- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๘๙
ขณะนั้นจวนจะสว่างแจ้งว่ากิวเทียนเฮียนหนึงเหนียเนี้ยชี้แจงอุบายให้จำได้ทุกสิ่งในความฝันก็ยินดียิ่งนัก รีบลงจากเตียงคุกเข่าคำนับแล้วก็แจ้งความให้โงวหยงซินแสฟัง และที่ปรึกษาการทั้งปวงเตรียมเกวียนยี่สิบสี่เล่มบรรจุเชื้อเพลิงและคบไว้ พร้อมแล้วจัดให้ตังเผ็งนายทหารเอกกับทหารรองเจ็ดนายคือ จูตง ซือจิน อาวเผ็ง เอียนสุน เบ๊หลิน มกชุนคุมทหารแต่งตัวสีเหลืองยกเข้าตีประตูค่ายเจ็ดแห่งข้างทิศเหนือ ให้ลิมชองคุมทหารรองเจ็ดนายคือ ซือเหล็ง มกหอง อึงซิน ซึงลิบ ตันตัด เอียชุน เอียหลิมกับทหารแต่งตัวสีขาวยกเข้าตีประตูค่ายข้างทิศตะวันออก ให้ฉินเหม็งคุมเล่าตง ลุยเหง ตังเทงกุ้ย งุยเตงก๊ก จิวทอง เก็งอ๋อง เต็งติดซุนทหารรองเจ็ดนายกับทหารใส่เสื้อกางเกงสีแดง ยกเข้าตีประตูขบวนค่ายเจ็ดแห่งทิศตะวันตก ให้อูเอียนเจียกคุมทหารรองเจ็ดนายคือ เอียจี้ ซกเถียว ฮั่นทอ เผ็งกี ขงเม่ง โจวเอี๋ยน โจวยุนกับทหารแต่งตัวสีดำยกเข้าตีประตูขบวนค่ายเจ็ดแห่งทิศใต้ จัดให้กวนเส็งกับฮวยหยง เตียเช็ง ลิเอง ชาจิน ซวนจั่น เชียซือบุ๋นเจ็ดนาย คุมทหารแต่งตัวสีเขียวยกเข้าตีกลางขบวนค่ายฮวน ให้ลูตีซิม บู๊สง เอียหยง เจียสิว เจียวเทง ชัวฮกนายทหารทั้งเจ็ดกับทหารแต่งตัวสีต่างๆ สลับกัน ยกเข้าตีค่ายไท้เอียงฝ่ายซ้าย จัดให้นางโฮ้วซาเหนีย นางโกวตัวซอ นางซึงยีเหนีย เฮงเอยโฮ้ว ซึงซิน เตียแช ซัวเค่งทหารทั้งเจ็ดกับทหารแต่งตัวสลับสีต่างๆ ยกเข้าตีค่ายไท้อิมฝ่ายขวา ให้โลวจุนหงี เอียนเช็ง ลือฮวง กวยเส็ง เกยเตียน เกยโป นายทหารทั้งหกคุมทหารยกไปทำลายค่ายเจ้าเมืองไต้เหลียว จัดให้ลีขุย ฮวนสุย เปาหยก หังชองสี่นายคุมเกวียนเชื้อเพลิงและคบไฟยกไปคอยอยู่ แล้วให้นายทหารที่ชำนาญทางนํ้ายกเข้าช่วยประดังตีทั้งสี่ด้าน ครั้นจัดการพร้อมแล้ว คอยเวลาอยู่ถ้าได้ฤกษ์ดีก็จะยกเข้าตีในตอนกลางคืน
ฝ่ายงิดงวนก๊วงแม่ทัพฮวนไม่เห็นซ้องกั๋งยกกองทัพมาตี จึงใช้ให้ทหารมาดูที่หน้าค่าย ไม่เห็นซ้องกั๋งจัดการสิ่งใดก็กลับไปแจ้งความแกงิดงวนก๊วง ๆ ก็นิ่งอยู่
ฝ่ายซ้องกั๋งครั้นถึงวันฤกษ์ดีเวลากลางคืนจะยกเข้าตีขบวนค่าย จึงสั่งทหารทั้งปวงว่า เวลาค่ำวันนี้จงฟังปี่สัญญาณเป็นสำคัญยกเข้าตีประดังทั้งสี่ด้าน ครั้นเวลาดึกสองยามซ้องกั๋งยกกองทัพออกจากค่ายตรงไปถึงสนามรบก็แยกทัพเป็นสี่กองไปประจำอยู่ตามทิศพร้อมกัน ซ้องกั๋งจึงให้เป่าปี่สัญญาณขึ้น นายทหารทั้งสี่กองก็ยกเข้าประดังทั้งสี่ด้าน กงซุนสินก็อ่านมนต์คาถาบันดาลเป็นลมพายุใหญ่พัดกล้ามืดมัวทั้งอากาศ หอบเอาศิลาและกรวดทรายปลิวมาดังห่าฝน ลีขุยกับทหารและไพร่พลก็คุมเกวียนเชื้อเพลิงคบไฟหักเข้าค่ายเอาเชื้อเพลิงและคบจุดไฟติดขึ้น นายทหารทั้งปวงก็ยกเข้าประดังตีพร้อมกันทั้งสี่ด้าน ไฟติดค่ายสว่างเสียงฟ้าและทหารอื้ออึง กองทัพพวกฮวนตกใจแตกตื่นกันเป็นอลหม่าน
