๕๗
๏ ฝ่ายเชาฮูเจ้าเมืองกีจี๋วฮู้ออกว่าราชการขุนนางพร้อมกัน นายประตูเข้ามาบอกว่าข้าหลวงถือหนังสือรับสั่งมาแต่เมืองหลวง เชาฮูแจ้งดังนั้นก็พาขุนนางออกไปเชิญหนังสือรับสั่งเข้าเมืองตั้งโต๊ะจุดธูปเทียนบูชา แล้วฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความในหนังสือรับสั่ง แล้วให้เลี้ยงผู้ถือหนังสือตามธรรมเนียม ผู้ถือหนังสือก็คำนับลากลับไป เชาฮูจึงเข้าไปบอกแก่นางเอียวซีผู้เป็นภรรยาว่า ครั้งเมื่อพระเจ้าติวอ๋องเชื่อฟังฮิวฮุนฮุยต๋งแกล้งทูลยุยงจะเอาโทษเราว่าไม่ถวายอีขันกี พระเจ้าติวอ๋องให้ยกทัพมาล้อมเมืองจนได้รบพุ่งกัน เจ้าเมืองไซรกีมีหนังสือมาเราจึงพาอีขันกีไปถวาย บัดนี้อีขันกีมันแกล้งทูลยุยงให้พระเจ้าติวอ๋องทำการผิดประเพณีกษัตริย์ ขุนนางแลราษฎรได้ความเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน มีผู้นินทาเราเป็นอันมาก เรายังมีความแค้นอยู่คิดจะใคร่ไปอยู่กับเจ้าเมืองไซรกี ก็ยังไม่ได้ท่วงที บัดนี้มีหนังสือรับสั่งมาให้เราเป็นแม่ทัพไปตีเมืองไซรกี ก็สมความคิดแล้วจะพาเจ้าอพยพครอบครัวไปพึ่งบุญพระเจ้าบูอ๋อง เจ้าจะเห็นประการใด นางเอียวซีจึงว่าความทั้งนี้ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ ครั้นจะว่าแก่ท่านก็เกรงท่านจะไม่เห็นด้วย ซึ่งท่านจะไปอยู่กับพระเจ้าบูอ๋องนั้น ต้องกับความคิดข้าพเจ้าแล้ว เชาฮูจึงออกมาสั่งขุนนางนายทหาร ให้จัดแจงทหารสิบหมื่นเป็นกระบวนทัพ เตียวเปงหนึ่ง ซุยจู๋อีหนึ่ง ตันก๋งง้อหนึ่งเป็นทัพหน้า แต้หลุนเป็นทัพหลัง ครั้นถึงวันฤกษ์ดี เชาฮูก็อพยพครอบครัว ยกเป็นกระบวนทัพออกจากเมืองกีจี๋วฮู้ เดินทางประมาณสามวันถึงแดนเมืองไซรกี ให้ตั้งค่ายอยู่ปลายแดน
๏ ฝ่ายม้าใช้ซึ่งเกียงจูแหยให้มาสืบราชการ รู้ว่าเชาฮูยกทัพมาก็รีบไปคำนับแจ้งความแก่เกียงจูแหย ขณะนั้นหัวเมืองทั้งสี่ทิศบอกหนังสือมา ว่าจะอาสาไปตีเมืองจิวโก๋ให้แก่พระเจ้าบูอ๋อง เกียงจูแหยดูหนังสือบอกอยู่ พอม้าใช้มาบอกว่าเชาฮูยกทัพมาถึง เกียงจูแหยจึงปรึกษากับอึ้งปวยฮอว่า ข้าพเจ้าได้ยินกิติศัพท์ว่าเชาฮูคนนี้เป็นคนมีสติปัญญาเข้มแข็งในการศึก บัดนี้ยกทัพมาท่านจะคิดสู้รบประการใด อึ้งปวยฮอจึงตอบว่าเชาฮูเป็นคนซื่อตรงรู้จักผิดแลชอบ เชาฮูรู้ว่าพระเจ้าติวอ๋องกับนางขันกีทำผิดเยี่ยงธรรมเนียม คิดขัดเคืองพระเจ้าติวอ๋องนางขันกีอยู่ เชาฮูได้ให้หนังสือมาถึงข้าพเจ้าเนืองๆ ว่า จะมาเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋อง ซึ่งเชาฮูยกมาครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมาเข้าด้วยท่าน ขอท่านอย่าได้วิตกเลย เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็ดีใจจึงว่า ท่านจงออกไปพูดจาเกลี้ยกล่อมเชาฮูดูท่วงทีก่อน อึ้งปวยฮอก็คำนับลายกทหารเป็นกระบวนทัพออกจากเมืองไซรกี ไปถึงหน้าค่ายเชาฮู ทหารซึ่งรักษาค่ายเข้าไปบอกเชาฮูว่า กองทัพเมืองไซรกียกมา เชาฮูจึงสั่งเตียวเปงให้ออกไปดูกำลังฝีมือทหารเมืองไซรกีจะเป็นประการใด เตียวเปงรับคำแล้วแต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือทวนพาทหารออกจากค่าย เห็นอึ้งปวยฮอขี่โคยืนอยู่หน้าทหาร เตียวเปงจึงว่าท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวงทำราชการอยู่ในเมือง พระเจ้าติวอ๋องก็ชุบเลี้ยงเป็นถึงบูเสงอ๋อง หารู้จักคุณพระเจ้าติวอ๋องไม่ คิดทรยศมาอยู่ด้วยเจ้าเมืองไซรกีพวกกบฏ บัดนี้รับสั่งให้เรามาตัดศีรษะไปถวาย ถ้าท่านรู้ตัวว่าทำผิด เร่งลงจากหลังโคมาให้เราจับโดยดี อย่าให้ทหารผูกมัดให้ได้ความเจ็บอายเลย อึ้งปวยฮอจึงตอบว่า ท่านกับเราหาควรที่จะสู้รบกัน จงกลับไปเชิญเชาฮู แม่ทัพออกมาให้พบกับเราก่อน เตียงเปงได้ฟังก็โกรธ ขับม้ารำทวนเข้ารบกับอึ้งปวยฮอได้ยี่สิบเพลง อึ้งปวยฮอจับเตียวเปงได้ ให้ทหารเลวมัดมือกลับเข้าเมืองไซรกี จึงพาเตียวเปงไปให้เกียงจูแหย แล้วแจ้งความให้เกียงจูแหยฟัง เกียงจูแหยเห็นเตียวเปงทำกิริยาองอาจ ยืนอยู่มิได้คำนับจึงให้ทหารเอาตัวขังไว้ ขณะเมื่ออึ้งปวยฮอจับเตียวเปงไปนั้น เชาฮูมิได้ว่ากล่าวประการใด แต้หลุนจึงว่าเวลาพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะขอออกไปจับอึ้งปวยฮอให้แก่ท่าน ครั้นเวลารุ่งขึ้นแต้หลุนก็ขี่ม้าถือทวนพาทหารออกจากค่าย พออึ้งปวยฮอยกออกมา แต้หลุนก็ร้องว่า เพราะตัวหนีพระเจ้าติวอ๋องมาเข้าด้วยพวกกบฏ จึงลำบากทแกล้วทหารต้องติดตามได้เกิดรบพุ่งกันดังนี้ เราจะจับตัวท่านไปถวายให้วายที่ทรงพระวิตก อึ้งปวยฮอมิได้เห็นเชาฮูออกมาจึงว่า ท่านเป็นแต่ทหารรองหาควรจะสู้รบกับเราไม่ จงกลับไปบอกเชาฮูมาให้พบกันกับเราก่อน ถ้าท่านมิฟังจะต่อสู้กับเรา เราก็จะจับเอาตัวไปจำขังไว้เหมือนเตียวเปง แต้หลุนได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำทวนเข้ารบอึ้งปวยฮอได้สามสิบเพลง แต้หลุนก็แกว่งธงปลายทวน เป็นกาสามพันบินมาล้อมจิกอึ้งปวยฮอ อึ้งปวยฮอต้านทานมิได้ก็ขับโคพาทหารหนี แต้หลุนขับม้าตามทัน แล้วหายใจออกมาเป็นหมอกควันกลุ้มไป อึ้งปวยฮอถูกควันลมให้มืดมัวตาหนีไปมิพ้น แต้หลุนก็ใช้เชือกไปมัดอึ้งปวยฮอตกลงจากหลังโค แต้หลุนก็จับตัวได้พาเข้าค่าย จึงพาตัวอึ้งปวยฮอไปให้เชาฮู เชาฮูเห็นอึ้งปวยฮอมิรู้ที่จะทำประการใด จึงจำใจสั่งทหารเอาตัวอึ้งปวยฮอไปขังไว้หลังค่าย
