- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๖๕
ฝ่ายซ้องกั๋งครั้นได้ชัยชนะก็ชวนกันกลับมาค่าย ไพร่พลคุมตัวซกเถียวมาส่ง ซ้องกั๋งมีความยินดีเข้าแก้มัดซกเถียวออกเชิญเข้าไปในค่าย จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงแล้วพูดเกลี้ยกล่อมซกเถียวว่า ท่านดูเอาเถิดพี่น้องของข้าพเจ้ามีขุนนางนายทหารเมืองหลวงกว่าครึ่ง ท่านอย่าได้ติเตียนเลยจงช่วยคิดอ่านทำการทำนุบำรุงแผ่นดินด้วยกันเถิด
เอียจี้นั้นเป็นคนชอบพอรักใคร่กันกับซกเถียวมาแต่เดิม ก็ตรงเข้าไปคำนับซกเถียว พูดถึงความหลังเข้าจับมือกันร้องไห้ เอียจี้ว่าไหนๆ ก็ตกเข้ามาแล้วจงอยู่เสียด้วยกันเถิด ซกเถียวว่าก็ต้องยอมอยู่เองจะทำอย่างไรได้ ซ้องกั๋งได้ฟังก็ดีใจ ให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงบรรดาพี่น้องทั้งปวงแล้วยกเข้าตีกำแพงเมืองเป็นหลายเวลาก็ยังไม่ได้
ครั้นอยู่มาคืนวันนั้น ซ้องกั๋งนั่งอยู่ที่โต๊ะแต่ผู้เดียว จุดตะเกียงสว่างกำลังดึกสงัดเคลิ้มหลับไป ฝันว่ามีคนเดินตรงเข้ามา ซ้องกั๋งเงยหน้าขึ้นดูเห็นเป็นเตียวไก่มายืนร้องถามว่า พี่น้องของเรามาอยู่ที่นี่ธุระสิ่งใด ซ้องกั๋งตกใจกลัวยืนขึ้นถามว่ามาทำไม หรือน้องยังไม่ได้ยกกองทัพไปแก้แค้นแทนพี่ จึงไม่มีความสุขสักเวลา
เตียวไก่ตอบว่า ตัวพี่กับน้องเป็นคนรักใคร่ร่วมใจกันจึงได้มาช่วย บัดนี้โรคในตัวเจ้าจะเกิดขึ้น ต้องไปหาหมอที่อยูริมแม่นํ้าข้างทิศใต้มาจึงจะรักษาหาย พี่จะบอกอุบายให้สามสิบหกอย่าง จงรีบกลับไปเสียโดยเร็วเถิด ฉวยว่าโรคกำเริบขึ้นจะโทษว่าพี่ไม่มาช่วย พูดดังนั้นแล้วก็ออกเดินไป
ซ้องกั๋งได้ฟังคิดจะถามให้แจ้ง แต่ทว่าเตียวไก่ได้รีบเดินหนีไปเสียก่อนจึงพูดว่า จิตใจของพี่ช่างผูกพันน้องจริงๆ ก็พอตกใจตื่น ครั้นรุ่งเช้าให้หาโงวหยงซินแสมาเล่าความฝันตั้งแต่ต้นจนปลายทุกประการ
โงวหยงว่า ถ้าเตียวไก่มาว่ากล่าวก็ต้องเชื่อฟัง ขณะนี้เป็นเทศกาลหนาว ไพร่พลม้าลาออกสู้รบก็ลำบาก เชิญยกกองทัพกลับไปเสียก่อน คอยให้สิ้นฤดูหนาวไม่มีหมอกจึงค่อยยกมาตีเมืองอีกก็คงได้ ซ้องกั๋งว่าท่านซินแสพูดจาก็ถูกต้อง แต่โลวจุนหงีกับเจียสิวพี่น้องเรากรากกรำอยู่ในคุกวันเดียวเท่ากับปีหนึ่ง จะให้กลับไปเสียก่อนอย่างไรได้ แม้นถูกคิดร้ายฆ่าคนทั้งสองตายจะมิเสียทีไปหรือ
พูดปรึกษากันยังไม่ตกลง ในเวลาวันนั้นซ้องกั๋งไม่สบายตัวร้อนปวดศีรษะหนัก บรรดาพี่น้องก็มาเยี่ยมพร้อมกันที่ในค่าย ซ้องกั๋งจึงบอกว่าพี่นี้ให้เจ็บปวดที่หลัง พี่น้องทั้งปวงดูเห็นฝีขึ้นที่กลางหลังสีแดงเหมือนชาด ก็บอกกับซ้องกั๋งตามซึ่งเป็นขึ้นมา โงวหยงซินแสจึงพูดว่าโรคฝีสิ่งนี้สำคัญนัก เดิมได้ดูตำราครั้งหนึ่งต้องเอาแป้งถั่วมาต้มกินจึงจะถอนพิษได้ จงหามาต้มให้กินก่อนเถิดขณะนี้เรายกกองทัพมาหมอยาก็ไม่มี
