- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
- ๑๐๑
- ๑๐๒
- ๑๐๓
- ๑๐๔
- ๑๐๕
- ๑๐๖
- ๑๐๗
- ๑๐๘
- ๑๐๙
- ๑๑๐
- ๑๑๑
- ๑๑๒
- ๑๑๓
- ๑๑๔
- ๑๑๕
- ๑๑๖
- ๑๑๗
- ๑๑๘
- ๑๑๙
- ๑๒๐
๖๙
ซ้องกั๋งว่าตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ ทรัพย์สินเสบียงอาหารก็เบาบาง ยังมีเมืองทั้งสองอยู่ข้างทิศตะวันออกเรียกว่าตังเพ็งฮู้เมืองหนึ่ง ตังเซียงฮู้เมืองหนึ่งมีทรัพย์สินเสบียงอาหารก็บริบูรณ์ ข้าพเจ้ากับเศรษฐีจะเสียงทายชักไม้ติ้วว่า จะถูกเมืองไหนก็ยกกองทัพไปเมืองนั้น ขอยืมเงินทองเสบียงอาหารมาใช้ที่ตำบลเราแต่โดยดี แม้นเมืองทั้งสองขัดขืนไม่ยอมผู้ใดตีได้กลับมาเขาเนียซัวเปาะก่อน ก็จะยกให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของตำบล
โลวจุนหงีจึงว่า ท่านพูดดังนั้นไม่ควร ไหนๆ ท่านเป็นเจ้าของตำบลเขาเนียซัวเปาะอยู่แล้ว ข้าพเจ้าไม่ขัดขืนขอทำตามบังคับบัญชาทุกสิ่ง จึงเรียกปวยชวนมาเขียนฉลากสองเมืองจุดธูปเทียนขึ้นเสี่ยงทาย ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีจับคนละอัน ซ้องกั๋งจับถูกเมืองตังเพ็งฮู้ โลวจุนหงีจับถูกเมืองตังเซียงฮู้ บรรดาพี่น้องทั้งปวงก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเสร็จแล้วซ้องกั๋งจัดพวกที่จะยกทัพไป คือลิมชอง ฮวยหยง เล่าตง ซือจิน ซือเหล็ง เอียนสุน ลือฮวง กวยเส็ง ฮั่นทอ เผ็งกี ขงเม่ง ขงเหลียง เกยเตียน เกยโป เฮงเอยโฮ้วกับนางโฮ้วซาเหนีย เตียแช กับนางซึงยีเหนีย ซึงซิน กับนางโกวตัวซอ เจียะย้ง หยกเปาสี เฮงเต็งลัก ตวนเก็งจู๊รวมยี่สิบห้านายกับไพร่พลเดินเท้าและขี่ม้าหมื่นหนึ่ง
แล้วจัดเอาพวกพ้องที่ชำนาญทางน้ำสามนาย คือ อวนเซียวยี อวนเซียวชิด อวนเซียวเหงากับไพร่พลลงเรือรบยกตามไปคอยช่วยให้โลวจุนหงีจัดพวกที่จะยกไป คือ โงวหยง กงซุนสิน กวนเส็ง อูเอียนเจียก จูตง ลุยเหง ซกเถียว เอียจี้ ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊ก ซวนจั่น เชียซือบุ๋น เอียนเช็ง เอี้ยหลิม อาวเผ็ง เลงจิ้น เบ๊หลิม เต็งฮุย ซิอิน ฮวนสุย หังชอง ลีกุน ซิเซียน แป๊ะสิน รวมยี่สิบห้านายกับไพร่พลที่ชำนาญทางน้ำลงเรือรบตามไป นอกจากนั้นให้อยู่รักษาตำบลจัดการเสร็จแล้ว ซ้องกั๋งก็คุมไพร่พลออกจากเขาเนียซัวเปาะตรงไปเมืองตังเพ็งฮู้ โลวจุนหงียกไปเมืองตังเซียงฮู้ ขณะนั้นเดือนสามขึ้นค่ำหนึ่งข้างจีน ทางเดินสะดวกถึงจะสู้รบก็สบายหญ้าฟางก็บริบูรณ์
