๙๐

ซ้องกั๋งกับลูตีซิมและพี่น้องทั้งปวงก็ชวนกันออกจากค่ายตรงไปถึงเขาเงาไทซัว หยุดอยู่เชิงเขาแล้วใช้ให้ทหารไปแจ้งกับหลวงจีนที่วัดว่า ซ้องกั๋งกับพี่น้องจะมาคำนับท่านอาจารย์ หลวงจีนศิษย์เหล่านั้นแจ้งความก็เตรียมการคอยรับ ซ้องกั๋งกับพวกพ้องชวนกันขึ้นเขาเข้าไปในวัดหาตีจินเจียงเล้าอาจารย์ข้างใน ซ้องกั๋งเห็นรูปร่างลักษณะตีจินเจียงเล้าผู้วิเศษงามสมควรเป็นผู้สำเร็จได้จึงคุกเข่าลงกราบไหว้พร้อมกัน ลูตีซิมก็จุดธูปเทียนคำนับตีจินเจียงเล้าแล้วยืนอยู่ข้างหน้า

ซ้องกั๋งจึงพูดว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือว่าท่านนี้อยู่ในธรรมประกอบทั้งศีล จะมาคำนับก็ไม่มีเวลาว่าง ครั้งนี้เจ้าแผ่นดินซ้องให้ข้าพเจ้ายกกองทัพมาปราบข้าศึกเมืองไต้เหลียวเรียบร้อยแล้ว ลูตีซิมผู้น้องจึงชวนข้าพเจ้ากับพี่น้องทั้งปวงมาคำนับท่าน ตีจินเจียงเล้าได้ฟังจึงว่า เราแจ้งอยู่ชื่อของท่านปรากฏว่าซื่อสัตย์กตัญญูอยู่ต่อแผ่นดิน ซึ่งลูตีซิมศิษย์ของเราไปอยู่กับท่านก็เป็นการดี ท่านทั้งปวงจงช่วยกันทำราชการฉลองพระเดชพระคุณเจ้าแผ่นดินสืบไปภายหลังคงจะมีความสุข ซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็คุกเข่าลงคำนับ ลูตีซิมจึงเอาเงินทองสิ่งของให้กับอาจารย์ ตีจินเจียงเล้าว่า เงินทองสิ่งของเหล่านี้ได้มาด้วยการไม่สุจริตไม่ควรเราจะรับ ลูตีซิมอ้อนวอนว่าซึ่งเงินทองนี้เป็นของพระราชทาน ข้าพเจ้าเก็บรวบรวมไว้มิใช่ได้มาด้วยผิดธรรมเนียม ขอท่านจงรับเอาไว้ใช้สอยต่อไปเถิด ตีจินเจียงเล้าอาจารย์เสียอ้อนวอนศิษย์ไม่ได้ก็รับไว้ แล้วบอกกับลูตีซิมว่า เราจะเอาเงินทองของเจ้านั้นสร้างบาลีไว้ในศาสนาให้ลบล้างบาปกรรมที่เจ้าทำให้เบาบางลงไปจะได้สำเร็จเป็นเซียนโดยเร็ว ลูตีซิมได้ฟังก็ยินดีคุกเข่าคำนับอาจารย์ ซ้องกั๋งจึงถามตีจินเจียงเล้าว่า ข้าพเจ้านี้สืบไปจะเป็นประการใดบ้างขอท่านจงชี้แจงให้ทราบ

