๕๔

๏ เอียวเจี้ยนเห็นดังนั้นก็ร้องว่าอย่าเพ่อทำอันตรายแก่พี่เราก่อน แล้วควบม้าถลันเข้ารบกับนางเตงตันหยกได้สิบเพลง นางเตงตันหยกก็ทำชักม้าหนี เอียวเจี้ยนก็ขับม้าไล่ไป นางเตงตันหยกก็เอาดวงแก้วทิ้งไปถูกแก้มเอียวเจี้ยน เอียวเจี้ยนก็โกรธนักควบม้าตามไป นางเตงตันหยกก็เอาดวงแก้วทิ้งถูกแก้มเอียวเจี้ยนอีกครั้งหนึ่ง เอียวเจี้ยนก็มิได้เจ็บปวด เพราะเอียวเจี้ยนคนนี้แปลงตัวได้ นางเตงตันหยกเห็นดังนั้นก็สิ้นความคิดตะลึงอยู่ เอียวเจี้ยนก็ปล่อยเฮาเทียนเก๊าแปลว่า สุนัขมีฤทธิ์ ไปกัดนางเตงตันหยก นางเตงตันหยกทนมิได้ ก็ร้องพลางควบม้าหนีเข้าค่าย เตงจิวก๋งเห็นบุตรเจ็บปวดสาหัสสงสารนัก แล้วคิดแค้นเกียงจูแหยอยู่มิได้ขาด ฝ่ายเอียวเจี้ยนครั้นมีชัยชนะนางเตงตันหยก แล้วก็พาเหลงชิวเฮากับทหารทั้งปวงกลับเข้าเมืองไซรกี แจ้งความแก่เกียงจูแหยทุกประการ เกียงจูแหยเห็นเหลงชิวเฮาถูกศิลาเจ็บปวดก็เป็นทุกข์นัก

๏ ฝ่ายเตงจิวก๋งกับนางเตงตันหยกผู้บุตรนั้น แผลกำเริบหนักร้องครางอยู่มิได้หยุด นายทหารทั้งปวงจึงปรึกษากันว่า แม่ทัพก็ป่วยหนักอยู่ซึ่งจะคิดทำกับเมืองไซรกีเห็นขัดสนนัก จำจะรักษาค่ายมั่นไว้ เตงจิวก๋งคลายป่วยแล้วจึงค่อยคิดต่อไป นายทหารทั้งปวงปรึกษากันแล้วก็กำชับตรวจตราให้รักษาค่ายมิได้ประมาท ฝ่ายโทเฮงสุนครั้นคุมกองลำเลียงมาถึง ก็เข้าไปคอยเตงจิวก๋งอยู่ที่ว่าราชการ ก็มิได้เห็นเตงจิวก๋งออกมา โทเฮงสุนจึงถามทหารทั้งปวงว่าท่านแม่ทัพไปไหน ไทหลวนจึงค่อยกระซิบบอกว่า เตงจิวก๋งป่วยหนักนอนอยู่ที่ข้างใน โทเฮงสุนแจ้งดังนั้นจึงเข้าไปริมมุ้งที่เตงจิวก๋งนอน คำนับแล้วถามว่าท่านป่วยเป็นประการใด เตงจิวก๋งก็เล่าความซึ่งถูกอาวุธโลเฉียนั้นให้โทเฮงสุนฟังทุกประการ โทเฮงสุนจึงว่าถ้าบาดแผลแล้ว เอายาข้าพเจ้าทาทีเดียวก็จะหาย เตงจิวก๋งก็ดีใจจึงว่า เราทนเวทนานานแล้ว ท่านช่วยอนุเคราะห์ด้วยเถิด โทเฮงสุนก็เอายาในน้ำเต้าออกมาเม็ดหนึ่ง ละลายน้ำทาลงที่แผล เตงจิวก๋งก็หายปวดทันใจ เตงจิวก๋งก็มีความยินดี แล้วสรรเสริญว่ายาของท่านนี้เหมือนยาทิพย์ โทเฮงสุนได้ยินสียงคนครางอยู่ที่ข้างในอีกจึงถามเตงจิวก๋งว่านั่นใครเจ็บอยู่เล่า เตงจิวก๋งก็บอกว่า นางเตงตันหยกบุตรเราออกไปรบ ข้าศึกปล่อยสุนัขมีฤทธิ์มากัดยับทั้งตัว โทเฮงสุนจึงว่าจงให้ใครเอายาของข้าพเจ้าทาเสียก็จะหาย