- พระประวัติ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
- เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑
- ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส (๒)
- ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส (๒)
- ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส (๓)
- ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส (๒)
- มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑
- ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๑
- ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ยส
- ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น
- ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
- พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑
- ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑
- มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๑
- ภาคผนวก
๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ น (๒)
ตำหนักปลายเนิน คลองเตย
วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๘๑
พระยาอนุมานราชธน
หนังสือของท่านลงวันที่ ๑๔ เดือนนี้ พูดเรื่อง ตรา เรื่อง แปลคำหลวง ได้ทราบความแล้ว
ตามที่ท่านขออนุญาตคัดหนังสือของฉันซึ่งมีไปถึงท่าน อธิบายในเรื่องพระราชลัญจกรต่าง ๆ ไว้ในหอสมุดฉะบับหนึ่งนั้น ฉันอนุญาตได้ไม่ขัดข้อง แต่นึกดูรู้สึกว่าจะไม่เรียบร้อย เพราะคำอธิบายนั้นกระจัดพรัดพรายไปในหนังสือหลายฉะบับ ปะปนกับเรื่องอะไรต่ออะไรร้อยแปด จึ่งคิดว่าถ้าท่านปรุงเสียใหม่ ทำเปนบันทึกอธิบายพระราชสารคำหับ ประกอบด้วยคัดความในจดหมายของฉัน จำเพาะข้ออธิบายเรื่องตราใส่ลงไว้ กลัดติดกับสำเนาพระราชสารคำหับนั้น จะเปนดีกว่า
ความคิดของท่านที่คิดจะเก็บตัวอย่างลายตราต่าง ๆ นั้น จะเปนประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่มีที่สงสัยเลย แต่จะเก็บลายตราซึ่งประทับลงจริงในเวลานี้เห็นจะเก็บยาก ด้วยเขาเลิกการประทับตรากันเสียเกือบหมดแล้ว ถ้าหากท่านจะคิดทำเหมือนเช่นที่ฉันเคยทำเล่นมาแต่ก่อนแล้ว จะทำได้ คือพบเอกสารอันใด ซึ่งเขาประทับตรา เอากระดาษบางทาบลอกปิดสมุดไว้ดูเปนตัวอย่าง ท่านจะทำได้โดยง่าย ด้วยมีช่างเขียนในกรมศิลปากรซึ่งจะใช้ให้เขียนลอกได้
ตามคำถามของท่านที่ว่าพระราชสารต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับจีนและฝรั่ง ทำไมจึงมีแต่สำเนาคำแปลภาษาไทยเท่านั้น ดูเหมือนท่านจะคิดว่าพระราชสารไปเมืองจีนจะเขียนเปนหนังสือจีน พระราชสารไปเมืองฝรั่งจะเขียนเปนหนังสือฝรั่ง ตรงกันข้ามกับความคิดของฉัน ซึ่งคิดว่าบรรดาต้นพระราชสารทั้งปวงเขียนเปนหนังสือไทยทั้งนั้น สำเนาคำแปลซึ่งเปนภาษาจีนภาษาฝรั่ง ย่อมทำที่กรมท่า ไม่ได้ส่งสำเนามาทางห้องอาลักษณ์จึ่งไม่มีที่ห้องอาลักษณ์ แต่นี่ก็เปนความคาดคะเนของฉันเหมือนกัน ความจริงนั้นฉันไม่รู้ คำที่เรียกว่า หอหลวง นั้น ฉันไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อนเลย เห็นจะเปนห้องอาลักษณ์นั้นเองเรียกว่า หอหลวง