ตีจินเจียงเล้าผู้วิเศษได้ฟังซ้องกั๋งถามพิเคราะห์ดูก็ทราบความตามการภายหน้า จึงเขียนคำโคลงให้กับซ้องกั๋งมีความว่า “มีนกหมู่หนึ่งบินเป็นวงกลมอยู่บนอากาศ แต่ข้างทิศตะวันออกนั้นแหว่งท่านคิดการสิ่งใดก็คงสมความปรารถนา” ครั้นเขียนคำโคลงแล้วจึงว่า ความที่ท่านถามนานไปข้างหน้าก็คงจะรู้ ซ้องกั๋งได้ฟังคำโคลงไม่แจ้งว่าจะเป็นประการใดจึงอ้อนวอนว่าข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ขอท่านจงชี้แจงให้ทราบ ตีจินเจียงเล้าว่าการสิ่งนี้เป็นความลับจะให้บอกนั้นไม่ได้ ถ้าสืบไปภายหน้าก็คงจะเห็น แล้วพูดกับลูตีซิมว่า ตั้งแต่เจ้าจากเราไปช้านานละการที่จะปฏิบัติทางสำเร็จเสีย อาจารย์จะบอกไว้สืบไปภายหน้าถ้าพบคนชื่อแฮ่ชื่อละก็คงจะจับได้ ถ้าพบปะนํ้าร้องนั่นแหละตัวเจ้าจึงจะสำเร็จเป็นแน่ ลูตีซิมก็คำนับรับคำอาจารย์ ซ้องกั๋งกับลูตีซิมและพี่น้องก็คุกเข่าคำนับลาตีจินเจียงเล้าอาจารย์ออกจากวัดเขาเงาไทซัวตรงมายังค่าย ซ้องกั๋งก็เล่าความที่ตีจินเจียงเล้าผู้วิเศษเขียนคำโคลงทำนายไว้ให้โงวหยงกับโลวจุนหงีฟังทุกประการแล้วซ้องกั๋งก็ให้ยกกองทัพใหญ่เดินไปหลายเวลาถึงตำบลซังลิมโต้ว ซ้องกั๋งอยู่บนหลังม้าเห็นนกหงส์หงันบินแตกตื่นมาเป็นอันดับกันเหมือนกับทุกครั้งก็สงสัยกับได้ยินเสียงทหารอื้ออึงก็หยุดม้าถามว่าเหตุอะไร ทหารแจ้งว่าเอียนเช็งนั้นเพิ่งจะหัดยิงเกาทัณฑ์ครั้นเห็นฝูงนกบินมาเป็นลำดับ เอียนเช็งก็เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกนกตกลงมาตายหลายตัว ทหารพากันสรรเสริญเอียนเช็งอยู่อื้ออึง ฝูงนกก็แตกตื่นกระจายไป ซ้องกั๋งแจ้งความก็ให้หาเอียนเช็งมา เห็นนกตายอยู่บนหลังม้าเอียนเช็งหลายตัว ซ้องกั๋งจึงถามว่านกที่บินมาเจ้ายิงหรือ เอียนเช็งตอบว่า ข้าพเจ้าเพิ่งหัดยิงเกาทัณฑ์เห็นนกบินมาฝูงหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ยิง จำเพาะถูกนกตกลงมาตาย ฝูงนกก็แตกกระจายบินไป ซ้องกั๋งจึงว่าเกิดมาเป็นชายชาติทหารต้องฝูกหัดธนูและเกาทัณฑ์นั้นควรแล้ว ถ้ายิงนกถูกก็จัดว่าเป็นมือแม่น แต่เราพิเคราะห์ดูฝูงนกจำพวกนี้ไม่ควรจะยิงให้ตายด้วยประกอบการอันดีมีเมตตาจิตและสัตย์ซื่อกตัญญูรู้ขนบธรรมเนียมเหมือนมนุษย์ ก็จัดเอาเป็นนกอันประเสริฐ ถ้าถึงฤดูหนาวก็พากันบนไปหากันข้างทิศใต้ ครั้นฤดูร้อนก็ชวนกันบนมาหากันข้างทิศเหนือ แม้นจะบินไปทิศใดพบนกอื่นพลัดคู่ก็มิได้ทำอันตรายจึงเรียกว่ามีเมตตาจิต แม้นนกจำพวกนี้พลัดคู่ก็สู้ตาย มิได้สามัคคีรสกับนกอื่นจึงเรียกว่าซื่อตรง ถ้าบินไปทั้งฝูงก็เป็นลำดับกันจึงเรียกว่ารู้ธรรมเนียม ครั้นถึงฤดูหนาวและร้อนจะไปหากินทิศเหนือและทิศใต้ก็ต้องบินไปทางด่านหงันมึงกวน ลอดประตูไปมามิได้บินข้ามด่าน จึงเรียกว่ากตัญญูรู้คุณพระเจ้าแผ่นดิน แม้นว่าถึงฤดูใดก็ชวนกันบินไปหากินตามทิศมิได้ผิดฤดู จึงเรียกว่ามีความสัตย์ ซึ่งนกนี้ประพฤติการดี จึงได้ซื่อว่านกหงส์หงันเขาก็เที่ยวหากินบินไปมาเปรียบเหมือนพวกเราพี่น้องทั้งหลาย ผู้ใดทำอันตรายก็สู้ตายด้วยกันที่ไหนจะนิ่งอยู่ได้ ตั้งแต่นี้ไปอย่ายิงนกพวกนี้อีกเลย เอียนเช็งได้ฟังก็จนใจด้วยได้ยิงแล้วก็นิ่งอยู่

