๕๙

๏ เกียงจูแหยจึงคำนับอ้อนวอนเทวดาทั้งสองว่าให้ช่วยป้องกันข้าศึกครั้งนี้ด้วย เทวดาสององค์จึงสั่งให้เอียวเจี้ยนไปอยู่ประตูตะวันออก ให้โลเฉียไปอยู่ประตูตะวันตก หยกเตงจินหยินก็ไปอยู่ประตูด้านใต้ อุยเหลงจินหยินไปอยู่ประตูด้านเหนือ แล้วให้เปิดประตูเมืองออกทั้งสี่ด้านลวงให้พวกหลีงักเข้ามา

๏ ฝ่ายจิวสิ้นซึ่งมาอยู่ประตูทิศตะวันออก เห็นประตูเมืองเปิดก็ดีใจให้ตีกลองเร่งทหารเข้าเมือง เอียวเจี้ยนเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนสามง่ามออกรบกับจิวสิ้น หลีกี๋ก็เข้าประตูตะวันตกกับโลเฉีย จูเทียนหลินเข้าประตูใต้ หยกเตงจินหยินก็ออกสกัดทางไว้ หลีงักกับเอียวบุนหุยเข้าทางประตูเหนือ เห็นอุยเหลงจินหยินขี่นกกระเรียนบินร่อนอยู่ อุยเหลงจินหยินจึงร้องถามหลีงักว่า เมืองไซรกีนี้ท่านสำคัญว่าจะไม่มีทหารรบกับท่านแล้วหรือ จึงองอาจเข้ามาในเมือง เหมือนดังปลาเข้ากระทะแลนกเข้าในกรงขัง หลีงักจึงว่าท่านมีฝีมือสักเพียงไร จึงมาว่ากล่าวหยาบช้าประมาทหมิ่นเราฉะนี้ หลีงักก็อ่านมนต์แปลงตัวเป็นสามศีรษะหกมือ ถือเครื่องอาวุธเข้ารบกับอุยเหลงจินหยิน

๏ ฝ่ายเอียวเจี้ยนซึ่งรบอยู่กับจิวสิ้นข้างประตูตะวันออกนั้น จึงอ่านมนต์บังเกิดเป็นสุนัขมีฤทธิ์ โดดขึ้นกัดคอจิวสิ้นไว้ เอียวเจี้ยนก็แทงด้วยทวนสามง่ามถูกจิวสิ้นตาย แล้วไล่ฆ่าฟันทหารจิวสิ้นแตกหนีออกจากเมือง เอียวเจี้ยนก็มาข้างประตูทิศตะวันตก ช่วยโลเฉียรบกับหลีกี๋ หลีกี๋ผู้เดียวต้านทานโลเฉียกับเอียวเจี้ยนอยู่เป็นสามารถ โลเฉียก็ทิ้งด้วยกำไลถูกหลีกี๋ตาย เอียวเจี้ยนไล่ฆ่าทหารหลีกี๋แตกหนีออกจากเมือง แล้วรีบมาช่วยหยกเตงจินหยินรบด้วยจูเทียนหลิน หลีงักกับหยกเตงจินหยินสู้รบกันอยู่ หยกเตงจินหยินเสียทีขับนกกระเรียนหนีมาถึงกลางเมือง หลีงักไล่ติดตามมาร้องเรียกให้เอียวบุนหุยจูเทียนหลินช่วยจับตัวหยกเตงจินหยิน