เรื่องสัตวหิมพาน ตามตำรานั้น ท่านอย่าพูดเลย เปนของเหลวทั้งสิ้น ที่เขียนรูปโลโตคล้ายราชสีห์นั้น ก็เพราะไม่มีความรู้ว่า โลโต คืออูฐ จะพูดมากมายไปทำไม แรดเพลิง ตัวต้นทีเดียวใน ตำราสัตวหิมพาน นั้น ท่านดูเห็นเหมือนแรดหรือไม่ นั่นได้ชื่อมาตรงแท้ ๆ และตัวจริงๆก็มีในเมืองเรา แม้กระนั้นยังไม่เหมือนแรด พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ท่านคาดการว่าเจ้าพวกช่างไม่เคยเห็นแรด จะต้องทำก็ถามชาวป่าว่ารูปร่างแรดเปนอย่างไร ชาวป่าก็บอกรูปอย่างประเมิล ว่าตัวคล้าย ๆ ช้าง ปากมีจะงอยคล้ายงวง เจ้าพวกช่างก็หลับตาเขียนขึ้น ดั่งท่านจะเห็นได้ใน ตำราสัตวหิมพาน นั้นแล้ว อันสัตวหิมพานนั้น มันหลงเลอะกันมาหลายทอด เปนต้นว่าราชสีห์ที่โบราณท่านเขียน ตัวจริงท่านก็เขียนเปนสัตวมีสร้อยคอเปนขน ประดิษฐให้งามขึ้นเล็กน้อย แล้วท่านเขียนเครือไม้ลายก้านขด ท่านก็ผูกช่อใบไม้ให้เห็นเปนรูปหัวราชสีห์ แล้วช่างที่อ่อนก็จำเอาช่อใบไม้ไปเขียนตัวราชสีห์จริง ๆ เข้า ก็กลายเปนราชสีห์นั้นมีขนเปนใบไม้ไป ความจริงสัตว์หิมพานจะได้มีรูปผิดกว่าธรรมดาไปก็หามิได้ ดูแต่ทางน้ำไหลออกจากสระอโนดาด ก็เปนช้างเปนม้าเปนโคเปนสิงห์ (คือ ไลออน) ตรงๆ นั้นเอง ทั้งที่กล่าวถึงสวนท้าวเวสวัณ ใน อาฏาณาติยสูตต์ ก็มีแต่นกยูง นกกาเรียน นกดุเหว่า ไม่เห็นพิสดารอะไร พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เคยทรงพระราชดำริจะให้เขียนป่าหิมพานคราวหนึ่ง ทรงสงสัยในสัตวหิมพานต่าง ๆ โปรดให้ผู้รู้หนังสือค้น ฉันยังจำได้ว่านกทัณฑิมา ในตำราสัตวหิมพาน เขาเขียนตัวเปนครุฑถือกระบอง หัวเปนนกอินทรี แต่ที่ค้นมาได้ตามที่มีในบาลี นกทัณฑมานวก ในสวนท้าวเวสวัณนั้นตัวเล็กเต็มที ว่ามีปากยาวดุจถือไม้ท้าวเที่ยวจดจ้องอยู่บนใบบัว ไปทางพวกนกปากซ่อม ใน ตำราสัตวหิมพาน นั้น ต้นๆ ก็พอค่อยยังชั่ว มีตัวจำเพาะอยู่โดยมาก ตกไปถึงตอนปลาย เอาหัวของตัวนี้ไปใส่ตัวนั้น เอาตัวของตัวนั้นไปใส่กับหัวตัวโน้น เปนการส่งเดชของพวกช่างอย่างเขลา ๆ เอาเปนแบบฉะบับไม่ได้เลย อันชื่อว่า สิงโต นั้นฉันเคยคิดมาแล้วว่ามาจากอะไร แต่คิดไม่ออก ท่านมาคิดเดาขึ้นว่าเปน สิงห+โลโต นั้นดีหนักหนา จะจำใส่ใจไว้
เรื่องแปลคำหลวง นั้น ท่านแปลไว้เรียบร้อยดีแล้ว ใช้ได้ ขอบใจท่านที่ให้พระมาลัยคำหลวง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศทรงแต่งจริง ๆ เปนแน่ว่าแต่งเล่น เจ้านายพระองค์นี้มีฝีพระโอฐดีจริง ๆ ควรเปนที่นับถืออย่างยิ่ง ฉันยังไม่ได้อ่าน คิดว่าจะอ่านไม่เบื่อจนที่สุดจะรู้เรื่องได้ ฉันเคยขอยืมหนังสือพระมาลัยเขามาอ่านทีหนึ่งแล้ว ด้วยคิดจะแต่งหนังสือช่วยวชิรญาณรายเดือน เรื่องพระศรีอารย์ เขาว่าในหนังสือ พระมาลัย มีเรื่องพระศรีอารย์ จึงยืมเขามาอ่าน อ่านก็พบแต่ บาปแม่มดเท็จ ตัวเปนตัวเป็ด หัวเปนหัวไก่ อ่านไปไม่ได้กี่บรรทัดก็หลับ สมุดคาอก หลายวันไม่ได้เรื่องก็ต้องส่งคืนเขา