๙๑
๏ ขณะเมื่อเกียงจูแหยอยู่ในค่ายเห็นพายุบังเกิดประหลาด จึงนับนิ้วมือดูก็รู้ว่าจะมีเหตุในค่ำวันนี้ จึงให้เอายันต์ไปปิดหน้าค่าย เต็มติดกันไปดังร่างแห แล้วให้ลิเจ้งคุมทหารไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก ให้เอียวหยิมคุมทหารไปอยู่ทิศตะวันตก ให้โลเฉียคุมทหารไปอยู่ทิศใต้ ให้หลุยจินจู๊คุมทหารไปอยู่ทิศเหนือ ให้เอียวเจี้ยนกับอุยฮอเป็นกองหลัง ให้บูกิด หลำจงกวด แต้หลุนอยู่รักษาค่ายกับพระเจ้าบูอ๋อง แล้วเกียงจูแหยอาบน้ำชำระกาย จัดแจงเครื่องสาตราวุธสำหรับตัวครบแล้ว ก็พาทหารไปอยู่ที่ศาลใหญ่
๏ ฝ่ายอวนหองครั้นเวลาสองยามได้ฤกษ์ ก็พาทหารที่จัดแจงไว้ยกมาถึงกลางทาง เหลายินเกียดจึงว่ากับอินเสงซิวว่าเราจะเข้ารบเวลาวันนี้ เกียงจูแหยมีสติปัญญารู้ฤกษ์แลการทั้งปวง ทหารใหญ่น้อยนั้นล้วนมีฝีมือ แลกลอุบายต่าง ๆ ดีนัก ครั้นเราจะเข้ารบติดพัน ถ้าเสียทีจะหนีไม่ได้ก็จะตายเสียเปล่า เรารักษาตัวไว้แต่ห่าง ๆ พอหลบหลีกได้เถิด อินเสงซิวก็เห็นชอบด้วย จึงค่อยรั้งรอไป เกาเบ๋งเกากักเป็นกองหน้า ครั้นมาใกล้ค่ายเกียงจูแหย จึงให้จุดประทัดใหญ่น้อยขึ้น อวนหองกับเสียงเฮา ง่อเหลงก็คอยจะช่วยอุดหนุน
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยครั้นได้ยินเสียงประทัด ก็รู้ว่ากองทัพยกมา จึงถือกระบี่ขึ้นยืนบนถังที่ลงยันต์แล้วสยายผมทำเป็นพายุลมฝนมืดมา แล้วร่ายมนต์เชิญเจ้าสินถูองค์หนึ่ง เจ้าอุดหลุยองค์หนึ่ง จะให้ออกไปเอาชีวิตปีศาจ เกียงจูแหยขี่ซูปุดเสียงพาทหารยกออกไปตั้งกระบวนทัพพร้อมอยู่หน้าค่าย เกียงจูแหยจึงโยนกระบองเหลี่ยมมีฤทธิ์ขึ้นไปบนอากาศ ตกลงถูกทหารกองหน้าอวนหองตายสองคน ฮันฮูโยนกระบองสั้นมีฤทธิ์ขึ้นไปบนอากาศบ้าง ตกลงถูกง่อเหลงทหารเกียงจูแหยตายคนหนึ่ง โลเฉียโยนมังกรไฟไปเผาเทียนฮั่วทหารอวนหองตาย เอียวหยิมถือพัดไฟห้าประการ โบกไปจะให้ต้องอวนหอง อวนหองเอากระบองยาวมีฤทธิ์แกว่งดับไฟมิให้ต้องตัว แล้วเอากระบองไล่ตีถูกห้าผากเอียวหยิมตาย เกียงจูแหยกับอวนหองรบกันแต่สองยามจนใกล้รุ่ง ทหารล้มตายทั้งสองฝ่าย เกียงจูแหยจึงให้ตีม้าล่อสัญญาเลิกทัพกลับเข้าค่าย เอียวเจี้ยนจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า ข้าพเจ้าประหลาดใจนักด้วยอวนหองนี้ พวกเราที่มีฝีมือแผลงฤทธิ์ฆ่าฟันตายแล้วกลับเกิดขึ้นมาสู้อีก