ฝ่ายงิดงวนก๊วงแม่ทัพนอนหลับอยู่ในค่ายได้ยินเสียงฟ้าลั่นหวั่นไหวทั้งสี่ทิศก็ตกใจถืออาวุธขึ้นม้า เห็นไฟติดเข้ามาถึงหน้าค่าย กวนเส็งก็รุกไล่เข้ามา งิดงวนก๊วงขับม้าตรงเข้าเอาทวนแทง กวนเส็งเอาทวนรับรบกันเป็นสามารถ เตียเช็งตรงเข้าเอาก้อนศิลาขว้างทหารของงิดงวนก๊วงแตกกระจาย ลิเอง ชาจินกับพวกทหารไล่ฟันขนาบเข้าไป งิดงวนก๊วงเห็นทหารของตัวล้มตายไม่มีผู้ใดช่วยจึงชักม้าหนีไปข้างทิศเหนือ กวนเส็งก็ขับม้าไล่ตาม ฮวยหยงตรงมาเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกหลังงิดงวนก๊วง กวนเส็งไล่มาทันเอาง้าวฟันถูกบ่างิดงวนก๊วงพลัดตกจากม้า ฮวยหยงตรงเข้ามาแย่งเอาม้าดีของงิดงวนก๊วงได้ เตียเช็งเอาทวนแทงถูกชายโครง งิดงวนก๊วงแม่ทัพฮวนมีกำลังและฝีมือเข้มแข็งก็จริงแต่ถูกอาวุธหลายแห่งเจ็บปวดเหลือทนก็ขาดใจตาย
ฝ่ายลูตีซิมกับบู๊สงคุมทหารเข้าหักค่ายไท้เอียงติ้นฝ่ายซ้าย เอ๋ลุดติดตงอยู่ในค่ายไม่ทันรู้ตัวได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจออกจากค่าย เห็นว่าเสียทีก็คิดจะหนี พอบู๊สงรุกเข้ามาทันเอาง้าวฟันถูกคอเอ๋ลุดติดตงขาดใจตาย ลูตีซิมกับทหารก็บุกกระชั้นเข้าค่าย บุตรชายของเอ๋ลุดติดตงเห็นบิดาตายก็พากันหนี ลูตีซิมกับทหารก็เข้าฆ่าฟันทหารและพวกฮวนตายลงทั้งสิ้นแล้วก็รุกไล่เลยไป
ฝ่ายนางเทียนสิ้วกงจู๊อยู่ในค่ายไท้อิมข้างขวา ได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจถืออาวุธขึ้นหลังม้า พอนางโฮ้วซาเหนียกับทหารรุกไล่เข้ามารบกับนางเทียนสิ้วกงจู๊ได้หลายเพลง เฮงเอยโฮ้วตรงมาจับนางเทียนสิ้วกงจู๊ได้ นางโกวตัวซอกับนางซึงยีเหนียก็เข้าทำลายค่าย ไล่ฟันทหารหญิงพวกฮวนแตกกระจาย พอซึงซิน เตียเช็งหนุนกระชั้นเข้ามารุกไล่ฆ่าฟันขนาบไป
ฝ่ายโลวจุนหงีกับทหารตรงเข้าหักค่ายใหญ่ เกยเตียน เกยโปเข้าทำลายธงฤกษ์บนเสียแล้วไล่ฆ่าฟันอยู่สับสน ก๊กอ๋องเจ้าเมืองไต้เหลียวตกใจมีความกลัวยิ่งนัก ขุนนางนายทหารฮวนก็ช่วยกันป้องกันพาก๊กอ๋องเจ้าเมืองไต้เหลียวหนีไปทางทิศเหนือ ทหารซ้องกั๋งตีประดังเข้ามาทั้งสี่ด้าน ฆ่าฟันทหารพวกฮวนอยู่จนจวนสว่าง ทหารฮวนยี่สิบหมื่นตายลงทั้งสิ้น ซ้องกั๋งได้ชัยชนะพวกฮวนก็ตีม้าล่อสัญญาณยกกองทัพมาค่าย นางโฮ้วซาเหนียจับได้นางเทียนสิ้วกงจู๊บุตรสาวของลังจู๊ก๊กอ๋อง เจ้าเมืองไต้เหลียว