เตียสุนจึงพูดขึ้นว่าเดิมข้าพเจ้าอยู่ที่แม่นํ้าซิมเอียงกัง มารดาเป็นฝีกลางหลังเหมือนอย่างนี้ หาหมอหลายคนก็ไม่รับรักษา ภายหลังข้าพเจ้าไปเมืองเกี้ยนคังหาอันเตาฉวนหมอยามารักษามารดาหาย และจะต้องรีบไปหาอันเตาฉวนจึงจะได้ แต่ทางซึ่งจะไปนั้นก็ไกลกันดารกลัวจะกลับมาไม่ทัน โงวหยงซินแสว่าเตียวไก่มาเข้าฝันพูดว่าร้อยวันก็ไม่เป็นไร แต่บอกเป็นคำอรรถเห็นจะได้กับหมอคนนี้แน่แล้ว
ซ้องกั๋งว่าถ้าดังนั้นจงเร่งรีบไปเชิญมาอย่าว่าเวลากลางวันกลางคืน ช่วยชีวิตพี่ไว้สักครั้งหนึ่งเถิด โงวหยงก็จัดทองคำลิ่มหนึ่งกับเงินร้อยตำลึงไปให้หมอ และเงินซึ่งจะไปซื้อกินตามทางสามสิบตำลึงมอบให้เตียสุนกำชับสั่งว่า จงออกเดินทางไปในเวลานี้ เราจะยกกองทัพกลับไปคอยท่าอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะจงรีบกลับมาโดยเร็ว เตียสุนรับทองคำใส่ห่อผ้าคำนับลาออกจากค่ายไป โงวหยงซินแสสั่งพวกพ้องไพร่พลตระเตรียมกัน จัดให้ซ้องกั๋งขึ้นบนเกวียนยกออกมาจากเมืองปักเกียรีบไปในเวลากลางคืน
ฝ่ายเนียตงซีผู้รักษาเมืองแจ้งความว่า ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับไปแล้วจึงหาลีเส็ง บุนตัดนายทหารทั้งสองมาปรึกษา
ลีเล็งกับบุนตัดจึงพูดว่า โงวหยงซินแสคนนี้อุบายดีหนักหนา ไม่แจ้งว่าจะคิดอ่านประการใด อย่าไล่ติดตามไปเลยจะเสียที จงรักษาเมืองมั่นไว้ดีกว่า เนียตงซีก็เห็นชอบด้วยจึงจัดให้ทหารที่รักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ตามเดิม
ฝ่ายเตียสุนรีบเดินทางไปทั้งกลางวันและกลางคืน ถึงแม่น้ำเอียงจื๊อกังเที่ยวหาเรือตามแถวริมฝั่ง เห็นมีเรือลำหนึ่งจอดอยู่ชายป่า จึงร้องเรียกเจ้าของเรือว่า เซียวก๋งข้ามส่งเราเถิดจะคิดเงินให้ ชายเจ้าของเรือก็ถอยเรือออกมาร้องถามเตียสุนว่า ท่านจะไปข้างไหน เตียสุนว่าเราจะข้ามไปฟากเมืองเกี้ยนคัง ท่านจะเอาเงินมากน้อยเท่าไรก็ไม่ว่า ชายเจ้าของเรือว่าข้อนั้นไม่เป็นไรหรอก แต่เวลาเย็นค่ำแล้ว ถึงข้ามไปก็ไม่มีที่สำนักจงค้างอยู่ในเรือข้าพเจ้าสักคืนหนึ่งก่อน รุ่งขึ้นเช้าจะข้ามส่งไม่ต้องเสียเงินทองมากดอก
พอเหลียวไปเห็นเรือเล็กอีกลำหนึ่งนั่งผิงไฟอยู่ เซียวก๋งก็รับเตียสุนลงเรือถอยไปจอดอยู่ใกล้กัน บอกกับชายหนุ่มว่าเอาเสื้อของเราอังไฟให้แห้งด้วย เตียสุนลงไปในเรือแล้วก็เอาห่อผ้าวางไว้จุดไฟมาก่อผิง ถามว่าแถวนี้มีผู้ใดขายสุราบ้างหรือเปล่า เซียวก๋งเจ้าของเรือว่าที่เหล่านี้ไม่มีสุราขาย จึงจัดหาอาหารให้เตียสุน เตียสุนกินอาหารแล้วนอนในเรือหลับไป
ฝ่ายชายหนุ่มเจ้าของเรือเที่ยวหากินอยู่แถวแม่น้ำเอียงจื๊อกังกับเซียวก๋งสองคนด้วยกัน ครั้นเห็นเตียสุนนอนหลับ ชายหนุ่มก็จุดไฟมาดูว่าจะมีเงินทองของสิ่งใดมาบ้าง เห็นห่อผ้าของเตียสุนใหญ่ ก็บอกกับเซียวก๋งว่าพี่เห็นอะไรบ้างหรือไม่ เซียวก๋งได้ฟังก็ย่องเข้าไปใกล้เตียสุน เอามือคลำห่อผ้าพบเงินทองก็มีความยินดีนัก จึงบอกกับชายหนุ่มว่าอย่าได้อื้ออึงไป จงถอยออกไปกลางน้ำเถิด ชายหนุ่มก็ถอยเรือออกไปถึงกลางแม่น้ำ เซียวก๋งเจ้าของเรือลำใหญ่เอาเชือกมัดเตียสุนไว้แล้ว เปิดท้องเรือหยิบกระบี่ขึ้นมาเตียสุนหลับไม่รู้สึกตัว ครั้นจะพลิกตัวมือก็ติดตกใจลืมตาดู เห็นเซียวก๋งเจ้าของเรือถือกระบี่จะฟันก็ร้องว่า ท่านผู้ฝีมือเข้มแข็งอย่าฆ่าเราให้ตายเลยเงินทองสิ่งของทั้งปวงจงเอาไปเถิด
