วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๘๔

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

รายงาน

๑) หญิงแก้วส่งดอกบัววิกโตเรียมาให้บ่อยๆ ตั้งใจจะถามว่าไปได้มาแต่ไหน ก็เผอิญคลาดกันไปเสียไม่ค่อยได้พบตัว เพราะเธอมีงานต้องไปทำ เย็นวันหนึ่งลงไปเดินเล่นอยู่ในวังตามเคย สังเกตเห็นที่คูเรือนของเธอนั่นเองมีใบบัววิกโตเรียขึ้นอยู่ในน้ำ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าดอกของมันมาแต่ที่นี่เอง จึ่งได้พูดกับหลานหมูว่าที่บ้านปลายเนินเพียรปลูกอยู่หลายคราวไม่สำเร็จ เข้าใจว่าเพราะน้ำเค็มเข้ามา หลานหมูบอกว่าที่นี่ไม่ได้ปลูก มันขึ้นเอง รู้สึกว่าเป็นเทวดา ทีพันธุ์มันจะมากับน้ำ ที่บ้านปลายเนินนั้นปลูกเองก็แล้ว ไปหาคนชำนาญเขามาช่วยปลูกก็แล้ว ใบมันงอกขึ้นมาก็เล็กลงทุกทีกระทั่งหายไป แปลว่าตาย จนแม่โตฉุน ว่าที่สระหน้าวังสมเด็จกรมพระสวัสดินั้นราวกับกระโถนมันยังอุตส่าห์งอกงามได้

๒) จะติตำหนักวังวรดิศ อะไรก็ยกไว้ แต่บันไดหน้าซึ่งเป็นพัดด้ามจิ้วนั้นไม่ดี ขึ้นลงยาก เว้นแต่ส่วนกว้างพอดี ความเสียหายเป็นอย่างไรนั้นช่างผู้ทำรับเอาผิดไป ไม่ตกอยู่แก่ฝ่าพระบาท อันการทำเรือนนั้นบันไดเป็นยากที่สุด ต้องคิดให้ดีเสร็จไปเสียแต่ในแบบเดียว ที่จะไปคิดเอาทีหลังเมื่อทำเรือนขึ้นเสียก่อนนั้นไม่ได้ ได้ยินว่าชายสมัยถูกเพื่อนขอให้ช่วยแก้บันไดเรือน เพราะทำขวางประตูหลังเรือน แต่เธอไม่รับ ได้ยินว่าบันไดนั้นก็ทำด้วยคอนกรีตเสียด้วย ไม่ใช่ว่าจะยกย้ายไปวางในที่ใหม่ได้

๓) เห็นหลังคาเรือนชายใหม่ทรงสูงกรวดถูกใจเสียนี่กระไรเลย แต่ถามได้ความว่าทำใหม่เป็นครั้งที่ ๒ เสียแล้ว แต่ก่อนเป็นหลังคาแบนแล้วก็รั่ว มีคนแนะนำให้ทำทรงอย่างกรวดเช่นนี้ เกล้ากระหม่อมเห็นดีเป็นล้นพ้น ที่ทำหลังคาแบนๆ หรือมีตะเฆ่เป็นทรงปั้นหยา หรือทำหลังคาเป็นกะปุ่มกะป่ำนั้นไม่ชอบเลย คิดว่ารั่วฉิบหายทั้งนั้น

เบ็ดเตล็ด

๔) เมื่อวันที่ ๒๒ เดือนก่อน ไปในงานทำบุญศพท้าววรจันทร์ออกเมรุที่บ้านองค์ธานี ไปเห็นฉัตรเบญจาเก่าซึ่งทำสลับสีเข้าก็ได้สังเกตดู เห็นมีทำสลับอยู่ ๒ อย่างเท่านั้น คือระบายนอกเขียว (ใบไม้) ในแดง และระบายนอกแดงในเขียว (ใบไม้) จะเป็นมาแต่เดิมอย่างนั้นหรือทำเรียวเอาแต่ได้ก็ไม่ทราบ เชื่อว่าจะเป็นเรียว เพราะสีเขียวใบไม้นั้นไม่ถูก ควรต้องเป็นเขียวคราม

รุ่งขึ้นไปเผาศพท่านที่เมรุวัดเทพศิรินทร์ ทำเมรุในสนามหญ้าหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ จัดเป็นการเสด็จพระราชดำเนิน ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จุดฝักแค หนังสือแจกในงานนั้น ๓ เล่ม (๑) ธรรมะ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (๒) ประวัติและเรื่องอิเหนา ของพระองค์เจ้าธานี กับ (๓) ตำราพิธีตรุษ ของฝ่าพระบาท หวังว่าเจ้าภาพจะได้ส่งมาถวายทั้งนั้นแล้ว