เตงจิวก๋งจึงว่าท่านจงช่วยทาให้เองเถิด เราหามีความรังเกียจไม่ โทเฮงสุนก็เอายาออกมาเม็ดหนึ่งทาให้นางเตงตันหยก นางเตงตันหยกที่เจ็บปวดก็หายในขณะนั้น เตงจิวก๋งก็มีความยินดีนัก ครั้นเวลาค่ำก็ให้แต่งโต๊ะ ชวนโทเฮงสุนแลทหารทั้งปวงเสพสุรา โทเฮงสุนจึงถามเตงจิวก๋งว่า ท่านได้รบกับทหารเมืองไซรกีกี่ครั้งแล้ว เตงจิวก๋งจึงบอกว่าได้รบกันหลายครั้งแล้ว ยังหาแพ้ชนะกันไม่พอเราป่วยลง โทเฮงสุนหัวเราะแล้วว่า ถ้าท่านให้ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพหน้ามาด้วย ป่านนี้ก็จะได้เมืองไซรกีแล้ว เตงจิวก๋งได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า โทเฮงสุนคนนี้เห็นจะมีฝีมือแลความรู้มากอยู่ ซินกงป้าจึงชักนำมาให้เรา จำจะให้เป็นทัพหน้าแทนไทหลวน ครั้นเสพสุราแล้วต่างคนก็กลับไปที่อยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้าเตงจิวก๋งจึงว่ากับไทหลวนว่า ท่านทำศึกครั้งนี้เห็นเหนื่อยนัก เราคิดจะให้โทเฮงสุนผลัดท่านออกรบดูฝีมือสักเวลาหนึ่ง ไทหลวนจึงว่าถ้าโทเฮงสุนชนะ ข้าพเจ้าจะรังเกียจหามิได้ข้าพเจ้าก็ยินดีด้วย แล้วเอาธงสำหรับแม่ทัพหน้ามอบให้โทเฮงสุน โทเฮงสุนก็จัดทหารยกออกจากค่าย ครั้นเข้าไปถึงหน้าเมืองไซรกี โทเฮงสุนจึงร้องว่า ผู้ใดชื่อโลเฉียจงออกมาลองฝีมือกัน เกียงจูแหยก็ให้โลเฉียออกรบ โลเฉียก็ใส่เกราะถือทวนคุมทหารเปิดประตูเมืองออกมา แลเห็นนายทหารนั้นสูงประมาณสองศอกเศษ โลเฉียก็คิดประมาท โทเฮงสุนจึงถามว่าท่านชื่อโลเฉียหรือ โลเฉียก็ว่าเราชื่อโลเฉียแล้วว่าตัวชื่อไรมาด้วยธุระสิ่งใดเล่า โทเฮงสุนจึงว่าเราเป็นทหารเตงจิวก๋งชื่อโทเฮงสุนจะมาเอาศีรษะท่าน โลเฉียได้ฟังก็โกรธตรงเข้าไปเอาทวนแทงโทเฮงสุน โทเฮงสุนก็รำกระบองเข้ารบกับโลเฉียเป็นสามารถ โลเฉียได้ทีเอาทวนแทงโทเฮงสุนหลายที โทเฮงสุนตัวเตี้ยต่ำหลบหลีกว่องไวนัก แต่รบกันจนโลเฉียสิ้นกำลังเหงื่อโซมตัว โทเฮงสุนก็โดดออกไปยืนอยู่ไกล แล้วว่าแก่โลเฉียว่าท่านอยู่สูงเราอยู่ต่ำรบกันไม่สนุก จงลงจากจักรมาเดินดินรบด้วยกันจึงจะเห็นฝีมือกัน โลเฉียได้ฟังดังนั้นก็คิดว่าอ้ายเตี้ยนี้จะเอาชีวิตมาเซ่นทวนกูเสียแล้ว โลเฉียก็ลงจากจักรเอาทวนแทงโทเฮงสุน โทเฮงสุนก็หลบลอดไปข้างหลัง เอากระบองตีถูกต้นขาโลเฉีย โลเฉียก็กลับหน้ามาจะเอาทวนแทงโทเฮงสุนก็หลบไปข้างหลัง