โลวจุนหงีจับได้เอ๋ลุดติดหัวนายทหารฮวนผู้หนึ่ง จูตงจับได้เคียดลิชุดเช็งทหารฮวนผู้หนึ่ง อาวเผ็ง เต็งฮุย เบ๊หลินสามนายจับได้เซียวไต้กวนทหารฮวนผู้หนึ่ง เอียหลิม ตันตัดจับได้ฮุยติดทหารฮวนผู้หนึ่ง ตังเทงกุ้ย งุยเตงก๊กจับได้เกาบิวทหารฮวนผู้หนึ่ง ฮั่นทอ เผ็งกีจับได้ลุ่ยซุนเต๊กเสียทหารฮวนผู้หนึ่ง ตามบรรดาพวกทหารเหล่านั้นตัดศีรษะพวกทหารฮวนได้มาทุกคน ซ้องกั๋งก็ให้จดบัญชีความชอบไว้ทั้งสิ้นกับเอาตัวทหารที่จับมาทั้งแปดนายมอบให้เตียวคูมิดขุนนางจำขังไว้มั่นคง แล้วซ้องกั๋งก็พักทหารและไพร่พลอยู่ ณ ค่าย คอยฟังข่าวเจ้าเมืองไต้เหลียวที่หนีไป
ฝ่ายก๊กอ๋องเจ้าเมืองไต้เหลียว นายทหารป้องกันพาหนีไปเข้าเมืองฮิวจิวได้ตั้งมั่นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้เข้มแข็ง ลังจู๊ก๊กอ๋องมีความวิตกยิ่งนัก ไม่รู้ที่จะคิดประการใดต้องรักษาเมืองนิ่งอยู่ ซ้องกั๋งแจ้งว่าเจ้าเมืองไต้เหลียวหนีเข้าเมืองฮิวจิวปิดประตูตั้งมั่นเกณฑ์ทหารและไพร่พลรักษาไว้กวดขันก็ยกกองทัพตรงมายังเชิงกำแพง ตั้งค่ายเรียงรายล้อมเมืองฮิวจิวไว้แน่นหนา แล้วซ้องกั๋งให้เตรียมบันไดหกและเครื่องสำหรับที่จะปีนกำแพงทุกวัน
ฝ่ายลังจู๊ก๊กอ๋องเจ้าเมืองไต้เหลียว เห็นซ้องกั๋งยกกองทัพมาล้อมเมืองไว้มั่นคงก็ตกใจ จึงประชุมขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมปรึกษากันว่าตั้งแต่ทำศึกสงครามมาก็มีแต่ปราชัยพ่ายแพ้เสียทหารและไพร่พลเป็นอันมาก บัดนี้ซ้องกั๋งยกกองทัพมาล้อมเมืองไว้เราจะคิดผ่อนปรนประการใด ขุนนางทั้งปวงเห็นพร้อมกันแจ้งความว่า การครั้งนี้เป็นการจวนตัวที่จะคิดแก้ไขอย่างอื่น ถ้าแม้นยอมสามิภักดิ์เสียโดยดีจึงจะดับร้อนได้ ลังจู๊ก๊กอ๋องได้ฟังขุนนางชี้แจงก็เห็นควรจึงสั่งให้เขียนธงยอมสามิภักดิ์ชักขึ้นบนกำแพงทัพ จัดให้ขุนนางผู้ใหญ่ที่รู้อัชฌาสัยออกจากเมืองมาพูดจาโดยดี ซ้องกั๋งจึงพาขุนนางฮวนมาแจ้งกับเตียวคูมิด ตามซึ่งลังจู๊ก๊กอ๋องเจ้าเมืองไต้เหลียวใช้ให้มาทุกประการ เตียวคูมิดว่าซึ่งยอมสามิภักดิ์นี้เป็นการใหญ่สำคัญมากจะว่ากล่าวตามกำลังเราท่านนั้นไม่ได้ ให้ลังจู๊ก๊กอ๋องเจ้าของท่านแต่งให้ขุนนางถือหนังสือยอมสามิภักดิ์เข้าไปเฝ้าเจ้าแผ่นดินซ้องให้ทรงทราบ ถ้าโปรดยกโทษทั้งปวงเสียแล้วพวกเราจึงจะยกกองทัพกลับไป ขุนนางฮวนได้ฟังก็ลากลับเข้าเมืองฮิวจิวแจ้งกับลังจู๊ก๊กอ๋องตามคำเตียวคูมิดว่ามาทุกประการ ลังจู๊ก๊กอ๋องได้ฟังจึงประชุมขุนนางทั้งปวงพร้อมกันปรึกษาความที่เตียวคูมิดพูดมานั้นจะคิดการประการใด
ทุเกียนขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายโหรแจ้งความว่า ครั้งนี้ก็เป็นการร้อน เตียวคูมิดกับซ้องกั๋งยังไม่ยอม ที่ค่ายนั้นเตรียมการจะยกเข้าพังกำแพง อย่ากระนั้นเลย ท่านจงจัดทรัพย์สิ่งของเงินทองทั้งปวง ข้าพเจ้าจะนำออกไปให้ซ้องกั๋งอ้อนวอนขออย่าให้ยกกองทัพเข้าทำลายเมืองก่อน แล้วจึงแต่งหนังสือกับเครื่องบรรณาการเข้าไปเมืองหลวง เอาทรัพย์สิ่งของเงินทองไปให้ซัวเกีย ท่องกวน กอกิว เอียเจียน สี่นายซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อ้อนวอนให้ช่วยกราบทูลยกโทษเสียขอเป็นไมตรี ถ้าคิดการดังนี้จึงจะดับร้อนได้ ลังจู๊ก๊กอ๋องก็เห็นชอบ จึงมอบเงินทองทรัพย์สิ่งของให้ทุเกียนคุมออกจากเมืองตรงมายังค่าย ซ้องกั๋งแจ้งความก็ต้อนรับเข้าไปข้างใน จัดให้นั่งคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ทุเกียนจึงแจ้งว่า ลังจู๊ก๊กอ๋องใช้ให้ข้าพเจ้านำเงินทองสิ่งของทั้งปวงมาคำนับท่านว่า การครั้งนี้ก็ยอมสามิภักดิ์แล้ว แต่จะต้องมีหนังสือเข้าไปเมืองตังเกีย กราบทูลเจ้าแผ่นดินซ้องให้ทรงทราบ ตามคำเตียวคูมิดก่อน ท่านจงงดรอไว้อย่าเพิ่งยกเข้าทำลายเมืองราษฎรจะได้รับความเดือดร้อนต่อไป ท่านจงได้เมตตาเถิด ซ้องกั๋งจึงตอบว่าลังจู๊ก๊กอ๋องยอมสามิภักดิ์แล้วซึ่งจะแต่งให้ขุนนางถือหนังสือเข้าไปอ่อนน้อมนั้น เราจะรอคอยฟังรับสั่งตามแต่จะโปรด เหตุใดจึงจัดเอาเงินทองสิ่งของมาให้ดังนี้มิดูถูกเราหรือ จงเร่งเอากลับไปเสียโดยเร็ว ทุเกียนได้ฟังก็อับอายรีบขนเงินทองกลับเข้าเมืองแจ้งความให้ลังจู๊ก๊กอ๋องฟังทุกประการ
ลังจู๊ก๊กอ๋องจึงประชุมนางทั้งปวงมาพร้อมกัน ปรึกษาการแต่งหนังสือกับจัดเงินทองสิ่งของบรรทุกเกวียนพร้อม แล้วจัดให้ทุเกียนขุนนางผู้ใหญ่กับขุนนางรองสิบห้านายคุมหนังสือกับสิ่งของเงินทองเข้าไปเมืองตังเกีย ทุเกียนกับขุนนางสิบห้านายคำนับลาไต้เหลียวอ๋องออกจากเมืองฮิวจิวตรงมาค่ายซ้องกั๋งก่อน ซ้องกั๋งก็จัดให้เซียวเหยียงกับชาจิน ถือหนังสือบอกข้อราชการเข้าไปกับทุเกียนด้วยกัน
ทุเกียนขุนนางฮวนกับเซียวเหยียง ชาจินก็ออกจากค่ายเดินทางไปหลายวันถึงเมืองตังเกีย ทุเกียนก็เอาเงินทองสิ่งของไปให้ซัวเกีย ท่องกวน กอกิว เอียเจียนขุนนางสี่นาย อ้อนวอนให้ช่วยในการเรื่องนี้ด้วย ซัวเกียก็ให้ทุเกียนขุนนางฮวนพักอยู่ ณ กงก๊วนก่อน แล้วชาจิน เซียวเหยียง ก็นำหนังสือบอกข้อราชการกับหนังสือยอมสามิภักดิ์ที่ทุเกียนขุนนางฮวนถือมานั้นไปมอบให้เจ้าพนักงานแล้วกลับมาพักอยู่ ณ กงก๊วน
