๑๓๗. พระราชานุกิจ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ดำรงสิริราชสมบัติมาทรงประพฤติพระอิริยาบทในพระราชานุกิจโดยปกติ เวลาเช้าเสด็จทรงบาตรแล้ว เสด็จออกท้องพระโรงถวายภัตตาหารเลี้ยงพระสงฆ์ฉันเวร พระกลับแล้วทรงฟังรายงานชาวพระคลังมหาสมบัติกราบบังคมทูลการจ่ายเงินพระคลัง แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นที่ออกขุนนาง พระราชวงศานุวงศ์และตำรวจเฝ้าก่อนในเวลานี้ข้าราชการมีจางวางและเจ้ากรมปลัดกรมตำรวจเป็นต้นที่ได้ว่าความรับสั่ง นำรายงานการคดีขึ้นกราบบังคมทูล ทรงพระราชวินิจฉัยด้วยอรรถคดีของราษฎรตามสมควรแล้ว จึงให้เบิกข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนกรมอื่นเข้าเฝ้า ทรงประภาษด้วยราชการแผ่นดินในเวลาเช้าแต่เล็กน้อยแล้ว เสด็จขึ้นเสวยพระกระยาหารแล้วเสด็จออกข้างใน ข้าราชการฝ่ายในเฝ้าทรงประภาษด้วยราชการภายในพระบรมมหาราชวังพอสมควรแล้วเสด็จขึ้นในที่ เวลาค่ำเสวยพระกระยาหาร แล้วเสด็จออกท้องพระโรงทรงสดับพระธรรมเทศนากัณฑ์ ๑ แล้วทรงฟังรายงานชาวพระคลังในซ้ายคลังในขวา และคลังวิเศษกราบบังคมทูลรายการจ่ายของพระคลัง และรายงานมหาดเล็กกราบบังคมทูลพระอาการประชวรของพระราชวงศานุวงศ์ หรืออาการป่วยของข้าราชการผู้ใหญ่ บรรดาที่ได้โปรดให้มีรายงานอาการกราบบังคมทูลนั้น ถ้ามีการก่อสร้างซึ่งโปรดให้มหาดเล็กตรวจ ก็รายงานกราบบังคมทูลในเวลานั้นด้วย เมื่อหมดรายงานแล้วจึงเสด็จขึ้นพระแท่นที่ออกขุนนาง เบิกข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเข้าเฝ้าพร้อมกัน มหาดไทย กลาโหม กรมท่า นำใบบอกราชการหัวเมืองกราบบังคมทูล และทรงพระราชวินิจฉัยด้วยราชการแผ่นดินจนเวลาประมาณยามเศษ ๔ ทุ่มจึงเสด็จขึ้น ถ้าคราวปรึกษาการทัพศึกหรือเวลามีราชการสำคัญก็เสด็จขึ้นถึง ๗ ทุ่ม ๘ ทุ่ม ทรงปฏิบัติพระราชานุกิจดังนี้เสมอมา จนทรงพระชราลงมีพระโรคชราเบียดเบียน ไม่สามารถจะเสด็จออกท้องพระโรงได้ จึงเสด็จลงมาประทับอยู่ในพระที่นั่งหลัง ๑๑ ห้อง ซึ่งมีนามในภายหลังมาว่า พระที่นั่งไพศาลทักษิณนั้น ครั้นเวลาเช้าๆ โปรดให้ข้าราชการเข้าเฝ้าที่ชาลาข้างท้องพระโรงด้านตะวันตก ทรงพระอุตสาหะเสด็จออกขุนนางที่พระบัญชรพระที่นั่งไพศาลทักษิณมิได้ขาด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