ฝ่ายซ้องกั๋งยกกองทัพไปถึงตำบลอันซัวติ้น ใกล้จะถึงเมืองตังเพ็งฮู้ ทางยี่สิบลี้ก็ให้ตั้งค่ายพักไพร่พลแล้วจึงพูดว่า เทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมืองตังเพ็งฮู้มีนายทหารผู้หนึ่ง แซ่ตัง ชื่อเผ็ง ชาวเมืองฮ่อตง ฝีมือเข้มแข็งใช้ทวนสองเล่มเป็นอาวุธมีกำลังมากนัก จะต้องมีหนังสือไปพูดจาเกลี้ยกล่อมให้มาสามิภักดิ์เสียโดยดี ถ้าไม่ยอมเราจึงยกทัพไปตีหักเอา จึงถามพวกพ้องว่าผู้ใดจะอาสาถือหนังสือไปได้บ้าง หยกเปาสีคำนับแล้วแจ้งว่าเดิมข้าพเจ้าได้รู้จักชอบพอกับตังเผ็งจะขออาสาถือหนังสือไปเอง เฮงเต็งลักก็ตรงเข้าไปคำนับแล้วว่าข้าพเจ้าเพิ่งเข้ามาสามิภักดิ์ยังไม่มีความชอบสิ่งไร จะขออาสาไปด้วยสักคราวหนึ่ง ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดีจึงเขียนหนังสือมอบให้หยกเปาสีกับเฮงเต็งลักถือไป
ฝ่ายเทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมืองตังเพ็งฮู้ แจ้งว่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาพักอยู่ ณ ตำบลเขาอันซัวติ้น ก็ให้หาตังเผ็งขุนนางตำแหน่งโตวกำนายทหารมาปรึกษา พอหยกเปาสี เฮงเต็งลักไปถึงก็เอาหนังสือส่งให้เทียบ้วนลี้ฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความแล้วก็บอกแก่ตังเผ็งว่า ซ้องกั๋งมีหนังสือมาขอยืมเสบียงอาหารเมืองเรา ท่านจะคิดอ่านประการใดดี
ตังเผ็งได้ฟังก็โกรธร้องตวาดว่า ให้เอาตัวผู้ถือหนังสือทั้งสองไปตัดศีรษะเสีย เทียบ้วนลี้ห้ามว่าโบราณมาเมืองทั้งสองสู้รบกันก็มิได้ฆ่าผู้ถือหนังสือ อย่าทำให้ผิดธรรมเนียมเลย จงเอาตัวไปเฆี่ยนคนละยี่สิบทีแล้วปล่อยให้กลับไป ตังเผ็งได้ฟังจึงสั่งให้ทหารจับหยกเปาสีกับเฮงเต็งลักเฆี่ยนคนละยี่สิบทีแล้วก็ไล่ส่งออกจากเมือง หยกเปาสี เฮงเต็งลักถูกเฆี่ยนตีแตกโลหิตไหลเจ็บปวดยิ่งนัก รีบกลับมาค่ายแจ้งความแก่ซ้องกั๋งทุกประการ ซ้องกั๋งได้ฟังก็โกรธ ครั้นจะยกกองทัพเข้าตีเอาในขณะนั้นก็ยังไม่รู้ท่วงทีจึงได้สู้อดโทโสไว้ จัดให้ไพร่พลพาเอาตัวหยกเปาสี เฮงเต็งลักไปรักษาที่เขาเนียซัวเปาะแล้วตรึกตรองการซึ่งจะตีหักเอาเมือง
ซือจินจึงเข้าไปคำนับซ้องกั๋งแจ้งความว่า เดิมข้าพเจ้าได้ไปมาในเมืองตังเพ็งฮู้มิได้ขาดจนชอบพอรักใคร่อยู่กับนางลีซุยลัน บัดนี้ข้าพเจ้าจะอาสาท่านเอาเงินทองติดเข้าไปใช้สอยสำนักอาศัยที่บ้านนางลีซุยลันจัดการไว้ให้พร้อม ถ้าถึงกำหนดนัดท่านจงยกกองทัพเข้าตีเมือง แม้นตังเผ็งยกออกมาสู้รบกับข้าพเจ้า ๆ จะจุดไฟติดขึ้นข้างใน ไพร่พลคงตกใจแตกตื่นกระจัดกระจายกันไป ท่านจงตีหักเข้าไปก็จะได้ชัยชนะ
ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบด้วย จึงกำชับสั่งซือจินว่าจงจัดการให้ดีพี่จะตระเตรียมไว้คอยท่าถึงเวลากำหนดจะได้ยกไป ซือจินคำนับลามาจัดแจงเงินทองสิ่งของพร้อมออกจากค่ายตรงไปในเมืองตังเพ็งฮู้ ถึงบ้านบิดานางลีซุยลัน ๆ เห็นซือจินก็ตกใจ จึงต้อนรับซือจินขึ้นไปบนเหลาสูงเรียกให้บุตรสาวมาพบกันแล้วจึงถามซือจินว่า ช้านานนักหนาไม่ได้เห็นหน้าเลย ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าท่านไปเป็นไต้อ๋องอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ผู้รักษาเมืองได้ปิดหนังสือจะคอยจับตัวท่าน เมื่อสองเวลานี้ชาวเมืองเลื่องลือกันว่า ซ้องกั๋งยกกองทัพมาจะตีเอาเสบียงอาหาร ตัวท่านเข้าเป็นพวกซ้องกั๋งแล้ว เหตุใดจึงมาที่นี่ไม่เกรงกลัวหรือ
ซือจินบอกว่า เราไปเข้าสามิภักดิ์กับซ้องกั๋งเป็นตัวนายอยู่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะแต่ยังไม่มีความชอบสิ่งใด บัดนี้ซ้องกั๋งยกมาจะตีเมือง เราจึงจะอาสามาสืบข่าวคราวปรารถนาจะคิดการสักครั้งหนึ่ง ท่านรู้เหตุการณ์นี้แล้วอย่าได้บอกเล่ากับผู้ใดเลย ถ้าสำเร็จการแล้วเราจะรับท่านไปให้อยู่เป็นสุขสำราญที่เขาเนียซัวเปาะด้วยกัน
พูดแล้วก็หยิบเอาห่อเงินกับทองคำออกส่งให้บิดานางลีซุยลัน ๆ รับไว้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงซือจินเป็นอันดีเลย แล้วเข้าไปข้างในปรึกษากับนางตัวเหนียภรรยาให้ซือจินอาศัย นางตัวเหนียจึงว่า ถ้าซือจินเป็นคนดีไม่มีโทษก็ไม่เป็นไร บัดนี้ซือจินไปเข้าเป็นพวกโจรไม่เหมือนแต่ก่อน ถ้ามีผู้รู้เกิดเหตุขึ้นจะทำอย่างไร บิดานางลีซุยลันว่า พวกซ้องกั๋งฝีมือเข้มแข็ง ยกมาตีเมืองครั้งนี้ที่จะไม่แตกนั้นไม่มี แม้นเราไปพูดจาออกความ ฉวยว่าบ้านเมืองเสียเราจะมิถูกฆ่าฟันหรือ
นางตัวเหนียได้ฟังก็โกรธจึงพูดว่าไม่คิดถึงตัวเลย ถ้าโทษมีมาจะทำอย่างไร จงเร่งไปฟ้องผู้รักษาเมืองให้มาจับเอาตัวไปเสียโดยเร็วเถิด บิดานางลีซุยลันว่าได้รับเงินทองมานักหนาจะให้ไปฟ้องอย่างไรได้ นางตัวเหนียว่าคนตั้งหมื่นตั้งพันมานั่งกลัวคนๆ เดียวทำไม ถ้าเจ้าไม่ไปก็ตามใจ เราจะไปฟ้องว่าเจ้าก็เป็นพวกไส้ศึกด้วย บิดานางลีซุยลันได้ฟังก็กลัว จึงว่าอย่าเพิ่งโกรธจงบอกกับบุตรสาวให้เกลี้ยกล่อมซือจินไว้อย่าให้สะดุ้งสะเทือนเราจะไปบอกให้มาจับตัว พูดแล้วก็ลงจากเหลาไป
