๕๙

ฮอไทซิวคอยดูอยู่เห็นหลวงจีนวางเครื่องมือเดินล่วงเข้าไปแล้วก็ร้องบอกให้ทหารจับ พวกทหารที่ซุ่มซ่อนอยู่กรูกันออกมาจับตัวหลวงจีนลูตีซิมได้มัดไว้แน่นหนาคุมเอาตัวมาที่หลังบ้าน หลวงจีนลูตีซิมเสียทีเขาจับได้ก็ไม่ย่อท้อ พอเห็นฮอไทซิวนั่งอยู่ หลวงจีนลูตีซิมก็ด่าฮอไทซิวว่า ชาติขุนนางกังฉินมีแต่คิดเบียดเบียนราษฎร แล้วเที่ยวฉุดเอาบุตรภรรยาเข้ามาข่มขืน ทำให้ไพร่บ้านพลเมืองได้รับความเดือดร้อน แล้วซ้ำจับเอาซือตัวกัวหนังมาจำขังคุกไว้ เราก็ไม่กลัวจะสู้ตายกับซือตัวกัวหนัง แม้นว่าซ้องกั๋งพี่ชายเรารู้คงจะมาแก้แค้นแทนให้จงได้ ถ้าท่านเชื่อฟังเราจงถอดเอาซือตัวกัวหนังกับนางเฮงเกียวกีบุตรสาวของเฮงหงีช่างเขียน จะพาไปมอบให้บิดาเขาเสีย

ฮอไทซิวได้ฟังก็โกรธยิ่งนัก พูดว่าเดิมสงสัยอยู่ว่าจะมาทำร้ายก็จริงเหมือนคาดหมาย จึงสั่งให้เอาตัวไปจำขังคุกไว้กับซือจินด้วยกัน ฮอไทซิวก็เขียนหนังสือบอกเข้าไปในเมืองหลวง กระบี่กับไม้เท้าเหล็กของหลวงจีนให้เก็บไว้เป็นของกลาง

ฝ่ายไพร่พลที่เขาเซียวฮัวซัวตามมาสืบความหลวงจีนลูตีซิม ครั้นรู้เหตุแล้วก็กลับมาแจ้งความให้บู๊สงและนายโจรทั้งสามฟังทุกประการ บู๊สงตกใจจึงพูดว่า ข้าพเจ้ามาด้วยกันสองคน บัดนี้เกิดความขึ้นจะเอาหน้ากลับไปแจ้งความกับพี่น้องทั้งปวงอย่างไรได้ ก็นั่งคิดวิตกอยู่

ฝ่ายไตจงรีบมาถึงเขาเซียวฮัวซัว บอกกับนายโจรเหล่านั้นว่าเราชื่อไตจงมาจากเขาเนียซัวเปาะ หลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงอยู่ที่นี่บ้างหรือไม่ พวกโจรได้ฟังก็ไปแจ้งกับบู๊สงว่า มีพวกโจรเขาเนียซัวเปาะชื่อไตจงมาถามถึงท่าน บู๊สงได้ฟังก็รีบมารับไตจงไปที่เขาเซียวฮัวซัวพบกับจูบู๊ ตันตัด เอียชุน แล้วบู๊สงก็เล่าความซึ่งห้ามปรามหลวงจีนลูตีซิมไม่เชื่อฟังตั้งแต่ต้นจนปลาย ไตจงได้แจ้งก็ตกใจจึงพูดว่า ข้าพเจ้าจะอยู่ช้าไม่ได้ ต้องรีบกลับไปเขาเนียซัวเปาะบอกกับซ้องกั๋งจะได้ยกกองทัพมาช่วยโดยเร็ว ไตจงก็ลาบู๊สงกับนายโจรทั้งสามออกมาจากเขาเซียวฮัวซัว เอากะเบ๊ของวิเศษสวมใส่อ่านมนต์คาถาแล้วรีบเดินไป สามวันถึงเขาเนียซัวเปาะก็เข้าไปแจ้งความให้เตียวไก่ ซ้องกั๋งและพี่น้องเหล่านั้นฟังทุกประการ

เตียวไก่ได้ฟังก็ตกใจจึงพูดว่า พี่น้องของเรามีทุกข์อยู่ทั้งสองคนจะไม่ไปช่วยอย่างไรได้ คราวนี้ตัวพี่จะต้องไปสักครั้งหนึ่ง ซ้องกั๋งว่าพี่เป็นใหญ่อยู่ในตำบลนี้ พี่จะยกกองทัพไปนั้นไม่ควร น้องกับพวกพ้องจะไปแทนเอง พี่จงอยู่รักษาตำบลของเราเถิด พูดแล้วซ้องกั๋งก็จัดไพร่พลเป็นสามกองให้ลิมชอง เอียจี้ ฮวยหยง ฉินเหม็ง อูเอียนเจียกห้านาย คุมไพร่พลขี่ม้าพันหนึ่งกับไพร่พลเดินเท้าสองพันยกเป็นกองหน้า ถ้าพบปะห้วยคลองและแม่น้ำจะได้ตัดไม้ทำสะพานเรือกหาเรือไว้คอยท่า กองกลางนั้นซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแส จูตง ซือเหล็ง เกยเตียน เกยโป หกนายคุมไพร่สองพัน กองหลังให้ลิเอง เอียหยง เจียสิว ลีขุย เตียสุนห้านาย คุมไพร่พลสองพันกับเสบียงอาหารพร้อมเสร็จแล้ว ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพออกจากเขาเนียซัวเปาะเดินทางไปหลายวันใกล้จะถึงเขาเซียวฮัวซัว ซ้องกั๋งใช้ไตจงรีบไปบอกให้บู๊สงกับนายโจรทั้งสามรู้ก่อน ไตจงก็รีบเดินไปถึงเขาเซียวฮัวซัว แจ้งกับนายโจรทั้งสามและบู๊สงว่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาเกือบจะถึงอยู่แล้ว บู๊สงก็พาจูบู๊ ตันตัด เอียชุน ออกมาต้อนรับคำนับซ้องกั๋งจับโงวหยงซินแสและพี่น้องเหล่านั้น แล้วเชิญไปยังที่ชุมนุม