๏ ขณะเมื่อแต้หลุนจับตัวอึ้งปวยฮอไปแล้ว ทหารทั้งปวงต่างคนแตกหนีเข้าไปบอกความแก่เกียงจูแหย อึ้งเทียนฮัวนั่งอยู่ที่นั่นด้วย ได้ยินว่าทหารเชาฮูจับบิดาไป ก็ร้องไห้คุกเข่าคำนับเกียงจูแหยแล้วว่า ข้าพเจ้าจะขอไปตามชิงเอาบิดามาให้จงได้ อึ้งเทียนฮัวใส่เกราะถือกระบองสองมือขึ้นขี่กิเลนขาวพาทหารออกไปถึงหน้าค่ายเชาฮู แต้หลุนก็ออกมารบกับอึ้งเทียนฮัวได้สิบเพลง แต้หลุนแกว่งทวนเป็นกาสามพันล้อมจิกอึ้งเทียนฮัว แล้วหายใจออกมาเสียงดังเหมือนระฆัง เป็นหมอกควันต้องอึ้งเทียนฮัวมืดหน้ามัวตาตกลงจากหลังกิเลน แต้หลุนจึงใช้เชือกไปมัดอึ้งเทียนฮัว แล้วพากลับมาค่ายไปส่งให้เชาฮู เชาฮูเห็นอึ้งเทียนฮัวทำกิริยาองอาจ ยืนอยู่มิได้คำนับจึงว่า บิดาของตัวเราก็จับมาขังไว้ ท่านเป็นบุตรอึ้งปวยฮอเหตุไฉนจึงไม่คำนับเรา อึ้งเทียนฮัวจึงว่าเป็นชายชาติทหารออกมารบหมายจะเอาชัยชนะ เราแพ้ฝีมือทหารท่านเราก็คงจะตาย ท่านจะฆ่าเสียก็ตามเถิด เราจะได้ย่อท้อต่อยความตายหามิได้ เชาฮูได้ฟังดังนั้นก็มิได้ถือโทษ สั่งแต้หลุนให้เอาตัวอึ้งเทียนฮัวไปจำขังไว้กับอึ้งปวยฮอ แต้หลุนรู้ว่าอึ้งเทียนฮัวดำดินได้เกรงจะหนี จึงทำอาถรรพณ์ฝังไว้ที่จำอึ้งเทียนฮัวมิให้หนี
๏ ฝ่ายทหารอึ้งเทียนฮัวแตกหนี เข้าไปแจ้งความแก่เกียงจูแหยว่า ทหารเชาฮูจับอึ้งเทียนฮัวไปได้แล้ว เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็ถอนใจแล้วว่า อึ้งปวยฮอบอกเราว่าเชาฮูมาเข้าด้วยเรา บัดนี้เชาฮูให้ทหารจับตัวอึ้งปวยฮอกับอึ้งเทียนฮัวสองคนพ่อลูกไป จะตายหรือจะรอดชีวิตมิได้รู้ โทเฮงสุนได้ยินดังนั้นจึงว่า อึ้งเทียนฮัวคนนี้ดำดินได้ ถึงมาตรว่าทหารเชาฮูจับไปได้ ก็คงจะแทรกแผ่นดินหนีมา เกียงจูแหยจึงว่าแต้หลุนคนนี้มีความรู้มาก เกรงแต่แต้หลุนจะคิดป้องกันไว้ มิให้แทรกแผ่นดินหนีเราคิดวิตกนัก โทเฮงสุนจึงว่าแต่ข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน ท่านคุณเป็นอันมากยังหาได้สนองคุณไม่ ข้าพเจ้ากับภรรยาจะขอออกไปจับตัวแต้หลุนมาให้แก่ท่านเป็นความชอบให้จงได้ แล้วโทเฮงสุนกับนางเตงตันหยกขี่ม้าคนละตัว ออกไปถึงหน้าค่ายเชาฮู พอแต้หลุนพาทหารออกมาแต้หลุนจึงร้องถามว่า ท่านชื่อไรจะมาสู้ฝีมือเรา โทเฮงสุนจึงบอกว่าเราชื่อโทเฮงสุน