเจ้าจะคุมไพร่พลตีหักออกมา ท่านจงยกตีบุกรุกเข้าไปก็คงสมความปรารถนาอย่าวิตกเลย ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีชวนกันกินโต๊ะเสพสุราเสร็จแล้ว โงวหยงซินแสก็เรียกตามบรรดาพวกพ้องมาสั่งเป็นความลับให้เตรียมการไว้พร้อม ซึงลิบจึงกำหนดนัดแน่นอนแล้วชวนพวกพี่น้องของตัวคำนับลาออกจากค่ายคุมไพร่พลตรงไปยังตำบลจอกเกจึง โงวหยงเรียกไตจงมาสั่งว่า เจ้าจงกลับไปเขาเนียซัวเปาะบอกกับปวยชวน เซียวเหยียง โฮ้วเกียน กิมไตเกียนให้เอาเครื่องมือสำหรับใช้รีบมาโดยเร็ว ไตจงก็คำนับลามาแต่งตัวออกจากค่ายตรงไปยังเขาเนียซัวเปาะ