เซียวก๋งว่า เงินทองก็จะเอาชีวิตก็จะเอา เตียสุนอ้อนวอนอีกว่าท่านอย่าฆ่าฟันเสียยับเยินเลย จงทำให้ตายโดยสะดวกเถิด เราเป็นผีจะไม่ได้มารบกวนท่าน แม้นว่าฆ่าฟันเราตายไปคงจะได้เห็นกัน เซียวก๋งได้ฟังก็วางกระบี่ไว้ จับเตียสุนโยนลงในแม่นํ้าแล้วแก้ห่อผ้าออกดูเห็นเงินทองเป็นอันมากก็คิดเฉลียวใจขึ้นมา กลัวว่าชายหนุ่มจะเอาส่วนแบ่งปันจำจะต้องฆ่าเสีย คิดแล้วก็ร้องเรียกชายเจ้าของเรือเล็กว่า เหงาก๋อพี่ที่ห้ามานี่เถิดจะพูดให้ฟัง ชายหนุ่มเจ้าของเรือก็ไม่สงสัย ตรงเข้าไปในประทุน เซียวก๋งเจ้าของเรือใหญ่ก็จับมือไว้เอากระบี่ฟันถูกศีรษะชายหนุ่มเจ้าของเรือเล็กตายโยนลงแม่นํ้า โลหิตที่ติดเปื้อนเรือนั้นเซียวก๋งตักน้ำล้างถูแล้วก็แจวเรือไป
ฝ่ายเตียสุนเป็นคนชำนาญทางนํ้าดำทน ครั้นเซียวก๋งมัดโยนลงในแม่น้ำก็ขยับขยายแก้เชือกออกได้ดำตรงไปข้างฝั่งทิศใต้ ขึ้นตลิ่งเห็นไฟสว่างอยู่ในป่าก็เดินไปครู่หนึ่งถึงหมู่บ้านเห็นมีโรงขายสุรา เจ้าของกำลังต้มสุราอยู่จนดึกสามยาม แสงไฟสว่างออกมาตามช่องฝา เตียสุนเข้าไปร้องเรียกให้เปิดประตูรับ ผู้เฒ่าเจ้าของโรงก็ออกมา เห็นเสื้อกางเกงเปียกจึงถามเตียสุนว่า นี่เห็นจะถูกผู้ร้ายแย่งชิงที่กลางแม่น้ำโดดหนีมาดอกกระมัง
เตียสุนคุกเข่าคำนับแจ้งว่า ข้าพเจ้ามาแต่เมืองซัวตังจะไปเมืองเกี้ยนคัง ครั้นมาถึงแม่น้ำเอียงจื๊อกังเวลาเย็นพบโจรสองคนแย่งชิงเอาเงินทองไปสิ้นแล้วโยนลงในแม่น้ำ ขอท่านช่วยข้าพเจ้าไว้ด้วยเถิด ผู้เฒ่าได้ฟังก็พาเตียสุนเข้าไปในโรงเอาเสื้อกางเกงมาให้ผลัดแล้วถามว่า เจ้านี้แซ่ไรชื่อใด มาจนถึงที่นี่ด้วยธุระสิ่งใด เตียสุนว่า ข้าพเจ้าแซ่เตียชื่อสุน จะไปเมืองเกี้ยนคังเยี่ยมเยือนอันเตาฉวนหมอด้วยเป็นพี่น้องกัน
ผู้เฒ่าเจ้าของโรงจึงถามว่า เจ้ามาแต่เมืองซัวตังมิต้องเดินมาทางผ่านเขาเนียซัวเปาะหรือ เตียสุนว่าต้องเดินมาทางนั้น ผู้เฒ่าจึงพูดว่าซ้องกั๋งเป็นใหญ่อยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ก็มิได้ตีปล้นพวกเดินทางและราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน เขาเล่าลือกันมาช้านานจะจริงหรือไม่ประการใด
เตียสุนว่า ซ้องกั๋งเป็นใหญ่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะสัตย์ซื่อสุจริต ถ้าขุนนางที่โกงก็มีความเกลียดชังคิดล้างผลาญเสียให้ได้ ผู้เฒ่าว่า เราได้ยินข่าวว่าซ้องกั๋งซื่อตรงดีมีแต่ช่วยราษฎรให้เป็นสุข ที่ตำบลเรานี้มีแต่ขุนนางกังฉินและพวกโจรคอยเบียดเบียนเที่ยวตีปล้นจนได้ความคับแค้นใจนัก ถ้าแม้นซ้องกั๋งยกมาปราบปรามที่ตำบลนี้แล้วพวกราษฎรก็จะมีความสุขสืบไป