เกียงจูแหยเป็นแม่ทัพใหญ่ให้เรามาจับตัวท่าน แต้หลุนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ จึงว่ารูปร่างของท่านสูงสองศอกเท่ากันกับเด็กน้อยไม่สมควรจะมาสู้รบกับเรา โทเฮงสุนได้ฟังก็โกรธ จึงขับม้าเข้าไปตีด้วยกระบอง แต้หลุนรับด้วยทวนแล้วชักม้าหนีออกให้ห่าง แต้หลุนจึงแกว่งทวนเกิดเป็นกาสามพันล้อมโทเฮงสุนไว้แล้วหายใจเป็นควันต้องโทเฮงสุนมัวเมาตกลงจากม้า แต้หลุนก็ใช้เชือกไปผูกมัดโทเฮงสุนไว้ แล้วให้ทหารจับโทเฮงสุนไป นางเตงตันหยกเห็นดังนั้นก็ขับม้าตามชิงโทเฮงสุนไป แต้หลุนก็กลับม้ามารบกับนางเตงตันหยกได้ห้าเพลง นางเตงตันหยกทิ้งด้วยแก้วเป็นอาวุธสำหรับมือ ถูกแก้มซ้ายแต้หลุนเจ็บปวดเป็นสาหัส ก็ขับม้าพาโทเฮงสุนรีบเข้าค่าย นางเตงตันหยกก็ขับม้าตาม ทหารแต้หลุนก็สู้รบต้านทานไว้เป็นสามารถ นางเตงตันหยกเห็นแต้หลุนพาโทเฮงสุนเข้าไปในประตูค่าย ก็เสียใจชักม้ากลับเข้าเมืองไซรกี แต้หลุนจึงพาโทเฮงสุนเข้าไปส่งให้เชาฮูแม่ทัพ เชาฮูเห็นโทเฮงสุนรูปร่างเล็กนัก เหมือนยังเด็กน้อยไม่ควรจะเอาไว้เป็นทหาร เชาฮูก็สั่งให้เอาตัวไปเสีย แต้หลุนมิได้รู้ว่าโทเฮงสุนดำดินได้ ก็แก้เชือกอันมีฤทธิ์ที่มัดโทเฮงสุนออกเสีย ส่งตัวโทเฮงสุนให้ทหารพาออกไปนอกค่าย โทเฮงสุนก็ดำดินหนีไปหานางเตงตันหยก แต้หลุนครั้นรู้ว่าโทเฮงสุนหนีไปได้ก็โกรธ จึงขึ้นม้าพาทหารเข้ามาชิงถึงเชิงกำแพงเมืองไซรกี แล้วให้ทหารร้องท้าทายชวนรบ เกียงจูแหยจึงสั่งให้โลเฉียออกไปสู้กับแต้หลุน โลเฉียก็คำนับลาพาทหารออกไป รบกับแต้หลุนได้สามสิบเพลงอาวุธ แต้หลุนแกว่งทวนเรียกกา โลเฉียชูกระบองขึ้นเกิดเป็นเพลิง กากลัวเพลิงก็หนีไป แต้หลุนจึงหายใจจะให้เป็นควัน โลเฉียก็ร่ายมนต์เป่าไปแก้ควันแต้หลุน แต้หลุนเห็นโลเฉียมีความรู้มากจะเอาชัยชนะมิได้ก็ชักม้าหนี โลเฉียไล่ตามทันตีด้วยกระบองถูกหลังแต้หลุน แต้หลุนตกม้าลงทหารก็อุ้มพาหนีเข้าค่ายได้ โลเฉียครั้นมีชัยชนะก็พาทหารกลับเข้าเมือง ทหารแต้หลุนพยุงตัวเข้าไปถึงเชาฮู เชาฮูเห็นแต้หลุนป่วยเจ็บเป็นสาหัส ก็ให้พยุงตัวเข้าไปถึงที่นอนแล้วพูดกับแต้หลุนว่า ซึ่งท่านจับอึ้งปวยฮออึ้งเทียนฮัวได้มีความชอบอยู่ แต่ท่านอย่าเพ่อดูหมิ่นทหารเมืองไซรกี อันทหารพระเจ้าบูอ๋องเจ้าเมืองไซรกี ล้วนแต่มีสติปัญญาแลความรู้ฝีมือกล้าแข็งในการสงคราม แต่บุนไทสือยังต้านทานฝีมือทหารเจ้าเมืองไซรกีมิได้ เพราะที่กำหนดแผ่นดินพระเจ้าติวอ๋องจะสิ้นเชื้อพระวงศ์ เราเห็นว่าพระเจ้าบูอ๋องเจ้าเมืองไซรกี เป็นผู้มีบุญจะได้เป็นกษัตริย์บำรุงราษฎรให้อยู่เป็นสุขไปภายหน้า เราคิดจะพาท่านไปเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋อง ทำการอาสาปราบแผ่นดินให้ราบคาบแล้ว เรากับท่านก็จะมีความชอบปรากฏชื่อไว้ในแผ่นดิน ท่านจะเห็นประการใด