ดูเป็นภูตผีปีศาจยักษ์มารก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าจะลาท่านไปหาอาจารย์ ชื่อฮุนจงจู๊อยู่ในถ้ำเขาจงลำสัน จะขอยืมกระจกมีฤทธิ์มาส่องดู ให้รู้จักกำเนิดของมัน เราจะได้คิดแก้ไขฆ่าอวนหองเสียให้ตายจึงจะมีชัยชนะ เกียงจูแหยเห็นด้วย เอียวเจี้ยนก็ลาไปถึงถ้ำเขาจงลำสันพบฮุนจงจู๊ เอียวเจี้ยนก็ทำคำนับแล้วแจ้งความซึ่งรบกันให้อาจารย์ฟัง แล้วว่าข้าพเจ้าจะขอยืมกระจกมีฤทธิ์ของอาจารย์ไปส่องดูอวนหองให้รู้เหตุ ฮุนจงจู๊จึงว่าอวนหองนี้กำเนิดมันเป็นปีศาจชะนีเผือกอยู่เขาบุ๋นสัน เทวดาบอกความรู้ให้มันถึงผู้ใดจะมีฤทธิ์จะฆ่ามันไม่ตาย ต่อได้กระจกของเราไปส่องจึงจะจับตัวมันได้ ฮุนจงจู๊ก็ให้กระจกแก่เอียวเจี้ยน เอียวเจี้ยนคำนับลาอาจารย์มา เล่าความให้เกียงจูแหยฟังทุกประการ เกียงจูแหยยินดี เวลาเช้าก็พาทหารยกกองทัพออกไป อวนหองคุมกองทัพยกออกมาตั้งอยู่กลางแปลงทั้งสองฝ่าย เกียงจูแหยจึงร้องว่ากับอวนหองว่า ท่านเป็นแต่ทหารมีฝีมือ หารู้ฤกษ์ฟ้าฤกษ์ดินลึกซึ้งไม่ ชะตาเมืองจิวโก๋จะเสียแก่เมืองไซรกี กษัตริย์ก็ไม่เป็นธรรม หัวเมืองขึ้นทั้งปวงพากันมาเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องสิ้นแล้ว ท่านไม่รู้ตัวจะพลอยตายด้วย ถ้ารักชีวิตก็ยอมเข้ามาเป็นข้าพระเจ้าบูอ๋องโดยดี จึงจะรอดจากความตาย อวนหองก็หัวเราะแล้วตอบไป ว่าท่านเป็นคนแก่เคยแต่ตกเบ็ด ไม่รู้วิชาการในกลศึก ก็สำคัญว่าหัวเมืองขึ้นจิวโก๋กบฏต่อพระเจ้าอ๋องติวจริง ตัวท่านเป็นคนทรยศหาควรจะอยู่ในแผ่นดินไม่ ว่าพลางเอาทวนเข้าไล่แทงเกียงจูแหย เอียวเจี้ยนยืนอยู่ริมเกียงจูแหย เอาง้าวออกรับสู้กับอวนหองได้สิบห้าเพลง อวนหองทำเป็นถอยหนีลวงให้ไล่ เอียวเจี้ยนเอากระจกส่องก็เห็นอวนหองเป็นงูขาวใหญ่ คอยจะตอดเอียวเจี้ยน เอียวเจี้ยนจำแลงตัวเป็นตะขาบใหญ่มีปีกทำฤทธิ์ดังฟ้าลั่น บินเข้ากัดศีรษะงูขาวเจ็บปวดเป็นสาหัส แล้วตะขาบใหญ่กลับเป็นคน เอากระบี่ฟาดถูกกลางตัวงูขาวขาดเป็นสองท่อน งูขาวกลับเป็นคนถือกระบองจะเข้าตีเอียวเจี้ยน โลเฉียมีหน้าสามหน้าหกมือถืออาวุธหกสิ่งเท้าขวาเหยียบจักรไฟ เท้าซ้ายเหยียบจักรลมเข้าช่วยเอียวเจี้ยน โลเฉียร่ายมนต์เกิดเป็นรูปมังกรโยนขึ้นไปบนอากาศ เป็นไฟเก้าดวงตกลงถูกอวนหองไหม้เป็นจุณไปสิ้น