๓๓

ฝ่ายซ้องกั๋งไปทางทิศตะวันออกตำบลเซงฮวงแจ ครั้นเดินทางมาหลายวันถึงเนินเขาสูงใหญ่ เวลาจวนค่ำไม่ใคร่จะเห็นทางคิดกลัวเสือขึ้นมา ครั้นจะหยุดนอนใต้ต้นไม้ไม่ได้จึงอุตส่าห์แข็งใจเดินไปสะดุดเชือกที่พวกโจรขึงไว้ล้มลง พวกโจรได้ยินเสียงเกราะที่ผูกไว้กับเชือกดังก็ตรูกันออกมาประมาณสิบห้าคน จุดคบขึ้นเห็นก็ชวนกันจับมัดมา ห่อสิ่งของเงินทองนั้นแย่งชิงเอาไว้เสียแล้วเอาตัวซ้องกั๋งขึ้นไปบนเขามัดแขวนไว้กับเสา พากันพูดว่าไต้อ๋องตื่นจะผ่าเอาหัวใจชายคนนี้มาต้มให้กินจะได้ล้างพิษสุรา ซ้องกั๋งได้ฟังดังนั้นก็เสียใจจึงคิดว่าวาสนาของเราช่างอาภัพเสียจริง ๆ บาปกรรมสิ่งใดเราก็ไม่ได้ทำ หรือเราฆ่านางเงียมผอเสียะนั้นติดตามมาคอยล้างผลาญดอกกระมัง ตัวเราเห็นจะตายที่เขานี้เป็นแน่

ขณะนั้นดึกประมาณสามยาม ฝ่ายไต้อ๋องนายโจรที่หนึ่งแซ่เอียนชื่อสุน เรียกว่ากิมมอโฮ้วเป็นชาวเมืองซัวตั๋ง เดิมเป็นพ่อค้าโคกระบือขาดทุนจึงหนีมาเป็นโจรอยู่ ณ เขาเซงฮวงซัว นายโจรที่สองแซ่อองชื่อเอง คนเหล่านั้นเรียกว่าเอียคาโฮ้วเป็นชาวเมืองห้วยจิว เดิมเป็นทหารเห็นผู้ใดมีเงินทองเดินทางมาก็แย่งชิง ผู้รักษาเมืองจับตัวไปทำโทษจำขังคุกไว้ อองเองหนีได้จึงมาอยู่ด้วยกันที่เขานี้ นายโจรที่สามแซ่แต้ชื่อเทียนซิวเรียกว่าแป๊ะมินลังกุน เป็นชาวเมืองโซจิวฮู้ เดิมเป็นช่างเงินและได้ฝึกหัดเพลงอาวุธฝีมือเข้มแข็ง เดินมาทางนี้ได้ต่อสู้กับอองเองเป็นสามารถ เอียนสุนนายโจรเห็นฝีมือเข้มแข็ง จึงชักชวนแต้เทียนซิวอยู่ด้วยตั้งให้เป็นนายที่สาม ช่วยกันตีปล้นหาเลี้ยงชีวิตต่อมา เวลาคืนวันนั้นนายโจรทั้งสามสร่างเมาสุราเดินออกมา พวกโจรเหล่านั้นก็เข้าไปแจ้งว่า จับได้ชายผู้หนึ่งจะผ่าเอาหัวใจต้มให้ท่านกินแก้พิษสุราดีนัก ไต้อ๋องที่สามจึงพูดว่า ทำมากินดูสักหน่อยจะได้ล้างพิษสุราเสีย พวกโจรเหล่านั้นก็ตักน้ำมารดที่อกซ้องกั๋ง ซึ่งหัวใจคนนั้นมีโลหิตหุ้มห่ออยู่ ถ้าจะกินให้ดีก็ต้องเอาน้ำมารดที่อกให้โลหิตกระจาย คนหนึ่งถือขวานมาคอยผ่า ซ้องกั๋งถอนใจใหญ่แล้วพูดว่าน่าเสียดายซ้องกั๋งนักหนาจะมาตายเสียเช่นนี้ไม่ควรเลย เอียนสุนนายโจรที่หนึ่งได้ฟังก็ลุกมาถามพวกโจรว่า ชายคนนี้พูดถึงซ้องกั๋งหรือ พวกโจรบอกว่าชื่อซ้องกั๋งใช่แล้ว เอียนสุนนายใหญ่เข้าไปถามว่า เจ้านี่หรือชื่อซ้องกั๋ง อยู่ที่บ้านเมืองไหน ซ้องกั๋งบอกว่าเรานี้คือตัวซ้องกั๋งอยู่เมืองเจ๋จิวฮู้ตำบลหุนเสียกุ้ยเป็นขุนนางตำแหน่งอะซี ที่เรียกว่ากิบสิโหวซ้องกงเหม็ง เอียนสุนได้ฟังก็ตกใจ สั่งให้พวกโจรแก้เสียโดยเร็ว แล้วเอียนสุนถอดเสื้อที่ตัวออกให้ซ้องกั๋งใส่เชิญนั่งเก้าอี้ใหญ่ เรียกนายโจรที่สองที่สามมาคุกเข่าคำนับพร้อมกัน ซ้องกั๋งเห็นดังนั้นก็ลงจากเก้าอี้คุกเข่าคำนับบ้าง ถามว่าท่านไต้อ๋องทำไมไม่ฆ่าข้าพเจ้าเสียเล่า เอียนสุนว่าชอบแต่เอากระบี่มาตำตาให้บอดเสียด้วยไม่รู้จักคนดีมาจนถึงบ้าน นี่หากว่าเทพยดาดลใจให้ท่านพูดขึ้นจึงได้รู้ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ได้มาอยู่ที่เขานี้ได้ยินข่าวเล่าลือชื่อเสียงท่านทั้งแผ่นดิน ถ้าผู้ใดยากจนหรือต้องโทษก็ช่วยทั้งสิ้นมิได้เสียดายเงินทอง ขณะนั้นข้าพเจ้าคิดจะไปหาท่านให้รู้จักไว้ก็ไม่ได้ไป วันนี้บุญชักนำให้มาจนถึงนี่ข้าพเจ้ายินดียิ่งนัก ซ้องกั๋งว่าตัวข้าพเจ้าก็ไม่มีสติปัญญาสิ่งใด ท่านรักใคร่นับถือนั้นไม่ควรเลย เอียนสุนว่าท่านจะถ่อมตัวทำไม บรรดาคนในแผ่นดินก็รู้จักทั้งสิ้น คนที่มีฝีมือเข้มแข็งอยู่เขาเนียซัวเปาะมีความสุขก็เพราะท่านอุปถัมภ์ข้าพเจ้ารู้อยู่ บัดนี้ท่านจะไปข้างไหน ซ้องกั๋งก็เล่าความตั้งแต่ฆ่านางเงียมผอเสียะลำดับลงมาเป็นข้อๆ ให้นายโจรทั้งสามฟังทุกประการ แล้วบอกว่าข้าพเจ้าจะไปหาฮวยหยง ณ ตำบลเซงฮวยแจจึงได้เดินทางมานี้ นายโจรทั้งสามได้ฟังก็ยินดีสั่งให้พวกโจรฆ่าโคกระบือหมูเป็ดไก่จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงซ้องกั๋ง เวลาคืนวันนั้นเสพสุราพูดจากันอยู่จนสว่าง ซ้องกั๋งก็เล่าความซึ่งบู๊สงมีฝีมือฆ่าคนตายให้ฟังทุกประการ นายโจรทั้งสามว่าทำประการใดจะได้พบกับบู๊สงบ้าง พวกข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือมานานแต่ยังไม่ได้เห็นเลย พูดแล้วกินโต๊ะเสพสุรากันตามสบาย ซ้องกั๋งอยู่กับนายโจรที่เขาเซงฮวงซัวได้สี่ห้าวัน เวลาวันนั้นนายโจรจัดโต๊ะมาเลี้ยงซ้องกั๋งอีก พอพวกโจรที่เฝ้าต้นทางมาแจ้งว่ามีชายพวกหนึ่งประมาณสิบคนหามเกี้ยวมา อองเองนายโจรที่สองคิดว่าถ้ามีเกี้ยวหามมาคงจะเป็นผู้หญิงจำเราจะลงไปดู จึงพูดว่าเชิญท่านทั้งสามเสพสุราสนทนากันพลางก่อน ข้าพเจ้าจะไปดูสักครู่หนึ่ง แล้วก็มาคุมพวกโจรห้าสิบคนลงไป ในขณะนั้นเป็นเดือนสิบสองข้างขึ้นถึงกำหนดเซ่นไหว้