เตียสุนได้ฟังก็รู้ว่าผู้เฒ่าเป็นคนดี จึงบอกว่าท่านอย่าตกใจเลยข้าพเจ้าชื่อเตียสุน อยู่ตำบลเขาเนียซัวเปาะ บัดนี้ซ้องกั๋งป่วยใช้ข้าพเจ้าเอาทองคำร้อยตำลึงมาเชิญอันเตาฉวนไปรักษา ครั้นมาถึงแม่น้ำเอียงจื๊อกังก็เกิดเหตุขึ้น ผู้เฒ่าว่าถ้าเจ้าเป็นพวกซ้องกั๋งเราจะเรียกบุตรของเรามาพูดจากัน ผู้เฒ่าเจ้าของโรงก็เรียกบุตรชายออกมาคำนับเตียสุน คำนับแล้วบอกว่าข้าพเจ้าแซ่เฮงชื่อเตงเป็นบุตรที่หก ผู้คนเรียกว่าเฮงเตงลัก เดินรวดเร็ว คนทั้งปวงจึงตั้งยี่ห้อว่าอัวะเงียมหลอ ข้าพเจ้าอยากฝึกหัดให้ชำนาญทางน้ำและเพลงอาวุธต่างๆ แต่ยังไม่พบครูดีจึงได้ตั้งโรงขายสุราอยู่ริมแม่น้ำนี้ พวกโจรสองคนแย่งชิงท่านในแม่น้ำนั้น ข้าพเจ้าก็รู้จักคนหนึ่งชื่อเตียวอ๋องเรียกเจยกังกุ้ย คนหนุ่มนั้นชื่อซึงเหงา ชาวเมืองฮัวเตงกุ้ยเรียกว่าอิวลิชิว คนทั้งสองนี้เที่ยวแย่งชิงหาเลี้ยงชีวิตอยู่ตามแถวแม่น้ำนี้มิได้ขาด ท่านอย่าวิตกเลย จงอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ก่อน ถ้าโจรทั้งสองมาซื้อสุรากินข้าพเจ้าจะแก้แค้นแทนท่านเอง เตียสุนว่าขอบใจนักหนา มาทั้งนี้ก็เพราะด้วยพี่ซ้องกั๋งป่วยเป็นการร้อนจะลาเข้าไปในเมืองเกี้ยนคังเชิญอันเตาฉวนกลับไปเขาเนียซัวเปาะแล้วก็คงพบกัน
เฮงเตงลักได้ฟังก็จัดหาเสื้อกางเกงให้เตียสุนใส่จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเป็นอันดี ครั้นเวลารุ่งเช้าเฮงเตงลักเอาเงินให้เตียสุนสิบตำลึง เตียสุนรับเงินมีความยินดีก็ลาเฮงเตงลักออกจากโรงไปเมืองเกี้ยนคัง เดินทางมายังตำบลบ้านสะพานขวาง เห็นอันเตาฉวนนั่งตำยาอยู่ที่หน้าประตูเตียสุนก็เข้าไปคุกเข่าคำนับ
อันเตาฉวนเห็นเตียสุนก็จำได้ จึงถามว่าช้านานหลายปีมิได้เห็นหน้าน้องเลยแล้วพาเตียสุนเข้าไปในบ้าน เตียสุนก็เล่าความแต่ต้นจนปลายให้อันเตาฉวนฟัง แล้วว่าซ้องกั๋งป่วยเป็นฝีกลางหลัง ข้าพเจ้าตั้งใจมาเชิญท่าน ครั้นมาถึงแม่น้ำเอียงจื๊อกังพบโจรแย่งชิงเอาเงินทองไปเสียสิ้น ตัวข้าพเจ้าก็เกือบถึงแก่ชีวิต เพราะเกิดเหตุขึ้นดังนี้ข้าพเจ้าจึงได้มาแต่มือเปล่าไม่รู้ที่จะพูดจาประการใด อันเตาฉวนว่าซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อในแผ่นดิน แม้นไปรักษาหายชื่อเสียงเราก็จะปรากฏต่อไป แต่ครั้งนี้ขัดอยู่ด้วยภรรยาของพี่ตายเสียแล้วญาติก็ไม่มีจะทิ้งบ้านเรือนไปได้หรือ เตียสุนได้ฟังก็ตกใจจึงพูดขึ้นว่า ท่านแกล้งพูดจาบิดพลิ้วเสียแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่กลับไปเหมือนกัน อันเตาฉวนพูดว่าแล้วจึงค่อยปรึกษากันใหม่ เตียสุนอ้อนวอนต่างๆ จะให้อันเตาฉวนไปเขาเนียซัวเปาะให้ได้ อันเตาฉวนนั้นตั้งแต่ภรรยาตายไปรักใคร่กับหญิงคนเล่นชื่อนางลีคาโหนวอยู่ในเมืองเกี้ยนคังจึงพูดบิดพลิ้วเสีย