ฝ่ายซือจินนั่งพูดอยู่กับนางลีซุยลัน ครั้นบิดานางลีซุยลันเข้าไปพูดกับภรรยาแล้วลงมา ซือจินจึงถามว่า เราเห็นหน้าท่านไม่สบายมีเหตุการณ์สิ่งใดหรือ บิดานางลีซุยลันว่าเมื่อจะขึ้นไปบนเหลาบุตรสาวเราเหยียบบันไดพลาด ต่างหูตกจะลงไปเก็บ พูดแล้วก็ออกจากบ้านไป ซือจินได้ฟังก็ไม่สงสัย บิดานางลีซุยลันตรงมายังบ้านผู้รักษาเมืองฟ้องตามคำซือจินเล่าให้ฟังทุกประการ เทียบ้วนลี้ก็จัดทหารหลายสิบคนตรงมาล้อมบ้านนางลีซุยลันไว้และตรูกันเข้าจับซือจินได้เอาตัวไปยังบ้านผู้รักษาเมือง เทียบ้วนลี้เห็นซือจินก็โกรธจึงด่าว่าโจรนี้บังอาจนัก ปลอมเข้ามาในเมืองแต่ผู้เดียวจะคิดกระทำร้าย นี่หากว่าบิดานางลีซุยลันมาฟ้อง ถ้าหาไม่เรากับพวกราษฎรก็จะพากันได้ความลำบาก ซ้องกั๋งให้มาทำอย่างไรก็รับเสียตามจริง ซือจินไม่พูดจาสิ่งไร ตังเผ็งจึงว่า พวกโจรใจร้ายถ้าไม่เฆี่ยนตีที่ไหนจะรับ เทียบ้วนลี้ร้องสั่งให้พวกผู้คุมเฆี่ยนซือจินร้อยหนึ่งจนสลบไป ตังเผ็งสั่งให้จำคาเอาไปขังคุกไว้ ถ้าจับตัวซ้องกั๋งได้จะส่งเข้าไปพร้อมกัน
ฝ่ายซ้องกั๋งครั้นซือจินรับอาสาไปแล้ว ก็มีหนังสือให้คนถือไปเมืองตังเซียงฮู้ บอกให้โงวหยงซินแสรู้เรื่องความ
ฝ่ายโลวจุนหงีกับโงวหยงซินแสและพวกพ้องไพร่พลยกกองทัพไปใกล้จะถึงเมืองตังเซียงฮู้ก็ตั้งค่ายมั่นลงไว้ พอคนใช้ของซ้องกั๋งเอาหนังสือเข้าไปให้ โงวหยงรับมาฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความว่าซือจินลอบเข้าไปในเมืองตังเพ็งฮู้ สำนักอยู่ที่หญิงคนเล่นบ้านลีซุยลันก็ตกใจ บอกให้โลวจุนหงีรู้แล้วโงวหยงซินแสก็ออกจากค่ายในเวลากลางคืนตรงมาที่ค่ายเมืองตังเพ็งฮู้ ถามซ้องกั๋งว่าผู้ใดใช้ให้ซือจินไป ซ้องกั๋งบอกว่าซือจินรับอาสาว่าเคยไปสำนักอาศัยได้รักใคร่หญิงคนเล่นที่นั่นด้วย โงวหยงบอกว่าท่านไม่ตรึกตรองเสียก่อน แม้นข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนจะได้ไป ธรรมดาบ้านหญิงคนเล่นสำนักอาศัยไม่ได้ ซือจินไปครั้งนี้คงจะเสียทีเป็นแน่
ซ้องกั๋งจึงว่า ถ้ากระนั้นจะคิดอุบายแก้ไขประการใด โงวหยงว่า บัดนี้บ้านเมืองก็รักษาตรวจตราเข้มแข็งเข้าออกยากนัก จะต้องให้นางโกวตัวซอปลอมเป็นคนแก่ขอทานไปคอยอยู่ตามทาง ทางนี้ท่านจงจัดพวกพ้องไพร่พลยกไปตีหักตำบลบุนเซียงกุ้ย ราษฎรตกใจก็คงอพยพหนีเข้าเมืองตังเพ็งฮู้ นางโกวตัวซอจะได้ปลอมเป็นราษฎรเข้าไปสืบการในเมือง ถ้าแจ้งว่าซือจินไม่ต้องโทษจุดไฟติดขึ้นก็เร่งออกมา จะได้ยกกองทัพตีหักเข้าไป แม้นซือจินต้องโทษอยู่ในคุกจงคิดอ่านไปพูดกับผู้คุมขอให้พบกับซือจินบอกให้คิดอุบายในวันสิ้นเดือน ถึงเวลากลางคืนก็จุดไฟขึ้นเป็นสำคัญ พูดแล้วโงวหยงก็ออกจากค่ายรีบกลับไปเมืองตังเซียงฮู้ตามเดิม