ซ้องกั๋งจึงถามถึงการในเมืองฮัวจิว จูบู๊บอกว่าฮอไทซิวผู้รักษาเมืองจับตัวซือตัวกัวหนังกับหลวงจีนลูตีซิมจำขังคุกไว้ แล้วมีหนังสือเข้าไปเมืองหลวง บัดนี้ฮอไทซิวคอยท่าว่ามีรับสั่งมาถึงเมื่อไรก็จะฆ่าคนทั้งสองเสีย ซ้องกั๋งได้ฟังจึงพูดกับโงวหยงซินแสว่า จะคิดหาอุบายสิ่งใดดีจึงจะช่วยพี่น้องของเราได้ จูบู๊ว่าเมืองฮัวจิวนี้กว้างใหญ่กำแพงแน่นหนา คูเมืองก็ลึกไพร่พลทหารเข้มแข็งมาก ยากที่จะตีหักเข้าไปได้

โงวหยงซินแสจึงพูดว่า เวลาพรุ่งนี้เราชวนกันไปดูภูมิฐานบ้านเมืองเสียก่อนแล้วจึงค่อยมาคิดอ่าน จูบู๊ก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงจนเวลาเย็นค่ำ โงวหยงซินแสจึงพูดว่า พี่น้องของเราที่ผู้รักษาเมืองจำขังคุกไว้เปรียบเหมือนรังเสือ คงคิดป้องกันระวังการทั้งปวง เราไปดูเวลากลางวันเห็นจะไม่ได้ ค่ำวันนี้เดือนหงายเราชวนกันไปเที่ยวดูเถิด ซ้องกั๋งก็เห็นชอบ นั่งเสพสุราพูดจากันจนได้เวลา ซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแส ฮวยหยง ฉินเหม็ง จูตง ห้านายก็ขึ้นม้าออกจากเขาเซียวฮัวซัวตรงไปถึงเมืองฮัวจิวดึกประมาณสามยามเศษ

ขณะนั้นเป็นเดือนยี่ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหงายแจ่มสว่าง ซ้องกั๋งกับพี่น้องสี่คนเห็นเขาสูงอยู่นอกกำแพงเมือง ก็ชวนกันขึ้นไปดูบนเนินเห็นบ้านเมืองกว้างใหญ่ ประตูกำแพงแน่นหนา คูเมืองและคลองนั้นกว้างลึก ตึกและบ้านเรือนติดกันเป็นพืดไปแลตลอดจนถึงเขาไซงักฮัวซัว ซ้องกั๋งเห็นการในเมืองฮัวจิวถ้วนถี่แล้วก็ลงจากเนินกลับมาถึงเขาเซียวฮัวซัว และซ้องกั๋งมีความวิตกยิ่งนัก

โงวหยงซินแสจึงพูดว่า ท่านอย่าเพิ่งวิตกไปเลย จงจัดให้ไพร่พลแยกย้ายกันไปเที่ยวสืบตามหัวเมืองที่ใกล้และไกลประเสริฐกว่า แม้นได้ข่าวคราวประการใดจะได้คิดการต่อไปภายหลัง ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบจัดให้ไพร่พลแยกย้ายกันไปสืบทุกๆ เมือง

ฝ่ายไต้ซือไทอวยขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง มีรับสั่งพระเจ้าซ้องฮุยจงให้คุมป้ายทองสลักเป็นรูปมังกร เรียกว่ากิมเหล็งเตียวกัวพระราชทานให้มาแขวนถวายเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี้ที่ศาลเจ้าไซงักฮัวซัว ณ เมืองฮัวจิว ไต้ซือไทอวยกับทหารก็คุมกิมเหล็งเตียวกัวล่องเรือมาทางแม่น้ำอึ้งฮ้อ ครั้นมาใกล้จะถึงเขตแดนเมืองฮัวจิวก็หยุดพักอยู่

ฝ่ายพวกบริวารของซ้องกั๋งแยกกันไปสืบข่าว รู้เหตุการณ์แล้วกลับมาแจ้งความกับซ้องกั๋งและโงวหยงซินแสตามซึ่งมีรับสั่งมาทุกประการ

โงวหยงซินแสแจ้งความจึงบอกซ้องกั๋งว่า มีอุบายแล้วท่านอย่าวิตก จงเรียกลี้จุน เตียสุน สองนายซึ่งชำนาญทางน้ำมาสั่งความลับ ลี้จุนจึงว่า การที่ท่านสั่งนั้นก็ชอบ แต่ไม่มีผู้ใดจะรู้จักทาง เอียชุนว่าข้าพเจ้าจะนำไปเอง ซ้องกั๋งก็มีความยินดีจึงให้เอียชุนไปด้วย ลี้จุน เตียสุน เอียชุน สามนายก็คำนับลาออกจากเขาเซียวฮัวซัวไปจัดการตามอุบาย