๏ ฝ่ายโลเฉียขี่จักรไฟมาถึงก็รำทวนเข้ารบกับหลีงัก หยกเตงจินหยินก็กลับเข้ารบเอากระบี่ฟันถูกจูเทียนหลินตาย พอเอียวเจี้ยนมาถึงเข้าช่วยโลเฉียรบกับหลีงักทั้งสามคนสู้รบกันเป็นสามารถ ขณะนั้นเกียงจูแหยกับทหารทั้งปวงเป็นไข้พึ่งหาย ได้ยินเสียงม้าฬ่อแลกลองรบอื้ออึงที่กลางเมือง จึงให้หลุยจินจู๊บินขึ้นไปดู หลุยจินจู๊บินกลับลงมาบอกว่า หลีงักได้รบเข้ามาถึงกลางเมือง เอียวเจี้ยนโลเฉียเข้ารบยังไม่แพ้ชนะกัน ข้าพเจ้ามีความพยาบาทหลีงักอยู่ จะขอออกไปรบกับหลีงักให้ถึงแพ้แลชนะ กิมเฉีย บกเฉีย อึ้งเทียนฮัว โทเฮงสุนพร้อมใจกันลาเกียงจูแหยจะไปรบกับหลีงัก เกียงจูแหยจึงว่าท่านทั้งห้าคนพึ่งหายไข้ ยังอิดโรยกำลังอยู่เกลือกจะเสียทีแก่หลีงัก ทหารทั้งห้าคนก็มิฟังต่างคนแต่งตัวถืออาวุธ รีบไปกลางเมืองเห็นหลีงักต่างคนด่าหลีงักเป็นข้อหยาบช้า  แล้วเข้ารบกับหลีงัก หลีงักผู้เดียวรบอยู่กลางทหารเมืองไซรกี ทั้งหกมือแกว่งอาวุธป้องกันตัวเป็นสามารถ บกเฉียได้ทีเอากระบี่ฟันถูกไหล่หลีงัก หลีงักเจ็บเป็นสาหัสเห็นจะต้านทานมิได้ก็ชักโลโตหนี เอียวบุนหุยก็หนีตามหลีงักออกจากเมือง

๏ ฝ่ายเทวดาทั้งสององค์กับทหารทั้งปวงครั้นมีชัยชนะแล้ว จึงกลับมาหาเกียงจูแหย เทวดาทั้งสองจึงว่าหลีงักแพ้เราวันนี้ เห็นหากลับมาสู้รบต่อไปไม่ ซึ่งท่านจะทำศึกไปภายหน้าถ้าขัดสนประการใดข้าพเจ้าจึงจะมาช่วย เทวดาทั้งสองก็ลาไปที่อยู่ ฝ่ายหลีงักกับเอียวบุนหุย หนีทหารเมืองไซรกีมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง ก็เข้าหยุดพักอยู่ใต้ร่มไม้ หลีงักจึงปรึกษากับเอียวบุนหุยว่า เราแพ้แก่ทหารเมืองไซรกีครั้งนี้เรามีความอายนัก จะคิดประการใดจึงจะแก้แค้นได้ พูดกันมิทันจะขาดคำ พอแลไปเห็นคนผู้หนึ่ง ใส่เสื้อฤๅษีถือกระบี่เดินออกมายืนตรงหน้า หลีงักจึงถามว่าท่านชื่อไรมาแต่ไหน อุยหูไม่รู้ว่าหลีงักจึงบอกว่าเราชื่ออุยหู เป็นศิษย์โทเฮงเทียนจุ๋นอยู่ถ้ำหยกออกตง ครูเราให้มาจับตัวหลีงักไปให้เกียงจูแหยเป็นความชอบ หลีงักกับเอียวบุนหุยได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ลุกขึ้นเอากระบี่ชี้หน้าแล้วว่า ตัวมีฝีมือความรู้ประการใดจึงจะมาจับเรา อุยหูก็รู้ว่าหลีงัก จึงถอดกระบี่อันมีฤทธิ์ออกจะฟันหลีงัก เอียวบุนหุยวิ่งถลันออกมาหน้าหลีงัก อุยหูก็ฟันเอียวบุนหุยคอขาดตาย หลีงักเข้ารบกับอุยหูได้เจ็ดเพลงอาวุธ เห็นจะต้านทานมิได้ หลีงักก็ดำดินไปเขากิวเลงซัว อุยหูก็ไปเข้าด้วยเกียงจูแหย ณ เมืองไซรกี

๏ ฝ่ายเซียเจงจู๊เทวดาซึ่งเป็นครูอินหองอยู่ถ้ำเขาไทฮัวซัว รู้ว่าบูอ๋องจะปราบผู้เป็นเสี้ยนหนามในแผ่นดินให้ราบคาบ เซียเจงจู๊คิดว่าจะให้ศิษย์ไปช่วยบูอ๋อง จึงว่ากับอินหองว่า ทุกวันนี้ พระเจ้าติวอ๋องบิดาของท่านจะสิ้นบุญอยู่แล้ว บูอ๋องจะได้เป็นกษัตริย์บำรุงแผ่นดินสืบไป เราคิดว่าจะให้ท่านไปช่วยบูอ๋องก็เกรงท่านจะไม่ยอม อินหองจึงคำนับแล้วว่า บิดาข้าพเจ้าหลงด้วยนางขันกี นางขันกีทูลให้ควักตามารดาข้าพเจ้าเสีย ความแค้นของข้าพเจ้ายังไม่หาย ซึ่งท่านจะให้ไปช่วยเจ้าเมืองไซรกีนั้นข้าพเจ้ายินดีนัก ด้วยจะได้แก้แค้นนางขันกีแทนมารดาข้าพเจ้า ถ้าท่านยังสงสัยอยู่ว่าข้าพเจ้าจะไปเข้าด้วยบิดารบบูอ๋อง ก็ขอให้เพลิงเผาข้าพเจ้าให้กระดูกเป็นผงไปเถิด เซียเจงจู๊ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ จึงให้เสื้อตัวหนึ่งสำหรับกันอาวุธข้าศึกแทงฟันไม่เข้า กับกระจกสองหน้า หน้าหนึ่งขาวหน้าหนึ่งแดง แม้นข้าศึกมารบด้วย ให้ผินหน้ากระจกข้างขาวส่องให้ตาย ถ้าจะให้เป็นผินหน้ากระจกข้างแดงส่งต้องผู้ตายก็คืนเป็น แล้วให้กระบี่ด้วยสองเล่มเป็นอาวุธอันวิเศษ จึงสั่งว่าท่านจงไปทางด่านกิมเหมงก๋วน นายด่านกิมเหมงก๋วนชื่อฮวยเซียบอ ฮวยเซียบอมีหมวกเป็นของวิเศษ และรัศมีหมวกนั้นสว่างไปได้ห้าสิบวา ท่านไปถึงด่านพบฮวยเซียบอ ฮวยเซียบอจะทำอันตรายท่าน ท่านจงใส่เสื้อถือกระบี่เป็นของสำหรับตัว หนีออกให้พ้นด่านไปให้ถึงเมืองไซรกีก่อนเถิด เราจะตามไปต่อภายหลัง อินหองก็รับเสื้อกระจกและกระบี่ก็ลาดำดินหนีด่านไปผุดขึ้นที่เขาใหญ่ พอได้ยินเสียงม้าฬ่อและทหารอื้ออึงอยู่ แลไปเห็นนายทหารผู้หนึ่งหน้าดำ หนวดแดงเหมือนสีชาด คิ้วเหลืองตากลมเหมือนลูกมะตูม ใส่เสื้อดำสวมเกราะทอง ถือกระบองเงินสองมือ ขี่ม้าดำร้องตวาดเสียงดังฟ้าร้อง กับทหารสองคนขับม้ามาจะรบด้วยอินหอง อินหองจึงผินกระจกข้างขาวส่องไปต้องทหารสามคนสลบตกจากหลังม้า