วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

สัปดาหะนี้คอยจนวันอาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับลายพระหัตถ์เวรอีก แต่หม่อมฉันทูลสนองความในลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๒๒ เมษายนยังค้างอยู่บ้าง จึงจะทูลเริ่มในจดหมายฉบับนี้

ทูลสนองลายพระหัตถ์ต่อมา

๑) ซึ่งทรงปรารภถึงเรือนสร้างกันในกรุงเทพฯ ยังชอบให้มีมุขไม่ว่าเรือนขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กนั้น หม่อมฉันคิดไปเห็นวินิจฉัยยืดยาว จะต้องรอไว้ทูลอธิบายโดยพิสดารในจดหมายฉบับอื่น ในที่นี้จะทูลแต่โดยย่อว่าเป็นเพราะเข้าใจกันว่าเรือนที่อยู่ของผู้ดีต้องมีมุขจึงจะสมศักดิ์ ช่างผู้คิดแบบถือคติตามสุภาษิตซึ่งว่า “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่” จึงถือว่ามุขเป็นสิ่งสำคัญอันหนึ่งของเรือนผู้ดี ฝ่ายผู้สร้าง โดยเฉพาะผู้ซึ่งตั้งตัวได้ใหม่ ก็นิยมอย่างเดียวกัน แต่ทุนที่จะสร้างเรือนมีมากบ้างน้อยบ้างต้องทำขนาดต่างกัน จึงมีมุขทั้งเรือนขนาดใหญ่และขนาดน้อยด้วยประการฉะนี้

๒) ซึ่งทรงปรารภว่าช่างดีด้วยมีความคิดสำคัญกว่าฝีมือนั้น หม่อมฉันเห็นชอบด้วย ส่วนมูลของรูปภาพจับนั้นหม่อมฉันเห็นว่า โขนละครเอาอย่างมาจากรูปภาพเขียน มิใช่ช่างเขียนเอาอย่างไปจากท่าโขนละคร เพราะสังเกตดูโขนละครเล่นรบพุ่งท่าแรกก็ชี้หน้าปรามาทกัน ท่าต่อมาก็เอาสาตราวุธต่อสาตราวุธตีประกัน และต่อมาจับแขนกันเงื้อง่าสาตราวุธ นานๆ จะมีขึ้นยืนเหยียบเข่าเป็นท่าอย่างภาพจับ แต่ก็ทำได้อย่างประดักประเดิด ด้วยต้องซักซ้อมรักษาศูนย์น้ำหนักมิให้ซวดเซ และมักพลาดพลั้ง เห็นว่าที่โขนละครทำท่าจับเช่นนั้น เพื่อจะอวดว่าทำได้เหมือนรูปภาพเป็นสำคัญ คิดดูอีกทางหนึ่งถึงช่างเขียนรูปภาพ จะเขียนให้คนเห็นว่ารบกันจะทำอย่างไร เขียนเป็นท่าชี้หน้าปรามาทภาพอยู่ห่างกันไม่แสดงอาการรบได้สนิท ต้องเขียนให้เข้าชิดกัน ถ้าเป็นภาพกากก็เขียนท่าชก หรือท่าปล้ำกัน แต่เป็นภาพพระต้องให้ดูสง่า จึงคิดท่าภาพจับต่างๆ เขียนรูปภาพให้เห็นงาม ยิ่งคิดลงไปถึงรูปภาพรบที่จะทำหนัง ถ้าไม่ทำภาพจับก็เกือบไม่มีอย่างอื่นที่จะให้เห็นว่ารบกันได้