ขณะนั้นเวลาจวนเย็น ซ้องกั๋งพักกองทัพอยู่ที่ต้นทางซังลิมโต้ว มีความอาลัยถึงนกที่เอียนเช็งยิงตายยิ่งนัก จึงเสพสุราให้เมาแล้วก็เข้านอน รุ่งขึ้นเช้าก็ยกกองทัพออกจากตำบลซังลิมโต้วเดินทางไปสู่ทิศใต้หลายสิบวันไม่มีเหตุการณ์ จนกระทั้งกองทัพก็ถึงเมืองตังเกีย ซ้องกั๋งตั้งค่ายพักทหารอยู่นอกประตูตังหัวหมึงข้างทิศตะวันออกคอยฟังรับสั่ง

ฝ่ายซกไทอวยกับเตียวคูมิดซึ่งซ้องกั๋งให้ล่วงหน้ามาถึงเมืองตังเกียก็เข้าเฝ้ากราบทูลความชอบของซ้องกั๋งให้พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทรงทราบทุกประการแล้วทูลว่า บัดนี้ซ้องกั๋งยกกองทัพกลับมาถึงแล้ว พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ฟังก็มีพระทัยยินดี รับสั่งให้หาซ้องกั๋งกับพวกทหารเข้ามาเฝ้ายังพระที่นั่งบุนเต๊กเต้ย ซ้องกั๋งกับนายทหารก็คุกเข่าถวายบังคมพร้อมกัน พระเจ้าซ้องฮุยจงจึงตรัสกับซ้องกั๋งว่า การศึกครั้งนี้สำเร็จก็เพราะท่านเห็นแก่แผ่นดินจึงปราบเมืองไต้เหลียวได้ ความชอบของพวกท่านมีมากนัก ซ้องกั๋งจึงกราบทูลว่าพวกข้าพเจ้าปราบข้าศึกเรียบร้อยครั้งนี้ก็เพราะบารมีของพระองค์จึงได้เสร็จการคีก พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังจึงตรัสถามขุนนางทั้งปวงว่า ซ้องกั๋งกับพวกทหารมีความชอบจะเลื่อนยศให้ประการดี

ซัวเกีย ท่องกวนขุนนางพวกกังฉินกราบทูลว่าซ้องกั๋งกับพวกทหารมีความชอบมากก็จริงอยู่ แต่บ้านเมืองทุกวันนี้เกิดโจรชุกชุมยังไม่เรียบร้อย ขอพระองค์จงตั้งให้ซ้องกั๋งเป็นขุนนางนายทหารกับพวกพ้องเหล่านั้นก็เลื่อนยศให้แต่พอควรก่อน ถ้าแม้นบ้านเมืองเรียบร้อยปกติแล้วจึงค่อยตั้งให้เป็นใหญ่ต่อไป พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ฟังก็เห็นชอบจึงเลื่อนยศให้ซ้องกั๋ง โลวจุนหงีเป็นขุนนางนายทหารใหญ่กับเลื่อนยศให้นายทหารทั้งปวงพอสมควรแล้วพระราชทานเสื้อเกราะทองให้ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงี แต่ทหารเหล่านั้นพระราชทานเสื้อหมวกตามธรรมเนียม แล้วรับสั่งให้ซ้องกั๋งกับพวกทหารตั้งค่ายพักอยู่นอกเมืองตังเกียก่อน ซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็คุกเข่าลงคำนับรับที่ตั้งกับของพระราชทานแล้วถวายบังคมลากลับมาค่ายคอยฟังข่าวราชการต่อไป

