๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๔๘๒

พระยาอนุมานราชธน

หนังสือของท่าน ลงวันที่ ๒๗ เดือนก่อน ได้รับแล้ว ขอบใจเปนอันมาก ด้วยในหนังสือนั้นบอกอะไรต่ออะไรไปให้ทราบ เปนการขยายความรู้ให้ได้รู้กว้างออกไป

เรื่องข้าวย้อมสีเซ่นแม่ซื้อ ตามที่ท่านพรรณนาตามที่สืบเสาะได้ความมานั้นดีมาก ทำให้รำลึกชาติที่ได้เห็นเมื่อเปนชาติเด็กแจ่มแจ้งขึ้นได้ ข้าวที่คลุกขมิ้นคลุกปูนนั้นก็หาสีที่จะพึงหาได้ง่าย ๆ ในเรือน อย่างเดียวกับที่ท่านกล่าวถึงการออกลูก ที่ว่าใช้ของง่าย ๆ ซึ่งมีอยู่ในเรือนนั้น เว้นแต่ข้าวย้อมสีดำ ซึ่งว่าคลุกกับเท่าแกลบนั้น อยู่ข้างพิโยกพิเกนเกินไป เพราะจะหาเท่าแกลบได้ยาก ควรจะคลุกกับก้นหม้อซึ่งเราก็เห็นจะทำกันอยู่เช่นนั้น การทาสีของเราก็ใช้สีดำเปนพื้น เช่น เรือนไม้หรือเรือนตึกซึ่งมีเพดาน ก็ทาเพดานนั้นด้วยสีดำ หรือทาเซนไม้ขนาบฝากระแชงอ่อนก็ใช้สีดำ แต่แรกก็นึกค้านว่าทำไมใช้สีดำมืดจะตาย ทีหลังก็มาคิดออกว่าสีดำเปนสีธรรมดาที่หาได้ง่าย ขูดเอาก้นหม้อมาผสมกับน้ำมันยางทาเท่านั้นก็เปนได้ ไม่ต้องพยายามไปเที่ยวหาสีอื่นให้ลำบาก ที่ว่าสีแดงใช้ไล่ผีได้นั้น ก็ไปตรงกับทางจีน ได้ยินเขาว่าปิดกระดาษแดงที่ประตูเรือนนั้นก็เพื่อจะกันผี ในการขว้างข้าวไปเซ่นผีสี่ทิศ ก็ต้องกันกับที่ฉันบอกท่าน ว่าการเซ่นผีใช้ใบตองรองอาหารเจียนกลม ๆ หรือไม่เจียนเลยก็ได้นั้น เขาก็วางเซ่นสี่ทิศเหมือนกัน ลางทีก็วางเปนสามมุม นั้นไม่หมายด้วยทิศ ไปเข้าทางบัตรสามเหลี่ยม

การย้อมสีของกิน เห็นจะเกี่ยวแก่การให้งามอย่างท่านคิดเห็น เคยเห็นของกินเลี้ยงพระ เขาก็พยายามย้อมให้เปนสีต่าง ๆ

คำสํสกฤต ษัษฐี ครหะ ปูตนา มาตฤกา ฉันได้เปิดพจนานุกรมสํสกฤตดู เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมอีกก็ได้ความดั่งนี้ ษัษฐี แปลว่า ที่ ๖ เห็นได้แก่ที่ว่าอันตรายจะเกิดมีแก่เด็กภายใน ๖ วันนั้นเอง อีกนัยหนึ่งว่าเปนชื่อพระนางทุรคา ในตำแหน่งที่เรียกว่า กาตยายนี คือเทวมาตาองค์ ๑ ใน ๑๖ องค์ คำ มาตฤกา ก็ได้แก่เทวมาตานั่นเอง ครหะ แปลว่าจับ ว่าคร่า (ลางคนเขียน คร่า เปน คร่าห์ ก็คือลากเอาเข้าไปสู่ภาษาสํสกฤตนั่นเอง) ปูตนา ว่าเปนซือยักษ์ร้ายตัวเมีย ซึ่งท้าว กัส (พ่อตาท้าววสุเทว พ่อกฤษณกุมาร) ใช้ให้มาเอาชีวิตกฤษณกุมาร (วาสุเทพ เปนชื่อพระกฤษณโดยจำเพาะ หมายความว่าเปนลูกวสุเทว จะเอาไปใช้เปนชื่อนารายณ์ในที่อื่นหาควรไม่) เรื่องราวทั้งหมดนั้น แม่ซื้อ ย่อมเปนผีหรือผีฟ้าที่ร้าย ควรที่จะทำรูปให้น่าเกลียดน่ากลัวเช่นยักษ์เปนต้น แต่ที่โหรบัญญัติเปนหน้าสัตว์ พาหนะเทวดาสัตตเคราะห์นั้นไม่น่ากลัว เปนด้วยถนัดเทวดาสัตตเคราะห์ อัฐเคราะห์ และนวเคราะห์ ออกจะผิดทาง เข้าใจว่าเปนลัทธิที่ถือมาก่อนถือพระเปนเจ้าทั้งสาม (ตริมูรติ)

