- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๑/๒๔๘๕ หมายกำหนดการ
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- —เรื่องเจ้าพระยาอภัยราชา (โรลังยัคมินส์)
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๒/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- มีนาคม
- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๓/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๔/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- —ที่ ๕/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- พฤษภาคม
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๖/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- —ริ้วกระบวนแห่พระศพ
- —ริ้วกระบวนแห่พระอัฐิ
- วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —จารึกลานทอง
- วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- ตุลาคม
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- —ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๔ หมายกำหนดการ
- —สำเนาคัดจากข้อความประกอบภาพการ์ตูน
- วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น
- พฤศจิกายน
- ธันวาคม
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
ถึงเช้าวันจันทร์ที่ ๑๗ แล้ว ลายพระหัตถ์เวรฉบับที่มาคราวเมล์วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ยังไม่มาถึงมือหม่อมฉัน จึงเอาเรื่องเบ็ดเตล็ดเขียนขึ้นต้นจดหมายเวรฉบับนี้ก่อน ทั้งให้คัดนิทานโบราณคดีไว้อีกเรื่อง ๑ สำหรับถวายกับจดหมายฉบับนี้ มิให้เรื่องบรรเลงน้อยไปกว่าเช่นเคย
เรื่องเบ็ดเตล็ด
๑) เมื่อทูลเรื่องเสลี่ยงกงไปในจดหมายเวรฉบับก่อนแล้ว หม่อมฉันมาคิดเห็นเค้าเงื่อนในเรื่องเสลี่ยงกงขึ้นอีก ดังจะทูลต่อไปนี้ สิ่งซึ่งเรียกว่า “เสลี่ยง” เป็นยานชนิดหามด้วยมีสายเชือกสำหรับเจ้าทรงมีลักษณะต่างกันเป็น ๓ อย่าง คือ เสลี่ยงหิ้วอย่าง ๑ มีตัวอย่าง พระเสลี่ยงหิ้วของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถาน พิจารณาดูลักษณะ ที่นั่งมีกระดานพิงและมีขอบไม้สูงสักนิ้วหนึ่งทางด้านหลังตลอดด้วยมาถึงด้านข้างๆ ละครึ่ง ๑ สำหรับกันเบาะให้อยู่กับที่ เสลี่ยงอีกอย่าง ๑ คือ “เสลี่ยงหาม ๔ คน” เช่น เจ้านายทรง ขนาดใหญ่กว่าเสลี่ยงหิ้ว พิจารณาดู สัณฐานที่นั่งก็เป็นอย่างเดียวกันกับเสลี่ยงหิ้ว มีผิดกันที่ทำขอบกันเบาะสูงขึ้นเป็นพนักสำหรับวางพระกรได้ เสลี่ยงอีกอย่าง ๑ หาม ๘ คนขนาดใหญ่กว่าเพื่อน เรียกกันว่าพระราชยาน แต่พระเจ้าแผ่นดินตรัสเรียกว่า “เสลี่ยง” ผิดกับเสลี่ยงหาม ๔ คน ที่แก้พนักเป็นกระหนกลอยและทำกงสำหรับวางพระกรขึ้นต่างหากตั้งซ้อนไว้ข้างในแนวกระหนก ลักษณะเสลี่ยง ๓ อย่างนั้นมีกงแต่อย่างหาม ๘ คนอย่างเดียว เดิมจะเรียกว่า “พระเสลี่ยงกง” เป็นคู่กับ “พระเสลี่ยงหิ้ว” ดอกกระมัง เพราะพระเจ้าแผ่นดินทรงแต่พระเสลี่ยงหิ้วกับพระเสลี่ยงหาม ๘ คน จึงเรียกพระเสลี่ยง ๒ อย่างนั้นรวมกันว่าพระราชยาน