ขณะนั้นมีทหารอีกคนหนึ่งลงจากหลังม้าเข้ามาคำนับของชีวิต อินหองเห็นดังนั้นก็มิได้ทำอันตราย จึงถามว่าตัวท่านกับทหารสามคนที่สลบอยู่นั้นชื่อไร ทหารผู้นั้นจึงบอกว่าข้าพเจ้าชื่อบังหอง ทหารสามคนนั้นชื่อเล่าฮูโกเจี้ยงปิดหวน อินหองเห็นสามคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ จะใคร่ได้ไปเป็นทหาร จึงผินกระจกข้างแดงส่องไปต้องทหารสามคนเป็นขึ้นมา ทหารสามคนคุกเข่าคำนับแล้วถามว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือเทพยดา มานี้จะไปแห่งใด อินหองจึงว่าเราชื่ออินหอง เป็นบุตรที่สองของพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องเชื่อนางขันกี นางขันกีทูลยุยงให้ฆ่าเราเสีย เทพยดาพาเรามาเลี้ยงไว้ เรามีความแค้นนางขันกีนัก บัดนี้เทวดาซึ่งเป็นครูเราใช้เราให้ไปช่วยเจ้าเมืองไซรกีกำจัดบิดาเราเสีย เราจะได้แก้แค้นนางขันกีครั้งนี้แล้ว ท่านทั้งสี่คนจงไปด้วยกันกับเราเถิด ทหารสี่คนก็รับคำ จึงพาทหารเลวสามพันไปกับอินหอง เดินทางได้วันหนึ่ง พอไปข้างหน้าเห็นโตหยินคนหนึ่งขี่เสือ หนวดขาวหน้าขาวดังสีหยก อินหองจึงหยุดม้าอยู่แล้วถามว่า ท่านผู้เฒ่าชื่อใดมาแต่ไหน ซินกงป้าจึงบอกว่าเราชื่อซินกงป้า ได้เรียนความรู้ครูเดียวกันกับเซียเจงจู๊ซึ่งเป็นครูของท่าน ท่านพาทหารมาจะไปแห่งใด อินหองจึงบอกว่าข้าพเจ้าจะไปช่วยเจ้าเมืองไซรกี ยกทัพมาจะกำจัดพระเจ้าติวอ๋อง ซินกงป้าจึงตอบว่าเป็นอย่างธรรมเนียมสืบมา ถ้าบิดาสิ้นบุญแล้วบุตรได้ครองสมบัติแทนบิดาสืบเชื้อวงศ์ไปภายหน้า บัดนี้ท่านเป็นบุตรพระเจ้าติวอ๋อง ถึงพระเจ้าติวอ๋องจะทำผิดประการใด ท่านผู้เป็นบุตรไม่ควรจะประทุษร้ายต่อบิดา ท่านจะไปเข้ากับเจ้าเมืองไซรกีซึ่งเป็นข้าศึกกับบิดานั้น ท่านจะมิเป็นคนอกตัญญูเสียหรือ ท่านก็เป็นคนมีสติปัญญา จงไปเข้ากับเชาฮูตีเมืองไซรกี สนองพระเดชพระคุณบิดาจึงจะควร