ฝ่ายภรรยาเล่ากอขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายบุ๋น คู่กับฮวยหยงขุนนางฝ่ายบู๊อยู่ตำบลเซงฮวงแจใกล้กันกับเขาเซงฮวงซัว ภรรยาเล่ากอไปเซ่นไหว้บิดามารดาที่บนเขา ครั้นมาถึงก็ให้คนหาบสิ่งของขนขึ้นไป อองเองนายโจรก็ตรงเข้าไปเปิดเกี้ยวดูเห็นหญิงนั่งอยู่ในเกี้ยวก็ยินดี ชิงเอาหญิงภรรยาเล่ากอขึ้นมาบนเขา พวกบ่าวของภรรยาเล่ากอเห็นดังนั้นก็ตกใจพากันวิ่งกลับมา อองเองครั้นพาหญิงนั้นไปถึงห้องแล้วก็พูดจาหลอกเล่นตามสบาย พวกโจรจึงไปแจ้งแก่เอียนสุนแต้เทียนซิวว่า พวกที่หามเกี้ยวมาไม่มีสิ่งใดในเกี้ยวนั้นมีหีบหมากเงินใบหนึ่งกับหญิงสาวรูปงาม ไต้อ๋องที่สองเอาตัวไปห้องที่สำนักแล้ว ซ้องกั๋งได้ฟังจึงพูดว่าผู้ใดโลภทางสตรีก็เป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งไม่ได้ เอียนสุนว่าอองเองนี้การสิ่งอื่นก็ดีสิ้นแต่เรื่องผู้หญิงมักมากนักหนาห้ามก็ไม่ฟัง ซ้องกั๋งชวนนายโจรทั้งสองไปที่ห้องอองเอง ขณะนั้นอองเองกำลังหยอกหญิงภรรยาเล่ากออยู่ พอเห็นซ้องกั๋งกับเอียนสุน แต้เทียนซิวมาก็อาย ผลักหญิงเข้าไปเสียข้างใน แล้วเชิญให้ซ้องกั๋งกับนายโจรทั้งสองนั่ง ซ้องกั๋งเรียกหญิงนั้นมาถามว่าเจ้าอยู่ที่ไหน ธุระสิ่งใดจึงมาที่เขานี้ หญิงนั้นบอกว่าสามีข้าพเจ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในตำบลเซงฮวงแจ บิดาข้าพเจ้าตายเอาศพฝังไว้ที่บนเขานี้ ถึงกำหนดจึงเอาของมาเซ่นไหว้ ขอไต้อ๋องจงได้ช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ซ้องกั๋งจึงคิดว่าหญิงนี้พูดว่าอยู่ตำบลเซงฮวงแจ จะเป็นภรรยาฮวยหยงเพื่อนเราดอกกระมัง จึงว่าเราไม่ใช่ไต้อ๋องเป็นชาวเมืองเจ๋จิวฮู้ เจ้าจะมาเซ่นไหว้เหตุใดสามีจึงไม่มาด้วย สามีเจ้าชื่อฮวยหยงหรือ หญิงนั้นบอกว่าไม่ใช่ สามีข้าพเจ้าชื่อเล่ากอ เป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายบุ๋นอยู่ในตำบลนี้ ฮวยหยงเป็นขุนนางบู๊คู่กัน ซ้องกั๋งแจ้งความดังนั้นจึงคิดว่าหญิงนี้เป็นภรรยาของเพื่อนฮวยหยงทำราชการด้วยกัน บัดนี้ฮวยหยงให้เรามาหาที่บ้าน ถ้าฮวยหยงรู้ก็ไม่ดี จำจะว่ากล่าวให้ปล่อยหญิงนี้ไปเสียจึงจะควร แล้วพูดกับอองเองว่าหญิงนี้เป็นภรรยาของเพื่อนข้าราชการกับฮวยหยง ท่านอย่าวุ่นวายปล่อยให้ไปแต่โดยดีเถิด อองเองว่าข้าพเจ้าเกิดมาก็ชอบอยู่สิ่งเดียว ประการหนึ่งภรรยาก็ยังไม่มี คิดจะเอาหญิงคนนี้เป็นภรรยา แล้วจะให้เป็นฮูหยิน ท่านอย่าห้ามปรามเลย ซ้องกั๋งจึงอ้อนวอนว่าหญิงนี้มีสามีแล้ว คนทั้งปวงจะดูหมิ่นว่าไม่ใช่เชื้อชาติทหารอย่าให้ผู้คนนินทาได้ ถ้าท่านอยากจะมีภรรยาข้าพเจ้าจะหาให้เอาที่สาวแท้รูปร่างงามดี พูดแล้วก็คุกเข่าลงคำนับเอียนสุน แต้เทียนซิวเห็นดังนั้นก็พยุงซ้องกั๋ง แล้วร้องสั่งพวกโจรให้หามหญิงนั้นไปส่งที่ชายเขา หญิงนั้นเห็นซ้องกั๋งอ้อนวอนขอให้ก็ยินดีคำนับแล้วพูดว่าไต้อ๋องช่วยข้าพเจ้าไว้ครั้งนี้พระคุณยิ่งนัก จะขอลาท่านไปก่อน พวกโจรก็หามเกี้ยวลงไปส่งที่ชายเขา ซ้องกั๋งเห็นอองเองโกรธก็พูดจาเกลี้ยกล่อมเอาใจต่างๆ เอียนสุนให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเป็นที่สบาย