ฝ่ายซ้องกั๋งครั้นโงวหยงกลับไปแล้วก็สั่งนางโกวตัวซอให้ปลอมเป็นหญิงขอทานไปคอยอยู่ตามอุบาย จัดให้เกยเตียน เกยโปคุมไพร่พลห้าร้อยยกไปตีตำบลบุนเซียงกุ้ยซึ่งขึ้นกับเมืองตังเพ็งฮู้ เกยเตียน เกยโปคุมไพร่พลออกจากค่ายตรงไปตีตำบลบุนเซียงกุ้ย ก็เข้าตีหักจุดประทัดตีม้าล่อและกลองเสียงอื้ออึง ทหารที่รักษาตำบลก็ออกสู้รบต้านทานไว้ พวกราษฎรเห็นดังนั้นก็ตกใจพากันอพยพทิ้งบ้านเรือนชวนกันหนีเข้าเมืองตังเพ็งฮู้ นางโกวตัวซอก็ปลอมเข้าในหมู่ราษฎรเดินตามไปเข้าเมืองตังเพ็งฮู้ได้ เกยเตียนเกยโปเห็นพวกราษฎรแตกหนีเข้าเมืองแล้วก็ยกกองทัพกลับมาค่าย นางโกตัวซอเที่ยวสืบแจ้งว่าซือจินต้องจำขังอยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้า นางโกวตัวซอเที่ยวขอทานได้อาหารก็ตรงไปยังคุก พบผู้คุมเดินออกมาจึงคุกเข่าลงคำนับแล้วแกล้งทำเป็นร้องไห้
ผู้คุมเห็นดังนั้นจึงถามว่า หญิงขอทานมาร้องไห้อยู่ที่นี่ทำไม นางโกวตัวซอบอกว่า ซือจินนายเก่าของข้าพเจ้าจากกันมาประมาณสิบปีเศษ บัดนี้ต้องขังอยู่ในคุกไม่แจ้งโทษทัณฑ์สิ่งใด ผู้จะส่งอาหารก็ไม่มีอดอยากนักหนา ข้าพเจ้าจึงเที่ยวขอทานได้อาหารมาจะขอเข้าไปให้ซือจินรับประทาน ผู้คุมว่า ซือจินเป็นพวกโจรตำบลเขาเนียซัวเปาะโทษถึงตายเข้าไปไม่ได้ นางโกวตัวซอว่าโทษของซือจินนั้นจะฆ่าฟันประการใดก็ตาม แต่ซือจินเป็นนายเก่ามีคุณอุปการะอยู่กับข้าพเจ้า จึงจะขออาหารเข้าไปให้รับประทานสนองคุณสักครั้งหนึ่ง พูดแล้วก็ทำเป็นร้องไห้กลิ้งเกลือกร่ำไรไป
ผู้คุมได้ฟังจึงคิดว่า แม้นผู้ชายยากที่จะนำเข้าไป นี่เป็นหญิงคนเดียวเห็นจะไม่เป็นไร คิดแล้วก็นำนางโกวตัวซอเข้าไปในคุก ซือจินเห็นนางโกวตัวซอมาก็ตกใจไม่อาจพูดสิ่งไร นางโกวตัวซอร้องไห้พลางเอาอาหารป้อนซือจินอยู่
ขณะนั้นพอเจียดคิบผู้กำกับคุกเข้ามาเห็นก็ร้องตวาดว่า คนร้ายโทษถึงตาย ผู้ใดใช้ให้เข้ามาส่งอาหารยังไม่ออกไปเสียโดยเร็วหรือ จะต้องถูกตีด้วยกระบอง นางโกวตัวซอได้ฟังก็กระซิบพูดกับซือจินว่า วันสิ้นเดือนเวลากลางคืนจงจัดการเถิด แล้วก็ออกจากคุกไป ซือจินคิดจะถามอีกก็ไม่ทัน นางโกวตัวซอก็ไปเสียแล้วจึงตรึกตรองการอยู่
ขณะนั้นเดือนสามแรมสิบสี่ค่ำ เจียดคิบทั้งสองนั่งพูดจากันอยู่ที่หน้าคุกว่า วันสิ้นเดือนนี้เปรียบเหมือนสารทจีน เวลาค่ำเราไปซื้อกระดาษเงินทองมาเผาทำบุญเลี้ยงดูกันบ้าง พูดแล้วก็จัดการเซ่นไหว้ทำบุญกินโต๊ะเสพสุราตามสบาย ซือจินได้ฟังเจียดคิบทั้งสองพูดกันก็อยากจะให้ค่ำมืดเสียโดยเร็ว เจียดคิบรองนั้นเมาสุราก็เข้าไปในคุกเรียกซือจินไปที่ริมบ่อน้ำ ซือจินเดินตามไปใกล้จะถึงเห็นได้ทีไม่มีผู้คน ก็แกล้งชี้มือบอกกับเจียดคิบรองว่าผู้ใดเดินมาข้างหลัง เจียดคิบได้ฟังก็เหลียวไปดู ซือจินเอาคาฟาดถูกศีรษะเจียดคิบรองแตกล้มลงขาดใจตาย ซือจินจึงแคะเอาอิฐมาตัดขื่อคาโซ่ตรวนออกแล้วตรงมายังหน้าคุกเห็นเจียดคิบกับพวกผู้คุมเสพสุรามึนเมาอยู่ ก็เข้าไล่ทุบตีพวกผู้คุมล้มตายบ้างวิ่งหนีเอาตัวรอดไปได้บ้าง ซือจินตัดขื่อคาโซ่ตรวนคนโทษในคุกออกทั้งสิ้นประมาณหกสิบคน ตั้งมั่นไว้ไม่อาจจะออกไปคอยให้พวกพ้องยกมาช่วย