ขณะนั้นบ้านเมืองก็แปรปรวนเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมต่างตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่คือฮองละอยู่ข้างทิศใต้ ซันโฮ้วอยู่ข้างทิศเหนือ อองเข่งอยู่ข้างทิศตะวันตก ซันโฮ้วนั้นมีน้องสองคนชาวเมืองซิมจิวที่ตำบลบ้านอานหงวน ซันโฮ้วเป็นช่างลงรักหาเลี้ยงชีวิตอยู่ ผู้รักษาเมืองซิมจิวกดขี่ราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนจึงคบคิดกันเป็นโจร ซันโฮ้ว ซันปิว ซันชิด พี่น้องสามคนแต่งความจึงตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมกันขึ้นเป็นก๊กเป็นหมู่ ราษฎรเมืองซิมจิว เมืองเล่งจิว เมืองซุยจิวก็ชวนกันเข้าเกลี้ยกล่อมยกซันโฮ้วขึ้นเป็นนาย มีไพร่พลประมาณหมื่นเศษ คบคิดกันจะฆ่าผู้รักษาเมืองและซัวเกีย ท่องกวนเสีย ด้วยคนเหล่านี้ทำให้ราษฎรคับแค้นมาก ครั้นสืบมาซันโฮ้วกับน้องสองคนแย่งชิงเอาเมืองซิมจิวได้ ก็ตั้งตัวขึ้นเป็นไต่อ๋อง จัดตั้งขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋น ฝ่ายบู๊กับทหารไพร่พล ให้รักษาด่านทางไว้หลายตำบล แล้วก็ยกกองทัพเข้าตีเมืองลิมเล่งกุ้ยซึ่งขึ้นกับเมืองเล่งจิว ผู้รักษาเมืองมีความกลัวจึงเกณฑ์ราษฎรชาวเมืองเข้าสมคบกันกับพวกทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินประตูเมืองไว้มั่นคง ซันโฮ้วไต้อ๋องคุมไพร่พลเข้าหักกำแพงเมืองอยู่ทุกเวลา ผู้รักษาลิมเล่งกุ้ยจึงมีหนังสือบอกข้อราชการเข้าไปยังเมืองตังเกียให้ขุนนางเจ้าพนักงานนำขึ้นกราบทูลขอกองทัพยกขึ้นมาช่วยโดยเร็ว เจ้าพนักงานก็นำหนังสือบอกไปแจ้งแก่ซัวเกียไทซือขุนนางผู้ใหญ่ ซัวเกียจึงปรึกษากับกอกิว ท่องกวนแล้วก็นำข้อความขึ้นกราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ว่า บัดนี้ผู้รักษาเมืองเล่งจิวบอกเข้ามาว่า ซันโฮ้วนายโจรยกกองทัพมาตีเมืองลิมเล่งกุ้ยเขตแดนเมืองเล่งจิว ขอกองทัพยกไปช่วย พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังจึงตรัสว่า ศึกเมืองไต่เหลียวเพิ่งจะเรียบร้อย ทหารและไพร่พลยังเหน็ดเหนื่อยอยู่ บัดนี้ซันโฮ้วนายโจรทิศเหนือมีใจกำเริบยกเข้าตีหักเมืองลิมเล่งกุ้ยเราจะคิดประการใด ซกไทอวยกราบทูลว่าขอพระองค์จงรับสั่งให้ซ้องกั๋งยกกองทัพไปกำจัดโจรเสียก็คงจะสำเร็จโดยง่าย พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบ

ขณะนั้นพอหนังสือบอกเมืองทิศใต้และฝ่ายตะวันตกเข้ามาว่าฮองละและอองเข่งคุมพวกโจรจะยกมาตีเมือง ขุนนางเจ้าพนักงานนำขึ้นกราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ตกพระทัยจึงตรัสว่า เมืองฝ่ายเหนือเกิดโจรขึ้นก็ได้ซ้องกั๋งยกไปปราบปรามแล้ว แต่บัดนี้มีหนังสือบอกเมืองข้างทิศใต้และฝ่ายตะวันตกว่าฮองละและอองเข่งนายโจรกำเริบจะยกเข้าตีบ้านเมือง จะได้ผู้ใดยกกองทัพไปกำจัดพวกโจรทั้งสองตำบล ท่องกวนกราบทูลว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้ารับราชการก็ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดเงินเดือนอยู่ แต่ยังไม่มีความชอบต่อแผ่นดิน จะขออาสายกกองทัพไปปราบปรามฮองละนายโจรข้างใต้ฉลองพระเดชพระคุณ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี จึงตั้งให้ท่องกวนเป็นที่แม่ทัพใหญ่ พระราชทานธงอาญาสิทธิ์ให้เกณฑ์ทหารหัวเมืองยกไปกำจัดพวกโจร ท่องกวนคุกเข่าคำนับรับธงอาญาสิทธิ์ที่แม่ทัพแล้วก็กราบถวายบังคมลาออกมาให้คูมิดไซ่เกณฑ์ทหารหัวเมือง ๆ ละสองหมื่น ยกไปตั้งคอยอยู่ ณ เมืองเอียงจิวก่อน แล้วท่องกวนเกณฑ์ทหารรักษาพระองค์อีกสองหมื่น ให้ปิดเสง ฮงมุย เป็นปีกซ้ายขวากับให้เตียวถำเฮงปินนายทหารทั้งสองคุมทหารสามหมื่นห้าพันเป็นทัพหน้ายกล่วงไปก่อน ครั้นรุ่งขึ้นเช้าท่องกวนก็จัดนายทหารสี่สิบห้านายยกออกมาจากเมืองตังเกียไปสมทบกองทัพ ณ เมืองเอียงจิว รวมทหารสามสิบสามหมื่นพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารยกกองทัพออกจากเมืองเอียงจิวเดินทางตรงไปกังหนำข้างทิศใต้

ฝ่ายพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จออกพระที่นั่งกิมล่วนเต้ย รับสั่งให้หาซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีเข้าเฝ้า จึงตรัสว่าซึ่งพวกท่านเห็นแก่แผ่นดินช่วยปราบข้าศึกมีความชอบมาก แต่ครั้งนี้พวกโจรข้างทิศเหนือกำเริบมากขึ้น ตีเอาบ้านเมืองไว้หลายแห่ง ท่านยกกองทัพไปกำจัดซันโฮ้วเสีย ถ้าสำเร็จศึกกลับมาเราจะเลื่อนยศให้เป็นใหญ่ขึ้นไปอีก ซ้องกั๋งถวายบังคมแล้วกราบทูลว่า ซึ่งพระองค์ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงพวกข้าพเจ้าทั้งนี้พระคุณหาที่เปรียบมิได้ จะขอทำราชการฉลองพระเดชพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี จึงพระราชทานดอกไม้ทองให้ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีคนละกิ่งกับสุราคนละสามถ้วย ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีรับดอกไม้ทองของพระราชทานกับสุรามาแล้ว ก็กราบถวายบังคมลากลับมาค่ายแจ้งความให้พี่น้องทั้งปวงฟัง