๓) หม่อมฉันเคยนึกเป็นห่วงถึงรูปภาพฝีมือครูช่างได้เขียนไว้อยู่เนืองๆ เป็นห่วงประจำใจอยู่เสมอแห่ง ๑ คือรูปภาพที่เขียนในพระอุโบสถวัดราชบุรณะ แต่เป็นบุญที่ได้มีโอกาสช่วย ตั้งแต่พระธรรมดิลก (อิ่ม) เริ่มปรารภจะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ท่านบอกหม่อมฉันๆ ได้ชี้แจงห้ามปรามมิให้แตะต้องรูปเขียนอย่างหนึ่งอย่างใด ท่านเห็นชอบด้วยและกระทำตาม ต่อมาถึงสมัยพระธรรมดิลก (สม) ที่ครองวัดอยู่เดี๋ยวนี้ จะปฏิสังขรณ์เผอิญหม่อมฉันไปดูรูปภาพ ไปเห็นกำลังเตรียมการก็ได้กำชับอีกครั้ง ๑ ท่านก็กระทำตาม ปฏิสังขรณ์เรียบร้อยดีมาก หวังว่าจะยังอยู่ดีอย่างเดิม แต่ยังไม่หายหวั่นด้วยตัวคนย่อมเปลี่ยนไป ผู้มาใหม่อาจจะนิยมไปอย่างอื่นในภายหน้า หม่อมฉันเคยตกใจครั้ง ๑ ด้วยมีนักเรียนที่ได้ศึกษาในยุโรปคน ๑ เมื่อกลับมาไปบวชอยู่วัดบวรนิเวศพรรษา ๑ มาปรารภแก่หม่อมฉันโดยเจตนาดีว่า รูปภาพที่เขียนผนังหลังหน้าต่างในพระอุโบสถ (คือที่ทูลกระหม่อมโปรดให้อาจารย์อินโข่งเขียนปัญหาธรรมเป็นภาพฝรั่ง) นั้นน่าเกลียดนักควรจะให้ลบเสีย เอาไว้อายฝรั่ง หม่อมฉันได้ยินแทบสิ้นสติ นึกเสียใจว่าผู้นั้นก็ได้ไปศึกษาถึงยุโรปแล้ว เหตุไฉนไม่สืบถามให้รู้เสียก่อนว่าเหตุใดจึงเขียนเช่นนั้น และยังประหลาดใจต่อไปด้วยอาจารย์อินโข่งไม่เคยไปยุโรปก็จริงอยู่ แต่แกได้อาศัยรูปภาพที่ฝรั่งทำกระดาษปิดฝาเรือนเข้ามาขาย เขียนรูปภาพฝรั่งครั้งสมัยต้นศตวรรษที่ ๑๙ ได้ แต่นักเรียนไทยได้ไปถึงยุโรปกลับไม่รู้จักก็น่าพิศวง จึงทูลว่าหวั่นใจถึงรูปภาพฝีมือครูที่มีอยู่ ณ ที่ต่างๆ จะไม่ปลอดภัยได้ในภายหน้า แต่เมื่อคิดดูในทางปรมัตถ์ก็ไม่อัศจรรย์อันใด คนเขียนรูปภาพและคนชอบรูปภาพก็ย่อมเปลี่ยนไปตามวิสัยของโลก