ฝ่ายผู้คุมที่แตกตื่นวิ่งหนีไปแจ้งความกับผู้รักษาเมือง เทียบ้วนลี้ได้ฟังก็ตกใจ ให้ไปเชิญตังเผ็งนายทหารมาปรึกษา ตังเผ็งว่าคงมีผู้ร้ายลอบเข้ามาในเมือง จึงจัดให้ทหารไปล้อมโจรผู้ร้ายที่คุกไว้ก่อน ข้าพเจ้าจะไปจับตัวซ้องกั๋งเสียในขณะนี้ ท่านจงรักษาหน้าที่เชิงเทินให้มั่นคง พูดแล้วก็ขึ้นม้าคุมทหารออกจากเมือง เทียบ้วนลี้สั่งให้ทหารและผู้คุมตรงมาล้อมคุกไว้แน่นหนา ซือจินกับพวกคนโทษอยู่ในคุกไม่อาจบุกรุกออกมาได้ พวกทหารและผู้คุมก็ไม่กล้าหักหาญเข้าไป นางโกวตัวซอออกมาคอยอยู่ข้างนอก ครั้นเห็นดังนั้นก็มีความวิตกคอยท่ากองทัพอยู่
ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุ ครั้นเห็นตังเผ็งคุมทหารออกจากเมืองก็รีบไปแจ้งความกับซ้องกั๋งว่า ตังเผ็งยกกองทัพมาใกล้จะถึงอยู่แล้ว ซ้องกั๋งได้ฟังก็สั่งให้จัดกองทัพยกออกมาจากค่าย พอตังเผ็งยกกองทัพมาปะทะกัน ก็ให้แยกทหารเป็นปีกซ้ายขวาตั้งกระบวนรบตังเผ็งขับม้าขึ้นหน้า ซ้องกั๋งขี่ม้ายืนอยู่ในกระบวน เวลาจวนสว่างเห็นรูปร่างลักษณะตังเผ็งดี จึงคิดว่าเราได้ยินข่าวเล่าลือว่าตังเผ็งคนนี้ฝีมือเข้มแข็งนัก การละเล่นต่างๆ ชำนิชำนาญมาก มิเสียแรงที่เกิดมาเป็นชายชาติทหารแท้ สมกับที่เล่าลือตั้งชื่อเรียกว่าซ่างเชียเจียง ตังเผ็งก็ขับม้าตรงมา ซ้องกั๋งจึงสั่งให้ฮั่นทอเข้าสู้รบกับตังเผ็งเป็นสามารถ ซ้องกั๋งยืนดูเห็นฝีมือฮั่นทอเสียเปรียบตังเผ็ง จึงสั่งให้ซือเหล็งเข้าช่วยฮั่นทอ รบได้ประมาณห้าสิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน ซ้องกั๋งเห็นฝีมือตังเผ็งเข้มแข็งกลัวซือเหล็งจะเสียทีก็ตีม้าล่อสัญญาให้หยุดรบ ซือเหล็งก็ชักม้ากลับมาค่าย ตังเผ็งรุกไล่ตรงมาเข้าในขบวน ซ้องกั๋งก็ให้พวกพ้องไพร่พลล้อมตังเผ็งไว้ แล้วกำชับสั่งว่าถ้าเห็นธงยี่ห้อหันไปข้างทิศใดตั้งล้อมไว้ให้แน่นหนา ซ้องกั๋งก็ถือธงขับม้าคอยดูอยู่ ตังเผ็งตกอยู่ในที่ล้อมก็ขับม้าตรงไปหักข้างทิศตะวันออก ซ้องกั๋งก็หันธงยี่ห้อไปข้างทิศตะวันออก พวกพ้องไพร่พลเห็นธงหันทิศไหนก็หันไปป้องกันทิศนั้นไว้แข็งแรง ตังเผ็งก็ชักม้ากลับไปข้างทิศตะวันตก และทิศเหนือ ทิศใต้ตีหักออกไปไม่ได้จนเวลาเย็น ตังเผ็งไม่คิดแก่ชีวิต ตรงเข้าบุกรุกฆ่าฟันขนาบออกไปได้ ซ้องกั๋งก็ไม่ให้ไล่ตาม ตังเผ็งเห็นว่าจะเอาชัยชนะไม่ได้จึงยกกองทัพกลับเข้าเมือง ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพตามไปในเวลากลางคืนและล้อมเมืองไว้แน่นหนา