คำว่าพระราชยานคนทั้งหลายมาเรียกแต่เฉพาะพระเสลี่ยงหาม ๘ คน เมื่อเลิกทรงพระเสลี่ยงหิ้ว เพราะฉะนั้นพระเจ้าแผ่นดินจึงตรัสเรียกว่า “เสลี่ยง” สืบกันมา นอกจากวินิจฉัยนี้ไม่มีอะไรจะรู้ได้ว่ารูปร่างเสลี่ยงกงเมื่อรัชกาลที่ ๔ จะเป็นอย่างไร ขอให้ทรงพิเคราะห์ดูเถิด แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่าเสลี่ยงกงที่มีขึ้นในรัชกาลที่ ๔ มิใช่ราชยาน เพราะฉะนั้นที่ว่าทูลกระหม่อมทรงสร้างพระเสลี่ยงกงหุ้มทองคำขึ้นเป็นราชยานนั้นเห็นจะคัดค้านได้เด็ดขาดว่าไม่มีมูล
๒) เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ นี้หม่อมฉันได้เห็นการอย่างหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้ว่าอาจจะเป็นได้ ประหลาดใจนักหนา หม่อมฉันออกมาอยู่เมืองปีนังก็หลายปีมาแล้ว และไปเที่ยวที่ “สวนลิง” แทบทุกวันก็ว่าได้เพิ่งเห็นลิงเล่นน้ำ ในวันนั้นหม่อมฉันลงเดินเล่นด้วยกันกับลูก ออกจากพุ่มไม้ไปใกล้ลำธารตรงที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง เห็นฝูงลิงสัก ๓๐ ตัว กำลังลงเล่นน้ำอยู่ด้วยกันในลำธาร ไม่ใช่ลงกินน้ำหรือว่ายน้ำข้ามฟากอย่างเคยเห็นมาแต่ก่อน ครั้งนี้เป็นชวนกันลงเล่นว่ายน้ำเหมือนอย่างมนุษย์เล่นน้ำไม่มีผิด บางตัวก็นั่งแช่อยู่ครึ่งตัว บางตัวก็ลอยคอ บางตัวก็ว่ายน้ำดำด้นไปผุดขึ้นที่อื่น บางตัวก็นอนเล่นตามก้อนหินที่ชายน้ำเซ้าซี้สนุกกันทั้งฝูง หม่อมฉันกับลูกยืนอยู่เป็นนานด้วยความพิศวง ด้วยไม่เคยเห็นหรือแม้อ่านในหนังสือเก่า เช่นนิทานชาดกหรือเรื่องรามเกียรติ์ อันมีพรรณนากิริยาอาการของลิง มีแต่พรรณนาว่าในอย่างอื่น ไม่เคยพบที่ว่าลิงเล่นน้ำเลย จนมาเห็นแก่ตาเมื่อวันนั้นจึงประหลาดใจนักหนา
๓) ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด วันหนึ่งหม่อมฉันนึกขึ้นถึงบทกล่อมเด็กของเก่าบท ๑ ลองท่องก็ว่าได้ตลอดทั้งบท ว่า
“โพนเพนเอย | กระเดนสายนาก |
น้ำท่วมขึ้นฟาก | กระจายดอกพริก |
อีแม่ระริก | อีแม่ระรวย |
ตัดใบตองกล้วย | มารองบายศรี |
ชะมดฉมี | ตีฆ้องหน้าวง |
อ้ายคงเป่าปี่ | กระดี่ชะมด |
อ้ายคดตีแฉ่ง | |
ค้างคาวปากแหว่ง | อุ้มลูกมาดู |
สดุดขี้หมู | สดุดขี้หมา |
หกล้มปากแตก | |
สดุดหญ้าแพรก | แตกเสียทำเนา |
เจ้าเพรานกกระจอก | |
ผักบุ้งหญ้างอก | ทองหลางใบมน |
ชนก้นยายมอญ | |
ปิดประตูใส่กลอน | นอนเสียกลางวัน |
ไก่ขันเอ๊กเอ๊ก” |
คิดต่อไปถึงความที่กล่าวในบทกล่อมนั้น เกิดติดศัพท์แปลไม่ออก เป็นต้นแต่โพนเพนเป็นตัวสัตว์หรือสิ่งอันใด สายนากคืออะไร ชะมดฉวี เป็นชื่อคน ที่ตีฆ้องหรืออะไร กระดี่ชะมดคืออะไร พิจารณาต่อไปถึงเรื่องที่แต่งก็ตีความไม่ออก ว่าเป็นเรื่องอะไร จะด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมจึงจดถวายมา จะทรงแปลได้หรือไม่
๔) ลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์นั้น เขาเพิ่งเอามาส่งเมื่อวันอังคารที่ ๑๘ เวลาเช้า จะเขียนความสนองลายพระหัตถ์ไม่ทันเวลาจะทูลสนองในจดหมายฉบับหน้าต่อไป
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด