วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๔๘๔

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ยังไม่ได้รับลายพระหัตถ์เวร ก็เขียนเรื่องสัพเพเหระบรรเลงถวายไปพลางก่อน

บรรเลง

๑. หญิงไอไปเที่ยวหัวหินกลับมา บอกว่าที่หัวหินอดน้ำเพราะฝนไม่ตก แห่นางแมวกันให้กลุ้มไป ฟังเล่าก็ทำให้รำลึกชาติขึ้นได้ ว่าเมื่อเล็กๆ อยู่ในวังเคยเห็นแห่นางแมวกันอยู่บ่อยๆ ฟังจำคำร้องก็เป็นปัญหา จะถามใครก็เห็นจะยากที่จะพยากรณ์ได้ ทำไมแมวจึงไปเกี่ยวแก่ฝน “นางแมวเอย ท่านให้ขอฝน” ทีจะต้องเป็นแมวตัวเมียด้วย ตัวผู้ทีจะใช้ไม่ได้ “ขอเบี้ยค่าจ้าง ของนางแมวมา” ค่าจ้างอะไรของแมว “ข้าวเกวียนละสองร้อย อ้อยลำะยี่สิบ” ข้าวเกวียนละสองร้อยอะไร สองร้อยเบี้ยหรือมิใช่ ถ้าเป็นเบี้ยราคาข้าวก็ต่ำเต็มที ซ้ำเอาไปเทียบกับอ้อยเข้าด้วย อ้อยลำละยี่สิบ เห็นจะเป็นราคาเบี้ยแน่ อ้อยสิบลำเท่ากับข้าวเกวียนหนึ่ง อาการอยู่ข้างหนัก “ไปซื้อหมากดิบถึงเมืองไชโย” เมืองไชโยเป็นสระเกศไชโยหรือมิใช่ ดูที่นั่นไม่เห็นปรากฏว่าเป็นเมือง

นึกถึงคำร้องนางแมว แล้วก็เอาไปปนเข้ากับคำร้องเข้าผีลิงลม ทำให้คิดถึงเข้าผีลิงลมต่อไป “อ้ายแก้วหน้าหนู เล่นชู้ชาววัง” แก้วอะไร คนชื่อแก้วมีหน้าเล็กๆ หรือมิใช่ “ปะติ๊ต้อย ปะติ๊ตัง” ทีเป็นเสียงปี่ “เล่นหนังคาวี” ทำเอา “หูผึ่ง” ว่าเรื่องคาวีเขาก็เล่นหนังกันด้วย เรื่องคาวีมีมานานแล้ว “เอ้เล้กะทุ่มป่อง” คำนี้ ดูเป็นเสียงปี่กลอง การประโคมปี่กลองเห็นจะประโคมไม่ว่าอะไร กระทั่งหกขะเมนต่ายลวดก็ประโคมปี่กลอง จนเพลงปี่พาทย์ชื่อว่า “ปี่กลอง” ก็มี ใช้ประโคมอะไรเตี้ยๆ คำร้องทั้งนั้นเป็นคำเก่ามาก เสียดายที่แก่ไม่พอที่จะเข้าใจ แต่แก่มากก็ตาย ถึงรู้ก็เท่ากับไม่รู้

๒. พระยาอนุมานเคยสงสัย ว่าหกขะเมนจะเป็นหกอย่างเขมร ตีลังกาจะเป็นหกอย่างลังกา นอกจากนั้นไม่เห็นทางว่าจะไปข้างไหนได้ เกล้ากระหม่อมได้บอกแก่แกว่า พวกโขนเขาเรียกการหกขะเมนกันเป็น ๓ อย่าง ถ้าหกม้วนไปข้างหลังเรียกว่า “ตีลังกา” ถ้าหกม้วนไปข้างหน้าเรียกว่า “อันธพา” ถ้าหกม้วนไปข้างข้างเรียกว่า “พาสุริน” แต่จะคิดผสมเข้าใหม่หรือมีมาเก่านั้นไม่ทราบ ส่วนหกขะเมนซึ่งคิดว่าหกเขมรนั้นไม่ทราบ