ฝ่ายซัวเกีย ท่องกวน กอกิว เอียเจียนสี่นายนี้เป็นขุนนางสอพลอประจบประแจงจะเอาแต่เงินทองทรัพย์สิ่งของฝ่ายเดียว ครั้นได้เงินทองของลังจู๊ก๊กอ๋องไว้มากแล้วก็รับธุระจะช่วย ครั้นพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้เสด็จออก ซัวเกีย ท่องกวน กอกิว เอียเจียนกับขุนนางทั้งปวงก็เข้าเฝ้าคุกเข่าถวายบังคมพร้อมกัน แล้วคูมิดไซ่กับท่องกวนขุนนางเจ้าพนักงานก็นำหนังสือบอกข้อราชการขึ้นกราบทูลว่า ซ้องกั๋งยกกองทัพไปปราบข้าศึกเมืองไต้เหลียว เจ้าเมืองไต้เหลียวแตกยับไปถึงเมืองฮิวจิว ซ้องกั๋งยกกองทัพเข้าล้อมเมืองไว้แน่นหนา ซึ่งเมืองฮิวจิวนั้นเหมือนตกอยู่ในเงื้อมมือแล้ว บัดนี้เจ้าเมืองไต้เหลียวยอมสามิภักดิ์และจัดให้ทุเกียนขุนนางถือหนังสือมาอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์ ถ้าถึงกำหนดจะจัดเครื่องบรรณาการเข้ามาคำนับทุกปีมิให้ขาดได้ ขอจงยกกองทัพกลับมาอย่าให้ไพร่บ้านพลเมืองได้รับความลำบากเลยสุดแล้วแต่จะโปรด ซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงทราบในหนังสือจึงตรัสกับขุนนางทั้งปวงว่า บัดนี้พระเจ้าก๊กอ๋องเจ้าเมืองฮวนแต่งขุนนางถือหนังสือเข้ามาว่าด้วยการบ้านเมือง จะขอยอมขึ้นเป็นอาณาเขตตามประเทศราชซึ่งอยู่ในแว่นแคว้นแผ่นดินซ้อง ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด
ซัวเกียขุนนางผู้ใหญ่ได้รับเงินทองสิ่งของเจ้าเมืองไต้เหลียวไว้ จึงกราบทูลว่า ตั้งแต่โบราณมาเมืองที่ไม่ได้ขึ้นในแว่นแคว้นแผ่นดินซ้องก็มีมาก บัดนี้เจ้าเมืองไต้เหลียวยอมสามิภักดิ์เข้ามาขึ้นอยู่ในอาณาเขต ถ้าถึงกำหนดจะจัดเครื่องบรรณาการเข้ามาถวายข้าพเจ้าก็เห็นดี ควรที่จะรับเอาเมืองไต้เหลียวไว้เป็นขอบขัณฑสีมา ให้ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับมาเสียอย่าให้ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองได้รับความเดือดร้อนต่อไป พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบ จึงรับสั่งทุเกียนขุนนางฮวนมาเฝ้าคุกเข่าถวายบังคมแล้วเปิดผนึกหนังสือออกอ่านใจความว่า “ข้าพเจ้า เอ๋ลุดติดฮุยเจ้าเมืองไต้เหลียวกราบถวายบังคมมายังพระเจ้าแผ่นดินซ้อง ผู้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าเมืองทั้งหลาย ด้วยเมืองไต้เหลียวนี้เป็นแต่เมืองเล็กน้อย ซึ่งตัวข้าพเจ้าโฉดเขลาไม่มีปัญญาลุ่มหลงเชื่อถือแต่วาจาผู้อื่นทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นดังนี้ โทษข้าพเจ้าผิดมาก จึงแต่งตั้งให้ทุเกียนขุนนางถือหนังสือเข้ามาอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์ตั้งแต่นี้สืบไป ถ้าข้าพเจ้าคิดคดก็ให้เป็นอันตรายต่างๆ ขอรับประทานโทษไว้สักครั้งหนึ่งเถิด” พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ฟังทรงมีพระทัยยินดี จึงพระราชทานสิ่งของให้ทุเกียนกับขุนนางฮวนแล้ว ตรัสว่าพวกเจ้าจงพากันกลับไปแจ้งแก่เจ้าเมืองไต้เหลียวก่อน ภายหลังจึงจะบอกให้ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับ ทุเกียนกับขุนนางรับของพระราชทานก็ถวายบังคมลาออกมา แล้วก็ไปหาซัวเกียกับขุนนางสอพลอ ทั้งสามพูดจากันแล้วคำนับลาออกจากเมืองตังเกียตรงไปเมืองไต้เหลียว
ครั้นรุ่งขึ้นเช้าพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้เสด็จออกขุนนางเข้าเฝ้าพร้อมกัน ซัวเกียกราบทูลข้อความซึ่งจะมีรับสั่งให้ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานแต่งหนังสือมอบให้ซกไทอวยขุนนางถือไปเมืองไต้เหลียวกับมีรับสั่งให้ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับมา แต่พวกทหารของเจ้าเมืองไต้เหลียวที่จับได้จงคืนให้อยู่รักษาเมืองตามเดิม ซกไทอวยรับหนังสือถวายบังคมลาออกมาจัดบ่าวไพร่พร้อมก็ออกจากเมืองตังเกียกับเซียวเหยียง ชาจินตรงไปทางตันเกียเอี๊ยะ
ขณะนั้นเป็นฤดูหนาวไพร่พลเดินไม่รวดเร็ว เซียวเหยียง ชาจินจึงให้ม้าใช้รีบไปบอกข่าวซ้องกั๋งก่อน ซ้องกั๋งแจ้งความก็ประชุมทหารทั้งปวงพร้อมคอยรับ พอซกไทอวยถือหนังสือรับสั่งมาถึงค่ายเมืองไต้เหลียว ซ้องกั๋งกับพวกทหารก็ออกรับเชิญหนังสือรับซกไทอวยเข้าไปในค่ายจัดที่ให้นั่งคำนับกันตามธรรมเนียม ซกไทอวยจึงว่าซัวเกียกับพวกขุนนางที่สอพลอรับเงินทองของเจ้าเมืองไต้เหลียวไว้เป็นอันมาก ช่วยทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ จึงโปรดยอมให้เจ้าเมืองไต้เหลียวสามิภักดิ์เป็นข้าขอบขัณฑสีมา ซ้องกั๋งได้ฟังก็ถอนใจใหญ่แล้วพูดว่า การทั้งนี้มิใช่จะโทษเจ้านายของเราเมื่อใด ข้าพเจ้านี้อุตส่าห์ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณมาช้านานความชอบก็ไม่มี ควรแล้วหรือขุนนางผู้ใหญ่ก็เห็นแก่เงินทองทรัพยสิ่งของเอาแต่ความดีขึ้นกราบทูลกลบเกลื่อนเสียสิ้น ข้าพเจ้าจึงมีความโทมนัสน้อยใจนัก ซกไทอวยว่า ท่านอย่าเสียใจเลย ถ้ากลับเข้าไปเมืองหลวงข้าพเจ้าจะช่วยกราบทูลให้ทรงทราบ ซ้องกั๋งจึงว่า พวกข้าพเจ้าร้อยแปดคนซื่อตรงต่อแผ่นดิน ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณโดยสุจริตมิได้คิดแปรปรวน บรรดาพี่น้องก็ได้รับความลำบากเหน็ดเหนื่อยทั้งสิ้น ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ แล้วก็ใช้ให้ทหารไปแจ้งกับเจ้าเมืองไต้เหลียวว่า บัดนี้มีรับสั่งมาถึงให้เตรียมการคอยรับ ลังจูก๊กอ๋องแจ้งความจัดแจงการไว้พร้อม