ครั้นรุ่งขึ้นเช้า โงวหยงซินแสจัดให้ลิเอง จูตง อูเอียนเจียก ฮวยหยง ฉินเหม็ง ซือเหล็ง หกนายกับไพร่พลห้าร้อยเสร็จแล้ว โงวหยงกับซ้องกั๋งก็คุมพวกพ้องไพร่พลออกจากเขาเซียวฮัวซัว ตรงไปยังปากน้ำอึ้งฮ้อ เห็นลี้จุน เตียสุน เอียชุน จัดเรือใหญ่ไว้คอยท่าพร้อมก็ยินดี

ฝ่ายโงวหยงจึงให้ฮวยหยง ฉินเหม็ง ซือเหล็ง อูเอียนเจียก สี่นายคอยอยู่บนตลิ่ง ตัวโงวหยงกับซ้องกั๋ง จูตง ลิเองลงไปอยู่ในเรือแล้ว ลี้จุน เตียสุน เอียชุน แยกกันแจวเรือไปซุ่มอยู่ริมฝั่งคอยอยู่ที่ปากน้ำคืนหนึ่ง พอรุ่งขึ้นเช้าได้ยินเสียงม้าล่อและกลองแห่ มีล่องเรือลงมาสามลำ บนเรือนั้นปักธงเหลืองมีหนังสืออยู่ที่ธงว่า “มีรับสั่งให้ไต้ซือไทอวยขุนนางผู้ใหญ่คุมของพระราชทานมาถวายเจ้า ณ เขาไซงักฮัวซัว”

ซ้องกั๋ง โงวหยงซินแสเห็นดังนั้นก็ให้ถอยเรือออกไปกั้นสกัดไว้ จัดให้จูตง ลิเอง ถือทวนยืนอยู่ข้างหลังซ้องกั๋งที่กลางเรือ ตัวโงวหยงซินแสนั้นยืนอยู่หัวเรือคอยจะพูดจาไต่ถามกัน พอเรือไต้ซือไทอวยล่องลงมาทหารที่ใส่เสื้อสีต่างๆ ประมาณยี่สิบคนยืนอยู่หัวเรือร้องตวาดว่า เรือพวกไหนบังอาจนักหนา มากั้นเรือขุนนางผู้ใหญ่ไว้ด้วยเหตุสิ่งใด

ซ้องกั๋งยืนนิ่งคำนับอยู่กลางเรือ โงวหยงซินแสจึงร้องบอกว่า พวกข้าพเจ้านี้สัตย์ซื่อ ไปตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะ บัดนี้ซ้องกั๋งมาคอยคำนับไทอวยอยากจะใคร่พูดจากับท่าน

ขุนนางของซือไทอวยก็วิ่งออกมาร้องตอบว่า มีรับสั่งให้ไทอวยขุนนางผู้ใหญ่คุมของพระราชทานไปเขาไซงักฮัวซัว ก็พวกเจ้านี้เป็นโจรเขาเนียซัวเปาะ มีธุระสิ่งใดจึงได้มากั้นไว้ โงวหยงซินแสว่า พวกข้าพเจ้าอยากจะพบกับไทอวยจะแจ้งความให้ฟัง ขุนนางที่สำหรับใช้จึงว่า พวกเจ้าเป็นอะไรจึงจะพบกับไทอวยได้ ซ้องกั๋งก็ไม่พูดจาสิ่งใดทำเป็นประสานมือก้มหน้านิ่งอยู่ โงวหยงจึงพูดว่า ขอเชิญไทอวยไปที่ริมฝั่งก็คงจะได้พูดจากัน ขุนนางสำหรับใช้นั้นก็ตวาดว่า เอาอะไรมาพูดไม่ถูกธรรมเนียม ไทอวยเป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่จะไปพูดจากับพวกเจ้าอย่างไร ซ้องกั๋งว่าไทอวยไม่ยอมให้พบข้าพเจ้า กลัวแต่ว่าพวกพ้องจะไม่ยอม

พอพูดดังนั้นจูตงก็เอาทวนปัดธงที่หัวเรือโบกไปโบกมา ฮวยหยง ฉินเหม็ง ซือเหล็ง อูเอียนเจียก ที่ซุ่มอยู่บนฝั่งเห็นธงสำคัญ ก็คุมไพร่พลกรูกันออกมายืนเรียงอยู่ริมฝั่งเป็นอันมาก ทำทีน้าวสายเกาทัณฑ์จะยิงลงมา บรรดาพวกทหารและไพร่พลที่แจวเรือเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวหลบหนีเข้าในเรือทั้งสิ้น ไต้ซือก็ออกมาที่หัวเรือ ซ้องกั๋งเห็นซือไทอวยจึงคุกเข่าคำนับแล้วแจ้งว่า ข้าพเจ้าซ้องกั๋งไม่อาจทำอันตรายกับท่านดอก ซือไทอวยจึงถามว่า ท่านมากั้นเรือเราไว้ด้วยเหตุผลประการใด ซ้องกั๋งจึงว่า ข้าพเจ้าจะขอเชิญไปที่ริมฝั่งจะได้แจ้งความให้ฟัง ซือไทอวยจึงพูดว่า บัดนี้มีรับสั่งให้เรามาที่เขาไซงักฮัวซัว ตัวเราเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ท่านจะให้พูดจาบนตลิ่งนั้นอย่างไรได้

ขณะนั้นลิเองก็เอาทวนปัดธงที่เรือของตัวโบกขึ้น ลี้จุน เตียสุน เอียชุนเห็นธงสัญญาก็คุมไพร่พลแจวเรือตรงมาถึงพร้อมกัน ลี้จุน เตียสุนถือกระบี่คนละมือ พอเรือเข้าใกล้ก็กระโดดลงไปในเรือซือไทอวย จับทหารคนละคนโยนลงในแม่น้ำ