ครั้นได้ฟังเตียสุนอ้อนวอนว่าต่างๆ จึงพาเตียสุนไปที่โรง นางลีคาโหนวเห็นอันเตาฉวนคนที่รักใคร่พาพวกพ้องมาก็ออกต้อนรับจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยง ถามอันเตาฉวนว่าที่มาด้วยคือผู้ใด อันเตาฉวนบอกว่าเป็นพวกพ้องชอบพอกันมานาน นางลีคาโหนวก็ยินดีคำนับเตียสุนว่าเป็นอา แล้วเชิญให้เสพสุราด้วยกันทั้งสามคน อันเตาฉวนบอกกับนางลีคาโหนวว่า ตั้งแต่เวลาค่ำวันนี้ไปเห็นจะไม่ได้มาหาเจ้า รุ่งขึ้นเช้าจะไปเมืองซัวตังเยี่ยมพี่น้องสักเดือนเศษก็จะกลับมา นางลีคาโหนวว่าข้าพเจ้าไม่ยอมให้ไป ถ้าไม่เชื่อฟังตั้งแต่วันนี้ก็อย่าได้มาอีกเลย จึงทำกระบวนนอนลงบนตักอันเตาฉวนแล้วพูดว่า แม้นไม่คิดถึงกันจะไปให้ได้ก็ไปเถิด แต่ข้าพเจ้าจะร้องไห้ให้น้ำตาไหลเป็นโลหิตออกมา
เตียสุนได้ฟังก็โกรธแต่สู้อดกลั้นไว้ไม่พูดจาสิ่งใด นางลีคาโหนวแกล้งเอาสุราให้อันเตาฉวนกินเมาไม่รู้สึกตัวจนนอนอยู่ที่โต๊ะ นางลีคาโหนวก็พยุงอันเตาฉวนเข้าไปนอนในห้อง แล้วออกมาบอกกับเตียสุนว่าอาจงกลับไปบ้านเถิด เตียสุนว่า เราจะคอยอันเตาฉวนผู้พี่สร่างเมาแล้วจึงจะไปด้วยกัน นางลีคาโหนวว่ากล่าวเท่าไรเตียสุนก็ไม่ไป จึงให้เตียสุนไปนอนที่ห้องเล็กริมประตูโรง เตียสุนมีความสงสัยตรงไปที่ห้องคอยแอบมองดูตามช่องฝาว่านางลีคาโหนวจะทำประการใด
ฝ่ายเตียวอ๋อง เซียวก๋งเจ้าของเรือที่จับเตียสุนโยนลงแม่น้ำและฆ่าซึงเหงาเจ้าของเรือลำเล็กตาย ได้เงินทองเป็นอันมากก็แจวเรือข้ามฟากไปฝากไว้ เอาเงินทองเล็กน้อยติดตัวไปเที่ยวที่เมืองเกี้ยนคัง ครั้นถึงโรงนางลีคาโหนวคนชั่วดึกประมาณสองยามเศษ เตียวอ๋องเรียกให้เปิดประตูด้วยเคยมาเที่ยวอยู่มิได้ขาด ยายเฒ่ามารดานางลีคาโหนวก็ออกมาเปิดประตูเห็นเตียวอ๋อง จึงถามว่าช้านานนักหนาไม่เห็นมาเที่ยวเล่น เวลาค่ำวันนี้จำเพาะอันเตาฉวนมานอนอยู่กับนางลีคาโหนวในห้องจะทำอย่างไรได้ เตียวอ๋องหยิบเอาทองคำหนักสิบตำลึงส่งให้ยายเฒ่าแล้วพูดว่า ทองคำหนักสิบตำลึงนี้ ข้าพเจ้าให้นางลีคาโหนวทำอย่างไรจะได้พูดจากันสักหน่อย ยายเฒ่าเห็นทองคำก็มีความยินดีรับไว้ ว่าถ้ากระนั้นเจ้าจงอยู่ในห้องเราก่อนจะเรียกนางลีคาโหนวบุตรสาวมาพูดจากัน แล้วยายเฒ่าก็ผละไป
ฝ่ายเตียสุนแอบมองตามช่องฝาได้ยินพูดจาก็จำได้ว่าโจรผู้นี้ที่หากินอยู่ในแม่น้ำชื่อเตียวอ๋อง แย่งชิงเอาเงินทองของเรามาใช้สอยเสียที่นี่ ครั้นจะออกไปจับกลัวจะเกิดความอื้ออึงขึ้นจึงอดใจคอยดูอีก ยายเฒ่าจัดโต๊ะและสุราพร้อมแล้ว เรียกนางลีคาโหนวออกมากินโต๊ะ เสพสุราพูดจาอยู่กับเตียวอ๋องที่ในห้อง เตียสุนเห็นก็โกรธคิดจะตรงเข้าจับก็กลัวจะเกิดความจึงนิ่งอยู่