ซ้องกั๋งจึงพูดว่า ซึ่งจะยกกองทัพไปปราบปรามซันโฮ้วนายโจรข้างฮ่อปักทิศเหนือนั้นไม่เหมือนกับเมืองไต้เหลียวเมื่อครั้งก่อน ทางที่จะยกกองทัพเดินไปก็กันดาร ประการหนึ่งไพร่พลของซันโฮ้วฝีมือเข้มแข็งชำนาญในการรบถ้าจะยกไปต้องคิดให้ชอบกลจึงจะได้ชัยชนะ แล้วสั่งให้ลี้จุน เตียหวย เตียสุนกับทหารที่ชำนาญทางน้ำเตรียมเรือรบไว้ พอขุนนางถือหนังสือมาถึงซ้องกั๋งกับพวกทหารก็ออกรับเชิญเข้าไปในค่าย คุกเข่าคำนับหนังสือรับสั่งแล้วขุนนางผู้นั้นก็เปิดผนึกออกอ่านใจความว่า “เจ้าแผ่นดินซ้องกั๋งให้ซ้องกั๋งเป็นแม่ทัพใหญ่ให้โลวจุนหงีเป็นแม่ทัพรอง ให้กวนเส็งกับอูเอียนเจียกเป็นเซียนฮองนายทหารทัพหน้าซ้ายขวา ตั้งนายทหารเหล่านั้นเป็นชั้นลงมาให้ยกกองทัพไปกำจัดข้าศึกฮ่อปักทิศเหนือ ถ้าซ้องกั๋งยกไปถึงเมืองใด ถ้าจะต้องการใช้เงินทองสิ่งของและเสบียงอาหาร ก็ให้ผู้รักษาเมืองจัดให้อย่าได้ขัดขวาง” อ่านแล้วมอบหนังสือให้ซ้องกั๋งลากลับเข้าเมืองตังเกีย ซ้องกั๋งก็จัดกองทัพพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารยกกองทัพไป

ขณะนั้นฮองโพวตวนจึงแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ข้าพเจ้ามีพวกพ้องรักใคร่อยู่ผู้หนึ่ง แซ่โค้วชื่อกวนตง เป็นชาวเมืองเค็กเฮียงแขวงฮ่อปักทิศเหนือ เดิมทีโค้วกวนตงพบกับข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่า ซันโฮ้วได้หาตัวโค้วกวนตงไปสร้างบ้านเมืองตึกเก๋งทั้งปวงพร้อมแล้ว โค้วกวนตงสามิภักดิ์อยู่กับซันโฮ้ว ครั้นนานมาซันโฮ้วผู้เป็นใหญ่ประพฤติการไม่เป็นยุติธรรม โค้วกวนตงจึงกลับมาอยู่บ้านหาเลี้ยงชีวิตตามเดิม ฝึกหัดเพลงอาวุธชำนิชำนาญฝีมือเกาทัณฑ์แม่นนัก ได้เป็นขุนนางอยู่ ณ เมืองเค็กเฮียงสืบมา ถ้าท่านใคร่จะรู้การของซันโฮ้วต้องหาตัวโค้วกวนตงมาถามดูก็คงทราบทั้งสิ้น ซ้องกั๋งได้ฟังดีใจจึงใช้ให้ฮองโพวตวนไปหาตัวโค้วกวนตงมา ฮองโพวตวนก็คำนับลารีบไปก่อน กองทัพถึงฮ่อปักทิศเหนือตำบลซินหงีฮองบ้านโค้วกวนตงพบปะจึงไต่ถามถึงความเดิมแล้วพูดว่า บัดนี้ซ้องกั๋งถือรับสั่งพระเจ้าแผ่นดินซ้องยกกองทัพมาปราบปรามซันโฮ้วนายโจรทิศเหนือ ด้วยซ้องกั๋งพี่ของข้าพเจ้ายังไม่ชำนาญในแขวงนี้จึงให้มาเชิญน้องไปปรึกษาราชการ โค้วกวนตงแจ้งความจึงตอบว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือมาว่า ซ้องกั๋งนั้นเป็นชายชาติทหารแท้สัตย์ซื่อกตัญญูหาที่เปรียบไม่ได้ ใจข้าพเจ้าอยากจะใคร่ไปคำนับช้านานแต่ไม่แจ้งว่าซ้องกั๋งอยู่ตำบลใด บัดนี้เจ้าแผ่นดินซ้องรับสั่งให้ซ้องกั๋งยกกองทัพมากำจัดซันโฮ้วนั้นดีแล้ว ก็ออกจากบ้านมากับฮองโพวตวนหลายวันจนถึงกองทัพ