ซ้องกั๋งก็ทำเป็นร้องตวาดห้ามว่า ทำอะไรดังนั้น ท่านผู้ใหญ่จะตกใจลี้จุน เตียสุนก็กระโดดลงเรือของตัว พยุงทหารสองคนขึ้นจากแม่นํ้า แล้วส่งขนบนเรือตามเดิม ซือไทอวยเห็นก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น ซ้องกั๋งกับโงวหยงร้องห้ามพวกพี่น้องทั้งปวงให้ถอยห่างออกไปเสีย แล้วเชิญซือไทอวยให้ไปบนตลิ่ง ซือไทอวยมีความเกรงกลัวยิ่งนักก็ต้องยอมไปแล้วถามว่า ท่านมีธุระสิ่งใดจงบอกให้รู้เถิดอย่าเกรงใจเลย ซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสว่า พูดจากันที่นี่ก็ไม่ควร ขอเชิญท่านไปที่สำนักบนเขาเถิด ถ้าพวกข้าพเจ้าคิดร้ายแก่ท่านก็ขอให้เจ้าที่ศาลเขาไซงักฮัวซัวทำอันตรายพวกข้าพเจ้าตายเสียทั้งสิ้น

ซือไทอวยได้ฟังก็ไม่รู้ที่จะคิดประการใด ต้องจำใจไปด้วยความเกรงกลัว ซ้องกั๋งจัดม้าให้ซือไทอวยขี่ แล้วให้ไพร่พลขนเอาสิ่งของที่พระราชทานมา และเครื่องใช้สอยทั้งปวงไปบนเขาด้วย ซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสและพวกพ้องเหล่านั้นก็ชวนกันห้อมล้อมซือไทอวยมาถึงเขาเซียวฮัวซัว พาไปยังที่ชุมนุม จัดที่ให้ซือไทอวยนั่งตามธรรมเนียม พวกพี่น้องทั้งปวงถือกระบี่ยืนอยู่สองข้างทางซ้ายขวาพร้อมกัน ซ้องกั๋งก็เข้าไปคุกเข่าคำนับอยู่ตรงหน้าซือไทอวยแจ้งความว่า ตัวข้าพเจ้านี้เดิมเป็นขุนนางตำแหน่งอะซีอยู่ ณ เมืองหุนเสียกุ้ย ผู้รักษาเมืองกรมการกดขี่ข่มเหงนัก จึงได้ชักชวนกันมาอาศัยอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะคอยท่าพระเจ้าซ้องฮุยจงชุบเลี้ยงเมื่อไร ข้าพเจ้าจะได้ชวนกันเข้าสามิภักดิ์ทำราชการทำนุบำรุงแผ่นดินให้ไพร่บ้านพลเมืองเป็นสุขสืบต่อไป ก็บัดนี้พี่น้องของข้าพเจ้าสองคนไม่มีความผิด ฮอไทซิวผู้รักษาเมืองฮัวจิวแกล้งหาความใส่จับเอาไปจำคุกไว้ จึงได้เชิญท่านมา ปรารถนาจะขอยืมกิมเหล็งเตียวกัวกับสิ่งของทั้งปวงต่อท่านไปล่อลวงผู้รักษาเมืองฮัวจิว ถอดเอาพี่น้องสองคนออกมาแล้วข้าพเจ้าก็จะกลับคืนให้ท่าน มิให้สิ่งของทั้งนั้นเป็นอันตราย ท่านอย่าได้วิตกเลย

ซือไทอวยว่า ถ้าท่านเอาสิ่งของเหล่านี้ไปจัดการ แล้วสืบไปภายหน้าทรงทราบจะมิทำโทษแก่ข้าพเจ้าหรือ ซ้องกั๋งว่า ถ้าท่านกลับไปเมืองหลวงจงกราบทูลใส่ความข้าพเจ้าเถิดหาเป็นไรไม่ ซือไทอวยได้ฟังแลไปเห็นพวกพ้องของซ้องกั๋งมีแต่รูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวถือกระบี่ยืนอยู่สองข้างเป็นแถวไป ครั้นจะไม่ยอมให้ก็กลัว ต้องจำใจนั่งก้มหน้าอยู่ ซ้องกั๋งให้จัดโต๊ะมาเลี้ยงซือไทอวยเป็นอันดี แล้วก็ยืมเอาเสื้อหมวกของซือไทอวยที่สำหรับใส่กับเสื้อขุนนางที่สำหรับซือไทอวยใช้เสนอถ้อยความและเสื้อหมวกทหาร แล้วเลือกดูไพร่พลที่หน้าตารูปร่างคล้ายคลึงกับซือไทอวยมาแต่งเป็นตัวซือไทอวย

ซ้องกั๋งกับโงวหยงนั้น แต่งตัวเป็นขุนนางสำหรับเสนอความ พวกเหล่านั้นก็แต่งตัวเป็นนายทหารสำหรับรักษาธงและเครื่องใช้กับกิมเหล็งเตียวกัวของพระราชทานแล้วซ้องกั๋งสั่งความลับกับฉินเหม็ง อูเอียนเจียกพวกหนึ่ง ลิมชอง เอียจี้พวกหนึ่งให้คุมไพร่พลแยกไปซุ่มอยู่ริมเมืองฮัวจิว ถ้าได้ยินประทัดสัญญาก็ให้กรูกันเข้ามาแย่งชิงเอาเมือง ให้บู๊สงไปคอยอยู่ที่ประตูศาลเจ้าเขาไซงักฮัวซัว ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาก็ให้เข้าช่วย ซ้องกั๋งก็จัดการเสร็จแล้วก็ออกจากเขาเซียวฮัวซัวไปพร้อมกัน พวกที่ปลอมเป็นไพร่พลและทหารขุนนางต่างๆ และตัวซือไทอวยนั้นก็ตรงมาลงเรือที่ปากน้ำล่องไปที่ศาลเจ้าไซงักฮัวซัว