ตีถูกตะโพกโลเฉีย โลเฉียก็เอากำไลทิ้งโทเฮงสุน โทเฮงสุนก็เอาเชือกมีฤทธิ์ทิ้งไปมัดโลเฉียล้มลง แล้วให้ทหารคุมเอาตัวมาค่าย แจ้งความซึ่งรบกับโลเฉียให้เตงจิวก๋งฟังทุกประการ เตงจิวก๋งก็มีความยินดี คิดแค้นจะใคร่ตัดศีรษะโลเฉีย หากจนใจด้วยหนังสือรับสั่งนั้นให้จับตัวส่งไปเมืองหลวง เตงจิวก๋งก็ให้ทหารเอาตัวไปคุมไว้หลังค่าย แล้วแต่งโต๊ะเชิญโทเฮงสุนเสพสุรา ฝ่ายเกียงจูแหยครั้นแจ้งว่าข้าศึกจับโลเฉียไปได้ก็เป็นทุกข์นัก แล้วคิดว่าเห็นจะมีผู้วิเศษมาช่วยเตงจิวก๋ง ครั้นเวลารุ่งเช้าทหารมาบอกเกียงจูแหยว่า โทเฮงสุนที่จับโลเฉียไปได้นั้นยกมาอีก อึ้งเทียนฮัวได้ยินดังนั้นจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า ข้าพเจ้าจะออกไปรบโทเฮงสุนแก้แค้นซึ่งจับโลเฉียไป เกียงจูแหยก็ว่าท่านจะออกรบครั้งนี้จงระวังตัวอย่าประมาท อึ้งเทียนฮัวก็ใส่เกราะขึ้นขี่กิเลนถือกระบองคุมทหารออกไป ร้องว่ากับโทเฮงสุนว่าอ้ายสัตว์ไม่มีศีรษะ บังอาจจับเอาเพื่อนกูไป แล้วขับกิเลนรำกระบองเข้ารบกับโทเฮงสุนได้สิบเพลง โทเฮงสุนก็เอาเชือกทิ้งไปมัดอึ้งเทียนฮัวตกลงจากหลังกิเลน แล้วให้คุมเอาตัวกลับมาค่าย โลเฉียเห็นโทเฮงสุนมัดอึ้งเทียนฮัวมาก็เสียใจนัก อึ้งเทียนฮัวเป็นคนโทโสมาก เห็นโลเฉียต้องทรมานอยู่ก็แค้นนัก โดดขึ้นร้องว่าพวกเราหาควรเป็นเช่นนี้ไม่ โลเฉียจึงว่าอย่าวุ่นวายให้ลำบากตัวเลย ชีวิตเราจวนจะสิ้นอยู่แล้ว เกียงจูแหยแจ้งว่าโทเฮงสุนจับอึ้งเทียนฮัวไปได้ก็ยิ่งเป็นทุกข์ร้อนนัก

๏ ฝ่ายเตงจิวก๋งครั้นเห็นโทเฮงสุนได้ชัยชนะมา ก็แต่งโต๊ะเชิญโทเฮงสุนกับทหารทั้งปวงมาเสพสุรา โทเฮงสุนเมาสุรานักคิดกำเริบขึ้น จึงว่าถ้าเราได้เป็นแม่ทัพหน้ามาแต่แรกป่านนี้ก็ได้ตัวเกียงจูแหยกับบูอ๋องแล้ว เตงจิวก๋งกับทหารทั้งปวงก็สรรเสริญโทเฮงสุนเป็นอันมาก ครั้นทหารทั้งปวงเสพสุราแล้ว ต่างคนคำนับเตงจิวก๋งจะไปที่อยู่ เตงจิวก๋งจึงว่าท่านทั้งปวงกำลังน้อย เสพสุราขับเขี้ยวไปกับเราไม่ได้ ทหารทั้งปวงก็ลาไป แต่โทเฮงสุนยังเสพสุราอยู่กับเตงจิวก๋ง เตงจิวก๋งจึงว่ากับโทเฮงสุนว่า ถ้าท่านตีได้เมืองไซรกีแล้ว นางเตงตันหยกบุตรเรานี้เราจะยกให้เป็นภรรยาท่าน โทเฮงสุนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีนัก ลุกขึ้นคำนับเตงจิวก๋งแล้วว่า ข้าพเจ้าจะอาสาท่านกว่าจะสิ้นชีวิต ครั้นเวลาเช้าเตงจิวก๋งจึงว่ากับโทเฮงสุนว่า เรามาตั้งประชิดเมืองไซรกีอยู่ช้านาน ทหารทั้งปวงได้ความลำบากนัก เจ้าจงรีบตีเอาเมืองไซรกีเสียโดยเร็ว จะได้ยกกลับไปเป็นขุนนางเมืองหลวงตามมีความชอบ โทเฮงสุนก็มาจัดแจงทหารแล้วยกออกจากค่าย เข้าไปถึงหน้าเมืองไซรกี ให้ทหารร้องท้าทายเกียงจูแหยต่างๆ ทหารซึ่งรักษาหน้าที่เห็นดังนั้น ก็เข้าไปบอกเกียงจูแหยทุกประการ

๏ ฝ่ายเกียงจูแหยก็ใส่เกราะขี่ซูปุดเสียง ถือกระบองยกทหารออกจากเมือง โทเฮงสุนจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า จงมาคำนับเราโดยดี อย่าต้องให้ผูกมัดไปเลย เกียงจูแหยจึงว่าท่านมีความรู้ประการใดจึงบังอาจมารบกับเรา โทเฮงสุนก็มิได้ตอบประการใด แกว่งกระบองเข้ารบกับเกียงจูแหยได้ห้าเพลง โทเฮงสุนก็เอาเชือกวิเศษโยนไปมัดเกียงจูแหยตกลงจากซูปุดเสียง ทหารโทเฮงสุนก็ตรูกันเข้าไปจะจับเกียงจูแหย ทหารเมืองไซรกีก็เข้ารบป้องกัน พาเกียงจูแหยรีบเข้าไปในเมืองได้ แล้วต่างคนเข้าแก้มัดจนเอากระบี่เชือดเชือกก็ไม่ขาด ยิ่งรัดหนักเข้า เกียงจูแหยได้ความเวทนานัก แล้วคิดว่าเชือกนี้เขาทำด้วยอิทธิฤทธิ์จะเชือดตัดที่ไหนจะขาด เกียงจูแหยจึงสั่งทหารทั้งปวงว่าอย่าทำวุ่นวายเลย แล้วนิ่งหลับตาระลึกถึงง่วนสีเทียนจุ๋นซึ่งเป็นอาจารย์

๏ ฝ่ายบูอ๋องแจ้งว่าเกียงจูแหยเสียทีข้าศึกมา ก็ลงมาเยี่ยมเห็นเกียงจูแหยต้องมัดก็ตกใจ เข้าแก้เชือกมัดเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงว่าท่านอย่าแก้ให้ลำบากเลย เชือกนี้หาเหมือนเชือกทั้งปวงไม่ บูอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้รักเกียงจูแหยเป็นอันมาก แล้วว่าท่านทำศึกมาหลายครั้งแล้ว หาได้ความเวทนาเหมือนครั้งนี้ไม่ พอนายประตูมาบอกว่ามีผู้มาหาเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ให้พาตัวเข้ามาหา แปะเฮาะท่องจือเข้าไปเห็นเกียงจูแหยเชือกมัดอยู่จึงบอกว่า ง่วนสีเทียนจุ๋นให้ข้าพเจ้ามาแก้ท่าน แล้วเอาตรายันต์วางลงที่เชือกพลางร่ายมนต์ เอามือชี้เข้าตรงหัวเงื่อน เชือกก็หลุดจากคอเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ลุกขึ้นคุกเข่าลงคำนับไปข้างเขากุนหลุนซัวแล้วคำนับบูอ๋อง แปะเฮาะท่องจือก็ลากลับไป เกียงจูแหยจึงว่ากับบูอ๋องว่า เชือกนี้มีแต่ของอาจารย์กีลิวสุนซึ่งจะให้มาทำแก่ข้าพเจ้าก็ผิดนัก