๘๖

๏ ฝ่ายเกียงจูแหยได้ฟังก็มีความยินดี จึงเขียนรูปยันต์แจกให้ทหารทั้งปวง แล้วสั่งว่าเวลาพรุ่งนี้ ถ้ารบชาวด่านแตกจงเร่งรีบเข้าให้ได้ ครั้นเช้าเกียงจูแหยพาทหารยกเข้าไปหน้าด่าน เต๋งกุ๋นก็ให้เบียนเกียดคุมทหารออกรบกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ให้ตีกลองแลม้าล่อเป็นสัญญา ทหารก็รายออกล้อมเบียนเกียดไว้ ทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยอาวุธต่าง ๆ ผงคลีฟุ้งตลบมืดไป เบียนเกียดเห็นทหารล้อมแน่นหนาเหลือกำลัง คิดจะหนีจึงแทงด้วยทวนถูกนายทหารคนหนึ่งซวนไปหาตายไม่ ก็ขับม้าหนีออกด้านนั้น แล้วคิดขัดใจว่าอาวุธเราแต่ก่อนเคยผลาญข้าศึกตายเป็นอันมาก บัดนี้แทงคนไม่ตาย เห็นว่าพระเจ้าติวอ๋องจะสิ้นบุญ จึงบังเหตุให้เป็นดังนี้ก็รีบกลับมาเมือง แล้วให้ทหารปิดประตูรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง เกียงจูแหยก็พาทหารเข้าค่าย เต๋งกุ๋นอยู่ในเมืองคิดจะเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องแต่จะคอยพาลเอาผิดเบียนเกียดก่อน ครั้นเห็นเบียนเกียดกลับมาจึงว่า เวลาวานนี้ท่านจับทหารเกียงจูแหยได้เป็นหลายคน เวลาวันนี้ท่านหาเต็มใจรบไม่หรือ จึงหาได้ทหารเกียงจูแหยมาไม่ เบียนเกียดจึงบอกว่าเกียงจูแหยให้ทหารล้อมข้าพเจ้าไว้ หากว่าข้าพเจ้าเอาทวนแทงถูกทหารคนหนึ่งซวนไปจึงหนีรอดชีวิตมาได้ ยุยเกียดซึ่งร่วมคิดกับเต๋งกุ๋นจึงว่าเบียนเกียดทำการผิดกว่าแต่ก่อน เห็นจะเป็นใจด้วยข้าศึก จึงแกล้งทำย่อหย่อนหนีกลับมาฉะนี้ หากว่านายประตูปิดประตูทัน ถ้าหาไม่ข้าศึกก็จะเข้าเมืองได้ ซึ่งท่านจะเอาเบียนเกียดไว้ใช้สอยต่อไปทหารทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่าง เต๋งกุ๋นก็เห็นชอบ จึงสั่งให้ทหารเอาตัวไปตัดศีรษะเสีย แล้วเต๋งกุ๋นกับยุยเกียดจึงว่า พระเจ้าติวอ๋องนี้เห็นจะสิ้นบุญ ทหารเมืองไซรกียกมาทำศึกล้วนแต่มีสติปัญญาองอาจ แล้วเทพยดาก็เอาใจช่วย เพราะเหตุด้วยบารมีพระเจ้าบูอ๋องจะได้ราชสมบัติเราเป็นแต่เมืองด่านนิดหนึ่ง จะมาแข่งขันต่อสู้ก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า ๆ หาต้องการไม่ ควรเราจะยอมเข้าด้วยเกียงจูแหยทำราชการในพระเจ้าบูอ๋องดีกว่า เฮาเหยียงสุนได้ยินเต๋งกุ๋น ยุยเกียดพูดกันดังนั้นก็โกรธ จึงร้องด่าว่าอ้ายอกตัญญูมึงคิดกบฏเสียความสัตย์แล้ว อันตัวกูถึงศีรษะจะขาดกระดูกจะแหลกละเอียดไปก็หาลืมคุณพระเจ้าติวอ๋องไม่ เต๋งกุ๋นยุยเกียดจึงตอบว่า พระเจ้าติวอ๋องมิได้ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริต อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนหัวเมืองทั้งปวงจึงไปเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องเป็นอันมาก ทุกวันนี้พระเจ้าติวอ๋องเหมือนหนึ่งต้นไม้อันหากิ่งก้านมิได้ ตัวเป็นคนโฉดเขลาหารู้เพศแผ่นดินร้อนเย็นอย่างไรไม่ กลับมาว่าเราเสียอีกเล่า เฮาเหยียงสุนได้ฟังดังนั้นยิ่งโกรธนัก จึงร้องประกาศว่า พระเจ้าติวอ๋องหลงเลี้ยงอ้ายเหล่านี้เสียเปล่า มันจะมาช่วยกันเอาบ้านเมืองไปเป็นของกำนัลข้าศึก แล้วชักกระบี่จะฟันเต๋งกุ๋นกับยุยเกียด ยุยเกียดก็ลุกขึ้นต่อสู้ชิงเอากระบี่ได้ฟันเอาเฮาเหยียงสุนตาย เต๋งกุ๋นจึงให้ตัดศีรษะจะเอาไปให้เกียงจูแหย แล้วให้ถอดอึ้งปวยฮอ หลำจงกวด หลุยจินจู๊ ออกจากโทษ แล้วพากันไป ณ ค่ายเกียงจูแหย ต่างคนคุกเข่าลงคำนับเกียงจูแหย ยอมเข้าทำราชการด้วย แล้วยอมให้เข้าเมือง เกียงจูแหยมีความยินดีนัก จึงปราศรัยเต๋งกุ๋น แลขุนนางตามธรรมเนียม แล้วก็พาทหารยกเข้าไป ชาวด่านทั้งปวงก็แต่งโต๊ะแลสุราเลี้ยงกองทัพอยู่สองสามวัน เกียงจูแหยก็ยกไปทางวันหนึ่งถึงด่านเสงติก๋วนจึงให้ตั้งค่ายอยู่ เตียวแก๋รู้ว่ากองทัพยกมา จึงปรึกษาว่าผู้ใดจะออกไปรบกับเกียงจูแหยได้ อองโจก็รับอาสาจัดแจงทหารพร้อมแล้ว ขึ้นม้ายกออกไปในขณะนั้น พอมีหนังสือเกียงบุนห้วนเจ้าเมืองตังลูมาถึงเกียงจูแหย ขอทหารให้ไปช่วยรบเมืองอิวหุ่นก๋วน เกียงจูแหยก็ให้กิมเฉียกับบกเฉียคุมทหารรีบไปช่วยเกียงบุนห้วน แล้วเกียงจูแหยให้หลำจงกวดคุมทหารออกรบกับอองโจ หลำจงกวดเห็นอองโจแล้วจึงร้องว่า เราตีด่านได้มาถึงสี่ตำบลแล้ว ยังอยู่แต่ด่านเดียวเท่านี้ จะไม่ยอมขึ้นทำองอาจมาต่อสู้กับเรา อองโจโกรธขับม้าพาทหารเข้ารบกับหลำจงกวดได้สามสิบเพลง หลำจงกวดฟันถูกอองโจตัวขาดเป็นสองท่อนตาย ครั้นได้ชัยชนะก็กลับเข้าค่าย แจ้งความกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงให้อึ้งปวยฮอยกทหารเข้าไปตีด่าน เตียวแก๋ก็ให้แต้หลุนออกต่อสู้ได้ยี่สิบเพลง อึ้งปวยฮอก็ฆ่าแต้หลุนตาย เตียวแก๋รู้ก็มีความวิตกนัก จึงปรึกษากับนางโกลั่นเองภรรยา นางโกลั่นเองผู้ภรรยาจึงว่า ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญนัก เหตุใดจะมาย่อหย่อนต่อข้าศึกหาควรไม่ จงเร่งออกไปรบเถิดก็จะได้ชัยชนะ พอทหารมาบอกว่าเกียงจูแหยยกเข้ามาประชิดเชิงกำแพง เตียวแก๋ก็จัดทหารพร้อมแล้ว ขึ้นขี่ม้าเปิดประตูเมืองออกไปแล้วร้องท้าทาย เกียงจูแหยก็ให้กีซกเบ๋งกีซกเสงออกรบ เตียวแก๋ก็ขับม้าเข้าต่อสู้ ได้ทีฟันถูกกีซกเบ๋ง กีซกเสงตาย แล้วเตียวแก๋ก็กลับเข้าเมือง เกียงจูแหยก็คืนมาค่าย พอซ่องเฮกฮอกับบุนเพ่งซุยเอ๋งจิวหยง ซึ่งไปตีด่านตินเต๋งก๋วนได้แล้วกลับมา จึงสั่งให้แต่งโต๊ะมาเลี้ยง แล้วก็ให้ทหารทั้งสี่นายยกไปรบเตียวแก๋ เตียวแก๋ก็ออกมาต่อสู้ ทหารทั้งสี่นายก็ขับม้าเข้าล้อมเตียวแก๋ไว้ เกียงจูแหยคิดวิตกกลัวทหารทั้งสี่จะไม่สู้ฝีมือเตียวแก๋ได้ จึงให้อึ้งปวยฮอหนุนไปอีก อึ้งปวยฮอก็เข้าช่วยรบได้สี่สิบเพลง ซ่องเฮกฮอแกล้งทำเป็นเสียทีชักม้าหนี ทหารทั้งสี่นายรู้กันก็ทำหนีมาด้วย เตียวแก๋ขับม้าไล่มาพลางเอามือตบศีรษะม้าลงก็บังเกิดเป็นควันมืดไป จึงฟันบุนเพ่งตกม้าตาย ซ่องเฮกฮอก็แก้น้ำเต้าออกจะสำแดงความรู้ พอเตียวแก๋ขับม้ามาทันก็ฟันซ่องเฮกฮอตาย

๏ ฝ่ายนางโกลั่นเองอยู่ในเมือง เห็นผัวออกรบช้าไปกลัวจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงขึ้นม้าตามมาช่วย เห็นทหารทั้งสามคนยังต่อสู้กับผัว จึงเอาเข็มเหล็กมีฤทธิ์ทิ้งไปถูกจักขุอึ้งปวยฮอกับทหารทั้งสองซบลง เตียวแก๋เข้าซ้ำฟันตายสิ้น เกียงจูแหยรู้ว่าอึ้งปวยฮอกับทหารสี่นายตายก็เสียใจ มีความเศร้าโศกร้องไห้รัก พอเอียวเจี้ยนกองลำเลียงมาถึงจึงเรียกเข้ามาบอก เอียวเจี้ยนรู้ก็ตกใจ จึงว่ากับโลเฉียว่า เหตุไรท่านจึงไม่ออกไปรบ ให้อึ้งปวยฮอซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ออกต่อสู้กับเตียวแก๋จนตาย โลเฉียจึงว่าท่านจะมาติโทษเรานั้นไม่ชอบด้วยอึ้งปวยฮอเป็นผู้ใหญ่ เห็นจะต่อสู้ได้ท่านจึงออกไป เราเป็นผู้น้อยจะห้ามได้หรือ พูดกันยังไม่สิ้นความพอทหารมาบอกว่า เตียวแก๋ยกมาถึงหน้าค่าย เกียงจูแหยให้อึ้งฮุยปิวซึ่งเป็นน้องอึ้งปวยฮอกับเอียวเจี้ยนออกไปต่อสู้ได้สามสิบเพลง เตียวแก๋ฟันถูกอึ้งฮุยปิวตาย เอียวเจี้ยนก็คิดว่า ม้าเตียวแก๋ตัวนี้มีฤทธิ์ที่ศีรษะ เราจะแกล้งทำให้จับเราได้ จึงจะคิดแก้แค้นเมื่อภายหลัง คิดแล้วก็เข้าต่อสู้กับเตียวแก๋ เตียวแก๋ก็จับเอียวเจี้ยนได้เอาตัวเข้าไปในเมือง ให้ทหารเอาไปตัดศีรษะเสีย ทหารก็พาเอียวเจี้ยนไปฆ่าตามคำเตียวแก๋ เอียวเจี้ยนก็กลับเป็นขึ้นเดินไป เห็นม้าซึ่งเตียวแก๋เคยขี่อยู่ที่นั้นจึ่งฆ่าม้าเสีย เตียวแก๋รู้ว่าเอียวเจี้ยนกลับเป็นขึ้น แล้วฆ่าม้าเสียด้วยก็มีความโกรธนัก รีบไปจับเอียวเจี้ยนได้ให้ฆ่าเสียอีก เอียวเจี้ยนก็กลับเป็นลอบไปฆ่ามารดาเตียวแก๋เสีย รีบหนีไปแจ้งความเกียงจูแหย ก็มีความยินดี พอทหารมาบอกว่าเตียวแก๋ยกมา จึงให้โลเฉียออกต่อสู้ โลเฉียก็เหยียบจักรถืออาวุธออกไป เตียวแก๋เห็นก็ขับม้ารำง้าวเข้ารบกับโลเฉียได้ห้าเพลง โลเฉียจึงทำฤทธิ์เป็นมังกรเก้าตัว พ่นพิษออกเป็นเพลิงถูกม้าเตียวแก๋ขี่นั้นตาย แต่ตัวเตียวแก๋แทรกแผ่นดินหนีไป โลเฉียคิดว่าเตียวแก๋ตายด้วยก็ดีใจ จึงมาบอกเกียงจูแหยว่า ข้าพเจ้าสำแดงฤทธิ์ทำเป็นไฟไหม้เตียวแก๋ตายแล้ว เกียงจูแหยก็สิ้นความวิตก จึงสั่งให้ทหารหุงข้าวกินแต่ในเวลาสามยามรุ่งขึ้นจะยกเข้าเมือง เตียวแก๋ครั้นหนีมาถึงเมืองจึงบอกภรรยาว่าโลเฉียมีฤทธิ์นักทำแก่เราแทบจะสิ้นชีวิต นางโกลั่นเองจึงว่าท่านสิมีวิชาดำดินได้ จะต้องไปสู้ต้องการอะไร เวลาค่ำจงดำดินไปฆ่าพวกเกียงจูแหยเสียให้สิ้นจะมิดีหรือ เตียวแก๋ก็เห็นชอบด้วย จึงว่าเราจะไปทำแก้แค้นที่ฆ่ามารดาเราในค่ำวันนี้ ครั้นค่ำก็ถือง้าวดำดินไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