ครั้นถึงท่าซ้องกั๋งก็ให้ไตจง ไปบอกผู้รักษาศาลเจ้าเขาไซงักฮัวซัวให้รู้ก่อน ผู้รักษาศาลเจ้าแจ้งความก็จัดการไว้พร้อมลงมารับกิมเหล็งเตียวกัวของพระราชทานและซือไทอวย ซ้องกั๋งสั่งให้เชิญกิมเหล็งเตียวกัวกับสิ่งของทั้งปวงขึ้นจากเรือ ซือไทอวยที่ปลอมมานั้นหน้าตาเหมือนก็จริงแต่พูดจาไม่เป็น ครั้นจะให้พูดขึ้นกลัวผู้คนจะรู้

โงวหยงจึงแกล้งบอกกับผู้รักษาศาลเจ้าว่า ซือไทอวยป่วยมาตามทาง ก็ให้ขุนนางเหล่านั้นพยุงซือไทอวยขึ้นเกี้ยวหามตรงมายังศาลเจ้าพร้อมกัน ซือไทอวยก็ไปนั่งที่จัดไว้ โงวหยงขุนนางสำหรับเสนอความก็บอกกับผู้รักษาศาลเจ้าว่า มีรับสั่งให้ซือไทอวยขุนนางผู้ใหญ่คุมกิมเหล็งเตียวกัวกับสิ่งของพระราชทานมาถวายเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี เหตุใดผู้รักษาเมืองกรมการไม่มาคอยรับ ผู้รักษาศาลเจ้าว่า ข้าพเจ้าใช้ให้คนไปแจ้งกับผู้รักษาเมืองแล้วอีกสักครู่หนึ่งก็คงจะมาถึง

ฝ่ายฮอไทซิวแจ้งความว่าซือไทอวยคุมของพระราชทานมาถึงศาลเจ้าเขาไซงักฮัวซัว แล้วจึงใช้ให้ขุนนางมาดูว่าจะจริงเท็จประการใด ขุนนางผู้นั้นก็เรียกบ่าวไพร่ประมาณเจ็ดสิบคนตรงมายังศาลเจ้าเขาไซงักฮัวซัว เข้าไปในศาลเห็นธงและสิ่งของต่างๆ กับพวกขุนนางนายทหารนุ่งห่มเหมือนมาแต่เมืองหลวงทั้งสิ้นก็ไม่สงสัย ผู้รักษาศาลเจ้านำขุนนางผู้นั้นเข้าไปคุกเข่าคำนับซือไทอวยอยู่แต่ห่างๆ โงวหยงก็เข้าไปเสนอกับซือไทอวยเป็นสองครั้ง ขุนนางที่ผู้รักษาเมืองใช้มานั้นคุกเข่าคำนับอยู่ไกลไม่ได้ยินซือไทอวยพูดจาสิ่งใด เห็นแต่ซือไทอวยยกมือขึ้น ขุนนางผู้เสนอนั้นก็ออกมาทำหน้าตาเป็นทีโกรธแล้วพูดว่า ซือไทอวยเป็นขุนนางผู้ใหญ่ มีรับสั่งให้คุมของพระราชทานมาทางไกลกันดาร จนซือไทอวยป่วย บัดนี้ก็มาถึงที่แล้ว เหตุใดผู้รักษาเมืองกรมการไม่มาต้อนรับตามธรรมเนียม

ขุนนางนั้นว่าเดิมมีหนังสือบอกมาทีหนึ่ง ชวนกันจัดการไว้คอยท่าแล้วก็หายไปครั้งนี้ไม่ได้ข่าวคราวเลย ประการหนึ่งพวกโจรเขาเซียวฮัวซัวกับโจรเขาเนียซัวเปาะเข้าสมทบกันจะยกมาตีเมืองฮัวจิว ฮอไทซิวจัดการรักษาบ้านเมืองอยู่จึงไม่ได้มารับท่าน ใช้ให้ข้าพเจ้าจัดเอาสิ่งของกับสุรามาเลี้ยงก่อน แล้วฮอไทซิวจึงมาต่อภายหลัง โงวหยงว่าซือไทอวยหาเสพสุราไม่ ให้ท่านไปบอกผู้รักษาเมืองมาโดยเร็วเถิด ขุนนางผู้นั้นได้ฟังก็เอาสิ่งของกับสุรานั้นมอบให้ขุนนางผู้นำความขึ้นเสนอ โงวหยงกับซ้องกั๋งรับไว้ทำเป็นเข้าไปเสนอกับซือไทอวย แล้วถือลูกกุญแจเดินออกมาพาขุนนางผู้นั้นไปไขกุญแจ เอากิมเหล็งเตียวกัวของพระราชทานออกมาแขวนไว้ดู ขุนนางผู้นั้นเห็นกิมเหล็งเตียวกัวป้ายทองสลักเป็นมังกรประดับด้วยเพชรนิลสีต่างๆ กลางป้ายทองนั้นมีโคมจุดไฟ กิมเหล็งเตียวกัวนั้นจำเพาะต้องแขวนบนแท่นหน้าเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี้ ขุนนางผู้นั้นเห็นก็แจ้งว่ามาจากเมืองหลวง จึงไม่มีความสงสัย ด้วยของนั้นจริงทุกสิ่งก็ชวนกันคำนับลาออกจากศาลเจ้าตรงมายังเมืองฮัวจิวแจ้งความให้ฮอไทซิวฟังทุกประการ