ตามที่ทราบมาใหม่ว่า แมวเปนพาหนะของษัษฐี คือพระนางทุรคานั้นเปนความรู้ที่ได้ใหม่ ควรแล้วที่จะกลัวสำหรับเด็กที่คลอดใหม่ แต่ไปกลัวจนถึงผีตายด้วยนั้นผิดทาง ทีจะมาคนละทางก็เปนได้

คำ กำ เกียม ข่ำ กัน กิม กิน อะไรเหล่านั้น เปนคำเดียวกันแน่ ทางเขมรก็พลอยมาเข้ารูปนี้ด้วย กัน ว่าถือว่าจับ คำ กำ นั้นไปตรงกันเข้ากับ สังฆกรรม จึ่งหลงเขียนไปตามภาษาบาลีสํสกฤตเปน กรรม เห็นว่าพลาดไป การอยู่กำ เข้าใจว่าเปนลัทธิอันเดียวกันกับที่ว่าเด็กจะมีอันตรายภายใน ๖ วัน

ยอดศรี ที่มีในกฎมณเฑียรบาลนั้น ทีก็จะเปนยอดบายศรี แต่คำในกฎมณเฑียรบาลนั้นเข้าใจยากเต็มที ด้วยพูดสั้น ๆ เสมอ เห็นจะเปนด้วยพูดอย่างนั้นเวลาโน้นเข้าใจกันอยู่ดีแล้ว

๑๒ พระกำนัล ฉันได้นึกเหมือนกันว่า หรือจะได้แก่พนักงานฝ่ายในในพระราชสำนัก แต่นึกถึงจำนวนพนักงานหน้าที่ต่างๆก็เห็นมีกว่า ๑๒ ไปมากจึ่งเลยระงับ ครั้นท่านคัดหนังสือกาพย์ขับไม้ไปให้ ก็ลงรอยเปนพนักงานฝ่ายในในพระราชสำนักอย่างที่เคยนึกนั้นเอง ที่จำแนกแผนกไว้ในกาพย์นั้น จริงอยู่เปนความคิดกวีนึก ถูกตามที่ท่านคาดนั้นแล้ว แต่ฉันก็พอใจ ที่ว่าความคิดมานึกร่วมลงรอยเดียวกัน ต่อไปนี้จะบอกวินิจฉัยถึงคำที่กล่าวไว้ในกาพย์ กับพนักงานที่มีอยู่ในพระราชสำนัก ตามที่ฉันรู้ในอายุฉัน

๑. กำนัลรับพระหัตถ์ ในพระราชสำนักเรียกว่ารับพระกร มีใช้แต่รับพระกรเจ้านายเวลาโศกันต์ เพราะแต่งพระองค์เพียบหนัก เกรงจะทรงพระดำเนินหกล้ม จึ่งได้มีการรับพระกร ใช้ท้าวนางเถ้าแก่ ไม่มีพนักงานโดยจำเพาะ

๒. กำนัลพระขันหมาก ได้แก่ พนักงานพระสี

๓. กำนัลน้ำเสวย ได้แก่ พนักงานพระสุธารส (เขมรเรียก พระสิทธรส) ฝ่ายหน้าก็มี

๔. กำนัลพัชนี เมื่อเจ้านายโศกันต์ เวลาสมโภช แต่งหญิงสาวที่สระสวยออกถวายอยู่งานพัชนีเปนพิเศษ ไม่มีพนักงานประจำหน้าที่ ส่วนองค์พระมหากษัตริย์เวลาประทับอยู่ข้างในใช้เจ้าจอม

๕. กำนัลพระสำอาง เห็นจะได้แก่พนักงานสรงพระพักตร์

๖. กำนัลพระมาลา ได้แก่พนักงานพระภูษา พนักงานฝ่ายหน้าเรียก ภูษามาลา นัยหนึ่งเรียกกันว่า มาลาภูษา ก็มี

๗. กำนัลพระบังคน ได้แก่ พนักงานพระบังคน ไม่แตกต่างไป

๘. กำนัลพระไสยาศน์ ได้แก่ พนักงานชาวที่ ฝ่ายหน้าก็มี มีหน้าที่แต่งที่ประทับทางฝ่ายหน้า ใช้ผู้ชาย เฝ้าพระที่นั่งด้วยเสร็จ

๙. กำนัลทิพยรศ กับ

๑๐. กำนัลพระโภชน์ นี่ดูเปนพนักงานเครื่องเสวยทั้งสองชื่อ เห็นจะแบ่งหน้าที่กัน กำนัลทิพยรศ เปนพวกทำ กำนัลพระโภชน์ เปนพวกเชิญ แต่ในอายุฉันเคยเห็นรวมกัน จะเรียกพนักงานอะไรไม่ทราบ เคยได้ยินแต่ว่าเครื่องต้น

๑๑. กำนัลพระโอษฐ เห็นได้แก่ผู้รับสั่ง ถ้าจะเทียบกับคำเก่าก็จะได้แก่ พนักงานสนองพระโอษฐ ผู้รับสั่งนั้นใช้หญิงแก่ๆ ที่เข้าในออกนอกได้ไม่ขัดข้อง