๏ แต้หลุนนอนป่วยอยู่ ได้ยินเชาฮูว่าดังนั้นจึงตอบว่า ท่านก็เป็นคนซื่อตรงต่อพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องก็โปรดปรานตั้งแต่งบุตรหญิงท่านเป็นถึงอัครมเหสี บัดนี้ขุนนางแลหัวเมืองคิดกบฏจะวางพระทัยผู้ใดมิได้ จึงให้ท่านเป็นแม่ทัพมาปราบหัวเมือง ท่านจะเอาใจออกจากพระเจ้าติวอ๋อง จะไปเข้าด้วยเจ้าเมืองไซรกีนั้นข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย เชาฮูเห็นแต้หลุนขัดแข็งอยู่ก็กลับมาที่อยู่ พอเวลาค่ำเชาฮูลอบไปเปิดประตูที่ขังอึ้งปวยฮออึ้งเทียนฮัวมิให้แต้หลุนรู้ จึงพาพ่อลูกสองคนเข้ามาถึงที่อยู่แล้วเชิญให้กินโต๊ะทั้งสามคนเสพสุราด้วยกัน อึ้งปวยฮอจึงว่าเดิมข้าพเจ้าเห็นว่าท่านมีสติปัญญา รู้การแผ่นดินจะฉิบหายแลจำเริญ ท่านยกกองทัพมาครั้งนี้ข้าพเจ้าดีใจ ด้วยหมายว่าจะมาเข้าด้วยเจ้าเมืองไซรกี ข้าพเจ้าออกมาแต่พอจะได้พบกับท่าน แต้หลุนจับข้าพเจ้ามาขังไว้ ท่านมีใจกรุณาครั้งนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ คุณท่านหาที่สุดมิได้
๏ เชาฮูจึงว่าเดิมข้าพเจ้าเห็นว่า พระเจ้าติวอ๋องไม่อยู่ในยุติธรรม คิดจะมาเข้าอยู่กับเจ้าเมืองไซรกี แต่ยังหาสมความคิดไม่ พอมีหนังสือรับสั่งให้เราเป็นแม่ทัพยกมา ก็ตั้งใจว่าจะมาเข้ากับพระเจ้าบูอ๋อง แต่แต้หลุนนั้นมันขัดขืนอยู่ แต้หลุนไปจับท่านทั้งสองมาให้ได้ความลำบาก ข้าพเจ้าขออภัยเถิด อึ้งปวยฮอจึงว่าแต้หลุนคนนี้เป็นแต่ทหารน้อยอยู่ในกองทัพท่าน แลถือตัวว่าฝีมือกล้าแข็งมิได้ฟังบังคับบัญชาท่านผู้เป็นแม่ทัพนั้น ขอท่านจงคิดฆ่าเสียด้วยกลอุบาย แต้หลุนก็คงจะตายด้วยความคิดของท่าน เชาฮูจึงว่าเวลานี้ก็ดึกถึงสามยามคนนอนหลับหมดแล้ว ท่านจงกลับไปบอกเกียงจูแหยว่า ข้าพเจ้าจะมาเข้าด้วยโดยสุจริตมิได้คิดกลอุบาย อย่าให้เกียงจูแหยมีความสงสัยข้าพเจ้าเลย เชาฮูเปิดประตูหลังค่ายส่งอึ้งปวยฮออึ้งเทียนฮัวไปเมืองไซรกี
๏ ฝ่ายอึ้งปวยฮออึ้งเทียนฮัวมาถึงเมืองไซรกีพอเวลารุ่งประตูเมืองเปิด ก็เข้าไปคำนับแจ้งความให้เกียงจูแหยฟังแล้วว่า ซึ่งเชาฮูยังมิได้มาเข้าด้วยท่านนั้นเพราะแต้หลุนขัดขืนอยู่ เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็สิ้นความสงสัย