ฮอไทซิวได้แจ้งก็ยังคิดสงสัย แต่เห็นว่าสิ่งของทั้งนั้นเป็นของจริงครั้นจะไม่ไปก็กลัวความผิด ด้วยเดิมได้มีตราออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็แต่งตัวจัดทหารประมาณสามร้อยถืออาวุธครบมือ ออกจากเมืองฮัวจิวไป ณ เขาไซงักฮัวซัว พวกที่รักษาศาลเจ้าเข้าไปแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ผู้รักษาเมืองมาเกือบจะถึงอยู่แล้ว

ซ้องกั๋งได้ฟังก็สั่งฮวยหยง ซือเหล็ง จูตง ลิเอง ที่แต่งตัวเป็นนายทหารให้ยืนเรียงกันอยู่ริมสองข้างให้เกยเตียน เกยโป เอียหยง ไตจงที่แต่งตัวเป็นขุนนางสำหรับใช้สอยมายืนอยู่ริม ซ้องกั๋ง บรรดาคนเหล่านั้นมีเครื่องมือซ่อนอยู่ในเสื้อทุกคน

ฝ่ายฮอไทซิวกับพวกทหารมาถึงหน้าศาลเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี้ ก็ลงจากม้าเห็นสิ่งของต่างๆ กับขุนนางและทหารใส่หมวกเหมือนอย่างเมืองหลวงทั้งสิ้นก็มิได้สงสัยจะเข้าไปคำนับซือไทอวย พวกทหารของฮอไทซิวสามร้อยเศษก็ถือเครื่องศัสตราวุธตามฮอไทซิวเข้าไปในศาล

โงวหยง ซ้องกั๋งขุนนางสำหรับเสนอเห็นทหารถืออาวุธตามฮอไทซิวเข้ามาก็ร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า ขุนนางผู้ใหญ่ของเจ้าแผ่นดินอยู่ที่นี่เหตุใดจึงได้ถืออาวุธเข้ามาดังนี้ พวกทหารเหล่านั้นก็ตกใจหยุดอยู่ทั้งสิ้น โงวหยง ซ้องกั๋งนำฮอไทซิวเข้าไปใกล้จะถึง เห็นคนที่แต่งเป็นซือไทอวยนั่งพิงเก้าอี้ ฮอไทซิวก็คุกเข่าคำนับอยู่ตรงหน้า โงวหยงจึงถามฮอไทซิวว่า ท่านเป็นผู้รักษาเมืองรู้ว่าโทษตัวผิดหรือไม่ ฮอไทซิวว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบจึงไม่ได้มาต้อนรับ ขอท่านจงงดโทษไว้สักครั้งหนึ่ง โงวหยงร้องว่า พวกเราจับตัวไว้ให้ได้ เกยเตียน เกยโปที่ปลอมเป็นขุนนางสำหรับใช้ก็ชักกระบี่ออกตรงมาฟันคอฮอไทซิวขาดตาย พวกพ้องที่ปลอมมานั้นก็กรูออกมา พวกทหารฮอไทซิวเห็นก็ตกใจไม่รู้ที่จะวิ่งหนีไปทางไหน บู๊สงกับเจียสิวสกัดอยู่ที่ประตูก็บุกรุกฆ่าฟันขนาบเข้ามา พวกในศาลเจ้าฟันออกไป ทหารของฮอไทซิวสามร้อยเศษล้มตายทั้งสิ้น ซ้องกั๋งให้เก็บสิ่งของลงเรือแล้วก็จุดประทัดสัญญาพากันตรงไปเมืองฮัวจิว พวกที่ไปซุ่มอยู่ริมเมืองทั้งสองกองได้ยินเสียงประทัดสัญญาก็กรูกันเข้าเมืองฮัวจิวได้ เอาไฟจุดขึ้นแล้วเข้าบุกรุกไล่ฟันทหารรักษาหน้าที่เป็นตะลุมบอน

ฝ่ายซ้องกั๋งกับพวกพ้องและไพร่พลรีบมาถึงเมืองฮัวจิว เห็นไฟติดขึ้นก็พากันเข้าเมือง ไล่ฆ่าฟันทหารล้มตายแตกกระจัดกระจายไป ซ้องกั๋งก็ให้ไปถอดซือจินกับหลวงจีนลูตีซิมออกจากคุก แล้วเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของทั้งปวงลงบรรทุกเกวียน หลวงจีนลูตีซิมก็ไปเอากระบี่กับไม้เท้าเหล็กมาได้ นางเฮงเกียวกีบุตรสาวเฮงหงีเห็นว่าเมืองแตกก็โดดลงในบ่อน้ำตายเสีย ซ้องกั๋งเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของพร้อมแล้วก็ชวนกันออกจากเมืองฮัวจิวลงเรือกลับไปยังเขาเซียวฮัวซัวที่พัก ซ้องกั๋งกับพวกพ้องทั้งหลายก็ไปคำนับซือไทอวย เอาสิ่งของทั้งปวงกับกิมเหล็งเตียวกัวคืนให้ตามเดิม จัดเอาเงินทองให้ซือไทอวยตอบแทนบุญคุณ แล้วชวนกันมาส่งซือไทอวยลงเรือ ซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็คำนับลากลับมาเขาเซียวฮัวซัว ซ้องกั๋งก็ให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงบรรดาพวกพ้องเป็นที่รื่นเริงสบาย สำเร็จแล้วก็เก็บทรัพย์สิ่งของและเสบียงอาหารบรรทุกเกวียนแล้วเอาไฟเผาเขาที่อยู่เสีย คุมไพร่พลออกจากเขาเซียวฮัวซัวกลับมา แต่เฮงหงีบิดาของนางเฮงเกียวกีที่ตายนั้นไม่ยอมไปกับซ้องกั๋ง ซือจินจึงเอาเงินทองให้เฮงหงีเป็นอันมาก เฮงหงีก็เที่ยวไปทำมาหากินอยู่ตามสบาย