อวนหองกลับเป็นมังกรกลาย โลเฉียถือกระบี่สองมือไล่ฟันมังกร เอียวเจี้ยนถือกระจกไล่ส่อง มังกรหนีกลายเป็นตะขาบใหญ่กลับเข้าไล่พันเท้าเอียวเจี้ยน เอียวเจี้ยนจำแลงตัวเป็นไก่ใหญ่ไล่จิกตะขาบ ตะขาบเหาะหนีเข้าในกลีบเมฆ ไก่ใหญ่ก็เหาะไล่จิกตะขาบขาดเป็นหลายท่อน ตะขาบก็สูญไปกลับเป็นอวนหองหนีคืนเข้าค่าย เกียงจูแหยจึงให้ตีม้าล่อสัญญาเลิกทัพกลับเข้าค่าย
๏ ฝ่ายเหลายินเกียดอินเสงซิวปรึกษากันว่า เจ้านายเราเอาอ้ายพวกปีศาจชะนีผีป่ามาเป็นแม่ทัพ ทำศึกเห็นจะไม่เป็นการ เราจะพลอยตายด้วย จำจะคิดอ่านทำหนังสือลับลอบบอกเข้าไปถึงเมืองจิวโก๋
๏ ขณะนั้นทหารที่รักษาเสบียงมาบอกกับอวนหองว่า เสบียงอาหารยังอยู่น้อย จะจ่ายกองทัพได้อีกสักเจ็ดวัน อวนหองจะให้มีหนังสือบอกเข้าไปขอเสบียงเมืองจิวโก๋ เหลายินเกียดได้ช่องก็รับถือหนังสือเข้าไปถึงเมืองจิวโก๋ ถวายหนังสือพระเจ้าติวอ๋องทูลความทุกประการ พระเจ้าติวอ๋องก็เร่งให้เอาเสบียงไปส่ง แล้วให้บุนฮั่วยกออกไปช่วยอวนหอง บุนฮั่วมาถึงค่ายเบ๋งจี๋น เข้าหาอวนหองคำนับแล้วแจ้งความตามรับสั่ง อวนหองเห็นบุนฮั่วรูปร่างโตใหญ่คมสันก็ยินดี ว่าครั้งนี้เกียงจูแหยเห็นจะไม่ทนฝีมือทหารของเราได้ ครั้นรุ่งเช้าบุนฮั่วถือโล่ใหญ่คุมทหารยกออกไปถึงหน้าค่ายเกียงจูแหย บุนฮั่วร้องท้าทายว่าทหารคนไรที่มีฝีมือก็เร่งออกมารบกับเรา
๏ ฝ่ายทหารในค่ายเกียงจูแหย แลเห็นบุนฮั่วก็ชวนกันเข้าไปบอกกับเกียงจูแหยว่า บัดนี้ทหารผู้หนึ่งรูปร่างโตใหญ่มายืนร้องท้าทายอยู่หน้าค่าย เลงเฉียวฮอก็รับอาสาจะสู้บุนฮั่ว เลงเฉียวฮอเท้าเดียวหน้าเหมือนมังกร ใช้ศิลาเป็นอาวุธ คุมทหารยกออกไปจากค่าย บุนฮั่วแลเห็นเลงเฉียวฮอรูปร่างประหลาดก็หัวเราะ เลงเฉียวฮอจึงร้องถามว่าตัวท่านชื่อไร บุนฮั่วว่าเราชื่อบุนฮั่วเป็นทหารใหญ่ในเมืองจิวโก๋ พระเจ้าติวอ๋องให้เราออกมาปราบปราบข้าศึกเสี้ยนหนามให้ราบคาบ ท่านเร่งเข้าไปบอกเกียงจูแหยให้ออกมารบกับเราจึงจะสมควร เลงเฉียวฮอโกรธเอาก้อนศิลาขว้างบุนฮั่ว บุนฮั่วเอาโล่รับไว้ เลงเฉียวฮอบันดาลให้ก้อนศิลาในแผ่นดินลอยขึ้นไปบนอากาศ ตกลงมาดังห่าฝน บุนฮั่วรับไม่ทันถูกก้อนศิลาหลายทีเจ็บปวดนักทนมิได้ ก็หนีไปข้างทิศตะวันออก เลงเฉียวฮอชนะแล้วก็กลับเข้าค่าย บุนฮั่วหนีไปสิ้นหนทางสองร้อยห้าสิบเส้น