ฝ่ายเทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมือง มีบุตรสาวอยู่คนหนึ่งยังไม่มีสามี ตังเผ็งใช้ให้เถ้าแก่ไปสู่ขอกับเทียบ้วนลี้เป็นหลายครั้ง เทียบ้วนลี้ไม่ยอมให้เพราะด้วยการเรื่องนี้ตังเผ็งกับเทียบ้วนลี้จึงหมองหมางใจกันอยู่ ครั้นตังเผ็งคุมทหารกลับเข้าเมืองในเวลาเย็น เห็นว่ามีช่องจึงใช้ให้เถ้าแก่ไปสู่ขอต่อเทียบ้วนลี้อีก
เทียบ้วนลี้จึงพูดกับเถ้าแก่ว่าตัวเราเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตังเผ็งเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ จะยกบุตรสาวให้เป็นภรรยาอยู่กินด้วยกันนั้นไม่ควร แต่ครั้งนี้พวกโจรยกกองทัพมาตีบ้านเมืองก็สำคัญ แม้นจะยกบุตรสาวให้เป็นภรรยาในขณะนี้คนทั้งปวงก็จะหัวเราะได้ แต่ให้ตังเผ็งปราบปรามพวกโจรให้ถอยกองทัพกลับไปแล้วจึงจะให้อยู่กินด้วยกัน เถ้าแก่ก็เอาความมาบอกกับตังเผ็งทุกประการ ตังเผ็งยังไม่วางใจ กลัวว่าภายหลังเทียบ้วนลี้จะไม่ยอม ตังเผ็งจึงไม่ใคร่เอาใจใส่ในการทัพนัก
ขณะนั้นซ้องกั๋งยกเข้าล้อมเมืองไว้แน่นหนา จัดให้เฮงเอยโฮ้วกับนางโฮ้วซาเหนีย เตียแชกับนางซึงยีเหนียคุมไพร่ร้อยเศษเอาเชือกไปขึงซุ่มอยู่คอยจับตังเผ็ง แล้วสั่งให้พวกพ้องไพร่พลเข้าตีเมืองในเวลากลางคืนวันนั้น เทียบ้วนลี้แจ้งความก็ตกใจ เร่งให้ตังเผ็งยกออกต้านทาน ตังเผ็งก็แต่งตัวขึ้นม้าคุมทหารออกจากเมือง ซ้องกั๋งยืนอยู่หน้าขบวน เห็นตังเผ็งขับม้าตรงมาก็ร้องตวาดปรารถนาจะให้เกิดโทโส ว่าอะไรกับทหารอย่างนี้ เราลดหย่อนฝีมือให้ไพร่พลของเราถึงสิบหมื่น นายทหารเอกก็ตั้งพัน ถ้าขืนจะสู้รบไปก็คงตายเสียเปล่าจงมายอมสามิภักดิ์เสียโดยดีเถิดจึงจะได้รอดชีวิต
ตังเผ็งได้ฟังก็โกรธยิ่งนัก ขับม้าถือทวนตรงมาแทงซ้องกั๋ง ลิมชอง ฮวยหยง ยืนอยู่ซ้ายขวาก็ออกป้องกันสู้รบกับตังเผ็งได้เพลงหนึ่ง ลิมชอง ฮวยหยงแกล้งทำชักม้าหนี ตังเผ็งก็ขับไล่ ซ้องกั๋งจึงให้ไพร่พลทำแตกกระจัดกระจาย ตัวซ้องกั๋งหนีไปใกล้จะถึงตำบลซัวชุยกุ้ยที่คิดอุบายไว้ มีแต่ต้นหญ้าฟางเป็นพืดไป ตังเผ็งไม่รู้ในอุบายก็ไล่ติดตามซ้องกั๋งจะจับตัวให้ได้
ขงเม่ง ขงเหลียงทำเป็นร้องว่า อย่าฆ่าฟันซ้องกั๋งนายของเราเลย ตังเผ็งได้ฟังก็รุกไล่ไปถึงที่ซุ่มไพร่พลขึงเชือกอยู่ พวกซ้องกั๋งก็กรูกันออกชักเชือกพานเท้าม้าตังเผ็งล้มลง เฮงเอยโฮ้ว นางโฮ้วซาเหนีย เตียแช นางซึงยีเหนียกรูกันออกมาจับตังเผ็ง ถอดหมวกและเสื้อออกแล้วเอาเชือกมัดไว้นำตัวกับม้าและเครื่องศัสตราวุธมาส่งให้ซ้องกั๋ง