ครั้นรุ่งขึ้นเข้าซ้องกั๋งจัดให้กวนเส็ง ลิมชอง ฉินเหม็ง อูเอียนเจียก ฮวยหยง ตังเผ็ง ลิเอง ชาจิน ลือฮวง กวยเส็งสิบนายกับทหารสามพันแห่หนังสือรับสั่งกับซกไทอวยออกจากค่าย เข้าไปไนเมืองฮิวจิว ราษฎรพวกฮวนชาวเมืองตั้งโต๊ะเครื่องบูชาเรียงรายไปจนถึงหน้าเมือง เอ๋ลุดติดฮุยกับขุนนางทั้งปวงออกต้อนรับ ทางประตูน่ำหมึงทิศใต้ เชิญหนังสือรับสั่งตั้งบนโต๊ะจุดธูปเทียน คำนับแล้ว ก็เชิญซกไทอวยเข้าไปให้นั่งที่สมควรคำนับกันตามธรรมเนียม ทหารซ้องกั๋งสิบนายยืนเรียงรายอยู่สองข้างซ้ายขวา เอ๋ลุดติดฮุยเจ้าเมืองไต้เหลียวกับขุนนางฮวนทั้งปวงยืนอยู่ข้างหน้า ซกไทอวยก็เปิดผนึกหนังสือออกอ่านใจความว่า “พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้มีรับสั่งมาถึงเจ้าเมืองไต้เหลียว ด้วยพระเจ้าแผ่นดินแต่ครั้งก่อน ๆ สืบมา หัวเมืองทั้งปวงย่อมมีเจ้านายคุ้มครองรักษาอยู่ทุกประเทศ ซึ่งเจ้าเมืองไต้เหลียวบังอาจไม่คิดถึงตัวว่าเป็นเมืองเล็กน้อย คุมทหารยกเข้ามาตีหัวเมืองปลายเขตแดนหลายเมือง โทษผิดมากต้องที่จะกำจัดเสียให้สิ้น แต่ทรงฟังหนังสือที่ยอมสามิภักดิ์เห็นว่าราษฎรไพร่บ้านพลเมืองจะมีความเดือดร้อน จึงได้ยอมให้เมืองไต้เหลียวไว้เป็นข้าขอบขัณฑสีมา อาณาประชาราษฎรจะได้มีความสุข ให้เจ้าเมืองไต้เหลียวก๊กรักษาบ้านเมืองสืบไป ซึ่งทหารฮวนที่ซ้องกั๋งจับไว้ได้ให้ซ้องกั๋งมอบคนให้เจ้าเมืองไต้เหลียวตามเดิม แล้วให้ยกกองทัพกลับมาเมืองหลวง” เอ๋ลุดติดฮุยเจ้าเมืองไต้เหลียวกับขุนนางได้ฟังรับสั่ง ก็ดีใจคุกเข่าคำนับตามธรรมเนียม แล้วจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงซกไทอวยกับทหารเป็นอันดี แล้วให้พักอยู่ ณ กงก๊วน ครั้นรุ่งขึ้นเช้า ลังจู๊ก๊กอ๋องก็ให้ทุเกียนขุนนางผู้ใหญ่ออกมาเชิญเตียวคูมิดกับซ้องกั๋งเข้าไปในเมือง ซ้องกั๋งจึงปรึกษากับโงวหยงว่าท่านจะเห็นประการใด โงวหยงว่า การทุกวันนี้จะไว้ใจไม่ได้ด้วยเมืองฮวนกับเมืองหลวงเป็นข้าศึกกับตัวท่านเป็นแม่ทัพไม่แจ้งว่าฝ่ายนั้นจะคิดอ่านประการใด ท่านจงให้เตียวคูมิดเข้าไปฟังดูว่า เจ้าเมืองไต้เหลียวยอมสามิภักดิ์จริงหรือจะคิดแปรปรวนประการใด ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบ จึงให้เตียวคูมิดเข้าไปในเมืองพบกับซกไทอวย แล้วลังจู๊ก๊กอ๋องก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงเตียวคูมิด ซกไทอวยเป็นอันดี เจ้าเมืองไต้เหลียวจัดเงินทองทรัพย์สิ่งของที่มีราคาให้แก่เตียวคูมิด ซกไทอวยเป็นอันมาก ครั้นรุ่งขึ้นวันที่สาม