ฝ่ายพวกคนใช้ภรรยาเล่ากอกลับมาถึงบ้านแจ้งความให้เล่ากอฟัง เล่ากอโกรธยิ่งนักจึงด่าว่า ไปด้วยกันเป็นนักหนายังให้พวกโจรแย่งภรรยาเราไปได้ ถ้าไม่ไปชิงเอาภรรยาเรามาจะเฆี่ยนพวกเจ้านี้เสียให้ตาย คนใช้ได้ฟังก็ตกใจชวนกันกลับมาพบภรรยาเล่ากอที่ชายเขาก็หามใส่เกี้ยวมาแล้วว่า ถ้าท่านไปถึงจงบอกว่าพวกข้าพเจ้าไปแย่งชิงพวกโจรมาได้ ภรรยาเล่ากอก็รับคำ ครั้นถึงตำบลเซงฮวงแจก็แจ้งแก่เล่ากอว่า เมื่อข้าพเจ้าไปเขาเซงฮวงซัวพวกโจรประมาณห้าสิบจับตัวนาย แย่งเอาข้าพเจ้าไปถึงห้อง นายโจรพูดจาแทะโลมจะเอาเป็นภรรยาข้าพเจ้าไม่ยอม นายโจรขัดใจจึงให้ฆ่าเสีย ข้าพเจ้าจึงบอกว่าเป็นภรรยาของท่าน พอพวกเหล่านี้ไปถึงก็แย่งชิงเอาข้าพเจ้ามา เล่ากอได้แจ้งความก็ยินดี เอาสุราหมูเป็ดไก่รางวัลให้แก่พวกเหล่านั้นกันแล้วก็กลับไปบ้าน