ซ้องกั๋งแกล้งตวาดว่า ยังไม่ถอยไปเสียหรือ พูดพลางก็โดดลงจากม้าแก้มัดตังเผ็งออกแล้วถอดเสื้อหมวกที่ตัวใส่ให้ตังเผ็ง พลางพูดว่า ซึ่งข้าพเจ้ามาสู้รบกับท่านครั้งนี้ก็เพราะด้วยเป็นเจ้าของตำบลเขาเนียซัวเปาะจึงได้ยกกองทัพมา พวกพ้องข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินกับท่านขออภัยเสียเถิด ตังเผ็งว่า ซึ่งท่านจับได้ไม่ฆ่าเสียนั้นพระคุณเป็นที่ยิ่ง ข้าพเจ้ายอมสามิภักดิ์แก่ท่านแล้ว เทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมืองคนนี้ ชาวเมืองตังเพ็งกุ้ยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นรูปร่างก็ดีแต่ใจไม่ซื่อตรงคิดเบียดเบียนราษฎรอยู่เนืองๆ ถ้าท่านยอมให้ข้าพเจ้ากลับไปจะเปิดประตูเมืองให้ท่านจงคุมไพร่พลบุกรุกเข้าเมืองเถิด
ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดี สั่งให้เอาสิ่งของและม้าคืนให้ ตังเผ็งแต่งตัวตามเดิมขึ้นม้าเดินไปหน้า ซ้องกั๋งกับไพร่พลทหารตามมาข้างหลัง ครั้นถึงเมืองก็เรียกให้เปิดประตูในเวลากลางคืน พวกทหารที่รักษาประตูไม่แจ้งว่าพวกไหนก็จุดไฟขึ้นดูเห็นตังเผ็งกับทหารกลับมา ก็เปิดประตูทอดสะพานข้ามคูเมืองออกมารับ ตังเผ็งกับทหารก็ขับม้าเข้าเมือง กองทัพซ้องกั๋งบุกรุกตามตังเผ็งไปถึงในเมืองตังเพ็งฮู้ ซ้องกั๋งสั่งไพร่พลไม่ให้ทำร้ายแก่ราษฎร พวกพ้องทั้งปวงก็เข้าฆ่าฟันพวกทหารเป็นตะลุมบอนแตกหนีกระจัดกระจายไปสิ้น
ฝ่ายนางโกวตัวซอรู้ว่ากองทัพเข้าเมืองได้ก็จุดไฟติดขึ้น ตังเผ็งตรงเข้าไล่ฆ่าฟันเทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมืองกับภรรยาญาติพี่น้องล้มตายเอาไว้แต่บุตรสาวของเทียบ้วนลี้คนเดียว ซ้องกั๋งให้หักพังคุกช่วยซือจินออก แล้วสั่งให้เก็บรวบรวมเงินทองเสบียงอาหารในคลังขึ้นบรรทุกเกวียน และจัดให้ไพร่พลคุมไปส่งกับชายแซ่อวนสามคนพี่น้องที่เรือ ซือจินจึงคุมไพร่พลตรงไปที่ประตูไซหมึงข้างทิศตะวันตก จับตัวนางลีซุยลันกับบิดามารดาฆ่าเสียทั้งสิ้น ซ้องกั๋งก็เอาเงินทองของเทียบ้วนลี้ผู้รักษาเมืองออกจ่ายแจกราษฎรที่ถูกไฟ ราษฎรคนใดที่ผู้รักษาเมืองกับขุนนางข่มเหงข่มขี่เอาเงินทอง ก็จับเอาตัวขุนนางผู้นั้นฆ่าฟันเสียเอาเงินทองคืนให้ทุกๆ รายไป ราษฎรทั้งหลายมีความยินดีจึงพากันหากินเป็นปกติ ซ้องกั๋งกับพวกพ้องไพร่พลก็ยกกองทัพออกจากเมืองตังเพ็งฮู้ตรงไปยังค่ายตำบลอันซัวติ้น