ฝ่ายซือไทอวยล่องเรือไปถึงเมืองฮัวจิวแจ้งว่า พวกโจรเขาเนียซัวเปาะฆ่าฮอไทซิวผู้รักษาเมืองและทหารล้มตายลงที่ศาลเจ้าไซงักฮัวซัวหลายร้อย บุตรภรรยาญาติของฮอไทซิวก็ฆ่าฟันเสียสิ้น ซือไทอวยให้หาตัวจุยกัวขุนนางเมืองฮัวจิวมาสั่งให้ทำหนังสือบอกไปถึงตงซีแซขุนนางผู้ใหญ่ ให้ถือไปเมืองหลวง แล้วซือไทอวยก็ไปที่ศาลเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี้ ณ เขาไซงักฮัวซัว หาตัวผู้รักษาศาลมาเอากิมเหล็งเตียวกัวกับสิ่งของที่พระราชทานมาขึ้นแขวนไว้หน้าศาลเจ้าตามรับสั่ง แล้วไทอวยก็ออกเรือรีบกลับไปเมืองหลวงแต่เวลากลางคืน

ฝ่ายซ้องกั๋งกับพวกพ้องยกออกจากเขาเซียวฮัวซัวเดินทางไปก็มิได้ทำอันตรายกับไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน ราษฎรชาวบ้านพากันสรรเสริญซ้องกั๋งทุกตำบล ซ้องกั๋งจึงให้แยกพวกพ้องและไพร่พลเป็นสามกองยกตรงไปตำบลเขาเนียซัวเปาะ เตียวไก่กับพี่น้องเหล่านั้นจึงชวนกันมาคอยรับ พอซ้องกั๋งไปถึงที่ชุมนุม ซือจิน จูบู๊ ตันตัด เอียชุนก็คำนับเตียวไก่กับพวกพ้องเหล่านั้นแล้ว เตียวไก่ให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงเป็นอันดี ซ้องกั๋งจึงเล่าความซึ่งยกไปช่วยซือจินกับหลวงจีนลูตีซิมให้เตียวไก่ฟังตั้งแต่ต้นจนปลายทุกประการ

เตียวไก่กับพี่น้องก็มีความยินดี จัดที่ให้ซือจิน จูบู๊ ตันตัด เอียชุนอยู่ตามสบาย พอเวลาจวนค่ำต่างคนก็ไปที่อยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าซือจิน จูบู๊ ตันตัด เอียชุนก็จัดโต๊ะและสุรามาสนองคุณ เตียวไก่ ซ้องกั๋งกับพี่น้องเหล่านั้นชวนกันกินโต๊ะเสพสุราเสร็จแล้ว เตียวไก่จึงพูดกับซ้องกั๋งว่า เมื่อน้องไม่อยู่มีเหตุขึ้นสิ่งหนึ่งจะเล่าให้ฟัง จูกุ้ยมาแจ้งความว่า

มีโจรพวกหนึ่งประมาณสามพันเศษ ตั้งซ่องสุมอยู่ ณ เขามงตงซัว แขวงเมืองซือจิว ตัวนายโจรที่เป็นใหญ่นั้นแซ่ฮวนชื่อสุย เรียกว่าฮุนซิมอ๋อง มีวิชาเรียกลมพายุให้เมฆหมอกมืดคลุ้มก็ทำได้ ทหารของฮวนสุยนายโจรใช้เหมือนกับทหารเทพยดา มีนายรองอยู่สองคน คนหนึ่งแซ่หังชื่อชอง เดิมอยู่ตำบลบ้านไพกุ้ยแขวงเมืองซือจิว หรือเรียกว่าปัดปีม่อเซีย ถือโล่มีมีดของวิเศษเหน็บอยู่ยี่สิบสี่เล่ม เรียกว่าปวยต๋อ อีกคนหนึ่งแซ่ลีชื่อกุนหรือเรียกว่าปวยทิไตเซีย ถือโล่ มีมีดเหน็บใช้เหมือนของหังชอง คนทั้งสามสาบานเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่ซ่องสุมอยู่ ณ เขามงตงซัว เที่ยวตีปล้นราษฎรชาวบ้านอยู่เนืองๆ บัดนี้นายโจรคิดอ่านกันจะยกมาตีตำบลเรา พี่คิดจะยกไปปราบปรามก็เห็นว่าน้องยังไม่กลับมาจึงได้ยั้งไว้ บัดนี้น้องมาแล้วที่จะยกไปปราบปรามเอง ซ้องกั๋งได้ฟังก็โกรธจึงพูดว่านายโจรเขามงตงซัวนี้บังอาจนักหนา น้องจะต้องไปอีกสักครั้งหนึ่ง พอพูดดังนั้นซือจินก็ยืนขึ้นคำนับเตียวไก่กับซ้องกั๋งแล้วว่า พวกข้าพเจ้าสี่คนนี้ เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ยังไม่มีความชอบสิ่งใด จะขอคุมไพร่พลของข้าพเจ้าไปปราบปรามโจรเขามงตงซัวสนองคุณท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดียอมให้ซือจินไป จูบู๊ ตันตัด เอียชุนคำนับลามาจัดพวกพ้องไพร่พลพร้อมแล้วก็ยกออกจากเขาเนียซัวเปาะ