ฝ่ายซ้องกั๋งอยู่จับนายโจรอีกหกเจ็ดวันก็ลามา นายโจรทั้งสามมิอยากจะให้ไป ครั้นจะหน่วงเหนี่ยวให้อยู่อีกก็กลัวจะเสียใจ จึงจัดเงินทองให้ซ้องกั๋งมาใช้สอยตามทาง ซ้องกั๋งก็ลานายโจรทั้งสามลงจากเขาไป นายโจรตามมาส่งประมาณทางสามสิบลี้แล้วสั่งว่า ถ้าท่านกลับมาจงแวะบอกให้ข้าพเจ้ารู้ก่อน ซ้องกั๋งว่าขอบใจนักหนาแล้วเชิญกลับไปเถิด คงจะได้พบกันอีก ซ้องกั๋งก็เดินทางไปซึ่งเขาเซงฮวงซัวกับเมืองเซงจิวนั้นไม่สู้ไกลกัน ประมาณทางได้สักร้อยลี้ ที่เมืองเซงจิวนั้นเป็นหนทางสามแพร่ง โจรผู้ร้ายตั้งอยู่ทั้งสามตำบลเข้าออกไปมาอยู่มิได้ขาด ที่ตำบลเซงฮวงแจนั้น เดิมเรียกว่าเซงฮวงติน ต่อมาภายหลังจึงตั้งขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นไว้ป้องกันอันตรายที่หนทางสามแพร่ง ครั้นซ้องกั๋งไปถึงตำบลเซงฮวงแจจึงถามคนเหล่านั้นว่า ฮวยหยงขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายบู๊ในตำบลนี้บ้านอยู่ที่ไหน คนเหล่านั้นบอกว่า ซึ่งบ้านของผู้รักษาตำบลนี้ อยู่ที่กลางตลาด ที่ว่าฝ่ายบุ๋นนั้นอยู่ข้างทิศใต้ว่าฝ่ายบู๊อยู่ทิศเหนือ

ซ้องกั๋งได้ฟังก็เดินไปตามตลาดถึงบ้านฮวยหยง บอกนายประตูว่าเราชื่อซ้องกั๋งมาหา นายประตูเข้าไปแจ้งแก่ฮวยหยงว่า มีชายผู้หนึ่งมาหาท่านบอกว่าชื่อซ้องกั๋ง อยู่ตำบลบ้านหุนเสียกุ้ยแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ฮวยหยงได้ฟังก็ยินดีรีบออกมารับเชิญเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งแล้วพูดว่า ตั้งแต่จากท่านมาได้หกปี ข้าพเจ้าคิดถึงมิได้ขาด ครั้นอยู่มาได้ยินข่าวว่าท่านฆ่าหญิงภรรยาตายก็มีความวิตก จึงฝากหนังสือไปเป็นหลายครั้ง ไม่แจ้งว่าจะถึงท่านหรือเปล่า วันนี้เป็นบุญนักหนาท่านมาถึงบ้านข้าพเจ้าพูดแล้วก็คุกเข่าคำนับ ซ้องกั๋งจับมือฮวยหยงไว้ว่า อย่าคำนับเลยขึ้นมานั่งด้วยกันเถิด แล้วเล่าความตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ ฮวยหยงว่า พี่มีความลำบากนัก ครั้งนี้อย่าไปเที่ยวให้ได้ความยากแค้นเลย อยู่ที่นี่ให้สบายหลายปีจึงค่อยไป แล้วเรียกน้องสาวกับภรรยาออกมาคำนับซ้องกั๋ง สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงเป็นอันดี ซ้องกั๋งเล่าความที่ภรรยาเล่ากอไปที่เซงฮวงซัว พวกโจรแย่งชิงเอาไปให้ฮวยหยงฟังทุกประการ ฮวยหยงว่าท่านช่วยหญิงนั้นไว้ทำไม พวกโจรจับไปทำเสียให้ยับเยินก็ยิ่งดี ซ้องกั๋งถามว่าทำไมมาพูดเช่นนี้ เห็นว่าเป็นภรรยาของเพื่อนข้าราชการด้วยกันจึงได้ว่ากล่าวปล่อยมา ฮวยหยงว่าซึ่งตำบลเซงฮวงแจนี้เป็นที่สำคัญของเมืองเซงจิว ถ้าแม้นว่าเล่ากอทำดีที่ไหนพวกโจรจะย่ำยีทำอันตรายได้ เล่ากอเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นก็จริงแต่ไม่รู้จักหนังสือ เที่ยวข่มเหงกดขี่เอาเงินทองคนทั้งปวงอยู่เนืองๆ ภรรยาว่ากล่าวยุยงก็เชื่อฟังทุกอย่าง ทำให้ราษฎรชาวบ้านได้คับแค้นลำบากมาก เพราะหญิงร้ายคนนี้ไม่ควรที่จะว่ากล่าวห้ามปรามเลย ซ้องกั๋งตอบว่าถึงแม้จะผิดพลั้งประการใดอย่าผูกพยาบาทเลย ด้วยว่าเป็นข้าราชการแห่งเดียวกัน ฮวยหยงก็คลายโกรธพูดว่า เวลาวันอื่นจึงค่อยบอกให้เล่ากอรู้ว่าพี่ได้ช่วยภรรยาเขาไว้ แล้วก็กินโต๊ะเสพสุราพูดจากันเป็นที่สบาย ฮวยหยงก็ให้คนพาซ้องกั๋งไปเที่ยวชมตลาดเล่นเนืองๆ ครั้นอยู่มาเป็นวันกลางเดือนขึ้นปีใหม่ ชาวตลาดแต่งโคมแขวนไว้งดงามประกวดกันเป็นอันมาก ด้วยธรรมเนียมบ้านเมืองเคยทำสืบมาทุกปีเป็นที่นับถือ เรียกว่างานเซียวแหม ตามบรรดาราษฎรก็ชวนกันไปชมโคมทุกๆ คน ฮวยหยงจึงบอกกับซ้องกั๋งว่าเวลาค่ำวันนี้สนุกนัก ผู้คนชวนกันไปดูโคมทั้งสิ้น พี่ไปดูโคมเล่นตามสบายแล้วกลับมาอย่าให้ดึกดื่นจะได้กินโต๊ะเสพสุราพูดจากัน ซ้องกั๋งก็ไปกับคนใช้เที่ยวชมโคม เห็นผู้คนดูอยู่เป็นอันมาก ก็ชวนกันเดินต่อไป