๓. คำว่า “ขัน” ซึ่งใช้ในที่ว่าน่าหัวเราะ แต่อีกนัยหนึ่งใช้ในที่ว่าร้องก็ได้ พระยาศรีธรรมราชเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อเป็นผู้พิพากษาอยู่ในแขวงปักษ์ใต้ พบคนมาให้การว่า “งัวมันขัน” แกเห็นประหลาด แต่เกล้ากระหม่อมนึกไปก็ตัดความประหลาดได้ ทำไมไก่และนกเขามันจึ่งขันได้ งัวขันบ้างจะประหลาดอะไร

๔. “แก” เห็นจะมาแต่ “แก่” คือชรา

๕. “มองซิเออ หมู” ชื่อนี้ตามที่กราบทูลมาก่อน ไม่ได้ระบุว่าแกเป็นคนอะไรอยู่ที่ไหน หากไม่ทรงทราบก็จะเกิดสนเท่ห์พระทัยขึ้น จึ่งจะไขไว้ในที่นี้ว่าแกเป็นอาจารย์คนหนึ่ง ในคณะศาสตราจารย์เซเดส์ เขาเขียนชื่อกันคล้ายกับว่า “หมู” แต่ละเขียนอย่างไรก็จำไม่ได้ และเขาจะอ่านกันว่ากระไรก็ไม่ทราบ เป็นแต่เกล้ากระหม่อมเห็นคล้าย “หมู” ก็เรียก “มองซิเออ หมู”

๖. คราวนี้ได้เขียนหนังสือถึงหญิงพิลัยสอดมากับหนังสือเวรด้วยเป็นบอกเพิ่มเติมอะไรต่ออะไร โดยได้มีหนังสือมาถึงเธอแล้ว ถ้าฝ่าพระบาททรงอ่านก็จะสนุกพระทัยพอดูอยู่

๗. อ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่ง พบฝรั่งเขาพูดถึงต้นไม้มีศาลเจ้าที่ใกล้โรงพยาบาลเสาวภาหลายหนแล้ว ต้นไม้นั้นก็อยู่ข้างทางที่เกล้ากระหม่อมต้องผ่านไปเสมอ แต่เกือบจะไม่เห็นเพราะไม่สู้ได้สังเกต จึงทำให้รู้สึกใจว่าความใฝ่ใจของมนุษย์นั้นผิดกันมาก

ข่าว

๘. เมื่อวันที่ ๙ ที่แล้วมา ได้รับหมายงานพระศพทูลกระหม่อมหญิงเพชรบุรี ซึ่งสำนักพระราชวังส่งมา เป็นหมายนำฉบับ ๑ กับใบพิมพ์หมายกำหนดการ ๓ ฉบับ ได้แบ่งส่งมาถวายในบัดนี้ฉบับ ๑ เพื่อทราบฝ่าพระบาท