๕) เมื่อวันที่ ๒๖ เดือนก่อน พระยาจินดารักษ์พาคุณหญิงสวงษ์ เมียพระยาวิเศษศุภวัตรมาให้ใบดำ บอกจะเผาศพพระยาสามีที่วัดไตรมิตร จึ่งได้สนทนากับพระยาจินดารักษ์ในเรื่องเตาเผาศพ ได้ความว่ามีเลื่อนรองหีบเสือกเข้าไปในเตาทีเดียว ก้นเลื่อนนั้นมีถาดรองอังคารไม่ไปปนกับน้ำมัน เมื่อได้ความดั่งนั้นข้อที่กราบทูลมาก่อนก็บกพร่อง เพราะเขาไม่ได้เอาเลื่อนมาวางไว้ให้ดู เห็นแต่รางเหล็กที่พื้น ถ้าเป็นอย่างที่ว่าแล้ว เลื่อนจะต้องเป็น ๒ ชั้น ชั้นล่างนำหีบศพไปสู่หน้าเตา ชั้นบนรับหีบศพส่งเข้าไปในเตา ทางศพคนจนจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ ไม่เห็นมีรางอยู่ที่พื้น ถามพระยาจินดารักษ์ก็ไม่รู้ว่ามีเตาสำหรับเผาศพคนจนเสียด้วยซ้ำไป ถามถึงค่าโสหุ้ยในการเผาศพ บอกว่าเห็นจะแพงกว่าเผาด้วยฟืน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็คาดได้ว่าศพคนจนไม่ติด จะติดได้ก็แต่ศพคนมั่งคั่ง ด้วยอำนาจเป็น “แฟแช่น”

๖) เมื่อวันที่ ๒๘ เดือนก่อน เข้าไปในงานทักษิณานุปทานรัชมงคล ไปเห็นพระราชยานเล็กๆ ผูกหาม ๔ คน เขานำมารับพระบรมอัฐิ เห็นเข้าก็ประหลาดใจที่เหมือนพระราชยานใหญ่ซึ่งผูกหาม ๘ หมดทุกอย่าง เว้นแต่เป็นขนาดเล็กไปเท่านั้น ถามก็ว่ามีมากด้วย นึกถึงการเชิญพระบรมอัฐิออกกาลานุกาลอันใดก็ใช้พระราชยาน ผูกหาม ๔ นี้ทุกคราว หากไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง กราบทูลเพื่อได้ตราไว้ ว่าพระราชยานแท่นเตี้ยมีกงมีกระจัง ผูกหาม ๔ ก็มีอีกอย่างหนึ่ง

๗) คอยฟังกระแสพระดำรัส ในเรื่องพระราชยานพุดตานหุ้มทองคำ อันได้ตรัสแย้มไว้ เป็นทีเหมือนหนึ่งว่าทูลกระหม่อมของเราทรงสร้างขึ้น แต่ก็เงียบหายไป ส่วนของนั้นมีอยู่จริงๆ แต่พระราชยานกง (ฐานสูง) หุ้มทองคำนั้น ฟังตามพระดำรัสเชื่อว่าไม่มีจริงอย่างว่า

๘) เมื่อวานนี้ไปช่วยเขาทำบุญศพชายถาวรที่บ้านสามเสนเพื่อออกเมรุ เขาจะเผากันพรุ่งนี้ที่เมรุท้าววรจันทร์ ณ วัดเทพศิรินทร์กลับมาถึงเชิงสะพานมัฆวานเห็นคนมุงกันอยู่แน่น มีโปลิสยืนอยู่ที่นั่นด้วย ๓ คน จะถามว่าอะไรกันก็กลัวจะโดนอย่างพระยาพิพัฒ (ติโนซาเวีย) เล่า ว่าเมื่ออยู่ที่สถานทูตเมืองลอนดอน นึกสนุกขึ้นมาก็ชวนเพื่อนออกมาด้วยคนหนึ่ง ชี้ขึ้นไปบนหลังคาสถานทูตแล้วก็มองดูกัน ๒ คน ประเดี๋ยวใครต่อใครก็มาหยุดมองตาม แล้วเราก็หลบไปเสีย เพิ่มเติมกันมาหยุดมองดูเป็นกลุ่มใหญ่จนรถมาเดินไม่ได้ โปลิสก็มาจัดการ ในที่สุดถามกันว่าอะไร ก็ไม่มีใครบอกได้สักคนเดียว

ลายพระหัตถ์

๙) ถึงวันจันทร์ คือ ๓ วันนับตั้งแต่รถไฟบรรทุกเมล์เข้าไปถึงกรุงเทพฯ ในวันเสาร์ ควรที่จะได้รับลายพระหัตถ์เวรแต่ก็ไม่ได้รับ ไม่ทราบว่าไปตกอยู่เสียที่ไหน เพราะฉะนั้นหนังสือเวรซึ่งถวายมาคราวนี้จะต้องมีความน้อยจากที่เคยไปหน่อยหนึ่ง เพราะไม่ได้ลายพระหัตถ์เวรจะกราบทูลสนอง คงจะต้องเลื่อนไปเป็นคราวหน้า

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