ขณะนั้นซ้องกั๋งพักทหารอยู่ตามทาง ฮองโพวตวนพาโค้วกวนตงมาถึง ซ้องกั๋งแจ้งความก็ต้อนรับเชิญโค้วกวนตงเข้าไปในค่ายจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงเป็นที่สบาย ซ้องกั๋งพิศดูรูปร่างลักษณะโค้วกวนตงสมควรเป็นทหารก็มีความยินดีเสพสุราพลาง จึงถามโค้วกวนตงว่า ฮองโพวตวนแจ้งกับข้าพเจ้าว่า ท่านเป็นคนรักใคร่ชอบอัชฌาสัยกันมาช้านาน แต่เดิมทีนั้นท่านไปสามิภักดิ์อยู่กับซันโฮ้วย่อมรู้การงานทั้งปวงข้าพเจ้าก็ยินดีด้วย ครั้งนี้พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้รับสั่งให้ยกกองทัพมาปราบปรามซันโฮ้ว ข้าพเจ้ายังไม่แจ้งเหตุผลตำบลบ้านเมืองประการใด ขอท่านจงช่วยชี้แจงให้ทราบ

โค้วกวนตงได้ฟังจึงหยิบเอาแผนที่เมืองข้างทิศเหนือออกมาส่งให้ ซ้องกั๋งถามว่า ซึ่งแผนที่นี้ท่านได้มาแต่ไหน โค้วกวนตงว่าเดิมข้าพเจ้าสามิภักดิ์อยู่กับซันโฮ้ว ครั้งนั้นการศึกสงครามมีมาก ซันโฮ้วใช้ให้ขุนนางเที่ยวทำแผนที่ฮ่อปักเมืองข้างทิศเหนือ ข้าพเจ้าตามไปจึงได้รู้ ถ้ายกกองทัพไปทางบกและทางเรือ แม้นไม่รู้จักที่ตำบลบ้านเมืองจงเอาแผนที่นี้ออกดูคงจะรู้แจ้ง ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีจึงถามโค้วกวนตงว่า กองทัพนั้นจะยกเข้าทางปากน้ำไหน โค้วกวนตงบอกว่าปากน้ำแชะหอนี้เรือเดินสองเวลา ก็ถึงแม่น้ำถอหอ ทิศตะวันออกมีเมืองเกียมเสียกุ้ยกับเมืองรายทางอีกหลายตำบล จนถึงทะเล ถ้ายกทัพเรือไปเห็นจะไม่ได้ตลอด บัดนี้ซันโฮ้วตีหักได้แต่เมืองดอน ถ้าจะยกกองทัพไปต้องจัดทหารม้ายกเข้าประดังตีทางบกจึงจะเอาชัยชนะได้ ซ้องกั๋งแจ้งความดีใจจึงชวนโค้วกวนตงให้ไปด้วย โค้วกวนตงว่ามารดาข้าพเจ้าชรามาก ไม่มีผู้ใดปฏิบัติเลี้ยงดูจำจะต้องลากลับไปปฏิบัติรักษามารดาก่อน ถ้าสืบไปภายหน้าจึงจะมาคำนับท่าน ซ้องกั๋งเห็นว่าโค้วกวนตงเป็นคนกตัญญูต่อมารดาจึงเอาทองคำหนักยี่สิบตำลึงกับเงินห้าสิบตำลึงส่งให้โค้วกวนตง ๆ รับทองคำกับเงินก็มีความยินดียิ่งนักคำนับลากลับไปบ้าน ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพเดินทางไปยังเมืองปักเกีย เนียตงซีผู้รักษาเมืองแจ้งความก็ออกมารับเชิญซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีเข้าไปในเมือง จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงกันเป็นอันดีแล้ว ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีก็ลาเนียตงซีออกจากเมือง สั่งให้ตั้งค่ายมั่นพักกองทัพอยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าลี้จุน เตียหวย เตียสุน จัดเรือรบพร้อมก็รีบมาแจ้งกับซ้องกั๋ง