ฝ่ายซ้องกั๋ง ครั้นซือจิน จูบู๊ ตันตัด เอียชุนไปแล้ว คิดวิตกด้วยนายโจรทั้งสามมีวิชาการต่างๆ ฝีมือก็เข้มแข็งหาควรไว้ใจไม่ จึงชวนโงวหยง กงซุนสินซินแส ฮวยหยง ซือเหล็งกับพี่น้องอีกหลายคนพากันคุมไพร่พลติดตามไปคอยช่วยเหลือ

ฝ่ายซือจิน จูบู๊ ตันตัด เอียชุนคุมไพร่พลเดินไปได้สามวัน แลเห็นเขามงตงซัว ซือจินรำลึกขึ้นได้แล้วถามจูบู๊ว่า เขามงตงซัวนี้มีมาแต่โบราณเขาเล่าลือกันว่าฮั่นโกโจวฆ่างูใหญ่ตาย แล้วตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ซ่องสุมไพร่พลอยู่ตรงไหนอยากจะใคร่รู้ แล้วคุมไพร่พลตรงไปถึงหน้าเขาจึงให้ไพร่พลตั้งเป็นกระบวนคอยสู้รบนายโจรอยู่

ฝ่ายไพร่พลเขามงตงซัวเห็นกองทัพเขาเนียซัวเปาะยกมา ก็ไปแจ้งความให้โจรทั้งสามฟังทุกประการ ฮวนสุยนายโจรแจ้งความแล้วจึงให้หังชอง ลีกุนคุมพวกบริวารออกไปสู้รบ หังชอง ลีกุนก็คำนับลามาแต่งตัวขึ้นม้าถืออาวุธพาไพร่พลไปถึงก็ไม่พูดจาสิ่งใด ตีหักกระบวนซือจินเข้ามา ซือจินกับพวกพ้องไพร่พลสู้รบต้านทานเป็นสามารถ เห็นเหลือกำลังก็ให้ไพร่พลกองหลังถอยหนีไปก่อน ซือจินกับไพร่พลกองหน้าก็เข้าต้านทานไว้ จูบู๊ ตันตัด เอียชุนพาไพร่พลถอยไปไกลประมาณทางสี่สิบลี้ หังชอง ลีกุนก็ชักมีดปวยต๋อขว้างไป ซือจินหลบทันชักม้าหนี หังชอง ลีกุนไล่ตาม เอามีดปวยต๋อขว้างไปอีกถูกเอียชุน ๆ ก็โดดจากหลังม้าหนีไป จูบู๊ ตันตัดเห็นเสียทีก็ขับม้าหนี กระบวนรบซือจินแตก ไพร่พลถูกมีดปวยต๋อล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือตายก็หนีกระจัดกระจาย หังชอง ลีกุนได้ชัยชนะก็คุมไพร่พลกลับมาเขามงตงซัว ซือจินกับจูบู๊ ตันตัด เอียชุนหนีไปเข้าสมทบกันได้แล้วก็ตั้งค่ายมั่นลงไว้ตรวจดูไพร่พลล้มตายลงครึ่งหนึ่ง ซือจินจึงปรึกษากับพี่น้องสามคนว่า เราจะกลับไปแจ้งความกับซ้องกั๋งดีหรือจะทำประการใด พอแลไปเห็นไพร่พลยกมาทางทิศเหนืออีกพวกหนึ่ง เห็นธงยี่ห้อพวกเขาเนียซัวเปาะยกมาก็ยินดี ครั้นไพร่พลพวกนั้นยกเข้ามาใกล้ เห็นซ้องกั๋งกับฮวยหยง ซือเหล็ง โงวหยง กงซุนสิน ชาจิน จูตง อูเอียนเจียก มกหอง ซึงลิบ อึงซิน ลือฮวง กวยเส็งคุมไพร่พลประมาณสามพัน ซือจินกับพี่น้องทั้งสามก็ออกไปคำนับซ้องกั๋งกับพวกที่มานั้นแล้วเชิญเข้าไปในค่าย ซือจินก็แจ้งความซึ่งสู้รบกับหังชอง ลีกุนให้ซ้องกั๋งและพี่น้องทั้งปวงฟังทุกประการ โงวหยงซินแสจึงพูดว่าจงจัดแจงตั้งค่ายมั่นลงก่อนเถิด แล้วจึงค่อยปรึกษากัน

ขณะนั้นเวลาเย็นจวนค่ำ เห็นบนเขามงตงซัวที่นายโจรตั้งอยู่นั้นจุดโคมสีเขียว กงซุนสินจึงบอกกับซ้องกั๋งว่า นายโจรทั้งสามนี้เห็นจะเป็นพวกที่ใช้ปิศาจ เราจงถอยทัพไปเสียแล้วจึงคิดตั้งกระบวนค่ายรบไว้คอยจับนายโจร ซ้องกั๋งได้ฟังก็สั่งให้ถอนกองทัพไปตั้งค่ายห่างเขามงตงซัวประมาณทางยี่สิบลี้ จึงถามกงซุนสินว่า อุบายของท่านจะคิดตั้งค่ายรบประการใด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