ลังจู๊ก๊กอ๋องจัดให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยส่งเตียวคูมิด ซกไทอวยออกจากเมืองมายังค่าย แล้วจัดให้ทุเกียนเอาเงินทองมาให้นายทหารของซ้องกั๋งทั่วกัน แล้วซ้องกั๋งจึงให้ทหารถอดนางเทียนสิ้วกงจู๊กับทหารฮวนเหล่านั้นมอบแก่เจ้าเมืองไต้เหลียวทั้งสิ้น กับจัดให้ซกไทอวยและเตียวคูมิดแยกเป็นคนละกองกลับเข้าไปเมืองตังเกียก่อน แล้วซ้องกั๋งให้ให้ทหารเข้าไปในเมืองฮิวจิว แจ้งกับลังจู๊ก๊กอ๋องว่าให้ขุนนางผู้ใดออกไปพูดจากันก่อน ลังจู๊ก๊กอ๋องก็ให้ฮิวอิว ซุอินกับทุเกียนขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายซ้ายขวา ออกจากเมืองมาคำนับซ้องกั๋งยังค่าย ซ้องกั๋งต้อนรับขุนนางทั้งสองตามธรรมเนียมแล้วว่า ซึ่งเรายกกองทัพมาครั้งนี้หมายจะฆ่าฟันทำลายบ้านเมืองเสียให้ราบจึงจะยกกองทัพกลับ มิใช่จะอยากเอาไว้เป็นอาณาเขตเมื่อใด เพราะด้วยพระเจ้าแผ่นดินซ้องเจ้านายของเรารับสั่งให้เอาไว้เป็นข้าขอบขัณฑสีมาก็เพราะวาสนาของเจ้าแผ่นดินเมืองไต้เหลียวยังมีอยู่ ขุนนางและไพร่บ้านพลเมืองจึงพลอยได้ความสุข บัดนี้เราจะยกกองทัพกลับเข้าไปเมืองหลวง ท่านทั้งหลายจงอุตส่าห์ป้องกันรักษาบ้านเมืองตามประเทศของตัว อย่าให้อาณาประชาราษฎรมีความเดือดร้อนได้ ประการหนึ่งถึงกำหนดจงไปจิ้มก้องตามประเพณีแล้วอย่ามีใจกำเริบ ยกกองทัพล่วงแดนเข้าไปย่ำยีในอาณาเขตแผ่นดินซ้องเหมือนแต่ก่อนอีก ความเจริญก็จะมีแก่เมืองไต้เหลียวสืบไป ขุนนางฮวนทั้งสองรับคำแล้วก็คำนับลาซ้องกั๋งกลับเข้าเมืองฮิวจิวแจ้งให้ลังจู๊ก๊กอ๋องฟังทุกประการ
ซ้องกั๋งจึงจัดให้กองทัพพวกทหารหญิงยกล่วงหน้าไปก่อน แล้วใช้ให้ทหารคัดเลือกเอาแผ่นศิลามาทำป้าย ให้เซียวเหยียงแต่งคำโคลงด้วยเรื่องเมืองไต้เหลียวยอมสามิภักดิ์แก่พระเจ้าแผ่นดินซ้อง มีศักราชปี เดือน วัน คืน ให้กิมไตเกียนสลักเป็นอักษรจีนลงในแผ่นศิลา แล้วเอาไปตั้งไว้ที่เชิงเขาเมาซัวใกล้กับเมืองย่งเซ็งกุ้ยประมาณทางสิบห้าลี้ ซ้องกั๋งก็จัดทัพใหญ่เป็นห้ากองจะยกดินทางไป
ลูตีซิมจึงแจ้งกับซ้องกั๋งว่า เดิมข้าพเจ้าเสพสุรามาเที่ยวเผาบ้านเรือนฆ่าผู้คนตาย จึงไปบวชอยู่กับตีจินเจียงเล้าอาจารย์ผู้วิเศษ ณ เขาเงาไทซัว แต่อาจารย์ได้ว่าไว้ สืบไปเบื้องหน้าข้าพเจ้าจะสำเร็จครั้งนี้การศึกก็เสร็จ ได้เงินทองทรัพย์สิ่งของที่พระราชทานมีอยู่ ข้าพเจ้าคิดจะใคร่เอาเงินทองสิ่งของไปให้กับตีจินเจียงเล้าอาจารย์เขาเงาไทซัวแทนคุณท่าน ซ้องกั๋งว่าอาจารย์ของน้องเป็นผู้วิเศษเหตุต่างๆ ก็ดีแล้ว พี่จะไปด้วยจะได้ถามถึงการเบื้องหน้าว่าจะเป็นอย่างไร พูดแล้วก็มอบทหารให้โลวจุนหงีจัดผ่อนกองทัพยกล่วงหน้าไปก่อน