๗๑

ซ้องกั๋งมีความยินดียิ่งนักจึงพูดขึ้นว่า พี่น้องทั้งปวงตั้งแต่มาอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะก็มิได้เป็นอันตรายสิ่งใด เพราะเทพยดาฟ้าดินอุปถัมภ์พวกเราให้อยู่เย็นเป็นสุข วันนี้เราพี่น้องร้อยแปดคนได้มาอยู่ด้วยกันเป็นบุญหนักหนา ข้าพเจ้ามีการอยู่สิ่งหนึ่งจะพูดให้ฟัง เดิมเตียวไก่เจ้าของตำบลตาย พวกเราก็ได้ยกกองทัพไปแก้แค้น แล้วยกไปตีเมืองอื่นๆ ฆ่าฟันผู้คนล้มตายเสียมากนัก จะต้องจัดการพะเจียทำบุญใหญ่แทนคุณที่เทพยดาฟ้าดินอุปถัมภ์ ถ้ายืดไปเบื้องหน้าขอให้มีความสุขสืบไป บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ฟังก็เห็นชอบ จึงว่าซึ่งท่านคิดนี้ข้าพเจ้าเห็นดีด้วย

โงวหยงซินแสจึงพูดว่าท่านจะทำบุญนั้น ต้องให้กงซุนสินจัดการปลูกเหลาสูงที่จะพะเจียไว้ ทำให้ครบกำหนดเจ็ดวันตามระเบียบโบราณสืบมา ปรึกษากันแล้ว ซ้องกั๋งสั่งให้ปลูกเหลาทำสิ่งของต่างๆ บ้างก็ไปนิมนต์หลวงจีนเจ้าวัดมากับทั้งกงซุนสินรวมสี่สิบเก้ารูป จัดสิ่งของพร้อมแล้วครั้นถึงวันเดือนสี่ขึ้นสิบห้าค่ำเป็นวันดีก็ทำการพะเจีย กงซุนสินกับหลวงจีนทั้งปวงก็สวดมนต์แผ่กุศลไปตามธรรมเนียม มีการเล่นสนุกทั่วทั้งตำบล ครั้นพะเจียทำบุญมาถึงวันที่เจ็ดในเวลากลางคืนดึกประมาณสามยามเศษ กงซุนสินยืนสวดมนต์อยู่ข้างหน้าหลวงจีนทั้งปวง ซ้องกั๋งกับพวกพ้องนั่งอยู่พร้อมกัน

ขณะนั้นเกิดอัศจรรย์ฟ้าร้องข้างทิศตะวันตกเฉียงเหนือเสียงดังสนั่นเห็นเป็นแผ่นทองสองศีรษะลอยอยู่บนอากาศ แสงสว่างรัศมีส่องลงมาบันดาลเป็นก้อนกลมโตเท่าถังน้ำ สีแดงออกจากแผ่นทองลอยลงมายังที่พะเจีย ทำบุญเวียนรอบหนึ่งแล้ว พลัดตกลงใกล้กับที่พะเจียข้างทิศใต้

ครั้นแล้วบนอากาศก็สิ้นแสงรัศมี บรรดาหลวงจีนทั้งปวงกับซ้องกั๋งและพวกพ้องเหล่านั้นชวนกันไปดูที่ก้อนกลมสีแดงก็ไม่เห็นสิ่งใด ซ้องกั๋งจึงให้ขุดดินลึกสามศอก ได้แผ่นศิลาก็เอาขึ้นมาดู แผ่นศิลานั้นเกลี้ยงทั้งสองหน้า มีอักษรอยู่ในแผ่นศิลาก็ไม่มีผู้ใดรู้จัก หลวงจีนเหล่านั้นชวนกันดูก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอักษรสิ่งใด ยังมีหลวงจีนอีกรูปหนึ่งบอกกับซ้องกั๋งว่า เดิมปู่และบิดาข้าพเจ้ามีอักษรชนิดนี้เล่มหนึ่งมอบข้าพเจ้าไว้ เรียกว่าเทียนจือ เปรียบเหมือนหนังสือของบนสวรรค์ ถ้าแปลออกแล้วท่านคงจะรู้ ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดี จึงเอาแผ่นศิลานั้นมาให้หลวงจีนแปล หลวงจีนจึงบอกกับซ้องกั๋งว่าอักษรในกลางแผ่นศิลานั้นมีชื่อของพวกท่านผู้สัตย์ซื่อด้วยกันทั้งสิ้น แต่อักษรแถวบนสี่ตัวอ่านว่า เทียทีเกยเต๋า แปลว่า ช่วยเทพยดาฟ้าและดินว่ากล่าวการงานเป็นยุติธรรม ถ้าท่านอยากจะดูให้รู้ ข้าพเจ้าจะแปลออกตามอักษรที่เรียงกันเชิญท่านจดจำไว้