เบ็ดเตล็ด

๔) ที่ปีนังเวลาจะหาอะไรดูพอให้หย่อนใจไม่ใคร่มี ได้แต่ขึ้นรถไปเที่ยวตากอากาศและไปนั่งเล่นที่ในสวนลิงเวลาเย็น จะไปตามที่พวกชาวเมืองเขาเที่ยวเตร่กันก็มีโรงเต้นรำอย่าง ๑ ซึ่งหม่อมฉันไม่เคยไปและไม่อยากไป เพราะเห็นเป็นแต่ที่ยั่วกามกิเลสของคนหนุ่มสาว นอกจากนั้นก็มีสวนสนุก ๓ แห่ง ไปแห่งไหนก็ทนเบียดคนไม่ไหว ทั้งไม่เห็นว่าสนุกด้วย เมื่อเร็วๆ นี้ที่สวนสนุกชื่อว่าโลกใหม่ เขาทำเมืองนรกให้คนดูต่อจากเมืองสวรรค์ที่เขาเคยทำแต่ก่อน และหม่อมฉันเล่าถวายจึงไปดูอีกครั้ง ๑ แต่รีบไปเวลาชิงพลบยังไม่ทันคนมาก เขาทำทางเข้าให้ผ่านระเบียง ๒ ข้าง ซึ่งเขียนรูปภาพเป็นมนุษยโลกมีคนประพฤติกิจการต่างๆ อันเป็นบ่อเกิดบาปกรรมก่อน ต่อมนุษยโลกเข้าไปอีกชั้น ๑ ถึงยมโลกทำระเบียง ๓ ด้านกั้นเป็นห้องๆ แต่ละห้องฝาด้านในเขียนรูปพญายมนั่งพิพากษาโทษ ตรงหน้าออกมาเป็นที่ลงอาญาคนทำบาปกรรมต่างๆ ผูกหุ่นเป็นสัตว์นรกถูกลงโทษ ตัดหัวบ้าง ตัดครึ่งท่อนบ้าง เอาลงโลหะกุมภีบ้าง ขึ้นต้นงิ้วบ้าง จ้างเด็กๆ เป็นทำมะรงอาญาสัตว์นรกด้วยประการต่างๆ เป็นแต่แปลกตาไม่มีอะไรน่าชม นอกจากสวนสนุกก็มีหนังฉาย แต่หมู่นี้ก็ออกค่นเรื่องแปลกๆ ที่น่าดูมิใคร่มีเหมือนแต่ก่อน เห็นจะเป็นด้วยติดสงครามนั่นเอง เมื่อสัปดาหะก่อนเห็นประกาศว่าจะฉายหนังทมิฬเรื่องศกุนตลา นึกอยากดูด้วยเคยดูหนังทมิฬเรื่องรามเกียรติ์ครั้ง ๑ ออกสนุกอยู่บ้าง จึงไปดูเรื่องศกุนตลาเมื่อวันเสาร์ที่ ๓ นี้ ได้บอกกับลูกว่าบางทีจะหาอะไรสำหรับทูลบรรเลงถวายท่านได้ แต่ไปดูก็ไม่สมประสงค์เพราะเขาเอาของสมัยใหม่เข้าเจือปนมากนัก แม้จนท้าวทุษยันต์ก็เขียนรูปภาพนางศกุนตลาด้วยถือกระดานแผงสีน้ำมันอย่างฝรั่ง มีแปลกตาแต่ ๒ อย่าง อย่าง ๑ วิธีตรวจน้ำ หญิง ๒ คนถือถาดใส่ทักษิณาไปถวายฤาษีแล้วเอาน้ำใส่ในถาดนั้นถือคนละมือ อีกมือ ๑ ต่างกวนในน้ำไปในเวลาอธิษฐาน จนเสร็จจึงเอาน้ำเทลงยังแผ่นดิน แปลกอีกอย่าง ๑ นั้นทำพิธีโหมกูณฑ์ กองไฟไว้ในหลุมมีพราหมณ์กว่า ๑๐ คนนั่งล้อมรอบหลุม ร่ายมนต์แล้วเอาช้อนตักเปรียงเทสาดลงไปในกองไฟทีละคน เสร็จแล้วมีหญิงสัก ๗ คน ถือถาดดอกไม้เดินประทักษิณกองกูณฑ์ แต่นั่งดูไปเกิดเบื่อเสียที่แกเล่น “เอ่อ” นอกเรื่องยืดยาวเต็มทน เขาเล่นแต่เวลาย่ำค่ำจนยาม ๑ จึงหมด หม่อมฉันดูอยู่เพียงครึ่งเวลาก็กลับ

๕) เขาเพิ่งเชิญลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๒๙ เมษายน มาส่งหม่อมฉันเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ พฤษภาคมเวลาบ่าย ๑๖ นาฬิกา ต้องเขียนจดหมายนี้ต่อมาจนวันอังคาร