๙. เมื่อวันที่ ๑๐ ได้เข้าไปในวังด้วยการวิสาขบูชา ได้เดินเทียนและเป็นทีว่าฟังเทศน์ พระศรีวิสุทธิวงศ์ (พระมหาเอื้อน ครูชายงั่ว) วัดเทพศิรินทร์ถวาย ในงานนี้ได้รับหนังสือสอนเด็กแจกเล่มหนึ่งจ่าหน้าว่า “สุบบองคฤหัสถ์ ๔” ไม่เป็นภาษา เป็นด้วยความหลงของช่างผู้เขียนหนังสือที่จ่าหน้าสมุดนั้น ที่แท้คือ “สุขของคฤหัสถ์ ๔” ตัว ข กับตัว บ ผิดกันมาก ตัว ข เขียนม้วนไปข้างหน้า ตัว บ ไปข้างหลัง อย่างตีลังกากับอันธพา พระประธานวัดราชโอรสซึ่งเอามาตีพิมพ์ไว้ข้างหน้าก็ให้ดูเห็นเป็นว่าไม่งาม ได้ขอเขามาอีกเล่มหนึ่งด้วยรำลึกถึงฝ่าพระบาทตั้งใจจะส่งมาถวายในโอกาสที่สมควร เมื่อเสร็จการแล้วได้บูชาพระ และเที่ยวเดินดูโคมและอะไรต่ออะไร ได้เห็นรูปนรสิงห์ที่เขียนผนังไว้ มีหางติดอยู่ที่ตะโพก ทำให้นึกถึงคำพระยาเทวา บอกว่าหลานชาย (ลูกเจ้าพระยาธรรมา) ขออนุญาตเข้าไปดูวัดพระแก้วเพื่อถ่ายเอารูปพระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ท่านไม่อนุญาตด้วยเหตุว่า ประเดี๋ยวจะไปพบรูปนางมหาสงกรานต์กินนมกระป๋องเข้า (พูดใส่สี) ได้ให้สมุดมีรูปตีพิมพ์พระเจ้าทั้งสามมาแต่อินเดียไปดู จับเรื่องเตร็ดเสียที เวลาดึกไปวัดเทพศิรินทร์บูชาพระและสนทนากับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์แล้วก็กลับบ้าน ในทางสนทนานั้นมีเรื่องเมื่อเล็กๆ ดังที่เคยกราบทูลเล่ามาถึงเมื่อรัชกาลที่ ๔ ท่านก็เล่าถึงเมื่อท่านเล็กๆ อายุได้ ๔ ขวบ เขาพาเข้ามาปลูกฝีในกรุง เขาเปิดนมกระป๋องให้กินแต่จำไม่ได้ ไปจำได้เอาที่กระป๋องลอยน้ำไปในทะเล เห็นเป็นวิจิตรพิสดารได้แม่นยำ ให้รู้สึกประหลาดที่นมกระป๋องก็มีมานานแล้ว ว่าไรก็ว่าแล้ว ทีนี้ก็จะกราบทูลสิ่งที่เป็นสาระ ผลกุศลอันได้ปฏิบัติด้วยดีแล้วนั้น ขอแบ่งถวายฝ่าพระบาทเพื่อทรงอนุโมทนา

ติดตัน

๑๐. หมายฟุตโน้ต เคยเห็นเขาหมายกันมาหลายอย่าง แต่นึกไม่ชอบสักอย่างเดียว เหตุด้วยเครื่องหมายนั้น ถ้าเล็กหนักลางทีก็เลยไม่เห็น หรือเห็นก็เมื่ออ่านฟุตโน้ตแล้วกลับไปดูความก็หาเสียย่ำแย่เพราะเห็นยาก ติดจะไปชอบฝรั่งเศสเขาหมายในหนังสือเรื่องพังๆ ในเมืองเขมร ซึ่งทรงพระเมตตาโปรดประทานนั้น เขาหมายด้วยตัวเลขใหญ่เบ้อเร่ออยู่ในวงเล็บ รู้สึกสะใจดีเห็นได้ง่ายกว่าอย่างอื่น แต่ก็เห็นไม่ดีที่หากว่าแม้จะลงเลขในวงเล็บเพื่อการอย่างอื่นก็จะพาหลง จึงเป็นอันติดตันอยู่ว่าจะหมายอย่างไรจึงจะดี

บันทึก

๑๑. ถึงวันจันทร์แล้วยังไม่ได้รับลายพระหัตถ์เวร ข้อความในหนังสือเวรฉบับนี้ก็เป็นอันสิ้นลงเพียงเท่านี้ ด้วยนึกข้อที่จะพึงกราบทูลบรรเลงได้เท่านั้น.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