ครั้นเวลารุ่งเช้าโทเฮงสุนก็ยกทหารมาถึงหน้าเมือง แล้วให้ตีม้าฬ่อแลกลองศึกอื้ออึงอยู่ เอียวเจี้ยนจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า ข้าพเจ้าจะขอออกไปรบกับโทเฮงสุนแก้แค้นให้จงได้ แล้วเอียวเจี้ยนจึงขึ้นม้าถือทวนคุมทหารยกออกไป โทเฮงสุนจึงถามว่าท่านชื่อไร เอียวเจี้ยนก็บอกว่าเราชื่อเอียวเจี้ยน แล้วขับม้ารำทวนเข้ารบกับโทเฮงสุนได้เจ็ดเพลง โทเฮงสุนก็เอาเชือกทิ้งไปมัดเอียวเจี้ยนตกจากม้า ทหารโทเฮงสุนก็เข้ากลุ้มรุมกันจับตัวเอียวเจี้ยนได้ โทเฮงสุนก็พาทหารกลับมาค่าย พอถึงประตูค่ายได้ยินเสียงดังฟ้าร้อง เอียวเจี้ยนก็พลัดจากมือทหารหายตัวไป ทหารทั้งปวงแลดูเห็นแต่ก้อนศิลากลิ้งอยู่ที่ประตูค่าย โทเฮงสุนก็สงสัยยืนตะลึงอยู่ พอเอียวเจี้ยนร้องมาว่า กูจะเอาชีวิตอ้ายเตี้ย แล้วขับม้าเข้าไปเอาทวนแทงโทเฮงสุน โทเฮงสุนก็รำกระบองเข้ารบเอียวเจี้ยนเป็นสามารถ เอียวเจี้ยนก็ปล่อยสุนัขมีฤทธิ์ออกไปจะให้กัดโทเฮงสุน โทเฮงสุนดำดินหนีไป เอียวเจี้ยนก็ร่ายมนต์หายตัวเข้าไปในค่าย แล้วพาอึ้งเทียนฮัวกับโลเฉียหนีออกมาจากค่าย เอียวเจี้ยนก็ควบม้าพานายทหารทั้งสองกลับมาเมืองไซรกี เล่าความซึ่งรบกับโทเฮงสุน จนโทเฮงสุนดำดินหนีไปนั้นให้เกียงจูแหยฟังทุกประการ แล้วว่าถ้าโทเฮงสุนดำดินมาผุดขึ้นในเมืองเราเพลากลางคืน ท่านจะคิดแก้ไขประการใด เกียงจูแหยก็ทอดใจใหญ่แล้วว่า โทเฮงสุนมีวิชายิ่งยวดนัก แลเชือกซึ่งมัดเราวันนั้นก็เห็นจะเป็นเชือกของอาจารย์กีลิวสุน เอียวเจี้ยนจึงว่าถ้าท่านสงสัยดังนั้น ข้าพเจ้าจะพาท่านไป ณ เขาเหียบเลงซัวสืบเอาความให้จงได้ เกียงจูแหยก็เห็นชอบด้วย

๏ ฝ่ายโทเฮงสุนครั้นเห็นเอียวเจี้ยนกลับไปแล้ว ก็ผุดขึ้นจากแผ่นดินไปในค่าย เตงจิวก๋งจึงถามว่าท่านไปรบวันนี้เป็นประการใดบ้าง โทเฮงสุนก็เล่าความให้เตงจิวก๋งฟังทุกประการ แล้วโทเฮงสุนจึงว่าเวลาค่ำวันนี้แต่ข้าพเจ้าผู้เดียว จะเข้าไปตัดศีรษะเกียงจูแหยกับบูอ๋องมาให้ท่าน เตงจิวก๋งได้ฟังดังนั้นคิดสงสัยนัก จึงถามโทเฮงสุนว่าท่านจะทำประการใด จึงจะเข้าไปในเมืองไซรกีได้ โทเฮงสุนจึงว่าข้าพเจ้ารู้วิชา ดำลงไปเดินใต้ดินได้วันละพันลี้ คิดข้างไทยเป็นทางหมื่นสองพันห้าร้อยเส้น ข้าพเจ้าจะดำดินไปผุดขึ้นในเมืองไซรกีเวลากลางคืน ถึงเกียงจูแหยจะมีสติปัญญาประการใด ก็เห็นจะรักษาศีรษะไว้ไม่ได้ เตงจิวก๋งก็มีความยินดีนัก จึงว่าถ้าท่านทำได้ดังนั้น แผ่นดินพระเจ้าติวอ๋องก็จะสิ้นเสี้ยนหนาม