หยุดนั่งอยู่ที่เชิงเขาแห่งหนึ่งพอหายเหนื่อยแล้วก็กลับมาเข้าไปหาอวนหองว่า ข้าพเจ้าแพ้ข้าศึกเพราะเสียทีจะขอทำการแก้ตัวใหม่ กลางคืนวันนี้ข้าพเจ้าจะเข้าปล้นตีค่ายให้แตกยับเยิน จับเอาตัวเกียงจูแหยให้ได้ อวนหองจึงว่า ถ้าท่านจะยกเข้าปล้นค่าย เราจะจัดทหารที่มีฝีมืออุดหนุนเพิ่มเติมให้เต็มที่ อวนหองบุนฮั่วคิดกันแล้วก็ตระเตรียมทหารพร้อมเวลาประมาณสองยาม บุนฮั่วก็นำทหารเล็ดลอดเข้าไปถึงหน้าค่ายเกียงจูแหย บุนฮั่วให้จุดประทัดขึ้นพร้อมกัน แล้วกระโจมตีแหกค่ายเข้าไป อวนหองก็ขับทหารเข้าช่วยระดมตี กองทัพเกียงจูแหยมิทันรู้ตัวแตกกระจัดกระจาย ทหารบุนฮั่วอวนหองไล่ฟันทหารเกียงจูแหยล้มตายเป็นอันมาก เกียงจูแหยขึ้นขี่ซูปุดเสียงถือธงเหลืองป้องกันตัวกับลูกศิษย์หกคนพากันหนีเอาตัวรอด อาจารย์สี่คนก็พาบูอ๋องหนีไป บุนฮั่วตีแตกเข้าไปถึงหลังค่ายเห็นฉางข้างมีค่ายล้อมคนรักษาอยู่ บุนฮั่วขับทหารเข้าตีชิงเอาฉางข้าว
๏ ฝ่ายเอียวเจี้ยนรักษาค่ายเสบียง เมื่อค่ายใหญ่แตกระส่ำระสายในกลางคืน เอียวเจี้ยนก็รักษาค่ายมั่นไว้ ครั้นบุนฮั่วเข้าตีค่ายเอียวเจี้ยนจึงเอาหญ้ามัดเป็นรูปหุ่น แล้วร่ายมนต์ให้เป็นทหารสูงใหญ่กว่าบุนฮั่วหลายส่วน มีมือถืออาวุธใหญ่ยาวออกไล่แทงบุนฮั่ว บุนฮั่วเห็นทหารโตใหญ่นักตกใจเป็นกำลัง ก็พาทหารถอยหนี รูปหุ่นก็ไล่ติดตามไป พอพบอวนหอง รูปหุ่นเอาอาวุธสามคมแทงอวนหอง อวนหองรับด้วยกระบอง เอียวเจี้ยนจึงร่ายมนต์ให้เป็นสุนัขไล่กัดอวนหอง อวนหองก็แผลงฤทธิ์เป็นสายฟ้าบังตัวไว้ แล้วจึงคิดว่าเราตีค่ายใหญ่แตกยับเยินมีชัยอยู่แล้ว ครั้นจะสู้รบกับเอียวเจี้ยนต่อไป เป็นเวลากลางคืนรี้พลก็เสียกระบวนระส่ำระสายกลัวจะเสียท่วงที จึงถอยทัพกลับคืนไปค่าย ครั้งรุ่งสว่างเกียงจูแหยเที่ยวหาพบบูอ๋องกับทหารรวบรวมกันเข้าได้ ให้ตรวจดูจึงรู้ว่าเสียทหารมีฝีมือสามสิบสี่คนกับทหารเลวยี่สิบหมื่นเศษ เกียงจูแหยเสียน้ำใจนัก จึงพาทหารทั้งปวงกลับเข้ารักษาค่าย จัดแจงการให้มั่นคงกว่าแต่ก่อน
๏ ฝ่ายอวนหอจึงให้มีหนังสือเข้าไปถึงเมืองจิวโก๋ ว่ารับสั่งให้บุนฮั่วออกมาช่วยข้าพระองค์ บุนฮั่วตีทัพเกียงจูแหยแตกยับเยิน แต่ข้าพระองค์ตั้งทำศึกไม่มีชัยชนะเหมือนครั้งนี้ พระเจ้าติวอ๋องมีความยินดีนัก ก็สั่งให้บำเรอเต้นรำขับร้องต่างๆ แลสั่งให้เจ้าพนักงานคุมเครื่องยศไปพระราชทานอวนหองบุนฮั่วเป็นบำเหน็จมือ อวนหองบุนฮั่วได้รางวัลเครื่องยศ ก็มีน้ำใจกำเริบล้มหมูล้มควายเป็ดไก่ ทำโต๊ะเลี้ยงเหล้ากันครึกครื้นไปทั้งค่าย