ซ้องกั๋งว่าการสิ่งนี้ก็เพราะบุญวาสนาจำเพาะมาพบท่านผู้นักปราชญ์จึงได้รู้จักกัน พูดแล้วก็ให้เซียวเหยียงเอากระดาษเหลืองมาคอยเขียน หลวงจีนผู้นั้นก็แปลอักษรในแผ่นศิลาว่า “ดาวร้อยแปด จุติมาช่วยเทพยดาฟ้าและดินประพฤติการเป็นยุติธรรมตำบลเขาเนียซัวเปาะ คือซ้องกั๋งเรียกว่ากิบสิโหวซ้องกงเหม็งเป็นใหญ่ ถัดลงไปโลวจุนหงีเรียกว่าเง็กขีหลินเป็นที่สอง ที่สามโงวหยงซินแส ที่สี่กงซุนสิน ที่ห้ากวนเส็ง ที่หกลิมชอง ที่เจ็ดฉินเหม็ง ที่แปดอูเอียนเจียก ที่เก้าฮวยหยง ที่สิบชาจิน เป็นลำดับกันลงไปจนถึงตวนเก็งจู๊” เซียวเหยียงจดไว้สิ้นในอักษรครบร้อยแปดชื่อแล้ว ซ้องกั๋งกับพวกพ้องเห็นชื่อเหล่านั้นพร้อมกันก็ยินดียิ่งนักจึงพูดว่า เดิมเราก็เป็นแต่ขุนนางเล็กน้อย ไม่แจ้งว่าเทพยดาจะตกแต่งให้มาอยู่ด้วยกัน เป็นอัศจรรย์มีอักษรในแผ่นศิลาประจุตัวมาแน่นอน จะต้องจัดการให้พวกพ้องว่ากล่าวที่ของตัวตามแผ่นศิลาซึ่งเทพยดาตกแต่งมาจึงจะดี

ครั้นเสร็จการพะเจียทำบุญแล้ว ซ้องกั๋งก็เอาทองคำหนักห้าสิบตำลึงรางวัลให้หลวงจีนผู้ที่แปลอักษร บรรดาหลวงจีนเหล่านั้นก็ให้เงินทองตามสมควร หลวงจีนทั้งหลายก็คำนับลาออกจากตำบลเขาเนียซัวเปาะแยกย้ายกันกลับไป ซ้องกั๋งสั่งให้จัดการปลูกค่ายและตึกบ้านเรือนขึ้นเป็นอันมากให้พวกพ้องอยู่ตามหมู่กัน ผู้ใดว่าการไม่สู้แข็งแรงก็ให้พวกที่มาใหม่เข้าช่วยว่ากล่าว เครื่องศัสตราวุธและเรือรบเล็กใหญ่ไม่พอใช้ก็ให้สร้างขึ้นอีกค่าย ที่รายรอบตำบลก็จัดให้พวกพ้องไปรักษาอยู่เข้มแข็ง การที่จะรักษาตำบลก็เรียบร้อยปกติ ครั้นรุ่งขึ้นเช้า ซ้องกั๋งจึงประชุมตามบรรดาพวกพ้องมาพร้อมกันยังตงงิตึงที่ชุมนุมแล้วพูดว่า เราทั้งหลายเป็นคราวพวกเดียวมาพบปะรวบรวมอยู่พร้อมกันดังนี้ จำจะต้องประสานให้เป็นใจเดียวร่วมทุกข์และร่วมสุขกันตามในอักษรที่เทพยดาตกแต่งท่านทั้งหลายจะเห็นอย่างไร พี่น้องเหล่านั้นก็มีความยินดีพร้อมใจกันตรงเข้าจุดธูปเทียน ซ้องกั๋งก็คุกเข่าคำนับเทพยดาอยู่ข้างหน้า ถัดมาโลวจุนหงีเป็นลำดับพร้อมกันว่า “พวกข้าพเจ้าผู้สัตย์ซื่ออยู่ตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ คือซ้องกั๋งเป็นต้น” บรรดาพวกเหล่านั้นก็ออกชื่อทุกคนจนครบร้อยแปด แล้วว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายขอสาบานต่อเทพยดาฟ้าและดิน เดิมพวกข้าพเจ้าแตกกระจัดกระจายต่างคนต่างไป บัดนี้ได้มารวบรวมอยู่พร้อมเหมือนกับพี่น้องร่วมอุทรฟ้าและดินเป็นบิดามารดาของพวกข้าพเจ้าทั้งร้อยแปด ตั้งแต่วันนี้สืบไปขอให้ใจผูกพันร่วมทุกข์ร่วมสุขตายเป็นด้วยกันเถิด แม้ผู้ใดเอาใจออกห่างไม่คิดถึงความสัตย์ที่สาบาน ขอให้ตายด้วยคมอาวุธต่างๆ เถิด” สาบานแล้วก็แทงนิ้วมือเอาโลหิตใส่ในถ้วยสุราชวนกันดื่มสุราโลหิตนั้นทั่วทุกคน แล้วจัดโต๊ะเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริง แล้วต่างคนก็กลับไปที่อยู่ของตัวตามเดิม