๏ ฝ่ายเชาฮูขณะเมื่ออึ้งปวยฮอไปแล้ว จึงปรึกษากับเชาชวนต๋งว่า แต้หลุนถูกกระบองโลเฉียป่วยอยู่ จำจะมีหนังสือไปให้เกียงจูแหย จัดทหารมีฝีมือมาตีค่ายจับเอาตัวแต้หลุนไป แต้หลุนคนนี้ซื่อตรงมีความรู้แลฝีมือก็เข้มแข็งใจดื้อดึงโมโหมาก เกรงทหารเกียงจูแหยจะฆ่าเราเสียดายนัก ขณะนั้นนายประตูเข้ามาบอกว่าโตหยินจะเข้ามาหา เชาฮูจึงให้เชิญโตหยินเข้ามาในค่าย แลดูโตหยินนั้นมีตาสามแห่งใส่เสื้อแดงเหน็บกระบี่สะพายน้ำเต้าเห็นเป็นผู้วิเศษ เชาฮูก็คำนับเชิญนั่งที่สมควร แล้วถามว่าท่านชื่อใดมาแต่ไหน โตหยินจึงบอกว่าข้าพเจ้าชื่อหลีงักอยู่เขากิวลงซัว ซินกงป้าไปเชิญมาช่วยท่านตีเมืองไซรกี ศิษย์ข้าพเจ้าสี่คนก็มาช่วยท่านยังไม่มาถึง เชาฮูได้ยินดังนั้นก็ไม่สบายใจ พอแต้หลุนร้องครางขึ้นด้วยความเจ็บ หลีงักได้ยินเสียงก็ถามว่าผู้ซึ่งร้องครางนั้นเจ็บไข้เป็นประการใด เชาฮูจึงบอกว่าแต้หลุนทหารข้าพเจ้าออกรบกับโลเฉีย โลเฉียตีด้วยกระบองป่วยอยู่ หลีงักก็ให้พยุงแต้หลุนออกมา จึงเทยาออกจากน้ำเต้าให้แต้หลุนกิน แล้วเสกน้ำพรมตัวแต้หลุน แต้หลุนค่อยคลายเจ็บก็คุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ท่านมาช่วยข้าพเจ้าให้หายป่วยครั้งนี้คุณหาที่สุดมิได้จะขอเป็นศิษย์ให้ท่านใช้สอยสืบไป หลีงักจึงว่าท่านจงอยู่แต่ในห้องอย่าพูดจาถ้วนสามวันจึงจะหายสนิท หลีงักก็อยู่รักษาพยาบาลถ้วนสามวัน แต้หลุนหายสนิทแล้ว หลีงักก็คิดการที่จะไปตีเมืองไซรกี พอนายประตูเข้ามาบอกแต้หลุนว่า มีคนสี่คนบอกว่าเป็นศิษย์หลีงักจะเข้ามาหา แต้หลุนจึงให้นายประตูพาเข้ามาในค่าย ต่างคนต่างคำนับกัน แต้หลุนเห็นคนทั้งสี่สูงแปดศอกเศษสมเป็นทหาร จึงถามหลีงักว่าทั้งสี่คนนี้ชื่อไรบ้าง หลีงักจึงบอกว่าชื่อจิวสิ้น ที่หน้าเหลืองหนวดแดงชื่อหลีกี๋หน้าดำหนวดขาวชื่อจูเทียนหลิน หน้าแดงหนวดแดงนั้นชื่อบุนหุย แต้หลุนจึงให้ยกโต๊ะมาตั้งเชิญหลีงักกับศิษย์หลีงักกินโต๊ะเสพสุราแต่เวลาบ่ายจนถึงสองยาม ขณะเมื่อแต้หลุนเลี้ยงโต๊ะหลีงักกับศิษย์หลีงักนั้น เชาฮูเข้ามาแอบฟังอยู่นอกฝา ได้ยินแต้หลุนกับหลีงักพูดกันว่า พรุ่งนี้จะไปตีเมืองไซรกี เชาฮูจึงคิดว่าได้สั่งให้อึ้งปวยฮอไปบอกเกียงจูแหยว่าจะไปเข้าด้วย แต้หลุนกับหลีงักคบคิดกันจะไปตีเมืองไซรกีในเวลาพรุ่งนี้ เกียงจูแหยไม่แจ้งความก็จะสงสัยว่าเราเจรจาไม่จริง จึงให้ทหารมาตีเมือง ครั้นจะว่ากล่าวห้ามปรามแต้หลุนเล่า แต้หลุนก็มิฟังคำ เชาฮูไม่รู้ที่จะทำประการใดก็กลับมาที่อยู่