๏ ฝ่ายเกียงจูแหยแต่รู้ว่าโทเฮงสุนดำดินได้ก็วิตกนัก พอบังเกิดพายุพัดเสาธงที่ปักอยู่หน้าบ้านนั้นหักพับลง เกียงจูแหยเห็นประหลาดก็เสี่ยงทายดูตามเคยสังเกตครั้นแจ้งแล้วก็ตกใจ จึงปรึกษากับเอียวเจี้ยนว่า เพลาค่ำวันนี้โทเฮงสุนจะดำดินเข้ามาทำอันตรายบูอ๋องกับเรา ท่านจะคิดป้องกันประการใด เอียวเจี้ยนจึงว่าข้าพเจ้ามีอุบายอยู่อย่างหนึ่งเห็นจะจับโทเฮงสุนได้ เกียงจูแหยจึงถามว่าอุบายของท่านนั้นอย่างไร เอียวเจี้ยนจึงว่าตัวข้าพเจ้าผู้เดียว ถ้าจะนิมิตให้เป็นสี่คนห้าคนก็ได้ เพลาค่ำวันนี้ท่านจงเชิญบูอ๋องมาไว้ ณ ตึกท่าน ข้าพเจ้าจะนิมิตให้เหมือนบูอ๋อง แลตัวข้าพเจ้าจะนิมิตเป็นสตรีไปอยู่ที่เตียงบูอ๋องนอน ถ้าโทเฮงสุนเข้าไปทำร้ายรูปนิมิต ข้าพเจ้าจะจับตัวโทเฮงสุนให้ได้ เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งทหารให้เอากระจกขึ้นแขวนไว้ที่ประตูบ้านสามอัน ในตึกที่อยู่ก็แขวนกระจกไว้ห้าอัน แล้วสั่งให้ทหารใส่เกราะถืออาวุธเตรียมไว้พร้อม ทหารเกาทัณฑ์ก็ให้ขึ้นสายพาดลูกไว้ แล้วให้ไปเชิญบูอ๋องมา ณ ตึก บูอ๋องจึงถามว่าท่านมีธุระสิ่งไร เกียงจูแหยจึงคิดว่าถ้าเราจะบอกตามจริงว่า โทเฮงสุนจะลอบเข้ามาทำร้ายบูอ๋องจะตกใจนัก จึงว่าเวลาค่ำวันนี้ข้าพเจ้าจะซ้อมหัดทหารให้สันทัดรบกลางคืนไว้บ้างจึงเชิญท่านมาเสพสุรา แล้วจะได้ดูฝีมือทหารรำเพลงอาวุธเล่นให้สบาย บูอ๋องมิได้รู้เหตุผลประการใดก็มีความยินดี จึงว่าซึ่งท่านคิดให้ทหารซ้อมหัดกลางคืนนี้แยบคายนัก เกียงจูแหยก็เชิญบูอ๋องมาที่แต่งโต๊ะไว้ แล้วรินสุราคำนับให้บูอ๋อง ขณะเมื่อบูอ๋องกับเกียงจูแหยเสพสุราอยู่นั้น ทหารทั้งปวงก็ถืออาวุธถอดฝักยืนรักษาอยู่ทั้งสี่ด้าน ทหารเกาทัณฑ์แลทหารเลวก็ยืนเป็นชั้นๆ ออกมาตามเกียงจูแหยจัดไว้

๏ ฝ่ายโทเฮงสุนครั้นเวลายามเศษ ก็แต่งตัวถือกระบี่สั้นเข้าไปคำนับลาเตงจิวก๋ง แล้วก็เดินออกไปจากค่าย เตงจิวก๋งแลทหารทั้งปวงก็ตามมาดูโทเฮงสุนดำดิน โทเฮงสุนครั้นถึงนอกค่าย ก็อ่านมนต์ดำดินลงไป หามีปากช่องอยู่ไม่ ทหารทั้งปวงเห็นประจักษ์ดังนั้น ต่างคนสรรเสริญโทเฮงสุนว่ามีฤทธิ์เหมือนเทพยดา แต่เตงจิวก๋งนั้นมีความยินดีนัก