ขณะนั้นดึกประมาณสามยามเห็นยายเฒ่ามารดานางลีคาโหนวกินโต๊ะเสพสุราอยู่กับหญิงสาวใช้สองคนที่หน้าห้อง มึนเมาทั้งสามคนนอนกลิ้งอยู่ริมโต๊ะ แต่เตียวอ๋องกับนางลีคาโหนวนั่งกินโต๊ะเสพสุราพูดกันอยู่ในห้อง เตียสุนโกรธนักเปิดประตูออกมาฉวยได้มีดปังตอเล่มหนึ่งตรงถึงตัวยายเฒ่าเอามีดฟันถูกศีรษะแตกตาย มีดนั้นไม่คมเสียงดังตึง หญิงสาวใช้สองคนลืมตาดูเห็นก็ร้องด้วยเสียงอันดัง เตียสุนฉวยได้ไม้ท่อนตีถูกหญิงสาวสองคนร้องได้คำเดียวก็ขาดใจตายอยู่ที่หน้าห้อง นางลีคาโหนวได้ยินเสียงอื้ออึงก็เปิดประตูออกมา เตียสุนเอาไม้ท่อนตีถูกศีรษะนางลีคาโหนวแตกตาย เตียวอ๋องอยู่ในห้องแสงไฟส่องออกมาสว่าง เห็นมีผู้คนมาตีนางลีคาโหนวล้มลง ก็ตกใจเปิดหน้าต่างโดดข้ามกำแพงหนีไป เตียสุนเห็นเตียวอ๋องหนีไปได้มีความวิตก จึงคิดว่าไหนๆ ก็ฆ่าตายทั้งสี่คนแล้ว จะคิดอุบายให้อันเตาฉวนไปเขาเนียซัวเปาะให้จงได้ คิดแล้วเอานิ้วมือจิ้มโลหิตคนตายเขียนหนังสือไว้ที่ฝาผนังเป็นหลายแห่งว่า ที่ฆ่าคนตายนั้นคืออันเตาฉวน พอเวลาจวนสว่างอันเตาฉวนสร่างเมาตื่นขึ้นไม่เห็นนางลีคาโหนวก็ร้องถามว่าคนรักของเราไปข้างไหน เตียสุนจึงร้องบอกว่า อย่าอื้ออึงไปมาดูคนรักของพี่เถิด อันเตาฉวนออกมาดูเห็นนางลีคาโหนวกับมารดาและสาวใช้สองคนศีรษะแตกตายก็ตกใจจนตัวสั่น เตียสุนชี้บอกว่า หนังสือที่ฝานั้นพี่เขียนหรือ อันเตาฉวนเห็นหนังสือกับคนตายก็โกรธเตียสุนยิ่งนักแต่ไม่รู้ที่จะทำอย่างไร จึงพูดว่าทำไมจึงมาทำดังนี้จะคิดอ่านประการใดดี
เตียสุนจึงพูดว่า มีทางอยู่สองอย่างตามแต่จะเดิน แม้นร้องอื้ออึงขึ้นน้องก็เอาตัวพี่ไปส่ง ถ้าจะไม่ให้มีโทษก็ไปเอายาที่บ้านด้วยกัน แล้วรีบหนีไปเขาเนียซัวเปาะในเวลานี้
อันเตาฉวนได้ฟังก็จนใจไม่รู้ที่จะทำอย่างไรดี จึงว่าเตียสุนทำเช่นนี้อายุจะสั้น รีบไปเถิดจะสว่างเสียแล้ว เตียสุนกับอันเตาฉวนก็ออกจากโรงตรงไปถึงบ้านไขกุญแจ ฉวยได้หีบยาขึ้นบ่าทิ้งบ้านเรือนเสีย ชวนกันรีบเดินทางออกจากเมืองเกี้ยนคังไป ถึงโรงเฮงเตงลักที่ขายสุรา เฮงเตงลักเห็นเตียสุนพาอันเตาฉวนมาก็ออกต้อนรับ บอกเตียสุนว่าเวลาวานนี้เตียวอ๋องเจ้าของเรือที่คิดร้ายพี่ผ่านไปทางนี้ น่าเสียดายนักไม่พบกัน เตียสุนว่าพบแล้วแต่ไม่ทันลงมือก็หนีไปได้ เฮงเตงลักก็เชิญอันเตาฉวนกับเตียสุนเข้าไปข้างในหยุดพักตามสบาย
ฝ่ายเตียวอ๋องโดดหน้าต่างข้ามกำแพงหนีออกนอกเมืองจะไปดูเรือเดินไปทางหน้าโรงเฮงเตงลัก เฮงเตงลักเห็นเตียวอ๋องก็เข้าไปบอกเตียสุนว่าเตียวอ๋องเดินมาทางนี้แล้ว เตียสุนว่าอย่าอื้ออึงให้รู้ตัวจงตามไปดูว่าจะทางไหน เฮงเตงลักก็เดินออกมาดูเห็นเตียวอ๋องลงเรือจะถอยออก