ฝ่ายเล่ากอกับภรรยามาดูโคม ขณะนั้นเดือนหงายไฟโคมสว่าง ภรรยาเล่ากอแลเห็นซ้องกั๋งก็จำได้บอกกับเล่ากอว่า คนที่ยืนดูโคมอยู่ตรงหน้าคือนายโจรที่แย่งชิงเอาตัวข้าพเจ้าไป ให้คนจับมาถามก็คงได้ความจริง เล่ากอสั่งคนใช้ให้มัดเอาตัวซ้องกั๋งไปบ้านแล้วถามว่า เจ้านี้กล้านักหนา คบคิดกันเป็นโจรเที่ยวตีปล้นราษฎรอยู่เนืองๆ แล้วบังอาจแย่งชิงเอาภรรยาเราไป นี่หากว่าตามทันจึงกลับมา ภรรยาเราจำได้จะเถียงประการใดอีกหรือ ซ้องกั๋งก็บอกตามจริงว่า ข้าพเจ้าเป็นชาวเมืองเจ๋จิวฮู้ แซ่เตีย ชื่อซา ได้มาหาฮวยหยงทางเขานี้ พวกโจรออกสะกัดจับไว้แล้วนายโจรปล่อยข้าพเจ้าเสีย เมื่อพวกโจรจับภรรยาท่านไป ข้าพเจ้าช่วยอ้อนวอนขอร้องนายโจรจึงปล่อยมา ภรรยาเล่ากอก็ร้องตวาดว่า เวลาวันนั้น คนผู้นี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ เรายังอ้อนวอนเรียกไต้อ๋อง ซ้องกั๋งตอบว่าเมื่อท่านเรียกข้าพเจ้า ๆ ก็ยังได้ห้ามว่าไม่ใช่ไต้อ๋องดอก บอกว่าเป็นชาวเมืองเจ๋จิวฮู้ แล้วอ้อนวอนขอนายโจรจึงปล่อยท่านมา ยังจะกลับว่าเป็นพวกโจรอีกเล่า ภรรยาเล่ากอก็ด่าซ้องกั๋งด้วยคำหยาบต่างๆ แล้วพูดว่าถ้าไม่เฆี่ยนเห็นจะไม่รับ เล่ากอก็สั่งให้เฆี่ยนตีซ้องกั๋งเป็นอันมากแล้วให้เอาตัวจำขังไว้ พรุ่งนี้จะส่งไปเมืองเช็งจิว คนใช้ก็เอาตัวซ้องกั๋งไปทำตามสั่ง

ฝ่ายคนใช้ฮวยหยง ครั้นซ้องกั๋งถูกจับตัวไปก็ตามมาฟัง ได้ความแล้วรีบกลับมาบอกแก่นายทุกประการ ฮวยหยงได้แจ้งก็ตกใจจึงเขียนหนังสือส่งให้คนใช้ถือไปยังเล่ากอโดยเร็ว คนใช้คำนับลารีบไป “ข้าพเจ้าฮวยหยงคำนับมายังท่านเซียงก๋ง ด้วยข้าพเจ้ามีพี่น้องคนหนึ่ง ชื่อเล่าเจียงมาแต่เมืองเจ๋จิวฮู้ อยู่ได้สองสามวันก็พากันไปดูโคม ท่านจับตัวไปเฆี่ยนว่าเป็นพวกโจรก็ไม่รับ ซึ่งพี่ข้าพเจ้าคนนี้ไม่ได้เป็นพวกโจร ขอท่านได้โปรดปล่อยให้กลับมา เห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเถิด” เล่ากอแจ้งความก็โกรธฉีกหนังสือเสียแล้วพูดว่า ฮวยหยงนี้ไม่มีธรรมเนียม ตัวก็เป็นขุนนาง เหตุใดจึงมาเป็นไส้ศึกพวกโจร แล้วยังจะมาปดเราว่าชื่อเล่าเจียง โจรรับว่าชื่อเตียซา อยู่ตำบลหุนเสียกุ้ย ฮวยหยงแกล้งพูดแซ่เดียวกับเราจะได้ปล่อยตัวให้ ข้อนั้นอย่าหมายเลยไม่เหมือนคิดแล้ว จึงสั่งให้คนใช้ไล่ผู้ถือหนังสือออกมาจากบ้าน ผู้ถือหนังสือนั้นก็รีบมาแจ้งความให้ฮวยหยงฟังทุกประการ ฮวยหยงโกรธยิ่งนัก ฉวยเกาทัณฑ์ขึ้นม้าเรียกบ่าวตามมาประมาณห้าสิบคนตรงไปถึงบ้านเล่ากอ พวกที่เฝ้าประตูเห็นฮวยหยงถือเกาทัณฑ์ขี่ม้าพาคนมามากก็หลบหนีไป ฮวยหยงกับบ่าวไพร่ก็ตรงเข้าไปในบ้าน เรียกให้เล่ากอออกมาพูดจากัน เล่ากอแจ้งว่าฮวยหยงยกมาล้อมบ้านไว้ก็ตกใจกลัว ด้วยฮวยหยงเป็นขุนนางฝ่ายทหาร ฝีมือเข้มแข็งก็ไม่อาจออกมา ฮวยหยงให้บ่าวไพร่เที่ยวค้นหาซ้องกั๋ง เห็นเอาเชือกผูกแขวนไว้เฆี่ยนขาสองข้างยับเยินโลหิตไหล ฮวยหยงก็ให้แก้ซ้องกั๋งพยุงไปบ้านก่อน แล้วกลับขึ้นมาถือทวนร้องตวาดเล่ากอว่าเจ้าถือตัวว่าเป็นขุนนางผู้ใหญ่จะทำไมกับเราได้ แกล้งใส่ความเอาว่าเป็นโจรผู้ร้ายจะเฆี่ยนให้ตาย ทำข่มเหงมากนัก เวลาอื่นยังจะว่ากล่าวกันอีก พูดแล้วก็พาบ่าวกลับมาบ้าน