ซ้องกั๋งจึงปรึกษากับโงวหยงซินแสว่าเรือรบนั้นจะคิดอ่านอย่างไรดี โงวหยงตอบว่าโค้วกวนตงบอกไว้ซึ่งกองทัพเรือนั้นไปไม่ตลอด จะต้องจัดให้นายทหารไปตั้งรักษาอยู่ปากถ้ำและเมืองเล่งจิวก่อน ท่านกับข้าพเจ้ายกกองทัพไปทางบกดูว่าซันโฮ้วจะคิดประการใด ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบจึงจัดให้กวนเส็ง จูบู๊ เชียซือบุ๋น ลิมชอง เม่งคง โฮ้วเกียน เอียนเช็ง เปาหยก หังชอง อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิด ทองอุย ทองเม้ง ฮวนสุย ลีตง จิวทอง ลี้จุน เตียหวย เตียสุน ซวนจั่น ซึงซิน นางซึงยีเหนีย ฉินเหม็ง ทึงหลง ปวยชวน ยี่สิบหกนายคุมทหารไปทางเรือ แล้วให้ตั้งมั่นอยู่ ณ เมืองเล่งจิวก่อน ซ้องกั๋งกับนายทหารที่อยู่นั้นก็ยกกองทัพไปยังด่านไต้ทองก๊วนข้างทิศเหนือ

ฝ่ายกวนเส็งกับนายทหารทั้งปวงคุมทหารหมื่นหนึ่งไปถึงเมืองเล่งจิว คอไรซิว ผู้รักษาเมืองแจ้งความก็ออกมาต้อนรับ เชิญกวนเส็งกับพวกทหารเข้าไปในเมืองจัดโต๊ะและสุราเลี้ยงเป็นอันดี กวนเส็งถามว่าซันโฮ้วนั้นคิดอ่านประการใด คอไทซิวบอกว่าซันโฮ้วคุมไพร่พลเข้าตีเมืองลิมเล่งกุ้ยเข้มแข็งนัก ผู้รักษาเมืองเกณฑ์ทหารและราษฎรต้านทานไว้เหลือกำลังนัก เมืองลิมเล่งกุ้ยจวนจะเสียอยู่แล้ว ซันโฮ้วรู้ข่าวว่าพระเจ้าแผ่นดินซ้องให้ยกกองทัพมาก็พากันเลิกกลับไป แล้วซันโฮ้วใช้ให้อ่องเข่ง อองกิด พี่น้องสองคนยกออกมาตั้งมั่นอยู่ ณ เขาไซเล่งซัว อองเข่งคุมไพร่พลมารบหักเอาเขาเมืองเล่งจิวอยู่เสมอมิได้ขาด ข้าพเจ้าก็ให้ขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้เข้มแข็ง ครั้งนี้ท่านทั้งหลายมาถึงก็เป็นบุญของข้าพเจ้าและไพร่บ้านพลเมืองจะมีความสุขสืบไป กวนเส็งแจ้งความถามว่า เขาไซเล่งซัวอยู่ที่ไหน คอไทซิวบอกว่า เขาไซเล่งซัวอยู่ทางทิศตะวันตก ตั้งแต่นี้ไปประมาณทางร้อยลี้

พูดไม่ทันขาดคำ ม้าใช้ก็เข้ามาแจ้งแก่คอไทซิวว่า พวกโจรยกกองทัพมามีไพร่พลสามหมื่นจะเข้าหักเมืองเล่งจิว กวนเส็งได้ฟังจึงพูดกับคอไทซิวว่า ท่านอย่าวิตกข้าพเจ้าจะยกไปสู้รบเอง คอไทซิวก็มีความยินดีเลี้ยงกันเสร็จแล้ว กวนเส็งจัดให้เม่งคงโฮ้วเกียนกับทหารอยู่รักษาเรือรบ กวนเส็งก็คุมทหารออกจากเมืองเล่งจิว แจ้งว่าพวกโจรตั้งค่ายอยู่ทางทิศเหนือจึงสั่งให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้แล้วจัดทหารยกตรงมาถึงกองทัพโจรก็ร้องท้าทายให้พวกโจรออกมารบ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