เฮงเตงลักก็เรียกว่า พี่แซ่เตียวอย่าเพิ่งไป ช่วยข้ามส่งพี่น้องเราสองคนด้วย เตียวอ๋องไม่รู้แยบคายก็ร้องบอกว่า จงพากันมาเร็วๆ เถิด เฮงเตงลักจะเดินมาบอกก็กลัวเตียวอ๋องจะหนีไปเสีย จึงร้องบอกเป็นอุบายว่าพี่เตียสุนจงขอยืมเสื้อกางเกงอันเตาฉวนมาให้น้องสวมใส่ อันเตาฉวนได้ฟังจึงถามเตียสุนว่า เฮงเตงลักพูดดังนั้นด้วยเหตุประการใด เตียสุนว่าพี่อย่าถามน้องเลยจะจัดการเอง อันเตาฉวนก็ถอดเสื้อกางเกงออกให้เตียสุนสวมใส่ แล้วเอาผ้าโพกศีรษะไว้ปรารถนาจะไม่ให้เตียวอ๋องจำได้ ก็ให้อันเตาฉวนแบกหีบยาเดินตามเตียสุนไปจะลงเรือ เตียวอ๋องจำเตียสุนไม่ได้ถอยเรือเข้าไปรับ สามคนก็ชวนกันลงเรือแจวข้ามไปถึงกลางน้ำ เตียสุนเข้าไปในประทุน เห็นคราบโลหิตติดเปื้อนอยู่ในเรือก็นึกว่าเตียวอ๋องนี้ฆ่าฟันคนเสียนักหนา จึงถอดเสื้อกางเกงและผ้าโพกศีรษะออก ก็ชักมีดปังตอร้องเรียกเซียวก๋งเจ้าของเรือว่า คราบโลหิตอะไรจงมาดูเร็ว ๆ เถิด
เตียวอ๋องได้ฟังสำคัญว่าคนโดยสารถาม ไม่แจ้งว่าเตียสุนปลอมมาจึงตอบว่าการนี้น่าหัวเราะ พูดพลางก็เดินเข้าไปในประทุน เตียสุนจับเตียวอ๋องกดลงไว้ร้องตวาดว่าโจรร้ายจำเราได้หรือไม่ เตียวอ๋องเห็นเตียสุนก็ตกใจไม่อาจโต้ตอบต้องนิ่งอยู่ เตียสุนพูดว่าเจ้านี้บังอาจนัก ทองคำของเราหนักถึงร้อยตำลึงกับเงินบ้างเล็กน้อย เก็บริบเอาทั้งสิ้นแล้วซ้ำจะเอาชีวิตเราเสียด้วย ชายหนุ่มเจ้าของเรือเล็กเพื่อนอีกคนหนึ่งนั้นไปเสียข้างไหนเล่า เตียวอ๋องว่า ข้าพเจ้าจะแจ้งความแต่ตามจริง ครั้นได้ทองคำกับเงินของท่านไว้ก็กลัวชายหนุ่มจะแบ่งปันจึงได้ฆ่าตายทิ้งนํ้าลอยไป เตียสุนว่าเจ้าชาติโจรไม่ดีจึงไม่รู้จักเรา เดิมเราก็อยู่ที่ริมแม่นํ้าซิมเอียงกังตำบลเขาเซียวโกวซัวลงเรือเล็กปลอมเป็นคนขายปลาเที่ยวหากินมาช้านาน ควรหรือเจ้ามาล่อลวงให้ลงเรือแล้วมัดโยนลงในแม่นํ้า ถ้าเราไม่ชำนาญทางน้ำจะมิตายเสียแล้วหรือ เดชะบุญวันนี้ให้เราแก้แค้นทดแทนได้
พูดแล้วก็เอาเชือกมัดเตียวอ๋องไว้แน่นหนาโยนลงในแม่น้ำจมหายไป เข้าค้นในเรือได้ทองคำกับเงินเดิมอยู่ในห่อผ้า แต่ทองคำนั้นขาดบ้างเล็กน้อย เตียสุนเก็บรวมไว้แล้วก็แจวเรือเข้าไปริมฝั่งพูดกับเฮงเตงลักว่า บุญคุณนักหนาเปรียบเหมือนร่วมบิดามารดาเดียวกัน ถ้าน้องเห็นดีแล้วจงเก็บรวบรวมสิ่งของที่โรงสุราไปสามิภักดิ์อยู่กับซ้องกั๋งพวกเดียวกันเถิด ก็จะเป็นที่สรรเสริญแก่คนทั้งหลาย เฮงเตงลักได้ฟังก็เห็นชอบ จึงว่าที่พูดจาถูกต้องเหมือนใจน้องคิดไว้ พอเรือถึงตลิ่ง เตียสุนกับอันเตาฉวนก็ถอดเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนกันตามเดิม แล้วแบกหีบยาขึ้นฝั่ง เฮงเตงลักก็แจวเรือกลับมาบ้านแจ้งความกับบิดาแล้ว เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของพาบิดาลงเรือข้ามฟากขึ้นฝั่งตามเตียสุนไป
ฝ่ายโงวหยงซินแสยกกองทัพกลับมาถึงเขาเนียซัวเปาะ บรรดาพี่น้องช่วยกันรักษาพยาบาลซ้องกั๋งอยู่ทุกเวลา พิษฝีกำเริบมากขึ้น อาหารก็รับประทานไม่ได้ ซ้องกั๋งเจ็บปวดเหลือกำลังร้องครางอยู่มิได้ขาด โงวหยงซินแสมีความวิตกนัก จึงใช้ให้ไตจงรีบไปตามเตียสุนกับหมอยามาโดยเร็ว ไตจงก็คำนับลาออกจากเขาเนียซัวเปาะเอากะเบ๊ของวิเศษใส่รีบตรงไปทางเมืองเกี้ยนคัง