ฝ่ายเล่ากอคิดแค้นฮวยหลงนักคิดจะไปแย่งชิงซ้องกั๋งกลับมาให้ได้ ก็เรียกบ่าวไพร่ประมาณสองสามร้อยคน มีครูทหารสองคนฝีมือเข้มแข็งแล้วตรงมาล้อมบ้านฮวยหยงไว้ เห็นประตูเปิด เล่ากอกับพวกเหล่านั้นนึกครั่นคร้าม ไม่อาจจะเข้าไป ชวนกันยืนล้อมหน้าบ้านอยู่ พวกที่รักษาประตูก็ไปแจ้งแก่ฮวยหยงว่าเล่ากอคุมผู้คนมาล้อมบ้าน ฮวยหยงแจ้งดังนั้นก็จับเกาทัณฑ์เดินออกมา

ขณะนั้นพอสว่างดีเห็นเล่ากอกับคนเป็นอันมากก็ร้องตวาดว่า ตามบรรดาพวกครูทหารไม่ใช่การของผู้ใด ถ้าไม่รักชีวิตจะตายแทนเล่ากอก็เข้ามาเถิด พวกเหล่านี้ยังไม่เห็นฝีมือ เราจะยิงศีรษะตุ๊กตาที่ตั้งอยู่บนเก๋งให้ดู พูดแล้วก็เอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกศีรษะตุ๊กตาในเก๋งบนหลังคาประตูคอหัก เล่ากอกับครูทหารเหล่านั้นเห็นฝีมือฮวยหยงเข้มแข็งก็ไม่อาจเข้าใกล้ ฮวยหยงร้องตวาดไปอีกครั้งหนึ่งว่า คนทั้งหลายคอยดู เราจะยิงหน้าอกครูทหารที่ใส่เสื้อขาว ให้ลูกเกาทัณฑ์ทะลุตลอดไปข้างหลัง ก็จับเกาทัณฑ์เหนี่ยวน้าวขึ้น ครูทหารกับคนเหล่านั้นได้ฟังทันทีและเห็นเหนี่ยวเกาทัณฑ์ก็ตกใจ ชวนกันวิ่งหนี เล่ากอเห็นครูทหารและพวกไพร่พากันวิ่งหนีไปสิ้น ไม่รู้ที่จะคิดประการใดก็กลับมาบ้าน ฮวยหยงก็ให้ปิดประตูเสีย แล้วก็ไปหาซ้องกั๋ง ซ้องกั๋งเล่าความซึ่งเล่ากอเอาตัวไปถาม ครั้นจะบอกแซ่ชื่อตามจริงก็กลัว จึงได้บอกว่าชื่อเตียซา ฮวยหยงว่าน้องมีหนังสือไปถึงเล่ากอบอกว่าพี่เป็นแซ่เล่าคิดว่าเป็นแซ่เดียวกันจะปรานีบ้าง กลับเฆี่ยนตีแล้วจะส่งไปเมืองเช็งจิวจึงไปชิงเอาพี่มา ซ้องกั๋งจึงว่า ความเรื่องนี้เห็นจะไม่ฟัง คงคิดการสิ่งใดสักอย่างหนึ่งเป็นแน่ พี่จะลาน้องไปในเวลาค่ำวันนี้ ฮวยหยงว่าพี่ยังป่วยกลัวจะเดินไปไม่ได้ ซ้องกั๋งว่าไม่เป็นไร มีความมาถึงตัวแล้วก็ต้องจำเป็น ฮวยหยงเอายามาปิดให้ซ้องกั๋งแล้วก็จัดโต๊ะสุรามาเลี้ยงกัน ครั้นเวลาค่ำ ซ้องกั๋งก็เอาห่อสิ่งของฝากไว้ ลาฮวยหยงออกจากบ้าน ฮวยหยงให้คนใช้ตามไปส่งจนพ้นตำบลเซงฮวงแจแล้วก็กลับมา