ทูลสนองลายพระหัตถ์

๖) ที่ทรงปรารภว่าคนแต่งตัวตามกันนั้น ก็ตรงกับที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “แฟแช่น” เกิดแต่ความสะดวก ๒ อย่าง คือไม่ต้องคิดใหม่อย่าง ๒ ไม่ต้องกลัวถูกคนอื่นติอย่าง ๑ สุดแต่แฟแช่นจะเป็นอย่างไรก็นับว่าดีทั้งนั้น เมื่อเร็วๆ นี้หรือจะยังเป็นแฟแช่นอยู่จนเดี๋ยวนี้ เห็นหมวกผู้หญิงทำรูปหมวกสามัญแต่เล็กสักเท่าหัวโขนแมวต้องผูกติดไว้กับผม ก็ยังยอมใส่กันได้หน้าเฉยตาเฉย

มีคำ ๑ ตามภาษาอังกฤษว่า “แอตแตรกชั่น” แปลเป็นไทยว่า “เตือนตา” นักปราชญ์เขาว่าเป็นธรรมชาติ ยกตัวอย่างดังเช่นต้นไม้ย่อมแผ่พืชพันธุ์ด้วยสัตว์พวกแมลงลงกินสุคนธรสที่เกษรดอกไม้ตัวผู้ แล้วพาพืชพันธุ์ไปส่งไว้ยังดอกไม้ตัวเมีย ธรรมชาติจึงบันดาลให้ดอกไม้สีแดงมักบานกลางวันและดอกไม้สีขาวมักบานกลางคืน “เตือนตา” ตัวแมลงให้เห็นง่าย ฉันใดก็ดีเครื่องแต่งตัวมนุษย์ ของผู้หญิงโดยเฉพาะก็เนื่องกับเป็นเครื่องเตือนตาโดยธรรมชาติดุจเดียวกัน หม่อมฉันเคยสังเกตตั้งแต่ผู้หญิงชอบทาปากแดง เวลาผ่านผู้หญิงเห็นสีปากเข้านัยน์ตาก่อนเห็นหน้า และแปลกต่อไปอีกตั้งแต่ผู้หญิงขอบใส่กางเกงขาก๊วย ผ่านผู้หญิงก็เห็นกางเกงก่อนเห็นหน้าเหมือนกัน เลยนึกถึงคำอธิบายของฝรั่งคนหนึ่งจะเป็นใครจำไม่ได้ เขาบอกหม่อมฉันเมื่อไปยุโรปครั้งแรกกว่า ๔๐ ปีมาแล้ว เขาว่าการแต่งเครื่องเพชรนิลจินดานั้น สำคัญสำหรับผู้หญิงที่อายุเป็นผู้ใหญ่ ด้วยช่วยความบกพร่องของร่างกาย ผู้หญิงสาวแต่งเครื่องเพชรพลอยแต่น้อยก็พอ เพราะความสมบูรณ์ของร่างกายเตือนตาอยู่แล้ว บรรทุกเครื่องเพชรพลอยมากกลับจะแข่งความสวยงามในตัวให้น้อยไป

๗) ตั้งแต่ท่านเสด็จไปจากวังวรดิศ หม่อมฉันได้ยินจากพวกที่อยู่นั่นพากันบ่นว่าว้าเหว่ทุกคน ก็เข้าใจได้ว่าเป็นความจริงอย่างนั้น หม่อมฉันอยากเห็นลูกชายดิศกับหญิงหลุยทั้ง ๒ คน ชายดิศว่าจะมาช่วยงานทำบุญวันเกิดของหม่อมฉัน ในเดือนหน้า เดิมว่าจะมากับหญิงหลุยและจะพาลูกมาด้วย แต่หม่อมฉันเห็นว่าหญิงหลุยมีครรภ์อีก ชายดิศก็น่าจะพาลูกมาไม่ได้โดยลำพังตัว ก็จะต้องรอไปอีก

เขียนมาถึงเพียงนี้ถึงกลางวันอังคาร ต้องหยุดให้เวลาหญิงพูนพิมพ์จดหมาย ขอประทานผัดทูลสนองความข้ออื่นไปคราวเมล์หน้า.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