ตบขาลงแล้วแหงนหน้าขึ้นหัวเราะว่า บุญพระเจ้าติวอ๋องยังมากอยู่ เทพยดาจึงดลใจให้โทเฮงสุนมาเป็นทหารเรา แล้วเตงจิวก๋งก็พาทหารกลับเข้าไปในค่าย จึงสั่งทหารทั้งปวงใส่เกราะผูกม้าเตรียมไว้ ถ้าโทเฮงสุนทำการในเมืองสำเร็จ เราจะได้ซ้ำเติมทันท่วงที ฝ่ายโทเฮงสุนดำดินไปผุดขึ้นในกำแพงเมืองไซรกี แล้วเดินเที่ยวดูไปจะหาบ้านเกียงจูแหย พอเห็นบ้านแห่งหนึ่งจุดโคมไฟสว่างแล้วได้ยินเสียงคนอื้ออึง โทเฮงสุนแวะเข้าไปดู เห็นทหารใส่เกราะถืออาวุธยืนรายรอบบ้าน โทเฮงสุนก็คิดว่าบ้านนี้เห็นจะเป็นบ้านเกียงจูแหย ก็แอบซุ้มประตูคอยทีจะทำร้ายเกียงจูแหย

๏ ฝ่ายเอียวเจี้ยนครั้นเห็นเงาในกระจกก็รู้ว่าโทเฮงสุนเข้ามาในเมืองแล้ว จึงเข้าไปกระซิบบอกเกียงจูแหย แล้วรีบกลับมาจัดแจงการซึ่งจะจับโทเฮงสุน เกียงจูแหยครั้นเอียวเจี้ยนกลับไปแล้ว ก็เชิญบูอ๋องเข้าไปในตึกที่ลับ

๏ ฝ่ายโทเฮงสุนคอยทีจะทำร้ายเกียงจูแหยอยู่ช้านานเห็นไม่ได้ทีแล้วจึงคิดว่า ทหารเกียงจูแหยพรักพร้อมกัน จำจะไปฆ่าบูอ๋องเสียก่อนจึงค่อยกลับมาฆ่าเกียงจูแหย โทเฮงสุนก็รีบมาที่อยู่บูอ๋อง ครั้นเข้าไปในกำแพงแก้ว พอได้ยินเสียงมโหรีทำอยู่บนที่นั่งเย็น โทเฮงสุนแหงนหน้าขึ้นดูเห็นชายคนหนึ่งใส่เสื้อเหลืองลายทอง กับสตรีสี่คนนั่งอยู่ โทเฮงสุนไม่รู้จักบูอ๋องก็ยังสงสัย พอชายนั้นพูดกับสตรีว่า บ้านเมืองเราข้าศึกมาตั้งประชิดอยู่ ซึ่งจะมานั่งเล่นมโหรีนี้ไม่ควร ราษฎรชาวเมืองทั้งปวงจะครหานินทาได้ แล้วชวนสตรีลงจากที่นั่งเย็นเดินเข้าไปในตึกที่นอน โทเฮงสุนได้ยินดังนั้นก็เข้าใจว่าตัวบูอ๋องก็สะกดตามมาแอบที่ประตูตึกอยู่ คอยบูอ๋องหลับจะลอบเข้าไปทำร้าย โทเฮงสุนยืนคอยสักครู่หนึ่ง พอได้ยินเสียงกรนก็เข้าใจว่าบูอ๋องหลับแล้ว โทเฮงสุนก็ถอดกระบี่เดินเข้าไปในม่านแล้วเปิดมุ้งขึ้นเห็นบูอ๋องกับสตรีนอนอยู่ก็มีความยินดีนัก โดดขึ้นไปบนเตียงเอากระบี่ฟันบูอ๋อง คอขาดศีรษะกระเด็นไปแล้วผลักศพบูอ๋องลงเสียจากเตียง โทเฮงสุนยืนพิศดูสตรีนั้นรูปงามก็ให้มีใจรัก จึงปลุกนางนั้นขึ้นแล้วว่า บูอ๋องนั้นเราฆ่าเสียแล้ว ตัวเจ้าจะตายตามบูอ๋องหรือจะยังรักชีวิตอยู่ สตรีนั้นก็ทำเป็นตกใจแล้วว่าข้าศึกก็ควรจะผูกใจเจ็บแค้นฆ่าฟันกัน แต่ผู้ซึ่งเป็นทหารซึ่งจะมาฆ่าข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงเสียนี้ อาวุธท่านจะเปื้อนโลหิตเสียเปล่า