ฝ่ายเล่ากอ ครั้นไปถึงบ้านก็มีความโกรธฮวยหยงยิ่งนัก ตรึกตรองที่จะจับซ้องกั๋งให้ได้ จึงคิดว่าโจรที่เราจับมาเวลาค่ำวันนี้คงจะกลับไปเขา จำจะให้คนไปซุ่มคอยจับเอาตัวมา อย่าให้ทันฮวยหยงรู้จึงจะได้ คิดแล้วสั่งคนใช้ประมาณสามสิบคนไปคอยจับโจรที่ฮวยหยงชิงเอาไปที่ต้นทางเขาเซงฮวงซัว คนใช้ก็คำนับลาไปซุ่มอยู่ตามสั่ง

ฝ่ายซ้องกั๋งเดินมาแต่ผู้เดียว ขณะนั้นดึกประมาณสองยาม คนใช้เล่ากอที่มาซุ่มอยู่ตามทางเห็นซ้องกั๋งเดินมาก็กรูกันเข้าจับตัวได้มัดเอามาถึงก็บอกแก่เล่ากอ ๆ ได้ทราบ สั่งให้จำซ้องกั๋งไว้แน่นหนาแล้วกำชับสั่งบ่าวไพร่ว่าอย่าให้พูดจาอื้ออึงไป จึงเขียนหนังสือให้คนใช้ถือไปเมืองเช็งจิวฮู้

ฝ่ายผู้รักษาเมืองเช็งจิวฮู้ แซ่โบวหยง ชื่องันตัด เป็นพี่นางโบวกุยฮุยมเหสีพระเจ้าซ้องฮุยจง ไม่เกรงผู้ใดเที่ยวข่มเหงข่มขี่ขุนนางและราษฎรเอาเงินทองอยู่ เนืองๆ เวลาวันนั้นโบวหยงงันตัดออกว่าราชการ พอคนใช้ของเล่ากอมาถึงก็เอาหนังสือเข้าไปส่งให้ ผู้รักษาเมืองเช็งจิวฮู้รับหนังสือก็ฉีกออกอ่านแจ้งความว่า เล่ากอจับโจรผู้ร้ายได้ก็ตกใจ จึงคิดว่าฮวยหยงนี้เป็นขุนนางตงฉิน เหตุใดมาคบโจรชื่อเตียซา ที่เขาเซงฮวงซัว การอันนี้จะจริงเท็จอย่างไรก็ไม่รู้จะต้องให้ไปฟังดู ถ้าจริงก็จะได้จับตัวมา จึงให้หาอึงซิน ขุนนางฝ่ายทหารว่าที่ตำแหน่งโตวกำมาบอกว่า เล่ากอมีหนังสือว่าจับโจรที่เขาเซงฮวงซัวได้ เจ้าจงไปดูให้เห็นจริงจะได้เอาตัวมาชำระ อึงซินรับคำสั่งมาขึ้นม้า คุมทหารประมาณห้าสิบออกจากเมืองเช็งจิวฮู้มาในเวลากลางคืนถึงตำบลเซงฮวงแจ เล่ากอก็ออกไปต้อนรับ เชิญอึงซินเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งแล้ว เล่ากอสั่งให้เอาตัวซ้องกั๋งออกมาถาม อึงซินว่า เตียซานายโจรนี้อย่าต้องถามเลย เอาตัวใส่เกวียนไปเขียนหนังสือปักไว้ว่า เตียซาเป็นคนดุร้ายอยู่ในตำบลหุนเสียกุ้ย แขวงเมืองเจ๋จิวฮู้เป็นนายโจรอยู่เขาเซงฮวงซัวจะเอาตัวส่งไปเมืองเช็งจิว ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความวิตกยิ่งนัก ไม่รู้ที่จะทุ่มเถียงอย่างไร พวกบ่าวอึงซินก็ฉุดลากไปใส่เกวียนคุมไว้ อึงซินถามเล่ากอว่า ท่านจับโจรนี้ได้ฮวยหยงรู้หรือเปล่า เล่ากอว่า ข้าพเจ้าจับนายโจรได้ในเวลากลางคืน ฮวยหยงยังไม่รู้ อึงซินว่า ถ้ากระนั้นก็จับตัวฮวยหยงส่งไปด้วย ข้าพเจ้ามีอุบายอยู่อย่างหนึ่ง ท่านจงจัดโต๊ะและเตรียมผู้คนซุ่มไว้ ถ้าฮวยหยงมาเสพสุราข้าพเจ้าจะยกถ้วยขึ้นเป็นสำคัญ พวกท่านจึงเข้าจับฮวยหยงมัดไว้ไปส่งให้ผู้รักษาเมือง แล้วกล่าวโทษว่า คบพวกโจรมีความผิดเหมือนกัน เอาตัวส่งไปเมืองเช็งจิวเสียก็สิ้นความ เล่ากอได้ฟังก็ยินดีแล้วว่า อุบายของท่านนี้เหมือนจับเต่าจับปลาในถัง ถึงจะมีฝีมือประการใดก็หนีไม่พ้น เล่ากอสั่งให้จัดโต๊ะและสุราเตรียมไว้ อึงซินก็ขึ้นม้าตรงไปที่บ้านฮวยหยง