๏ ฝ่ายอินหองจึงว่าเมื่อครูข้าพเจ้าใช้มาครั้งนี้ ก็เกรงอยู่ว่าข้าพเจ้าจะมิยอมมาช่วยบูอ๋อง ข้าพเจ้าคิดแค้นด้วยนางขันกีผู้บุตรเชาฮู ทูลยุลงให้บิดาข้าพเจ้าควักตามารดาข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงสาบานตัวต่อหน้าครูว่า จะมาเข้าด้วยเจ้าเมืองไซรกีหวังจะกำจัดบิดา แล้วจะได้จับเชาฮูกับนางขันกีฆ่าเสียให้หายความแค้น ซึ่งท่านว่าจะให้ข้าพเจ้าเข้ากับเชาฮูไปตีเมืองไซรกีนั้น ข้าพเจ้ากับเชาฮูก็เป็นคนพยาบาทกันอยู่ ทั้งจะเสียคำซึ่งสาบานต่อครู มิรู้ที่จะทำประการใด

๏ ซินกงป้าจึงตอบว่า ถึงท่านจะเสียคำสาบานไป ก็ได้ความกตัญญูคืนมา เห็นพอจะลบล้างกันได้อยู่ ขอท่านเอาใจดีต่อเชาฮูช่วยกันคิดการตีเมืองไซรกีสำเร็จราชการแล้ว บิดาท่านก็ชราอยู่นับวันสมบัติคงจะได้แก่ท่าน ถ้าท่านได้เป็นกษัตริย์แล้ว ชีวิตเชาฮูกับนางขันกีก็คงจะอยู่ในเงื้อมมือท่าน ท่านจะทำประการใดก็จะสำเร็จความคิด ซึ่งท่านจะไปเข้าด้วยผู้อื่นให้ชิงสมบัติบิดาท่านนั้น ถ้าเจ้าเมืองไซรกีได้เป็นกษัตริย์แล้ว เห็นจะหาเลี้ยงท่านไม่ ท่านจงตรึกตรองดูเถิด

๏ ฝ่านอินหองได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงคำนับซินกงป้าแล้วว่าท่านว่านี้สมควรนัก อินหองจึงให้ทหารทิ้งธงเมืองไซรกีเสีย แล้วจารึกธงใหม่ว่ากองทัพเมืองจิวโก๋ ซินกงป้าเห็นอินหองยอมเข้ากับเชาฮูก็ดีใจ จึงว่าท่านจงรีบไปเถิด เราจะไปหาเพื่อนเราให้ตามไปช่วยท่านตีเมืองไซรกี ซินกงป้าก็ขับเสือหลีกออกทาง อินหองจึงขับม้าพาทหารเดินทางไปสามวันถึงแดนเมืองไซรกี จึงให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ แล้วใช้บังหองไปบอกเชาฮู ณ ค่าย บังหองก็คำนับลาไปบอกเชาฮูว่า อินหองพระราชบุตรพระเจ้าติวอ๋อง ยกกองทัพมาช่วยท่านตีเมืองไซรกี ขอเชิญท่านไปจะได้ปรึกษาราชการ เชาฮูได้ฟังดังนั้นจึงถามแต้หลุนว่า ขณะเมื่อพระเจ้าติวอ๋องให้จับอินเฮาอินหองลมหอบเอาไปแล้ว เหตุใดจึงว่าอินหองยกทัพมา จะให้หาเราไปอีกเล่าเราสงสัยอยู่ แต้หลุนจึงว่าขณะเมื่อพระราชบุตรสององค์ลมพาไปนั้น ข้าพเจ้าแจ้งความว่าเทวดาเอาไปเลี้ยงไว้ เชาฮูแจ้งความดังนั้นจึงคิดว่า อินหองเป็นพระราชบุตรพระเจ้าติวอ๋อง ให้มาหาเราครั้นจะมิไปก็มิควร เชาฮู แต้หลุน บังหองก็ไปคำนับอินหอง ณ ค่าย อินหองจึงว่าแก่เชาฮูว่า ขณะเมื่อบิดาเราให้จับเรามาไว้จะลงโทษนั้น เดชะบุญเราเทวดามาพาเราไปฝึกสอนความรู้ในการสงครามได้ชำนิชำนาญ บัดนี้เรารู้ว่าบูอ๋องตั้งตัวเป็นเจ้า เกลี้ยกล่อมหัวเมืองคิดการขบถต่อบิดาเรา บิดาเราให้ท่านเป็นแม่ทัพมาตีเมืองไซรกี เรารู้จึงมาช่วยท่าน แลท่านมาทำการศึกครั้งนี้ ได้ทีหรือเสียทีประการใด

๏ เชาฮูก็แจ้งความตามที่ได้รบพุ่งกันกับทหารเมืองไซรกีให้อินหองฟังทุกประการ แต้หลุนว่าซึ่งท่านยกมาครั้งนี้ข้าพเจ้าดีใจนัก ด้วยเห็นว่าเมืองไซรกีจะได้เป็นมั่นคง เชาฮูจึงเชิญอินหองมาค่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