ฝ่ายซ้องกั๋งตั้งแต่เสร็จการทำบุญก็ฝึกหัดทหารให้ชำนาญในกระบวนรบ อยู่มาวันหนึ่งชาวเมืองไลจิวคุมโคมต่างๆ กับดอกไม้เพลิง เดินลัดทางมาหลังเขาเนียซัวเปาะจะไปเมืองหลวง พวกกองตระเวนจับได้ซักถามได้ความแล้ว ก็พาตัวเข้าไปให้ซ้องกั๋งแจ้งความให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งพิเคราะห์ดูลักษณะชาวเมืองไลจิวเป็นคนเรียบร้อย จึงสั่งให้เอาแต่โคมระย้าเก้าดวงไว้จุดบูชาเตียวเทียนอ๋อง ของนอกนั้นคืนให้ปล่อยตัวไปโดยปกติ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าซ้องกั๋งออกนั่งว่าการอยู่ ณ ตงงิตึง พี่น้องทั้งปวงก็ไปประชุมพร้อมกัน ซ้องกั๋งบอกว่าเวลาวานนี้พวกชาวเมืองไลจิวคุมโคมและดอกไม้เพลิงจะขึ้นไปถวายให้จุดบูชาในการพิธีสารท ด้วยพระเจ้าซ้องฮุยจงมีรับสั่งประกาศให้เจ้านายกับขุนนางและราษฎรประกอบการเล่นต่างๆ เป็นที่สนุกรื่นเริงทุกตำบล เราจะไปเที่ยวดูการเล่นให้สบายสักสี่ห้าวันจะกลับมา โงวหยงได้ฟังจึงพูดว่า ตัวท่านนี้อุปมาเหมือนหนึ่งเสือต้องอยู่ป่า จะเข้าไปในเมืองหลวงเป็นที่ประชุมแห่งมนุษย์นั้น ข้าพเจ้าเกรงจะมีเหตุภัยต่างๆ ซ้องกั๋งตอบว่าซึ่งท่านทัดทานก็ชอบแล้ว แต่เราคิดว่าจะปลอมเป็นพ่อค้าเข้าไปดูการเล่นแต่เวลากลางคืน ครั้นรุ่งสว่างเข้าซุ่มอาศัยอยู่ตามโรงเตี๊ยมเห็นจะไม่มีใครสงสัย โงวหยงว่าถ้าคิดหลบหลีกได้ก็คงไม่เกิดความ ซ้องกั๋งจึงสั่งซือจิน มกหอง จูตง เล่าตง สวมใส่เครื่องแต่งกายให้โอ่โถงแยกกันไปทางละสองนาย ให้ลูตีซิม บู๊สง แต่งตัวเป็นหลวงจีนไปทางหนึ่ง ให้ไตจงแต่งตัวเหมือนข้าราชการไปทางหนึ่ง ซ้องกั๋งกับชาจินแต่งตัวเป็นพ่อค้าเอาเงินทองติดตัวพอใช้สอยแล้วแยกไปทางหนึ่ง กำหนดประจบกัน ณ ประตูเมืองหลวงทั้งสิ้น แล้วสั่งให้โงวหยงกับพี่น้องทั้งปวงอยู่รักษาค่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