ถ้าท่านเห็นรูปร่างข้าพเจ้าไม่ควรจะรินสุราคำนับท่าน ก็เอาไว้ใช้พัดน้ำชาเถิด แล้วก็ทำชายตาไปให้สบตาโทเฮงสุน โทเฮงสุนนั้นแต่เกิดมาก็ไปอยู่กับอาจารย์ ณ เขาเหียบเลงซัว ยังหาเคยได้พบพูดเกี้ยวพานกับผู้หญิงอย่างไรไม่ ครั้นได้ฟังนางว่าดังนั้นก็ยิ่งมีความรักนัก วางกระบี่เสียทรุดนั่งลงกอดสตรีนั้นเข้า สตรีนั้นก็กอดโทเฮงสุนเข้าไว้แน่น โทเฮงสุนจึงว่านางรูปงามเจ้าคลายมือออกบ้าง นางนั้นจึงว่าอ้ายเตี้ยมึงรู้จักว่าใคร แล้วร้องเรียกทหารซึ่งซุ่มอยู่ ว่าได้ตัวอ้ายคนร้ายแล้ว ทหารทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็ตรูกันมาจับโทเฮงสุน นางนั้นก็กลายเป็นเอียวเจี้ยน จับโทเฮงสุนหนีบรักแร้พามาบ้านเกียงจูแหย ทหารทั้งปวงมีความยินดีนัก ก็ตีกลองแลม้าฬ่อล้อมเอียวเจี้ยนมา โทเฮงสุนนั้นมิได้มีเสื้อกางเกงก็ละอายนัก หลับตานิ่งเสียหาดิ้นรนไม่ เกียงจูแหยอยู่ในตึกได้ยินเสียงม้าฬ่อแลกลองอื้ออึง จึงถามทหารทั้งปวงว่าผู้ใดตีกลองอื้ออึง ทหารทั้งปวงมิได้รู้เหตุการ ต่างคนก็นิ่งอยู่ เกียงจูแหยสงสัยนัก จึงถอดกระบี่เดินออกมาที่ประตูตึก พอเห็นเอียวเจี้ยนได้ตัวโทเฮงสุนหนีบรักแร้มา เกียงจูแหยก็มีความยินดีนัก จึงว่าเป็นไรมิให้ทหารมัดเข้าเล่า ท่านต้องหิ้วมันอยู่ให้ลำบากตัวหาต้องการไม่ เอียวเจี้ยนจึงว่าโทเฮงสุนนี้ถ้าเท้าถึงดินก็จะดำดินหนีไป เกียงจูแหยจึงว่า ถ้าดังนั้นท่านเอาไปตัดศีรษะเสียเถิด เอียวเจี้ยนก็เอาตัวโทเฮงสุนออกมานอกบ้าน แล้วเอียวเจี้ยนนั้นถือกระบี่มือซ้าย หนีบโทเฮงสุนข้างขวา ครั้นถึงนอกบ้านเอียวเจี้ยนผลัดมือ พอเท้าโทเฮงสุนถึงดิน โทเฮงสุนก็ดิ้นหลุดจากมือเอียวเจี้ยน แล้วดำดินหนีไป เอียวเจี้ยนทิ้งกระบี่ลงแล้วทอดใจใหญ่ด้วยเสียใจนัก แล้วกลับมาแจ้งแก่เกียงจูแหยทุกประการ เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็ตะลึงไปมิได้ว่าประการใด

๏ ฝ่ายโทเฮงสุนครั้นมาถึงค่าย ก็ลอบเข้าไปที่อยู่ของตัวเอาเสื้อกางเกงใส่แล้ว พอรุ่งขึ้นก็เข้าไปหาเตงจิวก๋ง แล้วบอกว่าเกียงจูแหยกับบูอ๋องรักษาตัวสามารถนัก หาได้ทีที่จะทำร้ายไม่ เตงจิวก๋งจึงว่าบูอ๋องกับเกียงจูแหยคงจะประมาทลงวันหนึ่ง ท่านเหน็ดเหนื่อยมาจงไปหลับนอนให้สบายใจเถิด โทเฮงสุนก็ลามาพักที่อยู่

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