ฝ่ายฮวยหยง ครั้นพวกที่ไปส่งซ้องกั๋งกลับมา คิดว่าซ้องกั๋งไปเขาเซงฮวงซัวแล้วก็ยินดี พออึงซินไปถึง ฮวยหยงออกมาต้อนรับเชิญเข้าไปข้างในจัดที่ให้นั่งตามสมควรแล้วถามว่า ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยธุระสิ่งใด อึงซินบอกว่า ผู้รักษาเมืองเช็งจิวแจ้งว่า ท่านผู้ใหญ่บ้านทั้งสองมีเรื่องขัดเคืองไม่ชอบกัน จึงใช้ข้าพเจ้ามาว่ากล่าวไกล่เกลี่ยเสียให้ดีทั้งสองฝ่าย จะได้ทำราชการของเจ้านายสืบต่อไป เวลานี้เชิญท่านไปสนทนาที่สำหรับพักขุนนางให้พร้อมกัน ฮวยหยงได้ฟังสำคัญว่าจริง ด้วยอึงซินเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ตำแหน่งเดียวกันก็ไม่สงสัย จึงพูดว่าซึ่งผู้รักษาเมืองเช็งจิวใช้ให้ท่านมาบอก ข้าพเจ้าก็ไม่ขัดขืน พูดแล้วฮวยหยงเดินออกจากบ้านมากับอึงซินด้วยกัน

ฝ่ายเล่ากอจัดโต๊ะและสุราพาพวกทหารไปคอยซุ่มอยู่ที่โรงก๊วน พออึงซินกับฮวยหยงมาถึงโรงที่สำหรับพัก อึงซินสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาแล้วเชิญเล่ากอกับฮวยหยงนั่งอยู่คนละข้าง ตัวอึงซินนั้นอยู่กลางหยิบถ้วยสุราส่งให้ฮวยหยงก่อน แล้วทำเป็นพูดว่า บัดนี้ท่านผู้รักษาเมืองเช็งจิวมีความวิตก ให้ข้าพเจ้ามาว่ากล่าวท่านทั้งสอง อย่าให้ถือเปรียบแก่งแย่งกันต่อไป ถ้าท่านเชื่อแล้วจงเสพสุราถ้วยนี้เสีย ฮวยหยงรับสุรามาดื่มจึงพูดว่า ไม่มีข้อสาเหตุสิ่งใดกัน แต่คนนอกเล่าลือไปท่านอย่าได้เชื่อ อึงซินรินสุราส่งให้เล่ากอพูดว่า ตั้งแต่วันนี้ไปมีธุระการงานก็ปรึกษาหารือกันให้ดีเถิด ถ้าเชื่อข้าพเจ้าจงเสพสุราถ้วยนี้เสีย เล่ากอก็รับสุรามาดื่มแล้วก็ไม่พูดจาสิ่งใด ฮวยหยงจับถ้วยสุราส่งให้อึงซินแล้วพูดว่า การที่ห้ามปรามก็เชื่อฟังทุกอย่างแต่เชิญท่านเสพสุราของข้าพเจ้าสักถ้วยเถิด อึงซินรับมาถือไว้แลไปเห็นทหารเตรียมอยู่พร้อมก็โยนถ้วยสุราขึ้นไปเป็นสำคัญ ทหารที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันเข้าจับฮวยหยงมัดไว้ ฮวยหยงไม่รู้กลอุบายเสียทีก็มีความวิตกยิ่งนักจึงพูดว่า เหตุใดมาทำดังนี้ด้วยโทษทัณฑ์สิ่งใด อึงซินว่าท่านคบกับพวกโจรเขาเซงฮวงซัว ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ฮวยหยงว่าข้าพเจ้าไม่ได้คบค้าพวกโจร ผู้ใดซัดทอดถึงก็เอาตัวมา อึงซินว่า อย่าทุ่มเถียงเลยจะเอาตัวส่งไปเมืองเช็งจิวจึงค่อยว่ากล่าวกัน แล้วก็สั่งให้เอาเกวียนมาอีกเล่มหนึ่งกับเกวียนโจรนั้นด้วยเอาฮวยหยงลงบรรทุกไว้ในเกวียน ฮวยหยงเห็นหนังสือที่เขียนปักอยู่ แจ้งว่าซ้องกั๋งถูกจับได้ก็เสียใจยิ่งนัก จึงพูดกับอึงซินว่า ความเรื่องนี้ไปถึงเมืองเช็งจิวคงจะว่ากล่าวกัน ท่านจงปล่อยออกให้มีความสบายข้าพเจ้าไม่คิดหนีเลย ขอว่ากล่าวให้เห็นเท็จและจริงสืบไป อึงซินได้ฟังก็สั่งทหารให้แก้มัดฮวยหยงออกนั่งไปในเกวียน แล้วเตรียมทหารประมาณร้อยห้าสิบมีเครื่องศัสตราวุธพร้อมทุกตัวคน อึงซินกับเล่ากอถือกระบี่ขึ้นม้ากำกับทหารคุมเกวียนฮวยหยงกับซ้องกั๋งออกจากตำบลเซงฮวงแจเดินทางไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