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยจึงปรึกษาทหารทั้งปวง เราจำจะคิดทำการแก้แค้นข้าศึกให้จงได้ ท่านทั้งปวงจะคิดเห็นยังไรบ้าง เอียวเจี้ยนจึงว่า บุนฮั่วนี้ถือตัวว่าใหญ่โตมีกำลังมาก มีแต่จะไล่บุกบันเอาอย่างเดียว ข้าพเจ้าจะไปดูที่ทางในถ้ำ ถ้าเห็นเป็นการแล้ว จะคิดกลอุบายลวงบุนฮั่วให้ไล่เข้าไปในถ้ำเผาเสียให้ตาย เกียงจูแหยเห็นด้วย เอียวเจี้ยนขอบูกิดหลำจงกวดกับทหารสองพัน พากันไปหนทางเจ็ดร้อยห้าสิบเส้น ถึงเขาผัวเหลงเงีย เห็นถ้ำใหญ่กว้างขวางเข้าออกได้สะดวก จึงให้ฝังหม้อดินลงในถ้ำ ทำธนูเกาทัณฑ์ไฟ ให้รวงลำไม้ไผ่ใส่ฉนวนฝักแคล่ามไปในลำไม้แล่นตลอดถึงหม้อดินธนูเกาทัณฑ์ไฟทั้งปวง แล้วให้เอาใบไม้ฝอยฟืนมากองไว้ให้มาก สั่งให้บูกิดหลำจงกวดกับทหารสองพัน เข้าซุ่มซ่อนคอยเอาศิลาถมปากถ้ำ แล้วจุดสายชนวนเมื่อบุนฮั่วเข้าไปในถ้ำ เอียวเจี้ยนจัดแจงสั่งเสียเสร็จแล้วมาหาเกียงจูแหย บอกกลอุบายทางหนีทีไล่ให้รู้ทุกประการ แล้วกลับไปคอยอยู่ในถ้ำ
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยดูฤกษ์บนเห็นได้ช่อง จึงขึ้นหลังซูปุดเสียงองอาจแต่ผู้เดียว ไปถึงริมค่ายอวนหอง คนรักษาค่ายชั้นนอกเข้าไปแจ้งแก่อวนหองว่า เกียงจูแหยลอบเข้ามาริมค่าย อวนหองให้บุนฮั่วออกไปดูท่วงทีเกียงจูแหยจะทำเล่ห์กลประการใด บุนฮั่วถือโล่กับอาวุธออกไปนอกค่าย จึงร้องว่าเกียงจูแหยเข้ามาหาเราแต่โดยดีเถิด ซึ่งท่านจะหนีไปก็ไม่พ้นแล้ว เกียงจูแหยก็ชักซูปุดเสียงบากหนี บุนฮั่วก็ไล่ติดตาม เกียงจูแหยทำเป็นจะหนีไม่พ้น เหลียวหลังมาว่ากับบุนฮั่วว่าท่านได้เมตตาอย่าจับเราเลย ให้เรารอดจากความตาย จะถอยทัพกลับไปเมืองไซรกี แต่นี้ไปเราไม่เกินเลยล่วงด่านแดนเข้ามาต่อไปแล้ว บุนฮั่วจึงว่าวันนี้ชีวิตท่านอยู่ในเงื้อมมือเรา ร้อยปีพันปีก็ไม่ได้พบลาภเหมือนเช่นนี้ เราจะละท่านอย่าสงสัย ว่าพลางวิ่งไล่ไปพลาง เกียงจูแหยหนีรั้งรอล่อไปสิ้นหนทางเจ็ดร้อยเส้นถึงเขาผัวเหลงเงีย ก็ขับซูปุดเสียงเข้าไปในถ้ำ บุนฮั่วไม่รู้กลหมายจะจับตัวให้ได้ ก็รีบตามเข้าไปในถ้ำ เกียงจูแหยหนีไปตามปล่องที่จัดแจงไว้ กลับคืนมาสู่ค่าย