๑๒. กำนัลทาพระองค์ เห็นได้แก่ พนักงานพระสุคนธ์

ที่ฉันว่าพนักงานต่าง ๆ มีอยู่มากกว่า ๑๒ นั้น ก็เช่น พนักงานน้ำสรง พนักงานพระแสง พนักงานมัสการ เปนต้น และอื่นอีก ในกาพย์ขับไม้นั้นก็จำแนกไปไม่หมด

ในคำขับไม้ที่ใช้ว่า เท่านั้นแผด เท่านี้แผด ฉันก็อ่าน ด สกด ผ มาก่อนแล้ว ก็ไม่ได้ตรวจตราอะไร จนกระทั่งมีคนเดาว่าหมายถึงแผดเสียง จึ่งเกิดสงสัยขึ้น เปิดดูพจนานุกรมเขมร เขาอ่านเปน ผแด แปลว่า คำ ก็เหมือนกับที่จดในกลอนบทละคอน ว่าเท่านั้นคำ เท่านี้คำ นั้นเอง

คำว่า สวย แต่ก่อนเก่าใช้แค่คนกับข้าวสุก ใช้แก่คนหมายความว่า งาม ใช้แก่ข้าวสุกหมายความว่า แขง ความหมายผิดกัน เดี๋ยวนี้ไม่ว่าอะไรก็ใช้สวยทั้งนั้น หมายความว่างามอย่างเดียวกับคน

ท่านพรรณนาถึงการโรยแป้งทางอินเดีย ทำให้ฉันหลงไหล คิดไปถึงเจ็กหาเลี้ยงชีพด้วยการโรยแป้งในท้องตลาดเรานี้ เขาโรยเปนปลาเปนปูเปนกวาง และอะไรอื่น ๆ อีกก็ได้เปนหลายอย่าง เขาเอาแป้งละลายน้ำ เอาตาหลิวตักโรยลงไปในกะทะเหล็กแบน ๆ ตั้งบนไฟ แป้งสุกก็แซะขายไปเปนของดูเล่น เช่นเดียวกับปั้นแป้งเปนตุกตา แต่ว่ากำมะลอกว่าตุกตาปั้นด้วยแป้งไปเสียอีก ฉันเคยเอามาใส่กระจกไว้ดู แต่ไม่คงอยู่เท่าไรก็ผุพังไปเสียสิ้น นั่นก็ปรากฏเปนความชำนาญการโรย อย่างเดียวกับผู้หญิงชาวอินเดีย ที่โรยเปนรถเทียมม้าเทียมช้างเทียมโคฉะนั้น และก็เปนการธรรมดาที่สุด ที่ขาดความชำนาญโรยเปนรูปอะไรด้วยน้ำมือไม่ได้ ก็ต้องทำแบบโรยขึ้นอยู่เอง อย่างเดียวกับช่างเขียนที่เขียนลายรดน้ำ แต่ก่อนเขาก็เขียนบุกไปจามใจ ทีหลังทำไปเช่นนั้นไม่ได้ ก็ต้องทำแบบโรยเขียน ทางอธิบายที่ว่าโรยแป้งกันมดนั้นเหลว เห็นเหลว ที่ในเรือนก็โรยแป้ง แล้วจะว่ากันมดเข้าเรือนอย่างไรได้ การอธิบายฉันได้เคยพบคำฮินดูสมัยใหม่ อธิบายถึงพิธีอะไรซึ่งมีเรื่องเปนนิทานอย่างไม่เปนแก่นสาร แต่เขาอธิบายเอามาเข้าทางวิทยาศาสตร์ แปลว่าอายฝรั่งที่รู้สึกว่าเปนเรื่องเหลว ดูก็อดหัวเราะไม่ได้ ในการที่เปลี่ยนโรยแป้งเปนโรยปูนขาวนั้น ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะปูนขาวมันถูกกว่าแป้งเท่านั้น ที่ทางฮินดูเขาโรยในพิธีหลายอย่าง ทางเราเขาจะโรยในพิธีอะไรบ้างฉันก็ไม่ทราบ ไม่เคยเห็น เห็นแต่โรยพระแท่นภัทรบิฐ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นอย่างหนึ่ง กับโรยดั่งเปนภัทรบิฐตั้งเทวรูป ในพิธีโล้ชิงช้าอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น

ท่านส่งสมุดเรื่อง ภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา เล่ม ๑ กับเรื่องขุนช้างขุนแผน ๓ เล่มไป ไม่มีหนังสือบอกว่ากะไร แต่เห็นเปนหนังสือตีพิมพ์ใหม่ จึ่งเข้าใจเอาว่าท่านมีเมตตาส่งไปด้วยตั้งใจให้แก่ฉัน ถ้าถูกต้องดังนั้นก็ขอบใจท่านเปนอย่างยิ่ง

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

หมอตำแย หมายความว่าอะไร มีต้นไม้ชื่อพ้องกัน คือต้นตำแย

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