ฝ่ายเตียสุนกับอันเตาฉวนแบกหีบยาเดินไปประมาณทางได้สามสิบลี้ อันเตาฉวนนั้นเป็นคนเล่าเรียนไม่เคยเดินไกล ครั้นเดินทางพักหนึ่งก็เหนื่อยไปไม่ได้ เข้าหยุดพักที่โรงเตี๊ยมซื้อสุรากับสิ่งของรับประทาน
ฝ่ายไตจงรีบเดินทางมาเห็นเตียสุนกับอันเตาฉวนนั่งเสพสุราอยู่ในโรง ไตจงก็ร้องว่า พี่น้องเราทำไมจึงได้เชือนช้าอยู่ดังนี้เล่า เตียสุนได้ฟังเหลียวเห็นไตจงก็เรียกเข้ามาในโรง บอกให้อันเตาฉวนพูดจารู้จักกับไตจง แล้วอันเตาฉวนถามถึงซ้องกั๋งว่าเจ็บป่วยเป็นประการใดบ้าง ไตจงว่าบัดนี้ซ้องกั๋งป่วยมากจนไม่รู้สึกตัวให้มึนซึมไป กลัวจะไม่ตลอดค่ำวันนี้ อันเตาฉวนว่า ถ้าไม่เห็นเนื้อหนังและโรคเป็นประการใดก็พอจะรักษาได้วิตกแต่จะไปไม่ทัน ไตจงว่าการข้อนี้ตกพนักงานข้าพเจ้า
พูดแล้วก็เชิญอันเตาฉวนออกจากโรงถอดกะเบ๊ของวิเศษให้อันเตาฉวนใส่ แล้วไตจงก็แบกหีบยาอ่านคาถารีบไปกับอันเตาฉวนก่อน เตียสุนนั้นพักอยู่ที่โรงขายสุราได้สามวัน พอเฮงเตงลักตามมาถึงเตียสุนเห็นก็ออกต้อนรับเข้าไปในโรงแล้วบอกว่า พี่คอยอยู่ที่นี่เป็นหลายเวลา เฮงเตงลักว่าเหตุใดพี่จึงได้ทำเนิ่นช้า อันเตาฉวนไปข้างไหนเล่า เตียสุนว่าไตจงที่มีของวิเศษเดินเร็วตามมาพบอันเตาฉวนรีบกลับไปเขาเนียซัวเปาะก่อนแล้ว เฮงเตงลักได้ฟังก็มีความยินดีจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน เสร็จแล้วเฮงเตงลักกับบิดาและเตียสุนก็ชวนกันออกจากโรงไป
ฝ่ายไตจงกับอันเตาฉวนรีบไปด้วยของวิเศษทั้งกลางวันและกลางคืนถึงเขาเนียซัวเปาะ บรรดาพวกพ้องก็มาเชิญอันเตาฉวนหมอเข้าไปดูซ้องกั๋ง อันเตาฉวนพิเคราะห์ดูทั่วแล้วจึงพูดขึ้นว่า ท่านทั้งหลายอย่าวิตกเลย ไข้นั้นหนักจริงแต่ไม่เป็นไรจะรักษาให้หายในสิบวัน บรรดาพี่น้องได้ฟังก็มีความยินดีคำนับอันเตาฉวนทุกคน อันเตาฉวนก็ทำยาพอกที่ฝีถอนพิษ ให้กินยาไปได้ห้าวันก็เห็นคุณ ครั้นสิบวันซ้องกั๋งรับประทานอาหารได้ปกติแล้ว แต่แผลฝีนั้นยังไม่หาย พอเตียสุนกับเฮงเตงลักและบิดามาถึงเขาเนียซัวเปาะก็เข้าไปคำนับซ้องกั๋งกับพี่น้องทั้งปวง แล้วแจ้งความซึ่งไปถูกโจรแย่งชิงในแม่น้ำให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งว่าเดชะบุญนักหนาหาเสียการไม่ แล้วปราศรัยกับเฮงเตงลักกับบิดาตามธรรมเนียมแล้ว ปรึกษากับพี่น้องว่าอยากจะยกกองทัพไปตีเมืองปักเกีย ช่วยโลวจุนหงีกับเจียสิวออกมาให้ได้ถึงตัวจะตายก็ไม่ห่วงใย
อันเตาฉวนจึงห้ามว่า แผลฝีของท่านยังไม่หายสนิทจงงดรอไว้ก่อน ถ้าหายแล้วจึงค่อยยกกองทัพไปเถิด โงวหยงว่าพี่อย่าวิตกเลย จงรักษาตัวเสียให้หายดี ข้าพเจ้าจะคิดการเอง บัดนี้ให้คนไปสืบข่าวแจ้งความว่าชัวไทซือรู้ว่ากวนเส็งแม่ทัพกับทหารทั้งปวงยอมสามิภักดิ์แก่ท่านแล้ว ก็ไม่อาจนำข้อความขึ้นกราบทูล แต่มีหนังสือมาถึงเนียตงซีว่าอย่าทำอันตรายแก่โลวจุนหงีกับเจียสิว ให้เกลี้ยกล่อมคนทั้งสองจะได้ป้องกันอันตราย เนียตงซีสั่งผู้คุมเลี้ยงดูมิให้คับแค้นลำบากเลย